เย่เจินเจินรู้สึกราวกับว่าเธอกลับไปอยู่ในท้องแม่อีกครั้ง ราวกับว่าเธอจมอยู่ในน้ำ จิตใจของเธอสงบเยือกเย็นและต้องการที่จะนอนหลับตลอดไป
เสียงของผู้หญิงปลุกเธอให้ตื่น เย่เจินเจินไม่อยากสนใจแต่ทนเสียงร้องไห้คร่ำครวญไม่ได้ ถ้าทำให้การนอนหลับไม่สบายตัว เธอคงต้องชกผู้หญิงคนนั้นแน่ ๆ
ทันใดนั้นเสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะไม่ชัดเจน แต่น้ำเสียงที่เยือกเย็นและไม่แยแสนี้เหมือนกับน้ำและหิมะที่ปั่นป่วนชะล้างเธอทั้งหมดในคราวเดียว
เย่เจินเจินรู้สึกสงสัยเล็กน้อย ในที่สุดเธอก็ยกเปลือกตาขึ้น
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อรวบรวมแรงได้ เธอพยายามอีกครั้ง คราวนี้เธอสามารถลืมตาขึ้นได้ แต่แสงที่พร่างพราวแทบทำให้เธออยากจะหลับตาลงอีกครั้ง
มีเงาคนสองสามคนยืนอยู่ตรงหน้าเธอ โครงร่างของพวกเขาพร่ามัว เย่เจินเจินไม่ทราบว่าคนที่พูดก่อนหน้านี้คือใคร เธอค่อยๆปรับตัวให้เข้ากับแสงในที่ร่ม เย่เจินเจินลืมตาขึ้น มองไปที่ผู้หญิงคนหนึ่ง
ราวกับว่ามีคนกดปิดสวิตช์ไฟ เสียงร้องไห้ของผู้หญิงคนนั้นเงียบลงทันที มุมที่หางตายังคงมีน้ำตาเมื่อเธอโถมตัวเองไปที่ร่างของเย่เจินเจิน
“เจินเจิน หลานตื่นแล้วเหรอ?!”
เย่เจินเจินรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยจากการกอดรัดของผู้หญิงคนนั้น เธอยกแขนขึ้นจะผลักคุณป้าผู้กระตือรือร้นคนนี้ออกไป แต่ทำได้เพียงยกนิ้ว ดูเหมือนป้าคนนี้จะไม่รู้ถึงความตั้งใจของเธอ หล่อนสะดุ้งอีกครั้ง มองไปที่เย่เจินเจินอย่างมีความหวัง "เจินเจิน บอกป้าสิหลาน รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?"
ป้า? เย่เจินเจินขมวดคิ้ว ผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้เป็นป้าของเธอ?
“คุณซุน ให้ผมเข้าไปด้วยครับ”
เป็นเสียงจากตอนแรก
เย่เจินเจินเงยหน้าขึ้นและเห็นชายคนหนึ่งในชุดเสื้อคลุมสีขาวเดินมาหาเธอ แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ตกกระทบลงบนร่างของเขา ทำให้เขาดูพร่าเบลอ
เขาก้มหน้าลง ผมม้าสีดำของเขาหล่นลงพร้อมกับการเคลื่อนไหวของเขา "คุณยังจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไหม? รู้ไหมว่าตัวเองเป็นใคร?"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์และเป็นทางการที่สุด แต่มันทำให้เย่เจินเจินรู้สึกเคลิบเคลิ้ม "ฉันอยากรู้มากว่าว่าคุณเป็นใคร?"
ชายคนนั้นหยุดชั่ววินาทีก่อนจะยืดคอตั้งตรง เขาก้มหน้ามองคนบนเตียง "ผมชื่อจื่อเจ๋อหยวน เป็นหมอที่รับผิดชอบเคสของคุณ ทีนี้บอกผมมาว่าคุณชื่ออะไร”
“ฉันชื่อ...”
ฉันชื่ออะไรล่ะ?
เช่นเดียวกับการแข่งขันวิ่งมาราธอน แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างหนักมาเป็นเวลานาน แต่ในที่สุดเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากล้มเลิกกลางคัน “หมอจื่อ ฉันจำชื่อตัวเองไม่ได้”
จื่อเจ๋อหยวนไม่ตอบสนองซึ่งแตกต่างจากผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างที่กระโดดโผงทันที “อะไรนะ! หลานสูญเสียความทรงจำอีกแล้วเหรอ?”
อีกแล้ว? เย่เจินเจินครุ่นคิดถึงคำนี้อย่างระมัดระวัง ต้องมีเรื่องราวอะไรสักอย่างอยู่เบื้องหลัง
ผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นป้าของเธอถลาเข้ามาเหมือนอยากจะจับไหล่เย่เจินเจินเพื่อเขย่าตัวเธอให้ตื่น
อย่างไรก็ตามการกระทำนี้ถูกขัดขวางโดยการปราดมองเพียงครั้งเดียวจากหมอจื่อ
เธอถอนมือออกและกลับไปยังจุดที่เธอยืนอยู่ก่อนหน้านี้ จื่อเจ๋อหยวนมองไปที่เย่เจินเจินครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "คุณชื่อว่าเย่เจินเจิน คุณมีประวัติทางการแพทย์ว่าความจำเสื่อม”
เย่เจินเจินย่นคิ้วไม่พูดอะไร เป็นไปได้ไหมที่การสูญเสียความทรงจำเป็นอาการกำเริบทั่วไป?
“นี่คือคุณซุน ภรรยาลุงของคุณทางฝ่ายแม่ของคุณ พอจำได้ไหม?”
เย่เจินเจินมองไปที่ผู้หญิงที่นิ้วเรียวยาวของเขาชี้ไป เธอสำรวจใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นหนึ่งครั้งก่อนจะส่ายศีรษะ
"ไม่"
อารมณ์ของผู้หญิงคนนั้นเริ่มหดหู่กับคำนี้ เธอมองไปที่เย่เจินเจิน อารมณ์ที่พ่ายแพ้ของเธอเปล่งประกายอย่างชัดเจนในดวงตาของเธอ ท่าทางของเธอทำเย่เจินเจินขนลุก
“แล้วเมื่อคืนคุณจำได้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อคืน? เย่เจินเจินครุ่นคิดอย่างรอบคอบอีกครั้งก่อนที่จะตระหนักว่าไม่ใช่แค่เมื่อคืน แม้แต่คืนก่อนหน้าเมื่อคืนเธอก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นมองจื่อเจ๋อหยวนโดยไม่รู้ตัว “เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรอคะ? ทำไมฉันถึงอยู่โรงพยาบาล?”
จื่อเจ๋อหยวนมองเธอ ดวงตาของเขากระจ่างใส ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรสามารถทำให้ดวงตาของเขากระเพื่อมได้ “มีตรงไหนบนร่างกายของคุณที่ไม่สบายบ้าง?”
ถึงแม้ว่าเขาจะเลี่ยงไม่ตอบคำถามของเธอ เย่เจินเจินก็ยังตอบคำถามของเขา “ฉันรู้สึกไม่สบายทั่วตัวเลยค่ะ ปวดมาก โดยเฉพาะที่หัว”
จื่อเจ๋อหยวนพยักหน้า “คุณกลิ้งตกบันได ก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดา”
บันได? เย่เจินเจินอุทานในใจ เธอมีคำถามเพิ่มเติมที่อยากถามแต่เสียงเคาะประตูห้องพยาบาลดังขึ้นก่อน
น็อค น็อค เสียงเคาะที่ห้วนและทรงพลังสองครั้ง โดยไม่ให้ใครพูดว่า 'เข้ามา' บุคคลนั้นผลักเปิดประตูเข้ามาในห้อง
"ตำรวจ" ชายในเครื่องแบบสองคนเดินเข้ามา เมื่อพวกเขาประกาศตัวว่าเป็นใคร พวกเขาก็ชูตราตำรวจแปบหนึ่ง
“ผมได้ยินว่าผู้บาดเจ็บฟื้นแล้วเลยเข้ามาดู” นายตำรวจที่อยู่ทางซ้ายก้าวขามาข้างหน้า เขาสูงมาก สูงกว่าจื่อเจ๋อหยวนเสียอีก เครื่องแบบตำรวจขับเน้นร่างกายส่วนสัดของเขาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขายาวของเขาสามารถบดขยี้โอปป้าชาวเกาหลีใต้ได้ ทำให้เย่เจินเจินถึงกับลืมตัวไปชั่วขณะ
การจ้องมองของเขาทะลุทะลวงราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถซ่อนความลับจากเขาได้ เธอไม่อยากอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้
นอกจากเย่เจินเจินแล้ว ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าป้าของเธอก็ไม่ชอบเขาเช่นกัน ดูได้จากเธอขมวดคิ้วทันทีที่เห็นเขาเข้ามา
ยกเว้นจื่อเจ๋อหยวน ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อเผชิญหน้ากับตำรวจนายนี้ เขาเหลือบมองไปที่พยาบาลตัวน้อยที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องก่อนจะเดินไปทางประตูเพียงไม่กี่ก้าว "เจ้าหน้าที่โจว เธอคงไม่สามารถช่วยคุณได้"
โจวอี้เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เขา “หมายความว่าไง?”
“เธอจำอะไรไม่ได้”
"จำอะไรไม่ได้?" ดวงตาของโจวอี้ขุ่นมัวขณะที่เขาครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เขามองไปที่เย่เจินเจินที่ล้มหมอนนอนเสื่ออยู่บนเตียง ราวกับนกเหยี่ยวที่กำลังสังเกตเหยื่อ “คุณเย่ คุณสูญเสียความทรงจำไปแล้วเหรอ?”
เย่เจินเจินส่งเสียงอืมในลำคอ พยักหน้านิดหนึ่ง แทบจะมองไม่เห็น
โจวอี้หัวเราะเบาๆ เมื่อหันไปหาจื่อเจ๋อหยวน เขากล่าวว่า "หมอจื่อ คุณรู้ไหมว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของเราอาจมีประสบการณ์ในการรับมือกับผู้ป่วยความจำเสื่อมมากกว่าคุณ แต่ไม่เป็นไรผมเก่งที่สุดในการรับมือกับคนความจำเสื่อม" เมื่อเขาพูด เขาก้มศีรษะมองไปเย่เจินเจิน “เนื่องจากคุณเย่สูญเสียความทรงจำ ผมจะช่วยให้คุณฟื้นความทรงจำของคุณเอง”
“เมื่อเย็นวานวันที่ 13 มีนาคมเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นในคฤหาสน์ตระกูลเย่ ผู้เสียชีวิตคือตาของคุณ ‘เย่หงเฉิง’ ซึ่งเพิ่งอายุ 74 ปีในปีนี้ เขาถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมโดยมีดแทงเข้าที่หน้าอกสองครั้ง ลุงของคุณโทรแจ้งตำรวจแล้วเราก็รีบไปที่เกิดเหตุ ตอนนั้นคุณถูกย้ายไปโรงพยาบาลแล้ว"
โจวอี้สังเกตการแสดงออกทางสีหน้าของเย่เจินเจินอยู่ตลอดในขณะที่อธิบาย เนื่องจากเย่เจินเจินจำอะไรไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าปู่ของเธอถูกฆ่าตาย เธอจึงตกใจมากกว่าเศร้าโศก เมื่อโจวอี้ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังแล้ว ปากของเย่เจินเจินก็ขยับในที่สุด "ทำไมฉันถึงถูกย้ายไปโรงพยาบาล?"
"คุณกลิ้งตกบันไดอาการโคม่า เราสงสัยเบื้องต้นว่าฆาตกรผลักคุณตกบันได"
ดวงตาของโจวอี้ยังคงจับอยู่บนร่างกายของเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถรับมือกับความกลัวที่มีต่อเขาได้อีกต่อไป มีความเป็นไปได้สูงที่ฆาตกรผลักเธอตกบันไดเพราะเธอบังเอิญเห็นอะไรบางอย่าง
"ดังนั้นคุณควรรู้ว่าคำพูดของคุณจะมีความสำคัญต่อเรามาก มีโอกาสมากที่คุณจะได้เห็นหน้าของฆาตกร"
เย่เจินเจินเม้มริมฝีปากของเธอ ผิวของเธอซีด เมื่อหมอจื่อมองไปที่ผิวของเธอ เขาก็หันหน้าไปทางโจวอี้และพูดว่า "เจ้าหน้าที่โจว ผู้ป่วยต้องการการพักผ่อน คงต้องขอให้คุณออกไป"
โจวอี้ไม่ได้สนใจจื่อเจ๋อหยวน สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่เย่เจินเจิน ดูเหมือนเขาจะค้นหาร่องรอยบนใบหน้าของเธอ
"เจ้าหน้าที่โจว ผู้ป่วยต้องการการพักผ่อน กรุณาออกไปด้วย" จื่อเจ๋อหยวนทวนคำพูดตนเองด้วยน้ำเสียงแบบเดิม โจวอี้ถอนสายตาและมองไปที่หมอ “หมอจื่อ ผมขอคุยกับคุณสักครู่ได้ไหม?”
การแสดงออกที่ปรากฏบนใบหน้าของโจวอี้ทำให้อาชญากรจำนวนมากหวาดกลัว แต่ชายคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขายังคงจ้องกลับมา ใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย "ถ้าคุณต้องการสนทนา ผมไม่สนใจ แต่ถ้าคุณต้องการคำชี้แจง ผมยินดีปฏิบัติตาม"
โจวอี้ยิ้ม เดินออกจากห้องผู้ป่วย จื่อเจ๋อหยวนเดินตามเขาออกไป ภายในห้องจึงเหลือซุนเฉียนและเย่เจินเจิน เมื่อประตูปิดลง ซุนเฉียนก็ถอนหายใจโล่งอก
เธอเดินไปที่เตียงหาเย่เจินเจิน ดวงตาของเย่เจินเจินกลมโตสดใสมีชีวิตชีวา แต่ตอนนี้มันทั้งมืดดำและไร้ประกาย เธอแตะหน้าผากเย่เจินเจินกล่าวว่า “เจินเจิน หลานจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
เย่เจินเจินไม่พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้า มือของซุนเฉียนแข็งทื่อแต่รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าของเธอ “ไม่เป็นไร ค่อยๆจำก็ได้ หิวไหม? ป้าจะออกไปซื้ออะไรให้กิน”
เย่เจินเจินเงยหน้าขึ้นมองป้าของเธอ ซุนเฉียนน่าจะอายุสี่สิบปี แต่เธอดูเด็กกว่าอายุจริงอย่างน้อยสิบปี เธอแต่งหน้าอ่อนๆ และน้ำหอมที่พรมอยู่บนร่างของเธอก็ไม่ได้ฉุน มันเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมราคาแพง
สุภาพสตรีท่านนี้คงใช้ชีวิตดั่งเจ้าหญิง
นี่คือการประเมินเบื้องต้นของเย่เจินเจิน ถ้าจื่อเจ๋อหยวนบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นป้าของเธอ ก็ดูเหมือนว่าสภาพคล่องของตระกูลเย่นั้นคล่องมากพอดู
“หนูยังไม่หิว อยากจะนอนอีกสักหน่อยค่ะ” เย่เจินเจินปิดเปลือกตา ซุนเฉียนไม่คัดค้านปล่อยให้เธอนอน “ได้ๆ นอนเถอะ ป้าจะออกไปซื้ออะไรมาให้กินตอนที่หลานตื่นแล้ว”
“อืม ขอบคุณค่ะ คุณป้า” เย่เจินเจินดูเหมือนจะง่วงจริงๆ ซุนเฉียนยืนมองเย่เจินเจินอยู่ครู่หนึ่งก่อนออกจากห้องไป
ที่โถงทางเดิน โจวอี้ถามจื่อเจ๋อหยวนว่า "เย่เจินเจิน สูญเสียความทรงจำของเธอไปจริงๆเหรอ?"
จื่อเจ่อหยวนตอบว่า "ตอนที่เธอกลิ้งตกบันได ศีรษะของเธอได้รับการกระแทกหลายครั้ง นอกจากนี้เธออาจตกใจกลัวและถูกกระตุ้นมากเกินไป ปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดเป็นสาเหตุที่เป็นไปได้ที่ทำให้เธอสูญเสียความทรงจำ"
โจวอี้ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว และเมื่อรู้ว่าเขาสวมเครื่องแบบตำรวจ เขาก็ถอนมือออก "เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะแกล้งทำ?"
"ความจำเสื่อมเป็นความเจ็บป่วยที่ผิดปกติ ผมไม่สามารถให้คำจำกัดความทางการแพทย์ที่ชัดเจนแก่คุณได้” จื่อเจ๋อหยวนเหลือบมองโจวอี้ก่อนที่จะพูดต่อ "เจ้าหน้าที่โจวมีประสบการณ์มากกว่าผมเกี่ยวกับคนความจำเสื่อม ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยหรือไม่ก็ตาม คุณน่าจะวินิจฉัยเธอได้ง่ายกว่าผม"
โจวอี้มองจื่อเจ๋อหยวนและยิ้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นอารมณ์บางอย่างในดวงตาของจื่อเจ๋อหยวน แม้ว่ามันจะเป็นการเยาะเย้ยเขาก็ตามที
"ขอบคุณหมอมากที่ให้ความร่วมมือ" โจวอี้จับมือของอีกฝ่ายและจากไป ขณะที่เขากำลังเดินออกจากโรงพยาบาล ตำรวจที่มาด้วยสะกิดเขาด้วยศอก "หัวหน้า อยากสูบหน่อยไหม?"
โจวอี้มองไปที่บุหรี่ในมือของตำรวจหนุ่มและส่ายหน้า "ไม่" เมื่อสักครู่เขาอยากจะดึงบุหรี่ออกมาสูบ แต่ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอยากสูบบุหรี่ แต่เขาก็ไม่รู้สึกอยาก เป็นความรู้สึกขัดแย้งกันเอง
ตู๊ด—— ตู๊ด——
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเขาสั่น โจวอี้ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเหลือบมองมันก่อนจะกดรับ
"หัวหน้า ตอนนี้มีข้อมูลใหม่เข้ามา แต่ผมไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไรหรือเปล่า"
“ว่ามา”
“เย่เจินเจิน เธอเคยสูญเสียความทรงจำตอนที่เธออายุ 15”