Your Wishlist

Who Is Barbaric? (Chapter 2-1)

Author: Kōri-San

เมื่อหนึ่งคนในหมู่ของพวกเขาเป็นฆาตกรที่ต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีทางเลือก ในโรงแรมที่ไร้ซึ่งทางออก

จำนวนตอน : N/A

Chapter 2-1

  • 16/06/2564

Chapter 2

-1-

          หลังจากเสียงของไซเรนดังขึ้นจากลำโพงที่มุมห้อง ผมและเบรฟก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกันทันที ผมมองไปที่หน้าจอทีวีที่อยู่ปลายเตียงซึ่งปรากฏใบหน้าของคนที่เหลืออยู่ทั้ง 10 คน แต่ที่ทำให้ผมตกใจมากนั่นก็คือภาพใบหน้าของคนที่โดนกากบาทขีดฆ่าทับใบหน้านั้นคือ..

          "เรนะ.." ผมเอ่ยออกมาเสียงเบาอย่างอึ้งๆ ด้วยที่ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่โดนฆาตกรคนนั้นเล่นงานจะเป็นเธอ

          "จอนั่น..มันคืออะไรเหรอครับ" เบรฟหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสะลึมสะลืออยู่เล็กน้อยจากการที่เพิ่งตื่นนอนได้ไม่นาน

          มันไม่แปลกนักหรอกที่เขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเนื้อหาบนจอนั่น เพราะในครั้งแรกนั้นมันเกิดขึ้นกับตัวเขา คงมีแค่คนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นเท่านั้นถึงจะเคยเห็นมัน

          "พี่ก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่..แต่เหมือนมันจะแสดงว่าใครยังมีชีวิตอยู่" ผมหยุดพูดไปสักพักก่อนจะพูดเสริมต่อไป

          "แล้วก็..แสดงว่าใครที่ตายไป" ผมพูดพลางกำผ้าห่มในมือแน่น เรื่องทั้งหมดมันไม่ควรเกิดขึ้นเลย ผมเป็นหมอแท้ๆ แต่กลับทำได้แค่ดูอยู่เฉยๆ รอให้แต่ละคนตายไปทีละคนเท่านั้น

          "พี่เรน..ไม่เป็นไรนะครับ" เบรฟพูดก่อนที่จะเอื้อมมือมากุมมือของผมเอาไว้ เขาคงอยากให้กำลังใจผมสินะ ช่างเป็นเด็กที่ดีจริงๆ

          "อื้ม" ผมตอบกลับเขาไปด้วยรอยยิ้มบางๆ

          "พวกเราไปกันเถอะ.." ผมตัดสินใจลุกออกจากเตียงเพื่อไปดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างนอกโดยมีเบรฟที่ลุกตามผมออกมาอีกคน

 

          ผมเดินออกมาจากห้องได้ไม่นาน ก็เจอกับไอวี่และบงกชที่ยืนเถียงกันอยู่หน้าห้องใกล้ๆ กับห้องของผม

          "นายเป็นคนทำใช่ไหม!? " ไอวี่ตะคอกใส่บงกชด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือจากที่เพิ่งร้องไห้มา

          "นายเป็นคนฆ่าเรนะใช่ไหม! " เธอพูดพลางผลักบงกชอย่างแรงจนเจ้าตัวนั้นเซเกือบล้มไปหลายครั้ง

          "ไม่! กูไม่ได้ฆ่า! " บงกชรีบพูดปฏิเสธอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีที่ร้อนรน

          "อย่าทะเลาะกันเลยครับ" ชายร่างสูงโปร่งคนหนึ่งเดินเข้ามาจับพวกเขาแยกออกจากกันก่อนจะพูดต่อ "ทะเลาะกันไปจะได้อะไรขึ้นมา"

          "คุณอินทัชพูดถูกแล้วครับ พวกเราอย่าเพิ่งทะเลาะกันเองดีกว่าครับ" ชายอีกคนพูดสมทบ

          ดูเหมือนพวกเขาทุกคนจะรู้จักกันหมดแล้ว คงจะมีแค่ผมที่ยังคงรู้จักเพียงบางคนเท่านั้น

          "คุณ? ใช่หมอเรนรึเปล่าครับ" เขาหันมาพูดกับผมที่ยังยืนอยู่กับเบรฟที่หน้าประตูห้องข้างๆ อยู่

          "ครับ..ผมเอง" ผมเดาว่าพวกเขาทุกคนคงจะรู้แล้วว่าผมเป็นใคร เพราะดูแล้วไอวี่คงจะเป็นคนไปกระจายข่าว

          "คุณกันต์รอหมออยู่ในน่ะห้องครับ" เขาพูดจบแล้วหลีกทางให้ผมเดินเข้าไปในห้องของเรนะ

          หลังจากผมเดินเข้ามาในห้องก็พบกับรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนเต็มผนังห้องไปหมด โดยมีจุดหนึ่งที่เขียนเลข 10 ตัวใหญ่เอาไว้ ผมมองไปรอบๆ จนกระทั่งสายตาของผมนั้นไปเจอกับร่างเล็กของเรนะที่นอนแน่นิ่งอยู่กลางพื้นห้องด้วยชุดเมื่อวานที่ยังคงใส่อยู่บนตัว

          ผมค่อยๆ ย่อตัวลงไปสำรวจร่างเล็กนั้น สภาพของเธอในตอนนี้เรียกได้ว่าคงไม่มีใครอยากจะมองมาเป็นแน่

          ร่างเล็กนั้นนอนแน่นิ่งอยู่ท่ามกลางกองเลือด โดยมีมีดนับสิบเล่มเจาะทะลุมือและแขนน้อยๆ นั้นตรึงร่างเอาไว้กับพื้น แม้แต่ดวงตาที่เคยดูสดใสก่อนหน้านี้ยังแลดูหมองหม่นลงจนดูน่าสงสาร

          ผมค่อยๆ เอื้อมมือไปปิดตาคู่นั้นที่ยังคงมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนอยู่เล็กน้อยลง โดยหวังว่าเธอคงจะไม่ทรมานมากจากคมมีดพวกนี้ที่ทิ่มแทงลงบนร่างกายของเธอ

          แต่มันคงเป็นได้แค่หวังเมื่อสายตาของผมหันไปเห็นเล็บที่เหมือนจะถูกเปิดออกบริเวณมือข้างขวาของเธอ และร่องรอยของการถูกมัดที่บริเวณข้อมือ โดยเมื่อผมมองไปรอบๆ ก็เจอกับเก้าอี้ที่มีพนักพิงตัวหนึ่งที่ถูกเลื่อนออกมาจากที่ของมันโดยมีรอยเลือดติดอยู่ประปราย

          ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมฆาตกรคนนี้ถึงได้ชื่อว่า Barbaric เพราะการฆ่าของเขานั้น ช่างดูโหดร้ายและป่าเถื่อนอย่างที่สุด

          ขณะที่ผมกำลังมองร่างของเรนะที่นอนแน่นิ่งด้วยความเศร้าอยู่นั่นเอง กันต์ก็เดินออกมาจากมุมห้องพร้อมกับ เกล น้องสาวของเขาที่เกาะหลังพี่ชายมาด้วย

          "ดูไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะครับ" กันต์พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย ทำให้ผมเกือบจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ จนเผลอกำมือแน่นจนแดงก่ำ แต่ก็มีมือปริศนาของใครคนนึงมาโอบแล้วลูบเบาๆ บริเวณหัวไหล่ของผมด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน

          "ใจเย็นๆ นะครับพี่เรน.." เบรฟพูดพลางส่งยิ้มให้ผม ซึ่งมันทำให้ผมใจเย็นลงบ้างจริงๆ

          "คุณหมอว่ายังไงบ้างครับ พอรู้อะไรบ้างไหม" เขายังคงถามผมออกมาเรื่อยๆ จนผมต้องตอบเขาออกไป

          "เธอ..น่าสงสารมากครับ"

          "นั่นสินะ ดูเหมือนจะโดนทรมานด้วย" กันต์พูดเสริมผมขึ้นมาแบบนี้ นั่นเท่ากับว่าเขาได้เช็กสภาพของเรนะก่อนที่ผมจะมาไปแล้ว แต่ทำไมเขาถึงอยากคุยกับผมกันล่ะ

          "คุณหมอ..คุณมีคนที่สงสัยอยู่ในใจรึเปล่า" เขาถามผมก่อนจะย่อตัวลงมานั่งข้างผมทางฝั่งซ้ายที่ว่างอยู่

          "ไม่มีเลยครับ ผมยังไม่รู้จักพวกเขาด้วยซ้ำ" ผมตอบออกไปตามจริง ผมจะมีสิทธิ์ไปสงสัยใครได้ ในเมื่อผมไม่รู้จักพวกเขากันสักคน

          "หมอเรน ผมเชื่อใจคุณที่สุดนะ"

          "ครับ แต่ผมยังไม่มีคนที่สงสัยเลยจริงๆ "

          "แล้วเราล่ะ สงสัยใครบ้างไหม" เขาหันไปถามเบรฟที่นั่งอยู่ทางฝั่งขวาของผมแทน

          "ไม่มีเลยครับ.." เบรฟตอบออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ เหมือนที่เขาคุยกับผม

          "แล้วเมื่อวาน เราไม่เห็นคนร้ายเหรอ" กันต์ยังคงจี้ถามเบรฟต่อไป

          "เห็นครับ.."

          "แล้วจำได้ไหมว่าเขาคือใคร"

          "เขา.." ดูเหมือนเบรฟยังคงไม่อยากนึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ผมจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับส่งมือให้เบรฟจับเพื่อลุกขึ้น

          "ขอโทษนะครับคุณกันต์ ผมคงให้คุณมาสอบคนไข้ของผมแบบนี้ไม่ได้" ผมพูดหลังจากเบรฟลุกขึ้นยืนมาแล้ว

          "แต่หมอเรน เขาเป็นคนเดียวที่เห็นคนร้ายนะครับ" กันต์พูดพลางลุกตามผมขึ้นมา

          "แต่คุณกำลังทำให้จิตใจของเขาแย่ลงครับ ผมคงทนเห็นเขานึกภาพที่เจ็บปวดแล้วร้องไห้ออกมาไม่ได้" ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น จรรยาบรรณความเป็นหมอของผม ผมจะให้เขาทำร้ายจิตใจคนไข้ของผมต่อไปแบบนี้ไม่ได้

          ผมจับมือของเบรฟแล้วดึงให้เขาเดินออกมาพร้อมกับผมทันที

          "หมอเรน? คุยเสร็จแล้วเหรอครับ" ชายคนก่อนหน้านี้เข้ามาทักผมทันทีหลังผมพ้นประตูห้องออกมา

          "ครับ ไม่มีอะไรจะคุยแล้ว" ผมตอบออกไปโดยคุมน้ำเสียงให้เรียบที่สุด ถึงแม้ในใจผมจะยังคงอารมณ์เสียกับเรื่องเมื่อครู่อยู่ก็ตาม

          "งั้นเชิญที่ห้องอาหารด้วยกันก่อนไหมครับ"

          "เจ้าเกมมาสเตอร์นั่นจัดพวกของกินเอาไว้ด้วย พวกเราเช็กกันแล้วว่าไม่มีพิษอะไร"

          "เช็ก? เช็กยังไงครับ" ผมถามออกไปด้วยความสงสัย ในที่แบบนี้จะมีเครื่องมือเช็กสารพิษอยู่ด้วยงั้นเหรอ

          "คือ.." เขาพูดค้างไว้พลางเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะพูดต่อ "ผมหิวก็เลย.."

          "ภูผาลองกินไปแล้วน่ะครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องพิษเลย" ชายที่ชื่ออินทัชเดินเข้ามาพูดต่อจากชายคนนั้น

          "ตามที่คุณอินทัชบอกเลยครับ.." ภูผาพูดพลางยิ้มแห้งๆ

          "อ๋อ..ครับ"

          "ไปด้วยกันนะครับ แค่สุดทางเดินนี้เอง" ภูผาพูดพร้อมกับชี้ไปที่สุดทางเดินฝั่งหนึ่ง

          "อีกฝั่งต่างหาก.." อินทัชพูดแก้ให้ภูผา ก่อนที่เจ้าตัวจะเปลี่ยนไปชี้อีกทางแทน

          "ได้ครับ" ผมตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม "ยังไงอาหารเช้าก็สำคัญ"

          "พี่เรนหิวเหรอครับ" เบรฟพูดพลางกลั้วหัวเราะเล็กน้อย

          "เราก็ต้องกินเหมือนกันแหละเบรฟ"

          "พี่ไม่อยากให้เราเป็นโรคกระเพาะเพิ่มหรอกนะ"

          "ครับ" เขาตอบพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม

 

          พวกเราทั้ง 4 คนเดินออกมาจากบริเวณหน้าห้อง แล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องอาหารตามทางเดิน แต่ยังไม่ทันจะเข้าไปในห้องก็มีเสียงของคนสองคนที่คุ้นเคยกำลังทะเลาะกันอยู่ภายใน

          "อย่ามาหาพวกนะ! คนพวกนี้ก็เพื่อนนายใช่ไหม"

          "กูบอกว่ากูไม่ได้ทำไงวะ มันจะอะไรนักหนา"

          "ไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใคร! มีแต่นายคนเดียวนั่นแหละที่มีปัญหากับพวกเรา"

          ทั้งสองคนยังคงโบ้ยความผิดกันไปมา แต่สิ่งที่น่าแปลกคือผมไม่รู้สึกเลยว่าจะเป็นหนึ่งในสองคนนี้

          ไอวี่เธอดูเอ็นดูเรนะมากขนาดนั้น แล้วเธอก็เป็นผู้หญิงคงไม่มีแรงมากขนาดจะแบกร่างของเรนะจากเก้าอี้มาที่พื้นได้แบบนั้น

          ส่วนบงกช ไม่มีทางที่จะเป็นเขาได้เลย ถึงเขาจะเป็นพวกที่ชอบทำอะไรที่รุนแรง แต่เขาคงจะไม่โง่ฆ่าคนที่เขาเพิ่งไปหาเรื่องมาหมาดๆ ให้ทุกคนสงสัยกันหรอก

          ผมเป็นคนเปิดประตูเข้าไปในห้องก่อน เมื่อเขาสองคนเห็นผม ทั้งคู่ก็หยุดทะเลาะกันแทบจะทันที ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง

          "โห..หมอเรนนี่มีมาดที่ทำให้ทุกคนสงบได้จริงๆ นะครับเนี่ย" ภูผาพูดยกยอผมหลังจากเห็นไอวี่กับบงกชยอมแยกจากกันแล้ว

          "ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ" ผมตอบเขากลับไปก่อนที่จะเดินนำไปที่โต๊ะกลมที่นั่งได้ 4 ที่พอดี

          "หมอเรนอยากทานอะไรครับ เดี๋ยวผมไปตักให้" ภูผาพูดอาสาไปตักอาหารให้ผมแต่ก็โดนเบรฟพูดขัดขึ้นมาก่อน

          "ผมไปตักให้พี่ดีกว่าครับ" หลังพูดจบเบรฟก็ลุกขึ้นไปที่เลานจ์ตักอาหารทันที

          และในขณะที่พวกเราทุกคนกำลังนั่งกันอยู่ในห้องอาหารนั่นเอง จู่ๆ คุณกันต์ก็เปิดประตูเข้ามา

          "ทุกคนครับ! " กันต์ตะโกนเรียกทุกคนในห้องอาหาร ทำให้ในตอนนี้สายตาของทุกคนในห้องจับจ้องไปที่เขา

          "ผมขออนุญาตตรวจสอบร่างกายของทุกคนด้วยครับ"

          "มันจะมากไปแล้วนะเว้ย! เห็นไหมว่าพวกกูกำลังทำอะไรอยู่" บงกชพูดออกมาอย่างเหลืออดเมื่อโดนกันต์ขัดมื้ออาหาร

          "แต่นี่มันเกี่ยวกับการตายของเรนะ ผมคงต้องขอเสียมารยาทหน่อยนะครับ"

          "คุณกันต์? อย่าบอกนะว่าคุณเจออะไรเพิ่มแล้ว" ชายคนหนึ่งที่นั่งโต๊ะเดียวกับบงกชเอ่ยถาม

          "ครับ ถ้าหาเจอละก็"

          "เราอาจจะเจอตัว Barbaric เลยก็ได้"

          "แล้วมันคืออะไร" ไอวี่ถามกันต์เสริมจากชายคนนั้นอีกที

          "ผมจะบอก หลังจากเช็กทุกคนแล้วครับ"

          "ขอความกรุณาด้วย"

 

          หลังจากนั้นทุกคนในห้องก็ทำตามที่กันต์บอกโดยไม่มีใครปริปากบ่นสักคำ จนกระทั่งเช็กครบทุกคนแล้ว

          "เจออะไรไหมครับ" ภูผาเป็นคนแรกที่เอ่ยถามหลังจากกันต์หันไปคุยกับเกลที่ไปเช็กฝั่งผู้หญิงได้ไม่นาน

          "เจอครับ" กันต์ตอบโดยที่ยังไม่หันกลับมา

          "ทีนี้ก็จะได้รู้แล้วสินะ ว่าไม่ใช่กู" บงกชพูดพลางหันไปมองที่ไอวี่อย่างท้าทาย

          "หึ! แล้วจะได้รู้กัน" ไอวี่พูดพลางชายตามองไปที่บงกช

          "คนที่เราพบร่องรอยก็คือ.."

To Be Continued

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป