Your Wishlist

Who Is Barbaric? (Chapter 3-1)

Author: Kōri-San

เมื่อหนึ่งคนในหมู่ของพวกเขาเป็นฆาตกรที่ต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีทางเลือก ในโรงแรมที่ไร้ซึ่งทางออก

จำนวนตอน : N/A

Chapter 3-1

  • 22/06/2566

Chapter 3

-1-

     ผมกับเบรฟยืนคิดกันอยู่สักพักก่อนที่พวกเราจะตัดสินใจเดินลงไปที่ชั้นล่างแทน ผมไม่รู้ว่าทำไมบันไดถึงปิดแค่ทางขึ้นไปชั้น3 แล้วคุณอินทัชกับคุณภูผาขึ้นไปชั้นบนได้อย่างไร

     เมื่อผมกับเบรฟพากันเดินมาถึงชั้น1 ก็พบกับไอวี่ที่ยืนอยู่คนเดียวที่หน้าล็อบบี้ของโรงแรมโดยมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ผมจึงเข้าไปทักเธอด้วยความเป็นห่วง

     "คุณไอวี่..ทำไมมาอยู่คนเดียวล่ะครับ" ผมถามออกไปเสียงนุ่มเพื่อให้เธอผ่อนคลายลง

     "ศ...ศ..ศพ" ไอวี่พูดพลางสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัวก่อนที่เธอจะพูดต่อ "มันหายไป.."

     "อะไรนะครับ?" ผมถามไอวี่อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

     "ศพมันหายไปค่ะ!" ไอวี่เอ่ยขึ้นอย่างหวาดกลัว แต่คนที่คิดไม่ตกนั้นกลับเป็นเบรฟแทน

     "พี่แบรด.." เบรฟเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะเดินโซซัดโซเซไปที่ห้องโถงหลัก ซึ่งพี่ชายของตนได้นอนหลับอย่างสงบอยู่ด้านใน

     ผมเดินตามเขาไปอย่างเป็นห่วง จนกระทั่งเบรฟเปิดประตูเข้าไปในห้องโถงนั้นที่เหลือเอาไว้เพียงแต่ความว่างเปล่าและกองเลือดกองใหญ่กองหนึ่งเท่านั้น

     เบรฟค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งทรุดลงกับพื้นห้องหน้ากองเลือดกองนั้นอย่างใจสลาย แม้แต่ใบหน้าของพี่ชายที่จากไปแล้วเขายังไม่สามารถรักษาไว้ได้อีกอย่างนั้นเหรอ..

     ผมย่อตัวลงนั่งลงข้างตัวเบรฟแล้วใช้มือลูบไปที่หลังของเขาโดยหวังว่ามันจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้บ้าง

     "พี่เรน..ผมจะได้เจอพี่แบรดอีกไหมครับ" เขาหันมาถามผมเสียงสั่น

     "เบรฟ..พี่ก็ไม่รู้" ผมตอบเขาอย่างตรงไปตรงมา ถึงมันจะดูโหดร้ายแต่ผมก็ไม่อยากที่จะไปให้ความหวังเขาโดยที่ไม่รู้ว่าจะสามารถเป็นจริงได้ไหม

     เบรฟก้มหน้าลงไปอย่างสิ้นหวังกับคำตอบนั้น ผมไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากกอดและลูบหลังเขาเพื่อปลอบโยน จนกระทั่งไอวี่เดินเข้ามาด้วยอีกคน

     "คุณหมอคะ นั่นจดหมายอะไร" ไอวี่ชี้ไปที่จดหมายซองหนึ่งที่ปลายจดหมายด้านหนึ่งปลิวมาโดนกองเลือดนั้น

     "ก่อนหน้านี้มันไม่มีนี่คะ.." ไอวี่เดินเข้าไปหยิบซองจดหมายขึ้นมาดู

     "เราควรเปิดมันไหมคะ" ไอวี่พูดพลางหันมาถามความคิดเห็นจากผมที่เพิ่งคลายกอดออกจากเบรฟแล้ว

     "ขอผมดูหน่อยครับ" ผมยื่นมือออกไปรับจดหมายจากมือของไอวี่มาพลิกดู

     "หรือจะเป็นจดหมายจากเกมมาสเตอร์คะ" ไอวี่คุกเข่าลงมานั่งข้างผมทำให้ตอนนี้ผมเป็นเหมือนคนตัวเล็กที่อยู่ท่ามกลางเหล่าคนตัวสูง

     "ลองเปิดอ่านกันดูหน่อยไหมคะ" เมื่อได้ยินไอวี่เสนอความคิดนั้นมา ผมก็พยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับแล้วเปิดจดหมายฉบับนั้นพร้อมอ่านให้ทุกคนฟังทันที

     "สวัสดีครับ สำหรับผู้ร่วมเกมที่ได้มาเห็นจดหมายฉบับนี้ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณอาจเป็นผู้ที่สามารถสร้างสิทธิพิเศษใหม่ให้ผู้เล่นคนอื่นรวมถึงตัวคุณเองด้วยในการใช้ลิฟต์เพื่อสำรวจชั้นอื่นๆ ของโรงแรมแห่งนี้"

     "ลิฟต์เหรอ? งั้นเราก็จะสบายขึ้นเยอะเหมือนกันนะคะเนี่ย" ไอวี่พูดแทรกมาก่อนทำให้ผมต้องหยุดอ่านกะทันหัน

     "แล้วจะเปิดได้ยังไงคะ" เธอหันมาถามผมต่อทำให้ผมต้องอ่านจดหมายนั้นต่อไป

     "ในโรงแรมนี้ชั้นหนึ่งคือห้องรวมตัวของพวกคุณ ส่วนชั้นสองและสามคือห้องพักของพวกคุณทั้งหมด โดยที่ชั้นบนต่อจากนี้ผมจะขอนำเสนอประวัติของพวกคุณทีละคนเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจว่าจะโหวตใครออกไป"

     "คุณหมอคะ ช่วยอ่านข้ามๆ มันไปเลยไม่ได้เหรอคะ" ไอวี่พูดขัดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากผมอ่านไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

     "ไม่ได้หรอกครับ มันอาจจะมีข้อมูลบางอย่างในนี้ก็ได้นี่ครับ" ผมตอบเธอไปแบบนั้นก่อนที่จะอ่านจดหมายนั้นต่อ

     "โดยผมจะเริ่มเปิดให้พวกคุณเข้าไปเยี่ยมชมได้จากชั้นสี่ ซึ่งจะเป็นชั้นของเรนะ เหยื่อที่น่าสงสารของพวกคุณไงล่ะครับ"

     "เรนะตายไปแล้ว..เราจะรู้เรื่องของเธอไปทำไมกันคะ" ไอวี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ซึมลงเล็กน้อยจากก่อนหน้านี้

     "ถึงยังไงเราก็ต้องทำตามกฎของเกมมาสเตอร์แบบขัดไม่ได้อยู่แล้วครับ..เราไม่มีทางเลือก" เมื่อผมอธิบายให้ไอวี่ฟังจบเธอก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับแล้วส่งสัญญาณให้ผมอ่านต่อ

     "หากพวกคุณต้องการรู้ข้อมูลของชั้นถัดไป ก็จงแก้ปริศนาของชั้นนั้นขึ้นไปเรื่อยๆ โดยปริศนาของแต่ละชั้นนั้นจะมีคำใบ้จากผมหรือที่พวกคุณรู้จักกันในนามของเกมมาสเตอร์"

     "นี่เรายังต้องแก้ปริศนาเพิ่มอีกเหรอคะ?" ไอวี่พูดขัดขึ้นมาอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้เป็นเบรฟที่ตอบแทนผมไป

     "ผมว่าให้พี่เรนอ่านให้จบก่อนดีกว่าไหมครับ.." หลังได้ยินคำพูดนั้นของเบรฟไอวี่ก็เงียบไปโดยทันที

     "อ่านต่อเถอะครับ" เบรฟหันมาพูดกับผมแล้วยิ้มให้ผมจางๆ ผมจึงก้มอ่านต่อไปตามที่เขาบอก

     "วิธีที่จะปลดล็อคลิฟต์เพื่อขึ้นไปที่ชั้นสี่นั้นง่ายมากครับ เพียงแค่พวกคุณจะต้องหาห้องควบคุมไฟของชั้นนี้ให้เจอ โดยมันซ่อนอยู่ในที่ที่พวกคุณคาดไม่ถึง" ผมหยุดอ่านไปสักพักเพราะมันสิ้นสุดประโยคแล้ว แต่ผมก็ดันพลิกไปเจอข้อความที่มีรอยเลือดปิดอยู่จึงพยายามอ่านมันต่อ "คำใบ้คือจุดแรกที่ทุกคนต้องมา.."

     "จุดแรกที่ทุกคนต้องมา?" ผมพูดวนไปวนมาซ้ำๆ เพราะไม่สามารถอ่านข้อความต่อจากนี้ได้แล้ว

     "หรือจะหมายถึงหน้าล็อบบี้คะ" ไอวี่พูดขึ้นให้พวกเราคิดตามก่อนที่จะพูดต่อ "ถ้าเราจะเข้าห้องพักยังไงก็ต้องสอบถามที่ล็อบบี้ก่อนไงคะ"

     "ก็จริงของคุณนะครับ" ผมรู้สึกเห็นด้วยกับความคิดนี้มาก ถ้าพูดถึงจุดแรกของโรงแรมที่ไม่ใช่หน้าประตูแล้วก็มีแต่หน้าล็อบบี้เท่านั้นที่เป็นไปได้

     "ก่อนหน้านี้ที่คุณยืนอยู่หน้าล็อบบี้มีอะไรแปลกๆ บ้างไหมครับ" หลังจากคำถามของผมเธอก็เหมือนจะอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมตอบมาสักที ผมจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องโถงไปที่หน้าโต๊ะล็อบบี้

     ผมเริ่มสำรวจจากบริเวณด้านในของโต๊ะเช็กอินก่อน โต๊ะนี้เป็นโต๊ะหินอ่อนเป็นแนวยาวไม่สามารถเคลื่อนโต๊ะไปไหนได้แน่นอน ด้านในมีชั้นเก็บกุญแจและชั้นวางเอกสารตั้งอยู่เหมือนกับโรงแรมทั่วไปที่สามารถเห็นได้ ผมเดินวนหาด้านในอยู่ได้ไม่นานนักเบรฟและไอวี่ก็ออกมาจากห้องโถงในเวลาที่ไล่เลี่ยกันโดยเบรฟเป็นฝ่ายที่เดินออกมาก่อน 

     เบรฟเข้ามาด้านในของโต๊ะเช็กอินแล้วเดินไปด้านในสุด คงอยากจะช่วยผมหาจากด้านในสินะ แบบนี้คงช่วยได้มาก พวกเราก้มหากันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งไอวี่เดินมาที่หน้าโต๊ะเช็กอินแล้วพูดขึ้น

     "ก่อนหน้านี้ฉันลองเข้าไปสำรวจมาหมดแล้วค่ะ" 

     "แล้วคุณไม่เจออะไรเลยเหรอครับ" ผมหยุดค้นเอกสารใต้โต๊ะเช็กอินแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามเธอแทน

     "เจอค่ะ.." ไอวี่พูดพลางชี้ไปที่ตู้เก็บเอกสารตู้หนึ่งที่มีเอกสารบางอย่างอัดแน่นจนเต็มตู้

     "ตู้นี่..มีอะไรเหรอครับ" เบรฟที่อยู่ด้านในเดินมาดูบริเวณตู้นั้นได้ก่อนผม เขาลองหยิบเอกสารบางอย่างขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วเปิดอ่านมันอย่างลวกๆ

     "เจออะไรไหมเบรฟ" ผมเดินเข้ามาสมทบกับเบรฟที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว 

     ผมหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเล่มหนึ่งอย่างสุ่มๆ แต่เมื่อเปิดดูกลับมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีตัวอักษรใดๆ ถูกเขียนเอาไว้เหมือนกับตู้ก่อนหน้าที่ผมลองไปค้น ตู้ก่อนหน้าที่ผมลองค้นนั้นยังมีประวัติแขกเข้าพัก เวลาเช็กอินเช็กเอ้าท์ของแขกเขียนอยู่บ้างแต่ตู้นี้กลับไม่มีอะไรเขียนเอาไว้เลย

     "เล่มนั้นเขียนอะไรไว้ไหม" ผมพูดพลางเหลือบไปมองที่แฟ้มเอกสารที่เบรฟกำลังถืออยู่

     "ไม่มีอะไรเลยครับ..ผมลองเปิดเร็วๆ ดูแล้วก็ไม่มีอะไร" เบรฟไม่เพียงแค่พูดเขายังเอาแฟ้มที่เขาถืออยู่หันมาให้ผมดูอีกด้วย

     "ที่บอกเจอหมายถึงนี่เหรอครับ" ผมหันไปถามไอวี่ด้วยความสงสัย

     "ใช่ค่ะ..ฉันกับเรนะลองเช็กตู้แบบสุ่มดูหมดแล้วค่ะ มีแต่ตู้นี้ตู้เดียวที่ไม่มีอะไรเขียนไว้เลย"

     "แปลกจัง.." ผมลองสุ่มแฟ้มเอกสารมาดูอีกเล่ม ซึ่งมันเป็นไปตามที่ไอวี่พูด มันไม่มีอะไรเขียนเอาไว้เลยสักนิด

     "หรือตู้นี้จะเพิ่งมาติดไว้เหมือนพวกในหนังสืบสวนเพื่อซ่อนห้องลับอะไรแบบนี้รึเปล่าครับ" เบรฟพูดขึ้นมาพลางใช้แขนข้างหนึ่งเกาไปที่ท้ายทอยของตัวเองอย่างเขินๆ

     "อาจจะเป็นไปได้นะเบรฟ.." ผมเริ่มย้ายแฟ้มเอกสารที่อัดแน่นอยู่เต็มตู้ออกมาวางที่หน้าโต๊ะเช็กอินแทน

     "จะเป็นไปได้จริงเหรอครับ..เกมมาสเตอร์จะทำให้มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ" เบรฟพูดพลางช่วยผมดึงแฟ้มเอกสารออกมาจากชั้นวาง

     "ลองดูก็ไม่เสียหายนี่จริงไหม" พวกเราทยอยนำแฟ้มเอกสารออกมาจากตู้จนหมด ตอนนี้ชั้นวางทุกชั้นมีแต่ความว่างเปล่า

     ผมกับเบรฟช่วยกันดันตู้นั้นออกมาข้างหน้า และมันเป็นไปตามเบรฟบอกก่อนหน้านี้ มีประตูเหล็กขนาดเล็กกว่าตู้ที่เราช่วยกันดันออกมาอยู่เล็กน้อย

     ผมลองบิดลูกบิดเพื่อเปิดประตู แต่ดูเหมือนมันจะล็อกอยู่

     "พี่เรนครับ มีกระดาษติดอยู่ตรงนี้ด้วย" เบรฟพูดพลางดึงโพสอิทที่ติดอยู่กับหลังตู้ยื่นมาให้ผมดู

     "คำใบ้สำหรับกุญแจ..อยู่ในที่ที่ทุกคนมักจะทำเหรียญหรือโทรศัพท์ตกเอาไว้" ผมอ่านข้อความบนกระดาษโพสอิทและดูเหมือนว่าไอวี่จะเข้าใจมันในทันที

     เธอมุ่งตรงไปที่โซฟาที่มีพนักพิงสำหรับรอคิวของโรงแรม แล้วเริ่มค้นบริเวณซอกเบาะ ไม่นานนักเธอก็วิ่งกลับมาพร้อมกับยื่นกุญแจสีเงินให้ผม

     "รู้ได้ไงครับเนี่ย.." ผมถามไอวี่พร้อมกับเอื้อมมือไปรับกุญแจสีเงินนั้นมาถือไว้

     "พอดีฉันเผลอทำโทรศัพท์ตกบนโซฟาบ่อยน่ะค่ะ เลยเดาเอา.." 

     "ครับ" ผมลองใช้กุญแจสีเงินดอกนั้นไขประตูเหล็กตรงหน้าจนเปิดออก

     ภายในห้องก็ดูเหมือนกับห้องจ่ายไฟทั่วไปที่มีเบรกเกอร์อยู่เต็มไปหมด จนเลือกไม่ถูกว่าควรจะเปิดหรือปิดอันไหนดี

     "แล้วแบบนี้จะเลือกเปิดยังไงกันล่ะคะ.." ไอวี่ที่เดินตามเข้าห้องมาด้วยกันพูดขึ้นอย่างสงสัย

     ขณะที่พวกเราแยกย้ายกันสำรวจรอบห้อง ตาของผมก็ไปสังเกตเห็นสูตรบางอย่างเขียนอยู่ที่กระดาน

     "สูตรอินทิเกรต?" ผมเดินเข้าไปใกล้กระดานมากขึ้นเพื่อดูสิ่งที่เขียนอยู่บนนั้น ด้วยที่ห้องนี้ค่อนข้างมืดและไม่สามารถเปิดไฟได้เลย ผมจึงต้องอาศัยสายตาเพียงอย่างเดียวในการเพ่งมองกระดานนั้น

     "อินทิเกรตคืออะไรครับ.." เบรฟเดินเข้ามาถามผมด้วยความงงงวย เขาคงยังเรียนไม่ถึงจุดนี้สินะ

     "หรือจะเป็นคำใบ้คะ เบรกเกอร์ทุกอันมีเลขเขียนเอาไว้อยู่ด้วย" ไอวี่พูดขึ้นสมทบแล้วเดินสำรวจรอบห้องต่อไป

     "งั้นผมจะลองแก้สูตรดูนะครับ" มีความเป็นไปได้สูงที่นี่จะเป็นคำใบ้จากเกมมาสเตอร์ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่วางปากกาและกระดาษเอาไว้ข้างกระดานอย่างจงใจแบบนี้ แล้วยิ่งโจทย์ที่เขียนอยู่บนกระดานนั้นเป็นอินทิเกรตจำกัดเขตซึ่งสามารถหาคำตอบเป็นตัวเลขได้ นั่นยังตรงกับสิ่งที่ไอวี่บอกว่ามีตัวเลขเขียนเอาไว้บนเบรกเกอร์ทุกอัน เป็นไปได้ว่าคำตอบของโจทย์นี้จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเราควรจะสับเบรกเกอร์ตัวไหน

     ผมก้มลงแก้โจทย์บนนกระดานนั้นอย่างตั้งใจ ไม่นานนักก็ได้ตัวเลขออกมา

     "เบรกเกอร์หมายเลข28ครับ" ผมหันไปบอกไอวี่ที่กำลังดูหมายเลขบนเบรกเกอร์อยู่ 

     ทันทีที่เธอเห็นหมายเลข28 เธอก็สับมันขึ้นทันที หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงของเกมมาสเตอร์ดังออกมาจากลำโพงมุมห้อง

     "ขอแสดงความยินดี! พวกคุณเก่งมากที่แก้ปริศนาทั้งหมดของผมได้" เขาหยุดพูดไปพักนึงก่อนจะพูดขึ้นต่อ "ในตอนนี้พวกคุณสามารถที่จะใช้ลิฟต์ของทางโรงแรมขึ้นไปถึงชั้น4ได้แล้ว หวังว่าพวกคุณจะสามารถปลดล็อคชั้นต่อๆ ไปได้ทันเวลา..ก่อนที่ 'Barbaric' ของผมจะเริ่มทำงานนะครับ ขอให้พวกคุณโชคดี" 

     "หมอนี่จะเล่นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่!" ไอวี่พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก

     แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราทุกคนก็รู้แก่ใจว่าหากไม่ทำตามกฎมันจะเกิดอะไรขึ้น..พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นเลยจริงๆ เหรอ

To Be Continued

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า