Your Wishlist

Amnesiac Queen (Chapter 3: แฟนสาว — ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เข้าใจว่ารักคืออะไร)

Author: Chestnut (ฺBuaElla แปล)

เป็นอีกครั้งที่เย่เจินเจินสูญเสียความทรงจำของเธอไป เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอคือ 1. คุณตาที่ถูกฆาตกรรม 2. มรดกมหาศาล 3. คู่หมั้นที่มีความรักอย่างลึกซึ้ง 4. ลุงผู้เอาแต่ใจและภรรยาของเขา 5. คนรับใช้ที่ว่านอนสอนง่าย 6. หมอที่ห่างเหินและเย็นชา 7. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตกที่นั่งลำบาก เย่เจินเจินจ้องมองพวกเขาทั้งหมดอย่างสงสัย ใครคือฆาตกร? ใช่เธอหรือเปล่า? หรือว่า…? มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นฆาตกรตัวจริง แต่มีผู้ร้ายมากกว่าหนึ่งคน

จำนวนตอน : 67 Chapters

Chapter 3: แฟนสาว — ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เข้าใจว่ารักคืออะไร

  • 03/05/2564

หลังจากโจวอี้กลับออกไปแล้ว ซุนเฉียนและฉินกงถูกไล่ออกจากห้องผู้ป่วยโดยคุณหมอจื่อเจ๋อหยวน ฉินกงยืนอยู่ที่โถงทางเดิน จ้องตาลุกวาวไปที่จื่อเจ๋อหยวน “เธอเป็นคู่หมั้นของผม! ทำไมคุณต้องไล่ผมออกมาด้วย? อย่าคิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ!”

 

จื่อเจ๋อหยวนเหลือบมองฉินกง จากนั้นเขาก้มศีรษะให้กับพยาบาลที่ยืนอยู่ด้านข้างและพูดว่า "ในเมื่อคุณฉินไม่ต้องการจากไป ช่วยให้น้ำตาลกลูโคสเขาหนึ่งขวดด้วยแล้วกัน"

 

ฉินกง “…”

 

นางพยาบาลหัวเราะเบาๆ ชี้ไปที่ม้านั่งในห้องโถง "คุณฉิน ตอนนี้ไม่มีห้องว่างค่ะ เกรงว่าคุณจะต้องทนทุกข์ทรมานและต้องใส่ IV ที่โถงทางเดิน"

 

ฉินกง "..."

 

เขาตะคอกใส่จื่อเจ๋อหยวน หมุนตัวจากไปพร้อมกับก้าวขาอย่างหนัก ซุนเฉียนเหลือบมองไปที่จื่อเจ๋อหยวน อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ลังเล

 

“คุณซุน มีอะไรรึเปล่าครับ?”

 

“เอ่อ…” ซุนเฉียนเม้มปากก่อนยิ้มให้จื่อเจ๋อหยวน “คุณหมอจื่อ ฉันอยากถามว่าเจินเจินความจำเสื่อมจริงๆหรอคะ?”

 

จื่อเจ๋อหยวนตอบว่า “เรื่องนี้ผมก็ยืนยันไม่ได้”

 

ซุนเฉียนกระพริบตาใส่เขา “หมายความว่าเธออาจแกล้งทำเหรอคะ?”

 

“อาจเป็นไปได้ แต่ตามที่ผมประเมิน ผู้ป่วยอาจความจำเสื่อมจริงๆ”

 

ซุนเฉียนกัดริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีแดงสด เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มให้จื่อเจ๋อหยวน “ขอบคุณค่ะคุณหมอจื่อ”

 

เมื่อเธอพูดจบ เธอก็มุ่งหน้าไปที่ลิฟต์ จื่อเจ๋อหยวนมองดูร่างที่จากไปของเธอ จากนั้นหันกลับมาและเดินไปที่ปลายอีกด้านของโถงทางเดิน

 

ภายในห้องผู้ป่วย เย่เจินเจินนอนอยู่บนเตียงด้วยความมึนงงสับสน เฝ้าครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสองวัน

 

เนื่องจากหมอจื่อเข้มงวดกับเวลาเยี่ยม เธอจึงสามารถถามซุนเฉียนเกี่ยวกับตัวเองได้เล็กน้อย

 

ชื่อเต็มของเธอคือ เย่เจินเจิน เธออายุ 21 ปีในปีนี้และเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 เมื่อเธออายุ 15 ปีเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำให้พ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตโดยไม่คาดคิด เธอเคยสูญเสียความทรงจำไปแล้ว วันนี้เธอเพิ่งค้นพบว่าตัวเองมีคู่หมั้น เย่เจินเจินขมวดคิ้วรู้สึกราวกับว่าศีรษะของเธอปวดอีกครั้ง

 

“คุณเย่ ถึงเวลาทานยาแล้วค่ะ”

 

เสียงอันอ่อนโยนของพยาบาลดังลอดเข้ามาในหูของเธอ เย่เจินเจินขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่ง พยาบาลช่วยเธอวางหมอนไว้ด้านหลัง จากนั้นยื่นยาและน้ำอุ่นให้ เย่เจินเจินเหลือบมองไปที่เม็ดยาสีสดใสแล้วกลืนลงไปพร้อมกับน้ำ

 

เมื่อเห็นเธอกลืนยาลงไปแล้ว พยาบาลก็เขย่าเทอร์โมมิเตอร์ในมือก่อนจะใส่เข้าไปในปากของเย่เจินเจิน “คุณหมอจื่อบอกว่าตอนนี้คุณต้องพักผ่อน อย่ามัวแต่คิดมากค่ะ”

 

“อืม” เทอร์โมมิเตอร์ยังคาอยู่ในปากของเธอ เธอจึงพูดเสียงอู้อี้ฟังไม่ชัดว่า “อ่ออื่ออุ้งอู่อ๋ออะ?”

 

พยาบาลสาวพยักหน้า “ค่ะ ถึงแม้คุณหมอจื่อจะอายุแค่ยี่สิบหก แต่ที่โรงพยาบาลนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงพอตัวเลยค่ะ”

 

“อิงอ๋อ?”

 

นางพยาบาลพยักหน้าอีกครั้ง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชม “คุณหมอจื่อเป็นอัจฉริยะ เขาตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ในสหรัฐอเมริกาตอนอายุ 19 และยังมีส่วนร่วมในโครงการวิจัยอีกสองสามโครงการที่นั่นหลังจากเขากลับประเทศ เขาก็มาที่โรงพยาบาลของเรา มีข่าวลือว่าผู้อำนวยการใช้เงินจำนวนมากเพื่อจ้างเขา เขาได้ทำการผ่าตัดขนาดใหญ่ไปแล้วหลายครั้ง พยาบาลหลายคนในโรงพยาบาลของเราก็ชอบเขามากค่ะ"

 

“อ้าว..” เย่เจินเจินยังคงอมเทอร์โมมิเตอร์ไว้ในปาก และผงกศีรษะขึ้นมองพยาบาลที่อยู่ตรงหน้า “อ๋ออื่อ อังไอ้อีแอนอ่ออะ?”

 

พยาบาลคิดนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนโน้มตัวไปข้างหน้า กระซิบที่ข้างหูเย่เจินเจิน “ฉันได้ยินจากคนอื่นมาว่า คุณหมอจื่อก่อนหน้านี้เคยเดทกับพยาบาลคนหนึ่งในโรงพยาบาลของเรา พยาบาลคนนั้นอยู่อีกวอร์ด สวยสุดๆไปเลย แต่เธอนอกใจคุณหมอ คุณหมอจับได้ก็เลยเลิก”

 

อะไรนะ——?

 

เย่เจินเจินแทบจะกัดเทอร์โมมิเตอร์ในปากของเธอแตกเป็นชิ้นๆ หมอจื่อเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาและใจดีขนาดนี้ ยังมีคนนอกใจเขาจริงเหรอ? พยาบาลคนนั้นปัญญาอ่อนรึไงกัน?

 

“ไอ่หยา คุณเย่อย่าตื่นเต้นไปค่ะ” พยาบาลมองเทอร์โมมิเตอร์ในปากของเย่เจินเจินอย่างกังวล “ข่าวลือนี้ฉันได้ยินมาจากคนอื่นค่ะ คุณอย่าพูดเรื่องนี้กับคุณหมอเชียวนะคะ”

 

“อืม” เย่เจินเจินพยักหน้า แต่ยังคงหายใจแรงด้วยความโกรธ พยาบาลบันทึกอุณหภูมิของเธอและออกจากห้องไป เย่เจินเจินเอนหลังเพื่องีบหลับ พยาบาลกลับมาพร้อมอาหารกลางวัน แต่คราวนี้จื่อเจ๋อหยวนก็มากับเธอด้วย

 

เขาเดินมาที่ข้างเตียงและถามเย่เจินเจินว่า “วันนี้คุณยังเจ็บหัวอยู่ไหม?”

 

เย่เจินเจินส่ายหน้า “เมื่อกี้เจ็บนิดหน่อยค่ะ แต่พอกินยาก็หายเจ็บ”

 

จื่อเจ๋อหยวนพยักหน้าและจดบันทึกในคลิปบอร์ดในมือ เขาถามอีกครั้งว่า "มีที่ไหนในร่างกายของคุณที่รู้สึกไม่สบาย?"

 

“ไม่มีค่ะ ฉันแค่รู้สึกเพลียๆเท่านั้น”

 

"ตอนนี้คุณยังอ่อนแอมาก ถ้าคุณเหนื่อยก็นอนเถอะ"

 

“ได้ค่ะ” เย่เจินเจินเงยหน้าขึ้นมองเขา รูปลักษณ์และท่าทางของเขาสง่างามมาก แม้ว่าเขาจะทำสีหน้าเฉยเมยมาโดยตลอด แต่เธอก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนเย็นชา อย่างน้อยเขาก็เป็นห่วงคนไข้และรักงานของเขาจริงๆ

 

ริมฝีปากของเธอกระตุกและโพล่งถามออกไปว่า “คุณหมอจื่อทานข้าวยังคะ?”

 

พยาบาลที่ยืนอยู่ด้านข้าง "..."

 

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นคนไข้หญิงต้องการจีบหมอจื่อ แต่คนที่ถามกลับเป็นหญิงสาวผู้ร่ำรวย! ขวานผ่าซากไปหน่อยไหม? เธอหันหน้าไปมองจื่อเจ๋อหยวนเพื่อฟังคำตอบ

 

จื่อเจ๋อหยวนหยุดการจดบันทึกไว้ชั่วคราว ก่อนที่จะตอบว่า "ยังไม่ได้ทานครับ"

 

ดวงตาคู่โตของเย่เจินเจินกระพริบ “คุณหมอจื่อ คุณไม่ควรจดจ่อกับงานมากเกินไป คุณต้องดูแลร่างกายของคุณให้ดีด้วย”

 

“อืม” จื่อเจ๋อหยวนเปล่งเสียงเป็นทำนองว่าเห็นด้วย “คุณทานข้าวเสร็จแล้วก็นอนพัก พยาบาลจะมาปลุกคุณตอนถึงเวลาทานยา”

 

เย่เจินเจินยอมรับก่อนที่จะถามอย่างสงสัย "คุณหมอจื่อ ฉันขอออกไปเดินเล่นได้ไหมคะ?" วันนี้แดดจ้าและดูเหมือนว่าข้างนอกจะอากาศอบอุ่นมาก ถ้าทำได้เธอก็อยากออกไปอาบแดดบ้างไรบ้าง

 

แต่หมอจื่อคัดค้านคำขอของเธอ “ด้วยสภาพร่างกายตอนนี้ คุณไม่สามารถไปเดินเล่นได้”

 

เย่เจินเจินคอตก จื่อเจ๋อหยวนจึงพูดต่อว่า “แต่คุณออกไปรับแดดได้...”

 

“จริงหรอคะ?” เธอเงยหน้าขึ้น มองเขาที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าประหลาดใจแกมดีใจ

 

จื่อเจ๋อหยวนพยักหน้าและหันไปทางพยาบาล “เอารถเข็นมาที่นี่”

 

“ค่ะ” นางพยาบาลพยักหน้าก่อนเดินออกไป จื่อเจ๋อหยวนหันกลับมามองเย่เจินเจินที่ตอนนี้มองเขาเหมือนลูกหมาน้อย จู่ๆเขาก็นึกถึงเรื่องตลก

 

“คุณทานข้าวเสร็จแล้ว ผมจะเข็นคุณออกไปข้างนอกเอง”

 

“หา?” เย่เจินเจินทำหน้าเหลือเชื่อ หมอจื่อจะเป็นคนเข็นรถเข็นเธอ?  ทันนั้นเธอก็รู้สึกกระวนกระวายใจ “ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ คุณยุ่งออก ให้พยาบาลเข็นฉันออกไปก็พอแล้วค่ะ”

 

“ก็ไม่ได้ยุ่ง ตอนบ่ายผมพักพอดี” หมอจื่อเสียบปากกาลงในคลิปบอร์ดแล้วหมุนตัวออกจากห้องไป

 

คำว่าแต่ยังคาอยู่ที่ลำคอของเย่เจินเจิน เธอไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ ไม่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ เธอจึงกลืนคำพูดลงไป

 

ไม่นานหลังจากอาหารเที่ยง จื่อเจ๋อหยวนก็กลับเข้ามา เดิมทีเย่เจินเจินคิดว่าจะลุกขึ้นไปนั่งรถเข็นด้วยตัวเอง แต่ท้ายที่สุดจื่อเจ๋อหยวนก็เป็นคนอุ้มเธอนั่งรถเข็น

 

ร่างกายของเขามีกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ความรู้สึกเหมือนผ้าห่มที่ถูกวางตากแห้งในแสงแดดยามบ่าย  อบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ แขนของเย่เจินเจินโอบรอบคอของเขาเบาๆ เธอไม่รู้ว่าหมอจื่อจะรู้สึกได้หรือไม่ว่าการเต้นของหัวใจของเธอเร็วขึ้นหรือการหายใจของเธอไม่คงที่

 

จื่อเจ๋อหยวนวางเย่เจินเจินนั่งลงบนรถเข็นอย่างอ่อนโยน เขาคลี่ผ้าห่มผืนบางไว้ที่ขาของเธออย่างระมัดระวัง เย่เจินเจินแสดงความขอบคุณอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน หมอจื่อทำเสียงแผ่วเบาเพื่อรับทราบ จากนั้นเขาก็ผลักเธอออกไปนอกวอร์ด

 

อาจเป็นเพราะอากาศดีมาก สวนของโรงพยาบาลจึงมีผู้ป่วยจำนวนมากออกมาเดินเล่น ดวงอาทิตย์ในเดือนมีนาคมทำให้ท้องฟ้าสว่างไสวไม่ว่าจะหนาวหรืออบอุ่น  สมบูรณ์แบบที่สุด ตอนนี้เธออยู่ห่างไกลจากกลิ่นยาฆ่าเชื้อในห้องผู้ป่วยแล้ว เย่เจินเจินรู้สึกว่าอารมณ์ของเธอดีขึ้นมาก

 

จื่อเจ๋อหยวนผลักรถเข็นไปข้างต้นไม้ใหญ่ เย่เจินเจินมองดูเหล่าพยาบาลที่มาเป็นเพื่อนผู้ป่วย เดินๆหยุดๆ และรู้สึกผิดต่อเขา เธอเอ่ยว่า “ขอโทษที่รบกวนเวลาพักของคุณหมอค่ะ”

 

จื่อเจ๋อหยวนดูไม่ใส่ใจ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เดิมที่ผมก็กะว่าจะออกมาเดินเล่นหลังพักเที่ยงอยู่แล้ว”

 

เย่เจินเจินเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอหัวเราะคิกคัก "คุณหมอจื่อ คุณรู้ไหมว่าตอนที่ได้ยินคุณเรียกฉันว่าเย่เจินเจินทำให้ฉันอยากจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกจริงๆ! ตอนแรกฉันกังวลว่าจะถูกเรียกว่าหลี่โกวดาน หรืออะไรสักอย่าง ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะทำไงดี?”

 

จื่อเจ๋อหยวนไม่ตอบ รอยยิ้มของเย่เจินเจินเลือนหาย เธอสงบปากลงก่อนจะถามอีกครั้ง "หมอจื่อ คุณคิดว่าฉันจะฟื้นความทรงจำได้ไหมคะ?"

 

จื่อเจ๋อหยวนกล่าวว่า "มีหลายกรณีที่ผู้ป่วยฟื้นความทรงจำหลังจากสูญเสียความจำ แม้ว่าคุณจะได้รับการกระแทกที่ศีรษะ แต่ก็ไม่มีลิ่มเลือดอุดตันเส้นประสาทในสมอง มันต้องเป็นปัจจัยทางจิตวิทยาที่ ทำให้คุณสูญเสียความทรงจำ"

 

“ปัจจัยทางจิตใจ?” เย่เจินเจินพูดซ้ำสองคำนี้โดยไม่รู้ตัว เธอเห็นอะไรในสถานที่เกิดเหตุถึงกับทำให้เธอสะเทือนใจและทำให้เธอสูญเสียความทรงจำ? "ถ้าอย่างนั้นการไปพบจิตแพทย์เพื่อฟื้นความจำจะเป็นประโยชน์ไหมคะ? ฉันจำได้ว่าอ่านที่ไหนสักแห่งที่การสะกดจิตสามารถช่วยให้ใครบางคนฟื้นความจำได้"

 

จื่อเจ๋อหยวนเงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดว่า "การสะกดจิตสามารถสร้างภาระให้กับร่างกายของคุณ ตอนนี้ด้วยสถานการณ์ของคุณไม่เหมาะที่จะรับการสะกดจิต"

 

เย่เจินเจินเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไรอีก จื่อเจ๋อหยวนมองไปที่เธอสักครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้ง "ผมทราบว่าอาการหลงลืมทำให้คุณรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ไม่ควรรีบร้อน พักฟื้นรอให้ร่างกายของคุณหายดีก่อน ไม่สายเกินไปที่จะเข้ารับการรักษาทางจิตใจในตอนนั้น"

 

"อืม" เย่เจินเจินพยักหน้า ถ้าเป็นหมอจื่อ เธอยินยอมรับฟังคำแนะนำของเขา ไม่เพียงเพราะเขาเป็นหมอที่เก่งกาจ แต่ยังเป็นเพราะเมื่อเทียบกับคุณป้าและคู่หมั้นที่เธอไม่คุ้นเคย เธอเต็มใจที่จะเชื่อเขามากกว่าโดยไม่รู้ตัว

 

บนกิ่งไม้เหนือพวกเขา มีนกตัวเล็กส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว กระพือปีกบินจากไปขณะที่พยาบาลสาวเข็นรถเข็นคุณทวดผ่านต้นไม้

 

โรงพยาบาลประจำเมืองเป็นโรงพยาบาลอันดับสาม รูปลักษณ์ของพยาบาลก็เป็นอันดับสามเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพยาบาลที่อยู่ตรงหน้า ราวกับว่าเธอรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของเย่เจินเจิน พยาบาสาวก็ชะลอฝีเท้าและมองไปที่เธอก่อนที่จะหยุดกะทันหัน

 

คิ้วของเย่เจินเจินเลิกขึ้นสูง เดี๋ยวก่อนนะ เกิดอะไรขึ้น? ดูเหมือนว่าเมื่อสักครู่ปฏิกิริยาของหมอจื่อดูแข็งๆผิดปกติ

 

‘พยาบาลคนนั้นอยู่อีกวอร์ดและสวยมาก แต่เธอนอกใจ และเมื่อหมอจื่อรู้ พวกเขาก็เลิกกัน’

 

หรือว่าจะเป็น....

 

พยาบาลสาวคนนั้นคือคนที่นอกใจ?!

 

ราวกับว่าพยาบาลคนนั้นสามารถอ่านและเข้าใจการแสดงออกของเย่เจินเจินได้ เธอตรงดิ่งเข้ามา “คุณมองฉันแบบนั้นหมายความว่าไง? คุณคิดว่าฉันเป็นพยาบาลที่นอกใจคนนั้นเหรอ!”

 

เย่เจินเจิน "..."

 

เธอกระพริบตา นี่เธอแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยหรอ?

 

พยาบาลไม่รอให้เย่เจินเจินตอบกลับ ก่อนที่จะมองไปทางจื่อเจ๋อหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆเย่เจินเจิน “หมอจื่อ คุณบอกคนไข้เรื่องนี้ได้ยังไง! ไม่เพียงแค่นั้น คุณยังกล้าบอกว่าฉันเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ!!!”

 

เย่เจินเจินหูอื้อ เสียงตะคอกรุนแรงของพยาบาลสาวยังไม่หยุด “คุณรู้ไหมว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ตอนที่จะจูบ กอด หรือกลิ้งอยู่บนเตียง เขาปฏิเสธ! เขาไม่แม้แต่จะจับมือฉันด้วยซ้ำ! งั้นฉันจะมีแฟนไปทำไม? ฉันได้แต่เฝ้ามองเขาทุกๆวันโดยที่ไม่ได้แตะต้องตัวเขา ฉันทนไม่ได้! แล้วฉันผิดอะไรที่มองหาผู้ชายคนอื่น?!”

 

“ไม่ค่ะ คุณไม่ผิด...” เย่เจินเจินเงยหน้าขึ้น พายุฝนกระหน่ำลงมาใส่เธอขณะที่พยาบาลตะโกนอย่าคับแค้นใจ

 

นางพยาบาลถอยหลังไปสองก้าว ความโกรธของเธอดูเหมือนจะยังไม่ได้ระบายออกมาอย่างเต็มที่ เธอชี้ไปที่จื่อเจ๋อหยวน "เขาไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร!"

 

จนกระทั่งร่างของพยาบาลคนนั้นหายไปจากสวน หูของเย่เจินเจินก็ยังคงดังก้องด้วยความโกรธเกรี้ยวและความเกลียดชังจากพยาบาลสาว เธอและจื่อเจ๋อหยวนยังคงนิ่งอยู่ที่เดิม ลมพัดเย็นๆพัดใบไม้ที่ตายแล้วสองสามใบเป็นเกลียวลงมาจากต้นไม้

 

“คุณหมอจื่อ คุณไม่เคยแม้แต่จับมือเธอจริงๆหรอคะ?”

 

"..."

 

“หมอจื่อ คุณเคยทดสอบ EQ ของคุณหรือเปล่า?”

 

“EQ ของผมไม่ได้มีปัญหาอะไร ผมเพียงแต่...”

 

"ไร้สมรรถภาพ?"

 

"..."

 

“อุ๊ป ฉันขอโทษค่ะ ว่าแต่ทำไมคุณถึงคบกับเธอล่ะคะ?”

 

"เมื่อสักครู่คุณก็เห็นสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงของเธอแล้ว ถ้าผมปฏิเสธ มันอาจทำให้อาการป่วยของเธอแย่ลง"

 

“...งั้นคุณก็ปฏิบัติต่อเธอในฐานะผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์ใช่ไหมคะ?”

 

"อืม ต่อมาผมพบแพทย์คนอื่นมารับช่วงต่อ ดังนั้นผมจึงยุติการรักษาพยาบาลเธอ"

 

“...หมอจื่อ คุณไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไรจริงๆ”

 

"..."

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป