เย่เจินเจิน
เพศหญิง
อายุ 21
มหาวิทยาลัยในเมือง ภาควิชาการเงินและเศรษฐศาสตร์
นักศึกษาระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3
ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 6 ปีก่อนกับผู้ปกครองของเธอ แม่ชื่อ เย่โหรวหาน (อายุ38) พ่อชื่อ ซูหมิง (อายุ40) ทั้งคู่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
โจวอี้อดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเขามองไปที่ข้อมูลของเย่เจินเจินในมือของเขา
“เร็ว ดูสิ! หัวหน้ายิ้มอีกแล้ว!”
“เชี่ยเอ้ย หัวหน้าไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงที่ชื่อเย่เจินเจินนั่นหรอกใช่ไหม?”
“แล้วถ้าเขาจะชอบเธอ นายกล้าแย่งผู้หญิงของหัวหน้าไหมล่ะ?”
“ไม่กล้า ไม่กล้า ใครจะกล้าสู้กับหน้าเพื่อผู้หญิงกันเล่า! ฉันยังอยากมีชีวิตต่อไปอีกหลายปีนะ”
“แต่ก็ต้องยอมรับว่าผู้หญิงแซ่เย่คนนั้นสวยเป็นบ้าเลย”
“ยังไงเธอก็ไม่ใช่ของนายโว้ย”
ทันทีที่สายตาของโจวอี้กวาดมองไปยังตำรวจด้านหลัง พวกเขาก็หุบปากทันทีและหลบสายตาโจวอี้
โจวอี้เม้มริมฝีปากของเขาก่อนที่จะวางรายงานลง เขาหันไปมองนอกหน้าต่าง
ตอนแรกเขาเชื่อว่าถ้าเย่เจินเจินตื่นขึ้นมา เขาก็จะรู้ตัวฆาตกร ไม่คิดว่าเธอจะฟื้นเร็วมากแต่ดันสูญเสียความทรงจำไปแล้ว จากการสังเกตของเขา เธอดูไม่เหมือนคนโกหก แต่เหตุการณ์ความจำเสื่อมค่อนข้างแปลกประหลาด
สมมุติว่าถ้าเธอแกล้งทำเป็นสูญเสียความทรงจำ เธอมีแรงจูงใจอะไร? ในสถานการณ์แบบนี้การที่เธอความจำเสื่อมจะเป็นประโยชน์ต่อฆาตกรมากที่สุด แต่ทำไมเธอถึงต้องปกป้องฆาตกรด้วยล่ะ? เป็นไปได้ไหมว่าตัวตนของฆาตกรนั้นไม่ธรรมดา? ใช่ ข่าวลือบอกว่าเธอมีคู่หมั้นแล้ว
คิ้วของโจวอี้ขมวดมุ่น เขาหยิบรายงานอื่นขึ้นมาจากโต๊ะแล้วพลิกดู
ฉินกง
เพศชาย
อายุ 25
จบจากมหาวิทยาลัย XX คณะบริหารธุรกิจ
บุตรชายคนที่สามของฉินซื่อเจีย
ปัจจุบันเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของฉินซื่อคอร์ปอเรชั่น
หมั้นหมายกับหลานสาวผู้ตาย เย่เจินเจิน
โจวอี้กระดกลิ้น ครอบครัวคนรวยชอบต่อยอดธุรกิจด้วยการแต่งงาน หลานสาวยังไม่ทันจบมหาลัยก็หมั้นซะแล้ว เธอกับฉินกงหมั้นกันได้ 2 ปีแล้ว แม้ว่าฉินกงคนนี้จะไปต่างประเทศเพื่อขยายธุรกิจ แต่ก็ไม่เห็นเขาประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่อะไรในช่วงสองสามปีมานี้ เป็นไปได้ไหมว่าเย่เจินเจินจะแกล้งความจำเสื่อมเพราะเขา?
โจวอี้จ้องไปที่รูปถ่ายของฉินกงเป็นเวลาสองวินาทีก่อนที่จะส่ายศีรษะ เขาดูไม่หล่อเท่าหมอจื่อด้วยซ้ำ โจวอี้ประเมินว่าฉินกงไม่มีทางที่จะหลอกลวงผู้หญิงตัวเล็กๆ
“ฮัดเช่ย!” ฉินกงลูบปลายจมูกของเขาก่อนที่จะมองไปที่เย่เจินเจินด้วยความรักที่นอนอยู่บนเตียง “เจินเจิน ผมคือกงกงของคุณ คุณจำผมไม่ได้อีกแล้วเหรอ?”
เจินเจินส่ายหน้า
เขายื่นมือซ้ายออกไปและโบกมือไปมาต่อหน้าเย่เจินเจิน "เจินเจิน ดูสิ นี่คือแหวนหมั้นของเรา เมื่อคุณเรียนจบเราจะแต่งงานกันอย่างเป็นทางการ"
เย่เจินเจินมองไปที่แหวนเงินบนนิ้วของเขา แต่เธอยังคงส่ายหน้า
เขาเอามือกุมที่หัวใจ ถอยไปยืนด้านข้าง
เมื่อเห็นว่าฉินกงสงบลง ซุนเฉียนก็เดินไปข้างหน้าแล้วยิ้ม "เจินเจิน หลานน่าจะยังอยู่โรงพยาบาลอีก ถ้าต้องการอะไรก็บอกป้าได้ ป้าจะกลับบ้านไปเอามาให้"
บ้าน? เย่เจินเจินค่อยๆเลิกคิ้ว เธอมองผู้หญิงที่ยืนส่งยิ้มให้เธอและเอ่ยถามว่า “สถานการณ์ที่บ้านเป็นยังไงบ้างคะ?”
รอยยิ้มของซุนเฉียนแข็งค้าง เธอตบบ่าเย่เจินเจิน “ที่บ้านตอนนี้มีแต่ตำรวจ ลุงของหลานกำลังจัดการอยู่จ้ะ”
ประกายในแววตาเย่เจินเจินสว่างวาบเล็กน้อย มิน่าทำไมเธอถึงไม่เห็นลุงของเธอในช่วงสองสามวันมานี้ เขายังอยู่ที่บ้านจัดการเรื่องวุ่นนี่อยู่อีกหรือ? เธอคิดอยู่สักพักก่อนเอ่ยปากถามซุนเฉียนว่า “สองวันผ่านไปแล้ว ยังมีตำรวจมาที่บ้านอีกหรอคะ?”
“คือ…” ซุนเฉียนหัวเราะเสียงแห้ง “ป้าได้ยินมาว่าอาวุธที่ใช้ฆ่าตาของหลานยังหาไม่พบ”
“บางทีอาวุธสังหารอาจจะเป็นขาแกะ?” ฉินกงซึ่งเดิมถอยออกไปด้านข้างได้ยินการสนทนานี้และทันใดนั้นก็อุทานว่า "ก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านปริศนาฆาตกรรมที่ภรรยาใช้ขาแกะแช่แข็งฆ่าสามีของเธอจากนั้นเธอก็ปรุงขาแกะและกินมัน ตำรวจตามหามันมาตลอดชีวิต แต่สุดท้ายก็ไม่พบอาวุธสังหาร!"
เย่เจินเจินมองไปที่คำว่า 'นักสืบ' ขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาและอดไม่ได้ที่จะสาดน้ำเย็นใส่เขา "ฉันได้ยินเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดว่าตาของฉันถูกแทงตายด้วยอาวุธมีคม"
“อาวุธมีคม…” ฉินกงเกาศีรษะ
เสียงเปิดประตูดังขึ้นเบาๆ ผู้ชายในชุมคลุมสีขาวเดินเข้ามา
“คุณหมอจื่อ” เย่เจินเจินมองจื่อเจ๋อหยวนและยิ้มให้เขาโดยไม่รู้ตัว
คิ้วสองข้างของฉินกงขมวดย่น
จื่อเจ๋อหยวนพยักหน้าให้เย่เจินเจิน จากนั้นมองไปยังคนสองคนในห้อง “เวลาเยี่ยมหมดแล้ว ผู้ป่วยจำเป็นต้องพักผ่อน”
ฉินกงบังคับตัวเองให้เดินผ่านจื่อเจ๋อหยวนไปที่เตียงเย่เจินเจิน เขานั่งลงข้างเตียงและกุมมือเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น เจินเจินต้องการผม ผมจะไม่ทิ้งเธอไปไหน”
เย่เจินเจินย่นคิ้วและพยายามดึงมือตัวเองออก “ฉันคิดว่าฉันยังต้องรักษาตัวอีก”
จื่อเจ๋อหยวนปรายตามองฉินกง “ผมคิดว่าเขาควรได้รับการรักษามากกว่า”
ฉินกง “…”
เย่เจินเจินมองจื่อเจ๋อหยวน ใบหน้าฉายความประหลาดใจสุดๆ นี่หมอจื่อล้อเล่นหน้าตายหรืออย่างไร?
แม้ว่าฉินกงจะถูกจื่อเจ๋อหยวนพูดถากถาง แต่เขาก็ยังจับมือเย่เจินเจินไว้อย่างเหนียวแน่น
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง “ขอโทษที่รบกวน ไม่ทราบว่าคุณฉินกงอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
ฉินกงหันหน้าไปมองและเห็นผู้ชายสองคนสวมชุดตำรวจยืนอยู่ที่ประตู
แม้ว่าโจวอี้จะเป็นคนถาม แต่เขาก็ไม่ต้องการคำตอบจากอีกฝ่าย เขาเหลือบมองไปที่ชายผมหยิกก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา "ผมได้ยินว่าคุณฉินกลับมาจากต่างประเทศแล้ว ดังนั้นผมจึงมาขอให้คุณไปให้ปากคำ"
ฉินกงจ้องมองเขาอย่างว่างเปล่าสักครู่ก่อนที่ดวงตาของเขาจะสว่างขึ้น "คุณตำรวจ ผมคิดว่าผมรู้ว่าฆาตกรคิดอะไรอยู่!"
“อ้อ?” โจวอี้เบะปากเล็กน้อย เขาพยักหน้า “พูดมา”
“ตระกูลเย่เป็นตระกูลยิ่งใหญ่ คุณรู้ไหมว่ามีองค์กรที่สวมชุดดำคอยสอดแนมพวกเขาอยู่?” ฉินกงลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ เกาหัวหยิกหยองของเขาอย่างเคยชิน "ถ้าเป็นแบบนี้ เจินเจินจะไม่ตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่งเหรอ? ชายในชุดดำเหล่านั้นสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อเพื่อฆ่าปิดปากเธอ!"
ฉินกงพูดเองก็สะดุ้งตกใจเอง เขาถลาไปที่เตียง จับมือเย่เจินเจินไว้แน่น “เจินเจิน คุณไม่ต้องกลัวนะ ผมจะปกป้องคุณเอง!”
เขาขมวดคิ้วอย่างเคร่งขรึม จมดิ่งสู่ความโดดเดี่ยว "ผู้ชายในชุดดำปกติจะมีโค้ดเนม บางทีอาจจะมีจินกับวอดก้าหรืออาจจะเป็นเจกับเค อ่า..ใช่แน่!" เขาเงยหน้าขึ้น เปลี่ยนสีหน้าเป็นคนที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน เสียงของเขาทุ้มลึกในขณะที่พูด "เจินเจิน แม้ว่าคุณจะตัวเล็ก แต่ผมก็จะสามารถจดจำคุณได้ในพริบตา"
เย่เจินเจิน "..."
เธอดึงมือออกจากการเกาะกุมของฉินกงอีกครั้ง เธอมองไปที่จื่อเจ๋อหยวน ด้วยใบหน้าร้องขอ “หมอจื่อ ได้โปรดช่วยเขาด้วยค่ะ”
จื่อเจ๋อหยวนกวาดสายตาไปที่ฉินกงและใช้น้ำเสียงที่เป็นมืออาชีพ เขากล่าวว่า "โรคภาวะเด็กแปดขวบขั้นสุด เขาควรใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการท่องในสวนสนุก"
เย่เจินเจินกล่าวด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง "การไปเที่ยวสวนสนุกสามารถรักษาโรคเด็กแปดขวบได้เหรอคะ?"
"ไม่ แต่มันจะทำให้เขาผ่านช่วงชีวิตที่เหลือไปได้อย่างร่าเริง"
เย่เจินเจิน "..."
วินาทีนั้น เธอแน่ใจว่าหมอจื่อเพิ่งใช้มุกตลกหน้าตาย
โจวอี้กระแอมดึงความสนใจของทุกคนมาที่เขา “ไม่มีอะไรถูกขโมยไปจากตระกูลเย่ นี่เป็นการฆาตกรรมโดยเจตนาอย่างแน่นอน ดังนั้นองค์กรชุดดำของคุณฉินไม่น่าจะมีตัวตนอยู่”
“ไม่ ไม่ ไม่” ฉินกงไม่เชื่อคำพูดของโจวอี้ "แรงจูงใจขององค์กรชุดดำอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเงินก็ได้ แต่อาจเป็น...ความลับบางอย่างที่เกี่ยวกับชีวิตและความตายของมนุษยชาติ"
เย่เจินเจินรู้สึกกดดันขึ้นเล็กน้อยหลังจากคำพูดของเขา
โจวอี้มองฉินกงเงียบๆที่กำลังหายใจติดขัด เขาสูดลมหายใจลึก พยายามยิ้มให้โจวอี้ “คุณบอกว่าอยากสอบปากคำผมไม่ใช่เหรอ?”
ในที่สุดความรุนแรงของการจ้องมองของโจวอี้ก็ลดลงเล็กน้อย ฉินกงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"คืนเกิดเหตุคือวันที่ 13 มีนาคม 7 โมงเช้าถึง 9 โมงเย็นคุณอยู่ที่ไหน?"
ฉินกงตอบว่า “บ้านของผม”
“มีใครเป็นพยานหรือเปล่า?”
"ผมอยู่ในห้องตลอดเวลา ผมออกจากห้องตอนที่ได้ยินว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่สำนักงานสาขา คืนนั้นผมจึงรีบไปต่างประเทศ"
โจวอี้หยุดชั่วคราวก่อนที่จะพูดว่า "คุณออกจากบ้านกี่โมง?"
"ประมาณ 20:40 น. ถามพี่ชายของผมก็ได้ เราออกจากบ้านด้วยกัน"
“คุณกลับมาเมื่อไหร่?”
"เมื่อวานนี้ ผมได้ยินมาว่ามีบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเจินเจิน ดังนั้นผมจึงรีบมาที่นี่ในตอนบ่าย ผมมาถึงเมื่อคืนนี้ แต่ชั่วโมงการเยี่ยมสิ้นสุดลงแล้ว ผมจึงมาเยี่ยมได้ในเช้าวันนี้เท่านั้น" พูดจบ ฉินกงมองโจวอี้อย่างขุ่นเคือง "คุณคงไม่สงสัยว่าผมฆ่าคุณตาหรือแม้กระทั่งผลักเจินเจินตกบันไดใช่ไหม? เจินเจินเป็นคู่หมั้นของผม ผมจะทำแบบนั้นกับเธอได้ยังไงกัน!"
"เรื่องนี้พวกเราจะสืบสวนเอง" โจวอี้ปิดสมุดบันทึกของเขาและเหลือบมองไปที่เตียงผู้ป่วย "คุณเย่ สิ่งที่คุณฉินพูดไม่ใช่เรื่องไร้สาระซะทีเดียว คุณอาจเห็นใบหน้าของฆาตกรและเขาอาจจะกลับมาฆ่าคุณเพื่อปิดปากก็ได้"
เย่เจินเจินหน้าซีด เธอเข้าใจว่าเขากำลังหมายถึงอะไร สถานการณ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถป้องกันได้เต็มร้อย เธอคิดสักครู่ก่อนที่จะมองไปที่โจวอี้และพูดว่า "เจ้าหน้าที่โจว ถ้าฉันเห็นฆาตกรแล้วทำไมเขาไม่รอยืนยันว่าฉันตายแล้วจริงๆก่อนออกจากที่เกิดเหตุ?" ฆาตกรคงไม่ประมาทพอที่จะทิ้งพยานที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้หากฆาตกรต้องการฆ่าเธอ ทำไมถึงเลือกผลักเธอตกบันไดแทนที่จะใช้อาวุธสังหารที่ฆ่าตาของเธอฆ่าเธอโดยตรง
โจวอี้รับฟังคำถามของเธอและจ้องมองเธออย่างครุ่นคิด "ตามการคาดเดาของเรา ฆาตกรอาจผลักคุณตกบันไดในขณะที่ต่อสู้กับคุณ และอาจไม่มีเวลาเพียงพอที่จะยืนยันการตายของคุณ ในขณะที่ลุงและป้าของคุณมาถึงที่เกิดเหตุ เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด"
เย่เจินเจินไม่ต้องการรับฟังอีก โจวอี้มองดูเธอก่อนจะพูดว่า “คุณไม่จำเป็นต้องกังวลใจ ผมจะสั่งให้คนของผมเฝ้าที่โรงพยาบาล”
พูดจบ เขาก็มองไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นทั้งสองก็กลับออกไป
เมื่อกลับมาที่รถ โจวอี้ก็จุดบุหรี่ ควันลอยอยู่กลางอากาศขณะที่เขาย่นคิ้วและครุ่นคิดเกี่ยวกับคดี
"หัวหน้า โหวซื่อพูดกับฉินหลางและคนขับรถของพวกเขา ยืนยันคำพูดของฉินกงว่าพวกเขาออกจากบ้านจริงๆเวลาประมาณ 20:40 น." หลี่ซินหรันเปิดประตูรถนั่งที่เบาะคนขับ "ซุนเฉียนและสามีของเธอโทรแจ้งตำรวจเวลา 21:03 น. หากฆาตกรเพิ่งออกจากที่เกิดเหตุ ตามคำกล่างอ้างของฉินจงว่าเขาไม่อยู่ในที่เกิดเหตุในช่วงเวลานั้น"
โจวอี้หัวเราะและหันหน้าไปมองหลี่ซินหรัน "ฉันคิดว่าคดีนี้ไม่ง่ายอย่างนั้น"
หลี่ซินหรันเลิกคิ้วรอให้เขาพูดต่อ
“ตอนนั้นฉันพูดถึงสถานการณ์เดียว ยังเป็นไปได้ว่าฆาตกรจงใจทิ้งพยานที่มีชีวิตไว้โดยตั้งใจ แต่คงคาดไม่ถึงว่าเธอสูญเสียความทรงจำ สถานการณ์ที่น่าจะเป็นไปได้อีกประการหนึ่งคือฉินกงและพี่ชายของเขาติดสินบนคนขับรถให้โกหก อย่างไรก็ตาม การไปต่างประเทศอย่างกะทันหันครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปลอมไม่ใช่หรือ?"
หลี่ซินหรันคิดตามก่อนจะพยักหน้า
"นอกจากนี้อาจเป็นไปได้ว่าฉินจงและภรรยาไม่ได้โทรหาตำรวจในทันทีที่พวกเขารู้เรื่อง"
หลี่ซินหรันขมวดคิ้ว “หมายความว่าอย่างไรครับ?”
โจวอี้ขยี้บุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่ของรถแล้วดับมัน "แจ้งโหวซื่อและคนที่เหลือให้เฝ้าโรงพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมง"