Your Wishlist

Amnesiac Queen (Chapter 4: คำชี้แจง – พวกเขาทั้งหมดไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ)

Author: Chestnut (ฺBuaElla แปล)

เป็นอีกครั้งที่เย่เจินเจินสูญเสียความทรงจำของเธอไป เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอคือ 1. คุณตาที่ถูกฆาตกรรม 2. มรดกมหาศาล 3. คู่หมั้นที่มีความรักอย่างลึกซึ้ง 4. ลุงผู้เอาแต่ใจและภรรยาของเขา 5. คนรับใช้ที่ว่านอนสอนง่าย 6. หมอที่ห่างเหินและเย็นชา 7. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตกที่นั่งลำบาก เย่เจินเจินจ้องมองพวกเขาทั้งหมดอย่างสงสัย ใครคือฆาตกร? ใช่เธอหรือเปล่า? หรือว่า…? มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นฆาตกรตัวจริง แต่มีผู้ร้ายมากกว่าหนึ่งคน

จำนวนตอน : 67 Chapters

Chapter 4: คำชี้แจง – พวกเขาทั้งหมดไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ

  • 11/05/2564

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม เวลา 21:03 น. กรมตำรวจของเมือง A เขต XX ได้รับโทรศัพท์ฉุกเฉิน

 

คนที่รายงานคือ เย่กงผิง พ่อของเขา เย่หงเฉิง เสียชีวิตในห้องของตัวเองและยังพบหลานสาว เย่เจินเจิน นอนหมดสติอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่ง

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบไปที่เกิดเหตุ ที่ด้านบนสุดของบันไดพวกเขาพบคราบเลือดเล็กๆ  ในขณะเดียวกันเย่เจินเจินที่หมดสติได้ถูกนำส่งไปยังโรงพยาบาลศูนย์เมือง  A แล้ว เย่หงเฉิงผู้ตายถูกพบในห้องของเขาบนชั้นสอง ผู้ร้ายใช้อาวุธมีคมแทงที่หน้าอกเขาสองครั้ง

 

ในวันที่เกิดเหตุโจวอี้ไม่ได้เข้าเวร แต่เขาถูกเรียกตัวทางโทรศัพท์เพื่อเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดล้อมที่เกิดเหตุทันที นอกเหนือจากบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้ามาช่วยเหลือและให้การรักษาพยาบาลแก่เย่เจินเจินแล้ว ยังมีคนอีก 4 คนในคฤหาสน์ตระกูลเย่

 

บุตรชายคนที่สองของผู้ตาย ‘เย่กงผิง’ ภรรยาของเขา ‘ซุนเฉียน’  ผู้ดูแลโจว และคนสวน ‘หวางเอ้อร์โกว’

 

จากการประเมินเบื้องต้นของนักนิติวิทยาศาสตร์ระบุว่าเวลาในการเสียชีวิตของเหยื่ออยู่ที่ประมาณ 19:09 น. และสาเหตุการเสียชีวิตมาจากบาดแผลถูกแทงที่หน้าอกด้วยอาวุธมีคม อย่างไรก็ตามตำรวจไม่สามารถหาอาวุธมีคมนี้ได้

 

โจวอี้คนหาทุกซอกทุกมุมเท่าที่เขาจะนึกออกก่อนที่จะเริ่มซักถามพยาน

 

คนแรกที่ถูกซักถามคือผู้ที่แจ้งเหตุ เย่กงผิง

 

“ราวๆ 7.09 น. คุณอยู่ที่ไหน? และทำอะไรอยู่ในช่วงเวลานั้น?”

 

ใบหน้าของซุนเฉียนซีดลง เธอเหลือบมองไปที่เย่กงผิงแต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เย่กงผิงกระแอมและเอ่ยด้วยเสียงที่แกว่งไปมาเล็กน้อยว่า "พวกเรา...พวกเรากำลังดูหนังอยู่ข้างนอก เมื่อดูหนังจบแล้วพวกเราก็รู้สึกไม่สบายใจเพราะพ่ออยู่บ้านคนเดียว ดังนั้นพวกเราก็เลยรีบกลับ แต่ไม่คิดว่า....”

 

โจวอี้ขมวดคิ้วยุ่น “คุณทิ้งให้ผู้ตายอยู่บ้านคนเดียวตั้งแต่แรก แล้วอยู่ๆเกิดรู้สึกไม่สบายใจที่ทิ้งเขาไว้บ้านคนเดียวเนี่ยนะ?”

 

เย่กงฉิงกระแอมอีกครั้ง “คุณ คุณอาจไม่ทราบ แต่วันนี้คือวันครบรอบวันตายของแม่ผม ทุกปีพ่อจะให้ทุกคนออกจากบ้านในวันนี้เพื่อที่พ่อจะได้อยู่บ้านคนเดียว”

 

โจวอี้ขมวดคิ้วยุ่งกว่าเดิม “งั้นทำไมผู้ดูแลโจวและคนสวนยังอยู่ที่บ้านล่ะ?”

 

“เรื่องนี้...เรื่องนี้คุณต้องถามพวกเขา”

 

โจวอี้จ้องเย่กงผิงและซุนเฉียนเขม็ง “คุณดูหนังเรื่องอะไร?”

 

“ผี ผีโรงเรียน ราชาจอเงิน ‘คุณโม่’ แสดง ภรรยาของผมเป็นแฟนหนังของเขา”

 

ดวงตาหลี่ซินหรันสว่างวาบด้วยความขบขันและเขาเกือบจะผิวปากแซว “ผมไม่คิดว่าคนรวยจะบ้าดาราด้วย!”

 

โจวอี้ปรายตามองเขา หลี่ซินหรันยิ้มแป้น “ฮิฮิ หัวหน้าก็รู้ว่าแฟนผมเป็นแฟนหนังของเขาเหมือนกัน” ราชาโม่เป็นศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์ผู้ชาย

 

โจวอี้ไม่สนใจ หันศีรษะไปหาเย่กงผิงแล้วถามต่อว่า “คุณดูหนังจบตอนกี่โมง?”

 

“สองทุ่ม สองทุ่มครึ่งพวกเราก็ขับรถกลับบ้าน”

 

“คุณยังเก็บตั๋วหนังไว้ไหม?”

 

“แค่กๆ ไม่ ผมไม่ได้เก็บไว้”

 

น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเขาทำให้คิ้วของโจวอี้ยกขึ้นเล็กน้อย “คอของคุณไม่สบายหรือเปล่า?”

 

แค่ก แค่ก แค่ก เย่กงผิงไอต่อเนื่องก่อนจะพูดว่า “นิดหน่อย...ผมตกใจมากไปหน่อย”

 

โจวอี้นิ่งเงียบและจ้องมองเขา เย่กงผิงรู้สึกราวกับว่าทุกรูขุมขนบนร่างกายของเขากำลังถูกตรวจสอบโดยอีกฝ่าย เขารู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที

 

โชคดีที่โจวอี้ถอนสายตากลับไป “มีใครที่ยืนยันได้ว่าคุณสองคนออกไปดูหนัง?”

 

เย่กงผิงนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะไม่มี”

 

โจวอี้อ่านบันทึกย่อของเขาและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองไปที่เย่กงผิงอีกครั้ง  "คุณไปดูหนังในวันครบรอบการเสียชีวิตของแม่คุณ กรอบความคิดของคุณคงดีมากใช่ไหม?"

 

“เพราะ เพราะ...” เสียงของเย่กงผิงเริ่มสั่น

 

“เพราะว่าวันนี้ยังเป็นวันครบรอบที่เราเจอกันด้วยค่ะ” ซุนเฉียนที่เงียบมาตลอดในที่สุดก็อ้าปากพูด

 

โจวอี้ไม่แสดงความคิดเห็นและปิดสมุดบันทึกของเขา เขาออกไปหาพยานคนต่อไป เย่กงผิงและภรรยาของเขาเฝ้าดูเขาเดินไปไกล ๆ ก่อนที่จะถอนหายใจโล่งอกพร้อมกัน

 

พยานคนที่สอง ผู้ดูแลโจว

 

ผู้ดูแลโจวดูเหมือนจะสงบนิ่งกว่าผู้ต้องสงสัยรายแรกมาก เปรียบเทียบกับซุนเฉียนแล้ว เธอมีความคล้ายคลึงกับหญิงสูงศักดิ์ที่สงบนิ่งเมื่อเผชิญกับภัยพิบัติ “ฉันอยู่ที่บ้านของลูกสาวจนถึงสองทุ่ม แล้วก็ออกจากบ้านของลูกสาวมาที่นี่ ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมง ตอนที่ฉันมาถึง คุณซุนและสามีของเธอก็โทรเรียกตำรวจแล้วค่ะ”

 

โจวอี้มองเข้าไปในดวงตาของเธออยู่ชั่วครู่ ตามประวัติของเธอ เธออายุสี่สิบเก้าปีแต่ยังดูอ่อนเยาว์และดูดีอยู่ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขามากที่สุดคือท่าทางที่สงบนิ่งของเธอ แม้ว่าเขาจะจ้องมองเธอนิ่งๆ เธอเพียงแค่ทำหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย  

 

“ผมได้ยินมาว่าวันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของคุณผู้หญิงเย่คนเก่า ดังนั้นคุณทุกคนควรออกไปอยู่ข้างนอก”

 

ผู้ดูแลโจวพยักหน้า “ตระกูลเย่มีกฎเช่นนี้จริง แต่ฉันทำงานที่ตระกูลเย่มา 25 ปีแล้ว และสุขภาพของคุณท่านก็ไม่ค่อยดีนัก บอกตามตรงฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ปล่อยให้ท่านอยู่บ้านคนเดียว ดังนั้นเลยกลับมาดูท่านค่ะ”

 

โจวอี้หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามว่า “มีใครยืนยันได้บ้างว่าคุณอยู่ที่บ้านของลูกสาวคุณ?”

 

“ลูกสาวของฉันค่ะ”

 

“นอกเหนือจากลูกสาวของคุณล่ะ?”

 

“ไม่มีค่ะ”

 

โจวอี้ปิดสมุดบันทึกของเขา “ขอบคุณสำหรับความร่วมมือครับ”

 

ผู้ดูแลโจวเฝ้าดูเขาจากไปก่อนที่เธอจะกลับไปทำงานทำความสะอาด

 

พยานคนสุดท้ายคือหวางเอ้อร์โกว

 

“วันนี้ตอนหนึ่งทุ่มเก้านาทีคุณอยู่ที่ไหน? ทำอะไรอยู่?”

 

ผิวของหวางเอ้อร์โกวแดงขึ้นเล็กน้อย ผมบนศีรษะของเขาก็ค่อนข้างยุ่งไม่เปนระเบียบราวกับว่าเขาเพิ่งตื่นนอน เขามองไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรงหน้าและตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า "ผมอยู่ในห้องของผม กำลังนอนหลับ"

 

โจวอี้ถามต่อว่า “ทำไมคุณถึงอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ ไม่ออกไปข้างนอกเหมือนคนอื่น?”

 

“ตอนแรกผมก็ว่าจะออกไป แต่วันนี้ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ เลยกินยาแล้วนอนพักสักหน่อย ผมตั้งใจจะออกไปตอนที่ไข้เริ่มลดลงแล้ว ในตอนท้ายผมก็หลับยาว ตื่นขึ้นมาตอนที่ทุกคนมาถึงแล้ว”

 

โจวอี้หันไปสบตาหลี่ซินหรันที่อยู่ข้างเขา และหลี่ซินหรันก็พยักหน้าแทนคำตอบ

 

โจวอี้ถามต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นมีใครยืนยันได้ว่าคุณหลับอยู่ในห้องตลอดเวลา?”

 

หวางเอ้อร์โกวเกาศีรษะ “คุณตำรวจ ผมไม่มีภรรยาแล้วใครที่ไหนจะยืนยันได้ว่าผมอยู่ในห้องของผม หือ?”

 

โจวอี้ปิดสมุดบันทึก “สรุปว่าไม่มีใครเลย?”

 

“อ่า ไม่มีครับ”

 

หวางเอ้อร์โกวดูเหมือนจะไม่สูงมากนัก แต่เขาเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ผิวของเขาค่อนข้างคล้ำและรอยยิ้มของเขาก็เผยให้เห็นฟันขาว มารยาทของเขาสามารถอธิบายถึงตัวตนที่เรียบง่ายของเขา และรสนิยมทางแฟชั่นอาจกล่าวได้ว่าไม่มีเลย

 

เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองสำรวจเขา หวางเอ้อร์โกวก็เกาศีรษะอย่างเขินอายและยิ้มให้โจวอี้

 

“หน้าที่หลักของคุณในคฤหาสน์ตระกูลเย่มีอะไรบ้าง?”

 

“หน้าที่หลักของผมคือดูแลสวน บางอาทิตย์ถ้าผู้ดูแลโจวไม่สามารถจัดการได้ ผมก็เข้าไปช่วยบ้าง”

 

โจวอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามต่อว่า “ผู้ดูแลโจวเป็นคนยังไง? ตามที่คุณคิด?”

 

"ผู้ดูแลโจวอาศัยอยู่กับตระกูลเย่เป็นเวลาหลายปี มีความสามารถมาก อาหารประจำวันของนายท่านและคุณหนูได้รับการดูแลจากเธอ หลายปีที่ผ่านมาคฤหาสน์ตระกูลเย่ได้รับการจัดการดูแลโดยเธอ ดังนั้นทุกอย่างจึงสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย"

 

"ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผู้ตายเป็นยังไง?"

 

หวางเอ้อร์โกวตอบว่า “นายท่านไว้ใจเธอมาก และเธอเคารพนายท่านมากเช่นเดียวกัน”

 

“ขอบคุณสำหรับความร่วมมือครับ”

 

จบการซักถาม โจวอี้ก็ไปยืนอยู่ด้านข้างและก้มมองสมุดบันทึกของเขาและจมอยู่กับความคิด

 

หลี่ซินหรันได้ตรวจสอบคำพูดของผู้ดูแลโจวกับลูกสาวของเธอแล้ว และได้เดินไปหาโจวอี้ "หัวหน้า ผมตรวจสอบคำพูดของเธอเสร็จแล้ว ผู้ดูแลโจวออกเดินทางประมาณ 20.00 น."

 

โจวอี้เปลี่ยนท่าทางของเขา ยืนพิงกำแพงมองไปที่หลี่ซินหรัน "ความน่าเชื่อถือของคำให้การของพวกเขาไม่ได้สูงมาก"

 

หลี่ซินหรันพยักหน้า “หัวหน้าเจออะไรบางอย่างแล้วหรอครับ?”

 

“เจอ?” โจวอี้หัวเราะ “พวกเขาไม่มีหลักฐานว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่เกิดเหตุสักคน”

 

วันที่ 15 มีนาคม 22.00 น. แสงไฟในห้องทำงานของโจวอี้ยังคงเปิดสว่าง

 

เขากำลังอ่านบันทึกที่รวบรวมในวันที่เกิดเหตุฆาตกรรมและพยายามหารายละเอียดบางอย่างที่เขาอาจมองข้ามไป

 

ในคืนวันที่ 13 ฆาตกรได้สังหารเย่หงเฉิง และเย่เจินเจินถูกผลักตกบันไดโดยไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ ดูเหมือนว่าฆาตกรจะรู้ว่าวันนั้นคฤหาสน์ตระกูลเย่จะว่างเปล่า เป็นไปได้มากว่าเขาหรือเธอได้เลือกวันนั้นเพื่อลงมือฆ่าคน

 

เมื่อมองตามนี้ ดูเหมือนว่าฆาตกรจะคุ้นเคยกับผู้ตายเป็นอย่างดีและคุ้นเคยมากถึงกับรู้จักกฎที่ไม่ได้เขียนไว้นี้

 

คู่สามีภรรยา ผู้ดูแลโจว หวางเอ้อร์โกวและฉินกง ต่างก็มีเกณฑ์ที่จะเป็นฆาตกรและไม่มีใครมีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ อย่างไรก็ตามแรงจูงใจของพวกเขาคืออะไร?

 

โจวอี้นวดขมับและดื่มกาแฟที่เย็นแล้วบนโต๊ะ

 

“หัวหน้า ยังไม่กลับหรอครับ? คงไม่คิดจะนอนอยู่ที่ทำงานหรอกใช่ไหมครับ?” หลี่ซินหรันที่เปลี่ยนมาสวมชุดลำลองแล้ว สายตาจับอยู่ที่โจวอี้ที่ยังอยู่ในห้องทำงานขณะที่เขาคว้ากุญแจรถของเขา

 

โจวอี้วางแก้วกาแฟลงและมองหลี่ซินหรัน “นายกลับไปก่อน อีกเดี๋ยวฉันก็จะกลับแล้วล่ะ”

 

หลี่ซินหรันหยิบกุญแจขึ้นมาและเดินตรงไปที่ทางออกได้สองสามก้าวก่อนจะหันหน้ากลับมามองด้านหลัง “หัวหน้า กาแฟเย็นไม่ดีต่อท้องนะครับ”

 

โจวอี้กระแอมและโบกมือลา หลี่ซินหรันส่งจูบให้เขาก่อนหมุนตัวเดินออกจากสถานีตำรวจ

 

คนเดียวที่เหลืออยู่ในสถานีตำรวจขนาดใหญ่คือโจวอี้ เขาเดินไปรอบ ๆ สถานีและรู้สึกว่ามันกว้างขวางและว่างเปล่ากว่าเมื่อก่อนอย่างสุดจะพรรณนา

 

เขาก้มหน้ามองข้อมูลทั้งหมดที่วางอยู่บนโต๊ะ โจวอี้ถอนหายใจและโยนกาแฟที่เย็นชืดแล้วกลับไป เขาหยิบเสื้อโค้ทของเขาและออกจากสถานี

 

เมืองในตอนกลางคืนและตอนกลางวันก็เหมือนกับเมืองสองเมืองที่แตกต่างกัน เมื่อประชากรส่วนใหญ่หลับใหล คนอื่นๆก็เริ่มวันใหม่อย่างเป็นทางการ

 

ผับที่ถนนเซาท์แคริตี้อยู่ในชั่วโมงที่พีคสุด ระหว่างเดินไปตามถนน เขาเห็นชายและหญิงที่ส่งเสียงดังและมึนเมา โจวอี้จุดบุหรี่ของเขาและเดินข้ามสี่แยก ข้างหน้าเขาไม่ไกลมากนักคือเสาไฟ ผู้หญิงที่สวมชุดสีแดงเพิ่งเข้าไปพัวพันกับคนเมา

 

โจวอี้เป่าควันออกมาและทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วบดด้วยส้นรองเท้า เขาเดินเข้าไปหาผู้หญิงชุดสีแดงและคนเมา

 

“คุณกำลังทำอะไรอยู่?” เขาคว้ามือข้างขวาของชายตัวโตเพื่อป้องกันไม่ให้เขากระทำการทำร้ายผู้อื่น

 

ชายตัวโตที่กำลังเมาชำเลืองมองโจวอี้ เพราะเขาไม่สามารถโอบกอดผู้หญิงคนนั้นและจับเอวของเธอได้อย่างที่ต้องการ ความโกรธแค้นจึงลงมาที่โจวอี้แทน “แกเป็นใครวะ? นี่ไม่ใช่เรื่องของแก ไอ้ห่า!”

 

กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจของเขาทำเอาโจวอี้ต้องขมวดคิ้วย่น ริมฝีปากบึ้งตึงขณะที่เขาล้วงเอาบัตรตำรวจออกมาโชว์ “ตำรวจไงล่ะ”

 

ชายตัวโตจ้องมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า แม้เขาจะยังอวดดีแต่ก็ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว “ตำรวจแล้วไงวะ? กูดื่มเหล้าแล้วผิดกฎหมายรึไง?”

 

"ดื่มเหล้าไม่ได้ผิดกฎหมายหรอก แต่การเที่ยวโสเภณีผิดเต็มๆ"

 

ชายตัวโตต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ท่าทางของโจวอี้ทำให้เขาต้องหุบปาก ชายร่างโตจากไปพร้อมกับสบถด่าทุกย่างก้าว โจวอี้หันกลับมาที่ผู้หญิงชุดแดงที่เตะเขาอยู่ “ไอ้เวร แกเรียกใครว่าโสเภณี ห๊ะ?!”

 

โจวอี้มองไปที่เธออย่างที่ไม่รู้จะทำอย่างไร “พี่สะใภ้ ผมบอกพี่ให้ปิดบาร์นี้ซะและเปิดร้านอาหารแทน แต่พี่ก็ไม่ฟัง ยุ่งกับลูกค้าที่เมาทุกวันน่มันน่าหลงใหลขนาดนั้นเลยหรอ?”

 

โจวเฉียนม่านสะบัดผมสีแดงไวน์ของเธอแล้วเดินไปที่บาร์  "ฉันคนนี้เป็นสาวงามแห่งถนนเซาท์แคริตี้ ถ้าฉันจากไป ลูกค้าจะร้องไห้มากแค่ไหน!"

 

โจวอี้เดินตามเธอไปชั้นสอง โจวเฉียนม่านส่งแก้วน้ำมะนาวให้เขาและมองเขาด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย นายไม่กลับบ้านคืนนี้เพราะมีแฟนแล้วล่ะสิ?”

 

โจวอี้กรอกตา “มีคดีที่ต้องสืบ”

 

“คดี?” โจวเฉียนม่านคิดอยู่สักครู่ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกาย “คงไม่ใช่คดีฆาตกรรมเย่หงเฉิงที่ป็นข่าวอยู่ตอนนี้หรอกใช่ไหม?”

 

โจวอี้หยิบน้ำมะนาวขึ้นมายกจิบ “อืม”

 

โจวเฉียนม่านตื่นเต้นขึ้นมาทันที จับแขบเขาหมับ “งั้นนายเห็นหลานสาวของเขารึยัง? ข่าวบอกว่าเธอได้รับมรดกมหาศาลเชียวนะ ฉันคิดว่ามันมากกว่าพันล้านหยวน!”

 

โจวอี้ช้อนตามองเธอ “ผมเจอเธอแล้วยังไงล่ะ?”

 

“ก็ฉวยโอกาสน่ะซี!” โจวเฉียนม่านมองไปที่เขาราวกับว่าเธอกำลังมองไปที่กองเงินหยวน “นายอายุ 27 แล้วนะ ทำแต่งานไม่มีแฟนสักคน! ใช้เวลานี้ให้เกิดประโยชน์สิ ทำคดีไปด้วย จีบหลานสาวเย่หงเฉิงไปด้วยไงล่ะ”

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป