เมื่อหนึ่งคนในหมู่ของพวกเขาเป็นฆาตกรที่ต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีทางเลือก ในโรงแรมที่ไร้ซึ่งทางออก
เมื่อหนึ่งคนในหมู่ของพวกเขาเป็นฆาตกรที่ต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีทางเลือก ในโรงแรมที่ไร้ซึ่งทางออก
Chapter 1
-1-
หลังจากที่ภาพของชายที่อ้างตัวว่าเกมมาสเตอร์ดับหายไป ทุกคนในห้องก็เอาแต่ทะเลาะกันเองโดยโบ้ยความผิดกันไปมาว่าใครเป็นคนต้นเหตุของเรื่องนี้กันแน่ ถึงผมเองก็รู้สึกสับสนไม่ต่างจากพวกเขา แต่ถ้าหากผมไปยืนทะเลาะกันเองเหมือนกับพวกเขามันจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาล่ะ ผมจึงหันไปคุยกับหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ข้างผมแทนด้วยความเป็นห่วงกับรอยแผลนั้น
"เราเป็นอะไรรึเปล่า เป็นแผลด้วยนี่" ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเพื่อไม่ให้เขาต้องสั่นกลัวไปมากกว่านี้
"ไม่เป็นไรครับ.." เขาตอบผมกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสั่นเครืออยู่เล็กน้อย แต่ฟังดูดีกว่าก่อนหน้านี้บ้างแล้ว
"ขอพี่ดูหน่อยได้ไหม" ผมพูดพลางส่งยิ้มบางๆ ให้เขา หวังว่าเขาคงจะไม่ได้กลัวผมหรอกนะ
"พี่เป็นหมอหรอครับ? "
"อื้ม รู้ด้วยหรอ"
"เปล่าครับ..แค่เห็นว่าลักษณะพี่เหมือนหมอ ก็เลยลองถามดู" น้ำเสียงของเขาหยุดสั่นลงบ้างแล้ว เหมือนวิธีของผมจะได้ผลอยู่บ้างนะ
"แล้วขอพี่ดูแผลหน่อยได้รึเปล่า"
"ครับ.." หลังจากเขาตอบตกลง เขาก็เปลี่ยนท่านั่งเพื่อให้ผมสามารถตรวจดูแผลได้สะดวกขึ้น
ขณะที่ผมกำลังจะขยับตัวไปตรวจดูแผลของเด็กหนุ่มคนนั้น ก็มีมือปริศนาเข้ามากระชากคอเสื้อของผมจากทางด้านหลังซะก่อน ซึ่งคนคนนั้นก็คือผู้ชายที่เข้าไปต่อร้องต่อเถียงกับเกมมาสเตอร์ก่อนหน้านี้นั่นเอง
"ทำตัวสบายจริงนะ มึงรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างล่ะ" เขาถามผมด้วยน้ำเสียงกึ่งพูดกึ่งตะคอกเหมือนกับคนไข้เอาแต่ใจในโรงพยาบาลที่ผมทำงานอยู่ไม่มีผิด
"ช่วยปล่อยผมก่อนได้ไหมครับ" ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย เพราะสถานการณ์แบบนี้ถึงจะโวยวายอะไรออกไปก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้ว สู้นิ่งไว้แล้วตั้งสติหาวิธีแก้ปัญหาคงจะดีกว่า
"มึงว่าไงนะ! " ครั้งนี้เขาพูดด้วยเสียงที่ตะคอกอย่างชัดเจน พลางง้างมือคล้ายว่าจะลงหมัด ผมที่ไม่เก่งเรื่องแบบนี้จึงได้แต่หลับตาปี๋เตรียมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น
"ปล่อยเขา เขาเป็นหมอนะ" ชายคนนึงเดินเข้ามาแล้วจับแขนชายคนนั้นออกให้ผม
"ขอบคุณครับคุณ.."
"กันต์ครับ"
"ครับ..คุณกันต์"
คุณกันต์ เขาดูมีอายุที่มากกว่าผมเล็กน้อย ดูเป็นคนที่สุขุม รอบคอบและน่าจะไว้ใจได้พอสมควร เขามาพร้อมกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งดูแล้วคงมีอายุที่ใกล้เคียงกับหนุ่มน้อยที่อยู่ข้างๆ ผมตอนนี้ เธอมีหน้าตาที่ดูแล้วน่ารัก และใสซื่อ การแต่งตัวก็ดูยังเป็นเด็กในวัยมัธยม ทั้งสองคนคงเป็นไม่กี่คนในที่นี้ที่ไม่โวยวายหรือตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยสักนิด เพราะในแววตาของพวกเขานั้นนิ่งมากจนน่าตกใจ
"ก็ดูพวกมันสิ นั่งโอ๋กันอยู่แค่สองคน"
"ทำเหมือนไม่มีศพอยู่ตรงหน้างั้นแหละ! "
"คุณ! " ผมเผลอพูดตะคอกโดยไม่รู้ตัว เพราะเขาดันมาพูดเรื่องที่เสียมารยาทแบบนี้ให้กับคนที่เพิ่งเสียพี่ชายไปได้ฟัง
"ไม่เป็นไรครับ.." เด็กหนุ่มคนนั้นเอื้อมมือมาคว้าแขนผมเอาไว้
"ให้เกียรติผู้ตายหน่อยสิครับ" กันต์พูดขึ้นแทนผมที่เริ่มจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
"เออๆ กูขอโทษ" เขาพูดขอโทษมาแบบปัดๆ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่กลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังคงยืนถกเถียงกันอยู่
"คุณเป็นหมอใช่ไหมครับ" เขาพูดพลางมองมาที่ผมซึ่งในตอนนี้อยู่ในท่าที่กึ่งนั่งกึ่งยืนอยู่
"ใช่ครับ.."
"ขอถามเกี่ยวกับ..เขาหน่อยได้ไหมครับ" เขาพูดพลางมองไปที่ร่างนั้นที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
"มันก็ได้แหละครับ แต่เขาเป็นพี่ของ.." ผมหันไปมองที่หนุ่มน้อยคนนั้นอีกครั้ง เขายิ้มให้ผมบางๆ ราวกับอยากจะบอกว่าไม่เป็นไร
"งั้นขอพี่ถามเกี่ยวกับพี่เราหน่อยได้ไหม" กันต์หันไปมองที่หนุ่มน้อยแทน
หรือผมอาจจะคิดผิดเรื่องลักษณะภายนอกของเขา ใครให้มาถามเรื่องที่แบบนี้กับคนที่เพิ่งเสียญาติสนิทไปกัน นี่มันทำร้ายจิตใจกันชัดๆ
"อย่าเพิ่งถามเขาเลยครับ เดี๋ยวผมอธิบายให้ฟังเอง"
"หนูน้อย พี่ฝากดูแลหนุ่มน้อยคนนี้หน่อยได้ไหม" ผมหันไปคุยกับคนที่คาดว่าน่าจะเป็นน้องสาวของคุณกันต์ เพื่อฝากหนุ่มน้อยให้เธอคอยปลอบเขาแทนผม บางทีเด็กวัยเดียวกันอาจจะเข้าใจกันมากกว่าก็ได้
"ได้ค่ะ" เธอยิ้มรับและพยักหน้าตอบอย่างสดใส ก่อนจะเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหนุ่มน้อยคนนั้นทันที
"พวกเราไปคุยกันห่างจากเขาหน่อยดีกว่าครับ" ผมหันไปพูดกับกันต์ก่อนจะเดินนำไปให้ห่างจากหนุ่มน้อยในระดับนึงโดยหวังว่าเขาจะไม่ได้ยิน
"อยากถามอะไรครับ" ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นต่างจากก่อนหน้านี้ เพราะดูแล้วเขาเองก็คงจริงจังมากเช่นกัน
"ขอถามสาเหตุการตายหน่อยได้ไหมครับ"
"ผมก็ไม่ใช่หมอเฉพาะทางด้านนี้นะครับ..คงตอบคุณได้แค่คร่าวๆ จากการพลิกศพดูเท่านั้น"
"ไม่เป็นไรครับ แค่ขอให้มีข้อมูลหน่อยก็พอ"
"ดูจากภายนอกแล้วคงเกิดจากทนพิษบาดแผลไม่ไหวครับ เพราะกระสุนดันโดนจุดสำคัญอย่างบริเวณปอดถึงสองนัด ซึ่งผมไม่มั่นใจว่ากระสุนนั้นทะลุหรือยังคงฝังอยู่ด้านใน เพราะผมเองก็ไม่มีอำนาจมากพอในการจะทำอะไรกับศพอย่างพวกพลิกศพหรือชันสูตร และจากระยะเวลาที่ผมออกมาจากห้องหลังจากมีเสียงปืนคิดว่าไม่น่าเกิน 7 นาที แล้วดูจากปริมาณเลือดโดยรอบแล้วคงไม่น่าจะถึง 2 ลิตร การตายจากสภาวะช็อคจึงอาจไม่ใช่คำตอบครับ"
"คุณหมอ...วิเคราะห์มาได้ขนาดนี้เลยหรอครับเนี่ย" กันต์มองหน้าผมแบบอึ้งไปเล็กน้อย
"จะว่าวิเคราะห์ก็คงไม่ถูกหรอกครับ เพราะถ้าจะให้ได้ผลวิเคราะห์ 100% คงต้องพึ่งแพทย์นิติเวชนะครับ ผมบอกได้แค่ภายนอกเท่านั้น"
"นี่ก็ถือว่าได้ข้อมูลมาพอสมควรแล้วครับ"
"ว่าแต่..ผมได้ยินเสียงปืนดัง3นัดนะครับ ทำไมถึงโดนยิงแค่สองล่ะ"
"คิดว่าอีกนัดนึงคงโดนเขาน่ะครับ" ผมพูดไปมองเด็กหนุ่มคนนั้นไป ตอนนี้เขามีสีหน้าที่นิ่งมากจนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาเพิ่งเสียพี่ชายไป
"โดนเขา? " กันต์มองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นด้วยสีหน้าที่งงงัน
มันก็ไม่แปลกหรอกครับที่เขาจะทำหน้าแบบนั้น เพราะแผลนั่นมันแค่รอยกระสุนเฉี่ยวเล็กๆ เท่านั้น ถ้าไม่สังเกตก็คงจะไม่เห็นจริงๆ
"ที่ขาน่ะครับ.." ผมตอบพลางชี้ไปที่บริเวณขาของหนุ่มน้อยให้กันต์ดู
"อ่อ..แล้วเขาไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม"
"คิดว่าไม่ครับ อาจจะแค่รู้สึกร้อนๆ รอบแผลนิดหน่อย แต่คงไม่ถึงขั้นเจ็บปวดหรอกครับ เพราะมันแค่เฉี่ยว"
"ครับ.."
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ"
"ถึงจะแค่กระสุนเฉี่ยวแต่ถ้าไม่รีบทำแผล แผลอาจจะติดเชื้อได้"
"ไม่มีอะไรแล้วครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูล"
"คุณ..เป็นตำรวจหรอครับ? " จากลักษณะการพูดของเขาถ้าไม่ใช่พวกตำรวจ ก็คงเป็นนักสืบนั่นแหละ แต่ถามเพื่อความแน่ใจไว้ก่อนคงดีกว่า
"เปล่าครับ ผมเป็นแค่นักสืบเอกชนน่ะ"
"แต่คุณหมอไว้ใจผมได้แน่นอนครับ ผมสัญญา" เขาตอบผมกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง และผมก็หวังว่าผมจะเชื่อคำพูดของเขาได้ตามที่เขาสัญญาเอาไว้จริงๆ
ผมโค้งให้เขาเล็กน้อยตามมารยาทก่อนจะเดินกลับไปหาหนุ่มน้อยคนนั้นเพื่อพาเขาไปทำแผล ระหว่างทางก่อนที่จะถึงห้องล็อบบี้เหมือนผมจะเห็นห้องพยาบาลอยู่ แล้วได้แต่หวังว่ามันจะมีอุปกรณ์ทำแผลพวกผ้าก็อต แอลกอฮอล์ น้ำเกลือ และยาที่จำเป็นอย่างยาแก้ปวดอยู่บ้าง
"เป็นไงบ้างครับ" ผมทักทายเด็กน้อยทั้งสองด้วยรอยยิ้ม คงเพราะพวกเขาเป็นเด็กในวัยเดียวกันเลยดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีพอสมควร
"ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ แต่ไม่รู้ทำไม..เลือดยังไหลอยู่เลย" เขาพูดพลางมองไปที่แผลของตัวเองที่ยังคงมีเลือดซึมออกมาเป็นระยะตามที่เจ้าตัวได้บอกไว้
"มาครับ เดี๋ยวพี่พาไปทำแผลนะ" ผมยื่นมือให้เขาจับเพื่อลุกขึ้นยืน โชคยังดีที่กระสุนไม่ได้โดนช่วงเอ็นร้อยหวายไม่อย่างนั้นคงทรมานน่าดู
"ขอบคุณครับ" เขายื่นมือมาจับมือของผมเอาไว้แล้วดันตัวเองให้ลุกขึ้นมายืนตรงหน้าผม
"สูงจัง.."
"ครับ? "
"เปล่าๆ ไม่มีอะไร"
ด้วยความที่ก่อนหน้านี้สถานการณ์ในนี้ค่อนข้างวุ่นวายจนผมไม่ค่อยได้สังเกตรูปร่างหน้าตาของเด็กหนุ่มคนนี้มากเท่าที่ควร
เด็กหนุ่มคนนี้เรียกได้ว่ามีใบหน้าที่หล่อเหลาเอาการ ตัวสูงใหญ่ คงราวๆ 185 ซม.ขึ้นไป เพราะผมที่สูง 173 ซม.ระดับสายตายังคงอยู่เพียงแค่บริเวณช่วงไหล่ของเขาเท่านั้น ถ้าผมไม่เห็นว่าเขาใส่ชุดพละของโรงเรียนมัธยมอยู่ละก็ ผมคงนึกว่าเขาเป็นนายแบบมืออาชีพแน่ๆ
"เกลมานี่มา" กันต์ที่เดินตามผมมาทีหลังเอ่ยเรียกหนูน้อยที่ตอนนี้กำลังลุกปัดกระโปรงพริ้วของตัวเองอยู่
"ค่าาา" เกลตอบกลับพี่ชายอย่างร่าเริงแล้วเดินกลับไปหาผู้เป็นพี่ทันที
"ไว้เจอกันนะคะพี่ๆ " เธอหันมาโบกมือให้กับพวกเราที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับพี่ชายของตัวเอง
"พวกเราก็ไปกันบ้างเถอะ"
"ครับ" เขาตอบผมมาสั้นๆ ด้วยรอยยิ้มบางๆ ถึงสำหรับใครหลายคนที่มองมันอาจดูเป็นยิ้มที่ไม่จริงใจนัก แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เขาเพิ่งจะสูญเสียพี่ชายไปนั้น รอยยิ้มแบบนี้คงหาได้ยากเลยทีเดียว
To Be Continued