เมื่อหนึ่งคนในหมู่ของพวกเขาเป็นฆาตกรที่ต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีทางเลือก ในโรงแรมที่ไร้ซึ่งทางออก
เมื่อหนึ่งคนในหมู่ของพวกเขาเป็นฆาตกรที่ต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีทางเลือก ในโรงแรมที่ไร้ซึ่งทางออก
Chapter 3
-1-
ผมกับเบรฟยืนคิดกันอยู่สักพักก่อนที่พวกเราจะตัดสินใจเดินลงไปที่ชั้นล่างแทน ผมไม่รู้ว่าทำไมบันไดถึงปิดแค่ทางขึ้นไปชั้น3 แล้วคุณอินทัชกับคุณภูผาขึ้นไปชั้นบนได้อย่างไร
เมื่อผมกับเบรฟพากันเดินมาถึงชั้น1 ก็พบกับไอวี่ที่ยืนอยู่คนเดียวที่หน้าล็อบบี้ของโรงแรมโดยมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ผมจึงเข้าไปทักเธอด้วยความเป็นห่วง
"คุณไอวี่..ทำไมมาอยู่คนเดียวล่ะครับ" ผมถามออกไปเสียงนุ่มเพื่อให้เธอผ่อนคลายลง
"ศ...ศ..ศพ" ไอวี่พูดพลางสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัวก่อนที่เธอจะพูดต่อ "มันหายไป.."
"อะไรนะครับ?" ผมถามไอวี่อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
"ศพมันหายไปค่ะ!" ไอวี่เอ่ยขึ้นอย่างหวาดกลัว แต่คนที่คิดไม่ตกนั้นกลับเป็นเบรฟแทน
"พี่แบรด.." เบรฟเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะเดินโซซัดโซเซไปที่ห้องโถงหลัก ซึ่งพี่ชายของตนได้นอนหลับอย่างสงบอยู่ด้านใน
ผมเดินตามเขาไปอย่างเป็นห่วง จนกระทั่งเบรฟเปิดประตูเข้าไปในห้องโถงนั้นที่เหลือเอาไว้เพียงแต่ความว่างเปล่าและกองเลือดกองใหญ่กองหนึ่งเท่านั้น
เบรฟค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งทรุดลงกับพื้นห้องหน้ากองเลือดกองนั้นอย่างใจสลาย แม้แต่ใบหน้าของพี่ชายที่จากไปแล้วเขายังไม่สามารถรักษาไว้ได้อีกอย่างนั้นเหรอ..
ผมย่อตัวลงนั่งลงข้างตัวเบรฟแล้วใช้มือลูบไปที่หลังของเขาโดยหวังว่ามันจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้บ้าง
"พี่เรน..ผมจะได้เจอพี่แบรดอีกไหมครับ" เขาหันมาถามผมเสียงสั่น
"เบรฟ..พี่ก็ไม่รู้" ผมตอบเขาอย่างตรงไปตรงมา ถึงมันจะดูโหดร้ายแต่ผมก็ไม่อยากที่จะไปให้ความหวังเขาโดยที่ไม่รู้ว่าจะสามารถเป็นจริงได้ไหม
เบรฟก้มหน้าลงไปอย่างสิ้นหวังกับคำตอบนั้น ผมไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากกอดและลูบหลังเขาเพื่อปลอบโยน จนกระทั่งไอวี่เดินเข้ามาด้วยอีกคน
"คุณหมอคะ นั่นจดหมายอะไร" ไอวี่ชี้ไปที่จดหมายซองหนึ่งที่ปลายจดหมายด้านหนึ่งปลิวมาโดนกองเลือดนั้น
"ก่อนหน้านี้มันไม่มีนี่คะ.." ไอวี่เดินเข้าไปหยิบซองจดหมายขึ้นมาดู
"เราควรเปิดมันไหมคะ" ไอวี่พูดพลางหันมาถามความคิดเห็นจากผมที่เพิ่งคลายกอดออกจากเบรฟแล้ว
"ขอผมดูหน่อยครับ" ผมยื่นมือออกไปรับจดหมายจากมือของไอวี่มาพลิกดู
"หรือจะเป็นจดหมายจากเกมมาสเตอร์คะ" ไอวี่คุกเข่าลงมานั่งข้างผมทำให้ตอนนี้ผมเป็นเหมือนคนตัวเล็กที่อยู่ท่ามกลางเหล่าคนตัวสูง
"ลองเปิดอ่านกันดูหน่อยไหมคะ" เมื่อได้ยินไอวี่เสนอความคิดนั้นมา ผมก็พยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับแล้วเปิดจดหมายฉบับนั้นพร้อมอ่านให้ทุกคนฟังทันที
"สวัสดีครับ สำหรับผู้ร่วมเกมที่ได้มาเห็นจดหมายฉบับนี้ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณอาจเป็นผู้ที่สามารถสร้างสิทธิพิเศษใหม่ให้ผู้เล่นคนอื่นรวมถึงตัวคุณเองด้วยในการใช้ลิฟต์เพื่อสำรวจชั้นอื่นๆ ของโรงแรมแห่งนี้"
"ลิฟต์เหรอ? งั้นเราก็จะสบายขึ้นเยอะเหมือนกันนะคะเนี่ย" ไอวี่พูดแทรกมาก่อนทำให้ผมต้องหยุดอ่านกะทันหัน
"แล้วจะเปิดได้ยังไงคะ" เธอหันมาถามผมต่อทำให้ผมต้องอ่านจดหมายนั้นต่อไป
"ในโรงแรมนี้ชั้นหนึ่งคือห้องรวมตัวของพวกคุณ ส่วนชั้นสองและสามคือห้องพักของพวกคุณทั้งหมด โดยที่ชั้นบนต่อจากนี้ผมจะขอนำเสนอประวัติของพวกคุณทีละคนเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจว่าจะโหวตใครออกไป"
"คุณหมอคะ ช่วยอ่านข้ามๆ มันไปเลยไม่ได้เหรอคะ" ไอวี่พูดขัดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากผมอ่านไปได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"ไม่ได้หรอกครับ มันอาจจะมีข้อมูลบางอย่างในนี้ก็ได้นี่ครับ" ผมตอบเธอไปแบบนั้นก่อนที่จะอ่านจดหมายนั้นต่อ
"โดยผมจะเริ่มเปิดให้พวกคุณเข้าไปเยี่ยมชมได้จากชั้นสี่ ซึ่งจะเป็นชั้นของเรนะ เหยื่อที่น่าสงสารของพวกคุณไงล่ะครับ"
"เรนะตายไปแล้ว..เราจะรู้เรื่องของเธอไปทำไมกันคะ" ไอวี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ซึมลงเล็กน้อยจากก่อนหน้านี้
"ถึงยังไงเราก็ต้องทำตามกฎของเกมมาสเตอร์แบบขัดไม่ได้อยู่แล้วครับ..เราไม่มีทางเลือก" เมื่อผมอธิบายให้ไอวี่ฟังจบเธอก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับแล้วส่งสัญญาณให้ผมอ่านต่อ
"หากพวกคุณต้องการรู้ข้อมูลของชั้นถัดไป ก็จงแก้ปริศนาของชั้นนั้นขึ้นไปเรื่อยๆ โดยปริศนาของแต่ละชั้นนั้นจะมีคำใบ้จากผมหรือที่พวกคุณรู้จักกันในนามของเกมมาสเตอร์"
"นี่เรายังต้องแก้ปริศนาเพิ่มอีกเหรอคะ?" ไอวี่พูดขัดขึ้นมาอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้เป็นเบรฟที่ตอบแทนผมไป
"ผมว่าให้พี่เรนอ่านให้จบก่อนดีกว่าไหมครับ.." หลังได้ยินคำพูดนั้นของเบรฟไอวี่ก็เงียบไปโดยทันที
"อ่านต่อเถอะครับ" เบรฟหันมาพูดกับผมแล้วยิ้มให้ผมจางๆ ผมจึงก้มอ่านต่อไปตามที่เขาบอก
"วิธีที่จะปลดล็อคลิฟต์เพื่อขึ้นไปที่ชั้นสี่นั้นง่ายมากครับ เพียงแค่พวกคุณจะต้องหาห้องควบคุมไฟของชั้นนี้ให้เจอ โดยมันซ่อนอยู่ในที่ที่พวกคุณคาดไม่ถึง" ผมหยุดอ่านไปสักพักเพราะมันสิ้นสุดประโยคแล้ว แต่ผมก็ดันพลิกไปเจอข้อความที่มีรอยเลือดปิดอยู่จึงพยายามอ่านมันต่อ "คำใบ้คือจุดแรกที่ทุกคนต้องมา.."
"จุดแรกที่ทุกคนต้องมา?" ผมพูดวนไปวนมาซ้ำๆ เพราะไม่สามารถอ่านข้อความต่อจากนี้ได้แล้ว
"หรือจะหมายถึงหน้าล็อบบี้คะ" ไอวี่พูดขึ้นให้พวกเราคิดตามก่อนที่จะพูดต่อ "ถ้าเราจะเข้าห้องพักยังไงก็ต้องสอบถามที่ล็อบบี้ก่อนไงคะ"
"ก็จริงของคุณนะครับ" ผมรู้สึกเห็นด้วยกับความคิดนี้มาก ถ้าพูดถึงจุดแรกของโรงแรมที่ไม่ใช่หน้าประตูแล้วก็มีแต่หน้าล็อบบี้เท่านั้นที่เป็นไปได้
"ก่อนหน้านี้ที่คุณยืนอยู่หน้าล็อบบี้มีอะไรแปลกๆ บ้างไหมครับ" หลังจากคำถามของผมเธอก็เหมือนจะอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมตอบมาสักที ผมจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องโถงไปที่หน้าโต๊ะล็อบบี้
ผมเริ่มสำรวจจากบริเวณด้านในของโต๊ะเช็กอินก่อน โต๊ะนี้เป็นโต๊ะหินอ่อนเป็นแนวยาวไม่สามารถเคลื่อนโต๊ะไปไหนได้แน่นอน ด้านในมีชั้นเก็บกุญแจและชั้นวางเอกสารตั้งอยู่เหมือนกับโรงแรมทั่วไปที่สามารถเห็นได้ ผมเดินวนหาด้านในอยู่ได้ไม่นานนักเบรฟและไอวี่ก็ออกมาจากห้องโถงในเวลาที่ไล่เลี่ยกันโดยเบรฟเป็นฝ่ายที่เดินออกมาก่อน
เบรฟเข้ามาด้านในของโต๊ะเช็กอินแล้วเดินไปด้านในสุด คงอยากจะช่วยผมหาจากด้านในสินะ แบบนี้คงช่วยได้มาก พวกเราก้มหากันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งไอวี่เดินมาที่หน้าโต๊ะเช็กอินแล้วพูดขึ้น
"ก่อนหน้านี้ฉันลองเข้าไปสำรวจมาหมดแล้วค่ะ"
"แล้วคุณไม่เจออะไรเลยเหรอครับ" ผมหยุดค้นเอกสารใต้โต๊ะเช็กอินแล้วเงยหน้าขึ้นมาถามเธอแทน
"เจอค่ะ.." ไอวี่พูดพลางชี้ไปที่ตู้เก็บเอกสารตู้หนึ่งที่มีเอกสารบางอย่างอัดแน่นจนเต็มตู้
"ตู้นี่..มีอะไรเหรอครับ" เบรฟที่อยู่ด้านในเดินมาดูบริเวณตู้นั้นได้ก่อนผม เขาลองหยิบเอกสารบางอย่างขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วเปิดอ่านมันอย่างลวกๆ
"เจออะไรไหมเบรฟ" ผมเดินเข้ามาสมทบกับเบรฟที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว
ผมหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเล่มหนึ่งอย่างสุ่มๆ แต่เมื่อเปิดดูกลับมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีตัวอักษรใดๆ ถูกเขียนเอาไว้เหมือนกับตู้ก่อนหน้าที่ผมลองไปค้น ตู้ก่อนหน้าที่ผมลองค้นนั้นยังมีประวัติแขกเข้าพัก เวลาเช็กอินเช็กเอ้าท์ของแขกเขียนอยู่บ้างแต่ตู้นี้กลับไม่มีอะไรเขียนเอาไว้เลย
"เล่มนั้นเขียนอะไรไว้ไหม" ผมพูดพลางเหลือบไปมองที่แฟ้มเอกสารที่เบรฟกำลังถืออยู่
"ไม่มีอะไรเลยครับ..ผมลองเปิดเร็วๆ ดูแล้วก็ไม่มีอะไร" เบรฟไม่เพียงแค่พูดเขายังเอาแฟ้มที่เขาถืออยู่หันมาให้ผมดูอีกด้วย
"ที่บอกเจอหมายถึงนี่เหรอครับ" ผมหันไปถามไอวี่ด้วยความสงสัย
"ใช่ค่ะ..ฉันกับเรนะลองเช็กตู้แบบสุ่มดูหมดแล้วค่ะ มีแต่ตู้นี้ตู้เดียวที่ไม่มีอะไรเขียนไว้เลย"
"แปลกจัง.." ผมลองสุ่มแฟ้มเอกสารมาดูอีกเล่ม ซึ่งมันเป็นไปตามที่ไอวี่พูด มันไม่มีอะไรเขียนเอาไว้เลยสักนิด
"หรือตู้นี้จะเพิ่งมาติดไว้เหมือนพวกในหนังสืบสวนเพื่อซ่อนห้องลับอะไรแบบนี้รึเปล่าครับ" เบรฟพูดขึ้นมาพลางใช้แขนข้างหนึ่งเกาไปที่ท้ายทอยของตัวเองอย่างเขินๆ
"อาจจะเป็นไปได้นะเบรฟ.." ผมเริ่มย้ายแฟ้มเอกสารที่อัดแน่นอยู่เต็มตู้ออกมาวางที่หน้าโต๊ะเช็กอินแทน
"จะเป็นไปได้จริงเหรอครับ..เกมมาสเตอร์จะทำให้มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ" เบรฟพูดพลางช่วยผมดึงแฟ้มเอกสารออกมาจากชั้นวาง
"ลองดูก็ไม่เสียหายนี่จริงไหม" พวกเราทยอยนำแฟ้มเอกสารออกมาจากตู้จนหมด ตอนนี้ชั้นวางทุกชั้นมีแต่ความว่างเปล่า
ผมกับเบรฟช่วยกันดันตู้นั้นออกมาข้างหน้า และมันเป็นไปตามเบรฟบอกก่อนหน้านี้ มีประตูเหล็กขนาดเล็กกว่าตู้ที่เราช่วยกันดันออกมาอยู่เล็กน้อย
ผมลองบิดลูกบิดเพื่อเปิดประตู แต่ดูเหมือนมันจะล็อกอยู่
"พี่เรนครับ มีกระดาษติดอยู่ตรงนี้ด้วย" เบรฟพูดพลางดึงโพสอิทที่ติดอยู่กับหลังตู้ยื่นมาให้ผมดู
"คำใบ้สำหรับกุญแจ..อยู่ในที่ที่ทุกคนมักจะทำเหรียญหรือโทรศัพท์ตกเอาไว้" ผมอ่านข้อความบนกระดาษโพสอิทและดูเหมือนว่าไอวี่จะเข้าใจมันในทันที
เธอมุ่งตรงไปที่โซฟาที่มีพนักพิงสำหรับรอคิวของโรงแรม แล้วเริ่มค้นบริเวณซอกเบาะ ไม่นานนักเธอก็วิ่งกลับมาพร้อมกับยื่นกุญแจสีเงินให้ผม
"รู้ได้ไงครับเนี่ย.." ผมถามไอวี่พร้อมกับเอื้อมมือไปรับกุญแจสีเงินนั้นมาถือไว้
"พอดีฉันเผลอทำโทรศัพท์ตกบนโซฟาบ่อยน่ะค่ะ เลยเดาเอา.."
"ครับ" ผมลองใช้กุญแจสีเงินดอกนั้นไขประตูเหล็กตรงหน้าจนเปิดออก
ภายในห้องก็ดูเหมือนกับห้องจ่ายไฟทั่วไปที่มีเบรกเกอร์อยู่เต็มไปหมด จนเลือกไม่ถูกว่าควรจะเปิดหรือปิดอันไหนดี
"แล้วแบบนี้จะเลือกเปิดยังไงกันล่ะคะ.." ไอวี่ที่เดินตามเข้าห้องมาด้วยกันพูดขึ้นอย่างสงสัย
ขณะที่พวกเราแยกย้ายกันสำรวจรอบห้อง ตาของผมก็ไปสังเกตเห็นสูตรบางอย่างเขียนอยู่ที่กระดาน
"สูตรอินทิเกรต?" ผมเดินเข้าไปใกล้กระดานมากขึ้นเพื่อดูสิ่งที่เขียนอยู่บนนั้น ด้วยที่ห้องนี้ค่อนข้างมืดและไม่สามารถเปิดไฟได้เลย ผมจึงต้องอาศัยสายตาเพียงอย่างเดียวในการเพ่งมองกระดานนั้น
"อินทิเกรตคืออะไรครับ.." เบรฟเดินเข้ามาถามผมด้วยความงงงวย เขาคงยังเรียนไม่ถึงจุดนี้สินะ
"หรือจะเป็นคำใบ้คะ เบรกเกอร์ทุกอันมีเลขเขียนเอาไว้อยู่ด้วย" ไอวี่พูดขึ้นสมทบแล้วเดินสำรวจรอบห้องต่อไป
"งั้นผมจะลองแก้สูตรดูนะครับ" มีความเป็นไปได้สูงที่นี่จะเป็นคำใบ้จากเกมมาสเตอร์ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่วางปากกาและกระดาษเอาไว้ข้างกระดานอย่างจงใจแบบนี้ แล้วยิ่งโจทย์ที่เขียนอยู่บนกระดานนั้นเป็นอินทิเกรตจำกัดเขตซึ่งสามารถหาคำตอบเป็นตัวเลขได้ นั่นยังตรงกับสิ่งที่ไอวี่บอกว่ามีตัวเลขเขียนเอาไว้บนเบรกเกอร์ทุกอัน เป็นไปได้ว่าคำตอบของโจทย์นี้จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเราควรจะสับเบรกเกอร์ตัวไหน
ผมก้มลงแก้โจทย์บนนกระดานนั้นอย่างตั้งใจ ไม่นานนักก็ได้ตัวเลขออกมา
"เบรกเกอร์หมายเลข28ครับ" ผมหันไปบอกไอวี่ที่กำลังดูหมายเลขบนเบรกเกอร์อยู่
ทันทีที่เธอเห็นหมายเลข28 เธอก็สับมันขึ้นทันที หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงของเกมมาสเตอร์ดังออกมาจากลำโพงมุมห้อง
"ขอแสดงความยินดี! พวกคุณเก่งมากที่แก้ปริศนาทั้งหมดของผมได้" เขาหยุดพูดไปพักนึงก่อนจะพูดขึ้นต่อ "ในตอนนี้พวกคุณสามารถที่จะใช้ลิฟต์ของทางโรงแรมขึ้นไปถึงชั้น4ได้แล้ว หวังว่าพวกคุณจะสามารถปลดล็อคชั้นต่อๆ ไปได้ทันเวลา..ก่อนที่ 'Barbaric' ของผมจะเริ่มทำงานนะครับ ขอให้พวกคุณโชคดี"
"หมอนี่จะเล่นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่!" ไอวี่พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราทุกคนก็รู้แก่ใจว่าหากไม่ทำตามกฎมันจะเกิดอะไรขึ้น..พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นเลยจริงๆ เหรอ
To Be Continued