Your Wishlist

Who Is Barbaric? (Chapter 1-3)

Author: Kōri-San

เมื่อหนึ่งคนในหมู่ของพวกเขาเป็นฆาตกรที่ต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีทางเลือก ในโรงแรมที่ไร้ซึ่งทางออก

จำนวนตอน : N/A

Chapter 1-3

  • 30/05/2564

Chapter 1

-3-

       สีหน้าของทุกคนหลังจากได้ยินประโยคนั้นล้วนมีแต่ความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แม้แต่บงกชที่ก่อนหน้านี้ทำตัวกร่างก็ถึงกับหยุดชะงัก ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ผมก็เดินไปขอบัตรประจำตัวของผมคืนมา

       "ขอคืนหน่อยนะ" ผมกล่าวขอบัตรนั้นคืนจากไอวี่ที่ถืออยู่ ซึ่งคาดว่าคงตกจากกระเป๋าในตอนที่ผมโดนผลักนั่นเอง

       "ชะ เชิญค่ะ" ไอวี่ยื่นบัตรคือผมมาอย่างเกรงใจ

       "คุณ..อยู่ตระกูลมาร์แชลล์เหรอ" บงกชเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย

       "ครับ" ผมตอบกลับไปอย่างยิ้มแย้มตามปกติ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ปกติสำหรับทุกคนในห้องนี้เท่าไหร่นัก

       "แล้วทำไมคุณไม่บอกผมล่ะครับ.." ชายคนนั้นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย

       "ตระกูลมาร์แชลล์..ก็ตระกูลของเพื่อนพ่อผมเอง"

       "เรามาสนิทกันเถอะนะ" บงกชยื่นมือออกมาเพื่อให้ผมไปจับแต่ก็โดนไอวี่ปัดออกก่อน

       "เหอะ! คิดจะเป็นมิตรก็ต้องดูที่นิสัยสิ"

       "ไม่ใช่หน้าตาทางสังคม" ไอวี่พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งตะคอก

       "ไม่ใช่ซะหน่อย! "

       "เนอะคุณหมอเรน" บงกชพยายามจะยื่นมือเพื่อมาจับมือผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเบรฟที่เข้ามาบังมือนั้นเอาไว้แล้วส่งยิ้มให้ผมบางๆ

       "พี่เรน.." เขาเรียกผมแล้วส่งสายตาออดอ้อนเหมือนกับเด็กมาให้ผม ถึงแม่มันจะดูขัดกับรูปร่างหน้าตาของเขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็แค่เด็กมัธยมมันก็คงไม่แปลก

       "เอ่อ..พี่ต้องพาเราไปส่งที่ห้องนี่นะ"

       "ขอโทษนะครับ ผมคงต้องขอตัวก่อน" ผมพูดพร้อมโค้งให้พวกเขาเล็กน้อยตามมารยาท แล้วพวกเขาทุกคนก็โค้งให้ผมเช่นกันก่อนจะค่อยๆ หลีกทางให้ผมกับเบรฟเดินออกไปก่อน

 

       ผมพาเบรฟออกมาตรงนั้นแล้วพาเดินมาตามทางเดินเรื่อยๆ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นเพื่อชวนผมคุย

       "พี่เรน..ขอโทษนะครับที่ผมเอาแต่ใจ"

       "แต่ผมไม่อยากให้พี่ไปยุ่งกับคนนั้นเลย" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูรู้สึกผิด

       "ไม่เป็นไรๆ พี่เองก็ไม่ค่อยอย่างยุ่งกับคนที่ชอบใช้ความรุนแรงแบบนั้นนักหรอก" ที่ผมพูดออกไปไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด เพราะดูปฏิกิริยาของชายที่ชื่อบงกชแล้วนั้น เขาคงเป็นพวกชอบประจบประแจงคนที่มีอำนาจมากกว่า แต่ถ้าอยู่กับพวกที่มีอำนาจน้องกว่าตัวเองก็จะทำตัวกร่างใส่เขาไปทั่ว คนแบบนี้ไม่น่าคบค้าด้วยเลยจริงๆ

       "จริงเหรอครับ? ผมไม่ได้ไปบังคับพี่ใช่ไหม"

       "ไม่เลย ต้องขอบคุณเราด้วยซ้ำ"

       "ขอบคุณนะเบรฟ" ผมหันไปขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า แต่ดูเหมือนมีเพียงแค่เบรฟคนเดียวที่ไม่ตกอกตกใจอะไรกับชื่อตระกูลของผมเลย แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะมันจะถือว่าผมมีเพื่อนที่จริงใจกับผมในที่แห่งนี้แล้วคนหนึ่ง

       "ด้วยความยินดีครับ" เบรฟหันมายิ้มให้ผมอย่างยินดี

       "แล้วห้องเราอยู่ไหนล่ะหืม พี่จะได้พาไปส่งถูก"

       "อยู่ชั้น 2 ครับ"

       "อ้าว? ชั้นเดียวกับพี่เลยนี่"

       "ห้องอะไรล่ะเรา"

       "203 ครับ"

       "เอ๋..." เรื่องบังเอิญ มันบังเอิญได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ โรงแรมนี้ก็มาห้องพักอยู่หลายห้องแต่เขากลับได้อยู่ห้องข้างผมเลยเหรอเนี่ย

       "พี่เรน? มีอะไรรึเปล่าครับ"

       "เปล่าๆ แค่ตกใจนิดหน่อยที่เราอยู่ห้องใกล้กัน"

       "จริงเหรอครับ" เบรฟถามขึ้นด้วยท่าทีที่ตกใจเล็กน้อย

       "อื้ม พี่อยู่ห้อง 204 ถ้ามีปัญหาอะไรหรือเจ็บแผลก็มาหาพี่ได้นะ" ผมยอมบอกเลขห้องของตัวเองไป เพราะยังไงซะเขาก็ยังคงถือเป็นคนไข้ของผมอยู่ แล้วเขาก็ยังเป็นเพื่อนของผมอีกด้วย

       "ครับ" ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า แต่ตอนที่เขาตอบกลับมานั้นแววตาเขาดูเป็นประกายเหมือนกับเวลาแม่ให้อมยิ้มเด็กเล็กอย่างนั้นแหละ

 

 

       พวกเราเดินกันมาได้สักพักจนในที่สุดก็ถึงหน้าห้องของเบรฟ

       "พี่ส่งเราแค่นี้นะ" ผมยืนหยุดอยู่ที่หน้าประตูเพื่อให้เขาเปิดประตูห้องของตัวเองเข้าไป

       "ครับ..ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่ทำแผลให้ผม"

       "อื้ม ยังไงก็อย่าเดินหรือยืนนานเกินไปนะ"

       "ถ้าแผลฉีกมันจะเจ็บมาก"

       "ครับ" เขาตอบผมยิ้มๆ ก่อนจะเริ่มไขกุญแจห้องแล้วเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง

       ผมยืนส่งเขาอยู่หน้าห้องโดยรอเขาเข้าไปในห้องก่อน ก่อนที่จะเดินไปห้องผมที่อยู่ข้างๆ ผมไขกุญแจเพื่อเปิดห้องแล้วเดินเข้าห้องของตัวเองไปโดยไม่ลืมที่จะคล้องโซ่ประตูเพื่อล็อคห้อง

 

 

       หลายชั่วโมงผ่านไป หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัว และเตรียมตัวที่จะเข้านอนแล้วนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น 2-3 ครั้ง

       ก๊อก ก๊อก ก๊อก

       ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร และในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ควรที่จะเปิดประตูให้ใครเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า ด้วยความที่ที่นี่ไม่มีรูตาแมวเหมือนกับโรงแรมอื่นๆ ผมจึงค่อยๆ แง้มประตูที่คล้องกลอนโซ่เอาไว้แล้วออกเล็กน้อยเพื่อดูบุคคลที่มาเคาะห้องในเวลาแบบนี้ โดยคนคนนั้นก็คือเด็กหนุ่มที่ผมคุ้นเคย และไว้ใจที่สุด ซึ่งก็คือเบรฟนั่นเอง

       "เบรฟ? เจ็บแผลเหรอ" ผมพูดกับเขาโดยที่ยังไม่ปลดโซ่คล้องประตูออก ขอยอมรับว่าผมตกใจไม่น้อยเลยที่เขากล้ามาเคาะห้องผมในเวลาแบบนี้จริงๆ ถึงแม้เขาจะดูน่าไว้ใจที่สุด แต่ผมคงต้องเซฟตัวเองไว้ก่อน

       "เปล่าครับ..ผมแค่นอนไม่หลับ"

       "ผมมารบกวรพี่รึเปล่าครับ" เบรฟพูดพลางก้มหน้าเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด

       "ไม่หรอก..เข้ามาก่อนสิ" ผมตัดสินใจปลดโซ่ที่คล้องกลอนประตูออก แล้วเปิดประตูให้เบรฟเข้ามาในห้อง

       เบรฟเข้าห้องผมมาโดยไม่มีอะไรติดมือมาเลย มีเพียงแค่เสื้อบอลใส่นอนสีขาวกับกางเกงวอร์มสีน้ำเงินที่เขาใส่อยู่เท่านั้นที่ติดตัวมา

       ถึงมันอาจจะดูไร้เหตุผลที่ผมยอมให้เขาเข้ามาเพียงแค่เพราะเขานอนไม่หลับ แต่ผมก็เข้าใจการสูญเสียคนสำคัญในชีวิตไป การที่เขาจะนอนไม่หลับนั้นไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลย มันเป็นการยืนยันด้วยซ้ำว่าเขารักพี่ชายเขามากแค่ไหน

 

 

       เมื่อเขาเข้ามาในห้องของผมแล้ว เขาก็เดินไปยืนอยู่ที่ข้างเก้าอี้ยาวโดยไม่ยอมนั่งลงไป ช่างเป็นเด็กที่มีมารยาทจริงๆ คงรอให้ผมอนุญาตก่อนสินะ

       "ตามสบายเลยนะ" ผมนั่งลงบนเก้าอี้นั้นก่อนเพื่อให้เขานั่งลงตามมา เป็นคนไข้ที่ไม่ฟังหมอเลยนะเนี่ย ทั้งที่ผมก็บอกไปแล้วแท้ๆ ว่ามีแผลแบบนี้ไม่ควรเดินหรือยืนนานเกินไป

       "ขอบคุณครับ.." เบรฟหย่อนตัวลงนั่งอย่างช้าๆ ลงที่ข้างผม

       "เราจะนอนที่นี่ก็ได้นะ"

       "พี่รู้ว่าถึงมาอยู่กับพี่มันอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่ถ้ามันทำให้เราสบายใจขึ้นก็อยู่ไปเถอะ" ผมหันไปบอกเขาด้วยรอยยิ้ม ผมรู้ว่าในช่วงเวลาแบบนี้กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ

       ผมเอื้อมมือไปกุมมือของเขาเอาไว้เพื่อปลอบโยน ดูเหมือนเขาจะตกใจเล็กน้อยกับการกระทำของผม เพราะพวกเราเพิ่งจะรู้จักกันได้เพียงไม่นานผมจึงปลอบโยนเขาได้เพียงเท่านี้

       "พี่เรน..ขอบคุณจริงๆ นะครับ" สิ่งที่ผมไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น เมื่อเบรฟใช้เรียวแขนแกร่งของตัวเองโอบไปยังแผ่นหลังของผมก่อนจะกระชับแน่นขึ้นจนผมเซไปซบบริเวณแผ่นอกแกร่งของเขาตามแรงรวบ จนผมสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อแน่นภายใต้เสื้อบอลหนาของเขา ในตอนนี้ผมเริ่มคิดจริงๆ แล้วว่าเขาเป็นเพียงเด็กมัธยมจริงๆ รึเปล่า

       เขากระชับวงแขนขึ้นอีกจนใบหูของผมไปแนบกับแผ่นอกแกร่งของเขา ทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นเร็วและรัวอย่างเป็นจังหวะอยู่ภายใน

       "เอ่อ..เบรฟ" ผมตัดสินใจเรียกชื่อเจ้าตัวหลังจากตั้งสติได้

       "ขอโทษครับ..ขอผมอยู่แบบนี้สักพักได้ไหม" เบรฟพูดพลางซุกใบหน้าที่หล่อเหลานั้นลงบนไหล่เล็กของเรน

       "อื้ม..ถ้ามันทำให้นายสบายใจขึ้นก็เอาเลย"

       "ระบายมันออกมานะ" ผมถือวิสาสะใช้มือของตัวเองลูบไปที่แผ่นหลังนั้นเบาๆ เป็นเชิงปลอบโยน และหวังว่ามันจะพอช่วยเขาได้บ้าง

       เบรฟโอบกอดผมแบบนั้นไปสักพักแล้วค่อยๆ คลายกอดออกจนเราสองคนกลับมานั่งกันปกติเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว

       "เบรฟ..ถ้านายยังไม่สบายใจ"

       "นอนกับพี่ที่นี่ก่อนก็ได้นะ" ผมที่เริ่มไม่สบายใจกับบรรยากาศที่เงียบจนเกินไปนี้จึงเป็นคนเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อน

       "ครับ.." เบรฟตอบออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปจัดหมอนบนโซฟาให้อยู่ในสภาพพร้อมนอน

       "นี่..ขึ้นไปนอนบนเตียงกับพี่ดีกว่าน่า"

       "ไม่เป็นไรครับ แค่มีพี่อยู่ในห้องผมก็นอนหลับแล้ว" เขาตอบกลับผมมายิ้มๆ ก่อนจะก้มลงไปจัดหมอนต่อ

       "แต่โซฟามันนอนไม่สบายนะ นอนเตียงดีกว่า"

       "พี่เรน..เราเพิ่งรู้จักกันเองไม่ใช่เหรอครับ"

       "พี่จะไว้ใจให้ผมขึ้นไปนอนบนเตียงกับพี่จริงเหรอ? "

       "ทำไมล่ะ? เราก็ผู้ชายเหมือนกัน"

       "นอนเตียงเดียวกันไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อย"

       "ครับ..ถ้าพี่ว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ"

       ไม่รู้ผมคิดไปเองอีกรึยังไงแต่เหมือนหลังจากเขาตอบผมกลับมาเขาจะดูลุกลี้ลุกลนผิดปกติ แต่อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยชินกับการนอนกับคนอื่นก็ได้ ผมจึงลุกจากเก้าอี้ยาวตัวนั้นโดยเหมือนเขาจะลุกตามผมมา ผมจึงห้ามเอาไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้เขาเดินมาก

       ผมขึ้นไปบนเตียงขนาดประมาณ 5 ฟุตแล้วเริ่มจัดหมอนผ้าห่ม พร้อมแบ่งส่วนการนอนให้เขาเพื่อหวังว่าเขาจะรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก่อนก้าวลงมาเพื่อให้เขาได้เลือกฝั่งนอน

       "อยากนอนฝั่งไหนเราเลือกได้เลยนะ"

       "ฝั่งไหนก็ได้ครับ..ผมนอนตรงไหนก็ได้"

       "พี่ให้นายเลือกก่อนดีกว่า ถือว่านายเป็นแขกห้องพี่นะ"

       "งั้น.." เบรฟลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปนั่งบนเตียงฝั่งขวาซึ่งใกล้กับโซฟาที่เขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้นั่นเอง

       "โอเค งั้นพี่นอนฝั่งซ้ายนะ"

       "ครับ.."

       "ปิดไฟนอนได้รึเปล่า หรืออยากเปิดพี่ก็ไม่ว่านะ"

       "ปิดก็ได้ครับ"

       "โอเค" ผมเดินไปปิดไฟห้องก่อนที่จะกลับมานอนที่เตียงฝั่งซ้ายที่ยังคงว่างรอคนมานอนอยู่

       "ฝันดีนะเบรฟ..ไว้เจอกันพรุ่งนี้"

       "เช่นกันครับ.."

       หลังจบคำนั้นของเบรฟ ผมก็ค่อยๆ หลับตาลงแล้วได้แต่หวังว่ามันจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างที่เกมมาสเตอร์เคยบอกไว้ เพราะสำหรับหมออย่างผมแล้ว การที่มีคนกำลังจะตายลงแต่ช่วยอะไรเขาไม่ได้ทั้งที่เรามีความสามารถนั้นช่างเป็นสิ่งที่น่าทรมานในที่สุด ผมได้แต่คิดแบบนั้นก่อนจะค่อยๆ หลับไปแล้วตื่นมาพร้อมกับความหวังที่แตกสลายในตอนเช้าเมื่อเสียงไซเรนแจ้งเตือนว่ามีคนตายนั้นดังขึ้นในตอนเช้า..

To Be Continued

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป