เมื่อวันที่ 13 มีนาคม เวลา 21:03 น. กรมตำรวจของเมือง A เขต XX ได้รับโทรศัพท์ฉุกเฉิน
คนที่รายงานคือ เย่กงผิง พ่อของเขา เย่หงเฉิง เสียชีวิตในห้องของตัวเองและยังพบหลานสาว เย่เจินเจิน นอนหมดสติอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบไปที่เกิดเหตุ ที่ด้านบนสุดของบันไดพวกเขาพบคราบเลือดเล็กๆ ในขณะเดียวกันเย่เจินเจินที่หมดสติได้ถูกนำส่งไปยังโรงพยาบาลศูนย์เมือง A แล้ว เย่หงเฉิงผู้ตายถูกพบในห้องของเขาบนชั้นสอง ผู้ร้ายใช้อาวุธมีคมแทงที่หน้าอกเขาสองครั้ง
ในวันที่เกิดเหตุโจวอี้ไม่ได้เข้าเวร แต่เขาถูกเรียกตัวทางโทรศัพท์เพื่อเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดล้อมที่เกิดเหตุทันที นอกเหนือจากบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้ามาช่วยเหลือและให้การรักษาพยาบาลแก่เย่เจินเจินแล้ว ยังมีคนอีก 4 คนในคฤหาสน์ตระกูลเย่
บุตรชายคนที่สองของผู้ตาย ‘เย่กงผิง’ ภรรยาของเขา ‘ซุนเฉียน’ ผู้ดูแลโจว และคนสวน ‘หวางเอ้อร์โกว’
จากการประเมินเบื้องต้นของนักนิติวิทยาศาสตร์ระบุว่าเวลาในการเสียชีวิตของเหยื่ออยู่ที่ประมาณ 19:09 น. และสาเหตุการเสียชีวิตมาจากบาดแผลถูกแทงที่หน้าอกด้วยอาวุธมีคม อย่างไรก็ตามตำรวจไม่สามารถหาอาวุธมีคมนี้ได้
โจวอี้คนหาทุกซอกทุกมุมเท่าที่เขาจะนึกออกก่อนที่จะเริ่มซักถามพยาน
คนแรกที่ถูกซักถามคือผู้ที่แจ้งเหตุ เย่กงผิง
“ราวๆ 7.09 น. คุณอยู่ที่ไหน? และทำอะไรอยู่ในช่วงเวลานั้น?”
ใบหน้าของซุนเฉียนซีดลง เธอเหลือบมองไปที่เย่กงผิงแต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เย่กงผิงกระแอมและเอ่ยด้วยเสียงที่แกว่งไปมาเล็กน้อยว่า "พวกเรา...พวกเรากำลังดูหนังอยู่ข้างนอก เมื่อดูหนังจบแล้วพวกเราก็รู้สึกไม่สบายใจเพราะพ่ออยู่บ้านคนเดียว ดังนั้นพวกเราก็เลยรีบกลับ แต่ไม่คิดว่า....”
โจวอี้ขมวดคิ้วยุ่น “คุณทิ้งให้ผู้ตายอยู่บ้านคนเดียวตั้งแต่แรก แล้วอยู่ๆเกิดรู้สึกไม่สบายใจที่ทิ้งเขาไว้บ้านคนเดียวเนี่ยนะ?”
เย่กงฉิงกระแอมอีกครั้ง “คุณ คุณอาจไม่ทราบ แต่วันนี้คือวันครบรอบวันตายของแม่ผม ทุกปีพ่อจะให้ทุกคนออกจากบ้านในวันนี้เพื่อที่พ่อจะได้อยู่บ้านคนเดียว”
โจวอี้ขมวดคิ้วยุ่งกว่าเดิม “งั้นทำไมผู้ดูแลโจวและคนสวนยังอยู่ที่บ้านล่ะ?”
“เรื่องนี้...เรื่องนี้คุณต้องถามพวกเขา”
โจวอี้จ้องเย่กงผิงและซุนเฉียนเขม็ง “คุณดูหนังเรื่องอะไร?”
“ผี ผีโรงเรียน ราชาจอเงิน ‘คุณโม่’ แสดง ภรรยาของผมเป็นแฟนหนังของเขา”
ดวงตาหลี่ซินหรันสว่างวาบด้วยความขบขันและเขาเกือบจะผิวปากแซว “ผมไม่คิดว่าคนรวยจะบ้าดาราด้วย!”
โจวอี้ปรายตามองเขา หลี่ซินหรันยิ้มแป้น “ฮิฮิ หัวหน้าก็รู้ว่าแฟนผมเป็นแฟนหนังของเขาเหมือนกัน” ราชาโม่เป็นศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ผู้ชาย
โจวอี้ไม่สนใจ หันศีรษะไปหาเย่กงผิงแล้วถามต่อว่า “คุณดูหนังจบตอนกี่โมง?”
“สองทุ่ม สองทุ่มครึ่งพวกเราก็ขับรถกลับบ้าน”
“คุณยังเก็บตั๋วหนังไว้ไหม?”
“แค่กๆ ไม่ ผมไม่ได้เก็บไว้”
น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเขาทำให้คิ้วของโจวอี้ยกขึ้นเล็กน้อย “คอของคุณไม่สบายหรือเปล่า?”
แค่ก แค่ก แค่ก เย่กงผิงไอต่อเนื่องก่อนจะพูดว่า “นิดหน่อย...ผมตกใจมากไปหน่อย”
โจวอี้นิ่งเงียบและจ้องมองเขา เย่กงผิงรู้สึกราวกับว่าทุกรูขุมขนบนร่างกายของเขากำลังถูกตรวจสอบโดยอีกฝ่าย เขารู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
โชคดีที่โจวอี้ถอนสายตากลับไป “มีใครที่ยืนยันได้ว่าคุณสองคนออกไปดูหนัง?”
เย่กงผิงนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะไม่มี”
โจวอี้อ่านบันทึกย่อของเขาและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองไปที่เย่กงผิงอีกครั้ง "คุณไปดูหนังในวันครบรอบการเสียชีวิตของแม่คุณ กรอบความคิดของคุณคงดีมากใช่ไหม?"
“เพราะ เพราะ...” เสียงของเย่กงผิงเริ่มสั่น
“เพราะว่าวันนี้ยังเป็นวันครบรอบที่เราเจอกันด้วยค่ะ” ซุนเฉียนที่เงียบมาตลอดในที่สุดก็อ้าปากพูด
โจวอี้ไม่แสดงความคิดเห็นและปิดสมุดบันทึกของเขา เขาออกไปหาพยานคนต่อไป เย่กงผิงและภรรยาของเขาเฝ้าดูเขาเดินไปไกล ๆ ก่อนที่จะถอนหายใจโล่งอกพร้อมกัน
พยานคนที่สอง ผู้ดูแลโจว
ผู้ดูแลโจวดูเหมือนจะสงบนิ่งกว่าผู้ต้องสงสัยรายแรกมาก เปรียบเทียบกับซุนเฉียนแล้ว เธอมีความคล้ายคลึงกับหญิงสูงศักดิ์ที่สงบนิ่งเมื่อเผชิญกับภัยพิบัติ “ฉันอยู่ที่บ้านของลูกสาวจนถึงสองทุ่ม แล้วก็ออกจากบ้านของลูกสาวมาที่นี่ ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมง ตอนที่ฉันมาถึง คุณซุนและสามีของเธอก็โทรเรียกตำรวจแล้วค่ะ”
โจวอี้มองเข้าไปในดวงตาของเธออยู่ชั่วครู่ ตามประวัติของเธอ เธออายุสี่สิบเก้าปีแต่ยังดูอ่อนเยาว์และดูดีอยู่ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขามากที่สุดคือท่าทางที่สงบนิ่งของเธอ แม้ว่าเขาจะจ้องมองเธอนิ่งๆ เธอเพียงแค่ทำหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
“ผมได้ยินมาว่าวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของคุณผู้หญิงเย่คนเก่า ดังนั้นคุณทุกคนควรออกไปอยู่ข้างนอก”
ผู้ดูแลโจวพยักหน้า “ตระกูลเย่มีกฎเช่นนี้จริง แต่ฉันทำงานที่ตระกูลเย่มา 25 ปีแล้ว และสุขภาพของคุณท่านก็ไม่ค่อยดีนัก บอกตามตรงฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ปล่อยให้ท่านอยู่บ้านคนเดียว ดังนั้นเลยกลับมาดูท่านค่ะ”
โจวอี้หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามว่า “มีใครยืนยันได้บ้างว่าคุณอยู่ที่บ้านของลูกสาวคุณ?”
“ลูกสาวของฉันค่ะ”
“นอกเหนือจากลูกสาวของคุณล่ะ?”
“ไม่มีค่ะ”
โจวอี้ปิดสมุดบันทึกของเขา “ขอบคุณสำหรับความร่วมมือครับ”
ผู้ดูแลโจวเฝ้าดูเขาจากไปก่อนที่เธอจะกลับไปทำงานทำความสะอาด
พยานคนสุดท้ายคือหวางเอ้อร์โกว
“วันนี้ตอนหนึ่งทุ่มเก้านาทีคุณอยู่ที่ไหน? ทำอะไรอยู่?”
ผิวของหวางเอ้อร์โกวแดงขึ้นเล็กน้อย ผมบนศีรษะของเขาก็ค่อนข้างยุ่งไม่เปนระเบียบราวกับว่าเขาเพิ่งตื่นนอน เขามองไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรงหน้าและตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า "ผมอยู่ในห้องของผม กำลังนอนหลับ"
โจวอี้ถามต่อว่า “ทำไมคุณถึงอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ ไม่ออกไปข้างนอกเหมือนคนอื่น?”
“ตอนแรกผมก็ว่าจะออกไป แต่วันนี้ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ เลยกินยาแล้วนอนพักสักหน่อย ผมตั้งใจจะออกไปตอนที่ไข้เริ่มลดลงแล้ว ในตอนท้ายผมก็หลับยาว ตื่นขึ้นมาตอนที่ทุกคนมาถึงแล้ว”
โจวอี้หันไปสบตาหลี่ซินหรันที่อยู่ข้างเขา และหลี่ซินหรันก็พยักหน้าแทนคำตอบ
โจวอี้ถามต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นมีใครยืนยันได้ว่าคุณหลับอยู่ในห้องตลอดเวลา?”
หวางเอ้อร์โกวเกาศีรษะ “คุณตำรวจ ผมไม่มีภรรยาแล้วใครที่ไหนจะยืนยันได้ว่าผมอยู่ในห้องของผม หือ?”
โจวอี้ปิดสมุดบันทึก “สรุปว่าไม่มีใครเลย?”
“อ่า ไม่มีครับ”
หวางเอ้อร์โกวดูเหมือนจะไม่สูงมากนัก แต่เขาเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ผิวของเขาค่อนข้างคล้ำและรอยยิ้มของเขาก็เผยให้เห็นฟันขาว มารยาทของเขาสามารถอธิบายถึงตัวตนที่เรียบง่ายของเขา และรสนิยมทางแฟชั่นอาจกล่าวได้ว่าไม่มีเลย
เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองสำรวจเขา หวางเอ้อร์โกวก็เกาศีรษะอย่างเขินอายและยิ้มให้โจวอี้
“หน้าที่หลักของคุณในคฤหาสน์ตระกูลเย่มีอะไรบ้าง?”
“หน้าที่หลักของผมคือดูแลสวน บางอาทิตย์ถ้าผู้ดูแลโจวไม่สามารถจัดการได้ ผมก็เข้าไปช่วยบ้าง”
โจวอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามต่อว่า “ผู้ดูแลโจวเป็นคนยังไง? ตามที่คุณคิด?”
"ผู้ดูแลโจวอาศัยอยู่กับตระกูลเย่เป็นเวลาหลายปี มีความสามารถมาก อาหารประจำวันของนายท่านและคุณหนูได้รับการดูแลจากเธอ หลายปีที่ผ่านมาคฤหาสน์ตระกูลเย่ได้รับการจัดการดูแลโดยเธอ ดังนั้นทุกอย่างจึงสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย"
"ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผู้ตายเป็นยังไง?"
หวางเอ้อร์โกวตอบว่า “นายท่านไว้ใจเธอมาก และเธอเคารพนายท่านมากเช่นเดียวกัน”
“ขอบคุณสำหรับความร่วมมือครับ”
จบการซักถาม โจวอี้ก็ไปยืนอยู่ด้านข้างและก้มมองสมุดบันทึกของเขาและจมอยู่กับความคิด
หลี่ซินหรันได้ตรวจสอบคำพูดของผู้ดูแลโจวกับลูกสาวของเธอแล้ว และได้เดินไปหาโจวอี้ "หัวหน้า ผมตรวจสอบคำพูดของเธอเสร็จแล้ว ผู้ดูแลโจวออกเดินทางประมาณ 20.00 น."
โจวอี้เปลี่ยนท่าทางของเขา ยืนพิงกำแพงมองไปที่หลี่ซินหรัน "ความน่าเชื่อถือของคำให้การของพวกเขาไม่ได้สูงมาก"
หลี่ซินหรันพยักหน้า “หัวหน้าเจออะไรบางอย่างแล้วหรอครับ?”
“เจอ?” โจวอี้หัวเราะ “พวกเขาไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุสักคน”
วันที่ 15 มีนาคม 22.00 น. แสงไฟในห้องทำงานของโจวอี้ยังคงเปิดสว่าง
เขากำลังอ่านบันทึกที่รวบรวมในวันที่เกิดเหตุฆาตกรรมและพยายามหารายละเอียดบางอย่างที่เขาอาจมองข้ามไป
ในคืนวันที่ 13 ฆาตกรได้สังหารเย่หงเฉิง และเย่เจินเจินถูกผลักตกบันไดโดยไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ ดูเหมือนว่าฆาตกรจะรู้ว่าวันนั้นคฤหาสน์ตระกูลเย่จะว่างเปล่า เป็นไปได้มากว่าเขาหรือเธอได้เลือกวันนั้นเพื่อลงมือฆ่าคน
เมื่อมองตามนี้ ดูเหมือนว่าฆาตกรจะคุ้นเคยกับผู้ตายเป็นอย่างดีและคุ้นเคยมากถึงกับรู้จักกฎที่ไม่ได้เขียนไว้นี้
คู่สามีภรรยา ผู้ดูแลโจว หวางเอ้อร์โกวและฉินกง ต่างก็มีเกณฑ์ที่จะเป็นฆาตกรและไม่มีใครมีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ อย่างไรก็ตามแรงจูงใจของพวกเขาคืออะไร?
โจวอี้นวดขมับและดื่มกาแฟที่เย็นแล้วบนโต๊ะ
“หัวหน้า ยังไม่กลับหรอครับ? คงไม่คิดจะนอนอยู่ที่ทำงานหรอกใช่ไหมครับ?” หลี่ซินหรันที่เปลี่ยนมาสวมชุดลำลองแล้ว สายตาจับอยู่ที่โจวอี้ที่ยังอยู่ในห้องทำงานขณะที่เขาคว้ากุญแจรถของเขา
โจวอี้วางแก้วกาแฟลงและมองหลี่ซินหรัน “นายกลับไปก่อน อีกเดี๋ยวฉันก็จะกลับแล้วล่ะ”
หลี่ซินหรันหยิบกุญแจขึ้นมาและเดินตรงไปที่ทางออกได้สองสามก้าวก่อนจะหันหน้ากลับมามองด้านหลัง “หัวหน้า กาแฟเย็นไม่ดีต่อท้องนะครับ”
โจวอี้กระแอมและโบกมือลา หลี่ซินหรันส่งจูบให้เขาก่อนหมุนตัวเดินออกจากสถานีตำรวจ
คนเดียวที่เหลืออยู่ในสถานีตำรวจขนาดใหญ่คือโจวอี้ เขาเดินไปรอบ ๆ สถานีและรู้สึกว่ามันกว้างขวางและว่างเปล่ากว่าเมื่อก่อนอย่างสุดจะพรรณนา
เขาก้มหน้ามองข้อมูลทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะ โจวอี้ถอนหายใจและโยนกาแฟที่เย็นชืดแล้วกลับไป เขาหยิบเสื้อโค้ทของเขาและออกจากสถานี
เมืองในตอนกลางคืนและตอนกลางวันก็เหมือนกับเมืองสองเมืองที่แตกต่างกัน เมื่อประชากรส่วนใหญ่หลับใหล คนอื่นๆก็เริ่มวันใหม่อย่างเป็นทางการ
ผับที่ถนนเซาท์แคริตี้อยู่ในชั่วโมงที่พีคสุด ระหว่างเดินไปตามถนน เขาเห็นชายและหญิงที่ส่งเสียงดังและมึนเมา โจวอี้จุดบุหรี่ของเขาและเดินข้ามสี่แยก ข้างหน้าเขาไม่ไกลมากนักคือเสาไฟ ผู้หญิงที่สวมชุดสีแดงเพิ่งเข้าไปพัวพันกับคนเมา
โจวอี้เป่าควันออกมาและทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วบดด้วยส้นรองเท้า เขาเดินเข้าไปหาผู้หญิงชุดสีแดงและคนเมา
“คุณกำลังทำอะไรอยู่?” เขาคว้ามือข้างขวาของชายตัวโตเพื่อป้องกันไม่ให้เขากระทำการทำร้ายผู้อื่น
ชายตัวโตที่กำลังเมาชำเลืองมองโจวอี้ เพราะเขาไม่สามารถโอบกอดผู้หญิงคนนั้นและจับเอวของเธอได้อย่างที่ต้องการ ความโกรธแค้นจึงลงมาที่โจวอี้แทน “แกเป็นใครวะ? นี่ไม่ใช่เรื่องของแก ไอ้ห่า!”
กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของเขาทำเอาโจวอี้ต้องขมวดคิ้วย่น ริมฝีปากบึ้งตึงขณะที่เขาล้วงเอาบัตรตำรวจออกมาโชว์ “ตำรวจไงล่ะ”
ชายตัวโตจ้องมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า แม้เขาจะยังอวดดีแต่ก็ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว “ตำรวจแล้วไงวะ? กูดื่มเหล้าแล้วผิดกฎหมายรึไง?”
"ดื่มเหล้าไม่ได้ผิดกฎหมายหรอก แต่การเที่ยวโสเภณีผิดเต็มๆ"
ชายตัวโตต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ท่าทางของโจวอี้ทำให้เขาต้องหุบปาก ชายร่างโตจากไปพร้อมกับสบถด่าทุกย่างก้าว โจวอี้หันกลับมาที่ผู้หญิงชุดแดงที่เตะเขาอยู่ “ไอ้เวร แกเรียกใครว่าโสเภณี ห๊ะ?!”
โจวอี้มองไปที่เธออย่างที่ไม่รู้จะทำอย่างไร “พี่สะใภ้ ผมบอกพี่ให้ปิดบาร์นี้ซะและเปิดร้านอาหารแทน แต่พี่ก็ไม่ฟัง ยุ่งกับลูกค้าที่เมาทุกวันน่มันน่าหลงใหลขนาดนั้นเลยหรอ?”
โจวเฉียนม่านสะบัดผมสีแดงไวน์ของเธอแล้วเดินไปที่บาร์ "ฉันคนนี้เป็นสาวงามแห่งถนนเซาท์แคริตี้ ถ้าฉันจากไป ลูกค้าจะร้องไห้มากแค่ไหน!"
โจวอี้เดินตามเธอไปชั้นสอง โจวเฉียนม่านส่งแก้วน้ำมะนาวให้เขาและมองเขาด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย นายไม่กลับบ้านคืนนี้เพราะมีแฟนแล้วล่ะสิ?”
โจวอี้กรอกตา “มีคดีที่ต้องสืบ”
“คดี?” โจวเฉียนม่านคิดอยู่สักครู่ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกาย “คงไม่ใช่คดีฆาตกรรมเย่หงเฉิงที่ป็นข่าวอยู่ตอนนี้หรอกใช่ไหม?”
โจวอี้หยิบน้ำมะนาวขึ้นมายกจิบ “อืม”
โจวเฉียนม่านตื่นเต้นขึ้นมาทันที จับแขบเขาหมับ “งั้นนายเห็นหลานสาวของเขารึยัง? ข่าวบอกว่าเธอได้รับมรดกมหาศาลเชียวนะ ฉันคิดว่ามันมากกว่าพันล้านหยวน!”
โจวอี้ช้อนตามองเธอ “ผมเจอเธอแล้วยังไงล่ะ?”
“ก็ฉวยโอกาสน่ะซี!” โจวเฉียนม่านมองไปที่เขาราวกับว่าเธอกำลังมองไปที่กองเงินหยวน “นายอายุ 27 แล้วนะ ทำแต่งานไม่มีแฟนสักคน! ใช้เวลานี้ให้เกิดประโยชน์สิ ทำคดีไปด้วย จีบหลานสาวเย่หงเฉิงไปด้วยไงล่ะ”