Your Wishlist

จางหลี่จิ้ง (หมั่นโถวข้า)

Author: ชาเขียวuมสด

งื้ออออ...กินก็ยังไม่อิ่ม..เงินอั่งเปาก็ไม่ทันได้ใช้ ต้องมาตายเพราะขนมเข่งติดคอ เวรกรรมจริงๆน่านเอ้ย

จำนวนตอน :

หมั่นโถวข้า

  • 24/04/2564

“ฮ่า…ฮ่า…ฮ่า…หลี่จิ้งผู้นี้ช่างมีอะไรให้ข้าแปลกใจนักเจ้าคิดเหมือนข้าหรือไม่หลงไถ่”

“ข้าก็ว่าเช่นนั้น แต่…ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องงูกับเจ้าเลยนะอี้เทียน”

“ข้าก็แค่หยอกเจ้าเล่นแค่นั้นเอง”

“แต่เจ้าก็รู้ว่าข้า…”

“ไปเถอะๆ …มัวแต่เถียงกันอยู่แบบนี้จะได้ไปกันหรือไม่” น่านเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินออกไปแล้วจึงค่อยๆ ขยับตัวออกมาจากที่ซ่อนทันที

“เฮ้อ…ไปได้สักทีตกลงคนพวกนี้คนดีหรือคนไม่ดีกันแน่” น่านได้แต่ทำหน้าครุ่นคิดปนสงสัย

“แล้วเจ้าว่าข้าเป็นคนดีหรือไม่ดีล่ะหลี่จิ้ง” น่านที่ยืนครุ่นคิดอย่างลืมตัวก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อมีคนโผล่มาอยู่ตรงหน้า

“เฮ้ย! …” บิดามันเถอะโผล่มาแบบนี้ จะหัวใจวายตายไหมเนี่ยยังไม่ทันข้ามวันมีหวังได้ตายก่อนเป็นแน่ น่านจึงทำได้แค่กลอกตาไปมาก่อนจะหันหลังเดินออกไป

“เฮ้ๆๆ …รอก่อนสิเจ้าจะรีบไปไหนกันหลี่จิ้ง” ไป๋อี้เทียน

“ข้าจะไปไหนมันก็เรื่องของข้าเกี่ยวอะไรกับท่านแล้วอีกอย่างข้ากับท่านเราไม่ได้รู้จักหรือสนิทสนมกัน”

“ข้า…ไป๋อี้เทียน…เรียกว่าอี้เทียนก็ได้…ทีนี้เจ้าและข้าคงรู้จักกันแล้วสินะ”

“ใครอยากรู้จักกับท่านกันคุณชายไป๋อี้เทียน”

“แต่ข้าอยากรู้จักเจ้านี่”

“เฮ้อ…ท่านต้องการอะไรจากข้ากันแน่คุณชายไป๋” พูดจบหลี่จิ้งก็ก้าวเดินหนีไปทันที

“เปล่านี่”

“แล้วเหตุใดท่านต้องเดินตามข้า”

“ข้าเปล่าตามเจ้านี่อาหลี่”

“ก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าท่านเดินตามข้า” ชักจะหงุดหงิดแล้วนะคนบ้าอะไรกวนประสาทที่สุด

“อ้าว…เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ…เหตุใดข้าถึงไม่รู้ตัวเลย” เหอะ…ข้าจะทำอย่างไรกับคนผู้นี้ดีก่อนจะเชิดหน้าใส่แล้วเดินออกไป

"เจ้าหายมาอยู่นี่เองอี้เทียนปล่อยให้ข้าหาอยู่ตั้งนาน" อี้เทียนได้แต่กลอกตาใส่หลงไถ่อย่างเอือมๆ

"เจ้าเป็นภรรยาข้าหรือไงถึงได้ตามติดขนาดนี้ ถ้าเป็นอาหลี่เขายินดีด้วยซ้ำไป" อี้เทียนตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่ประโยคหลังนั้นแผ่วเบา

"เจ้าพูดว่าอะไรนะ ข้าได้ยินไม่ชัด"

"เปล่าไม่มีอะไร" 

"ช่างเถอะๆ ข้าไม่อยากรู้แล้ว" หลงไถ่ได้แต่ส่ายหน้าให้กับสหายผู้นี้

 

 

"เฮ้อ เอาไงต่อดีวะเนี่ย ตายแน่ๆน่านเอ๊ยดันต้องมาอยู่ในที่ไม่คุ้นเคย" ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดน่านจึงได้เดินไปเรื่อยๆจนมาถึงกลางตลาดผู้คนต่างตะโกนแข่งขันกันขายของซึ่งไม่ต่างอะไรกับโลกปัจจุบันที่เขาจากมาเลยสักนิดแตกต่างก็เพียงแค่การแต่งตัว การพูดการจา ใช้สมองๆเยอะจนเริ่มหิวแล้วสิ

"หมั่นโถวร้อนๆจ้า หมั่นโถวราคาไม่แพงลูกละห้าอีแปะ รสชาติอร่อยเหาะข้าไม่ได้โม้นะ"

"เซาปิงจ้า เซาปิงหวานๆอร่อยๆ หากได้กิน ข้ารับรองว่าต้องติดใจเป็นแน่"

"น้ำตาลปั้นขอรับ น้ำตาลปั้นสวยๆ รับรองว่าหวานละมุนลิ้นและอร่อยกลมกล่อมเกินผู้ใด"

เมื่อได้ฟังสิ่งที่พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายเรียกลูกค้ากันก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา

"ไปซื้อหมั่นโถวดีกว่า ดูซิรสชาติเป็นยังไงจะอร่อยมั้ย" แค่ได้กลิ่นหอมๆท้องน้อยๆก็เริ่มส่งเสียงประท้วงกันเสียแล้ว ก่อนจะเดินเข้าไปซื้อ

"ท่านป้า ข้าเอาหมั่นโถวหนึ่งลูก"

"นี่จ้ะ...หมั่นโถวเจ้า ห้าอีแปะ" ไม่รอช้ารีบยื่นมือไปรับหมั่นโถวแล้วกัดกินไปคำนึง

"อื้ม อร่อยมากๆเลยท่านป้า" ในขณะที่หลี่จิ้งกำลังจะกินหมั่นโถวอีกคำนึงก็ได้มีบุรุษปิดบังใบหน้าใส่ชุดดำไปทั้งตัว วิ่งมาชนทำให้หมั่นโถวในมือลอยละลิ่วร่วงหล่นตกลงพื้น

"ไม่นะ หมั่นโถวข้าาาาา~" หลี่จิ้งยืนมองหมั่นโถวที่หล่นร่วงลงไปด้วยสายตาละห้อย 'ลาก่อนหมั่นโถวน้อย' เงินห้าอีแปะของข้า หมั่นโถวของข้า ก่อนจะตวัดตามองไปที่ชายชุดดำด้วยสายตาอาฆาตแค้นช่างกล้ามาก จึงได้วิ่งตามไปหวังจะเอาคืนชายชุดดำที่บังอาจมาทำให้เขาชวดอาหารแถมยังกินไม่อิ่มอีก ไม่นานหลี่จิ้งก็ตามชายชุดดำจนทันก่อนจะกระโดดถีบเข้าไปที่บั้นท้าย

ย๊ากกกกกกกกก~

อั่กกก~

ทำให้อีกฝ่ายไม่ทันระวังตัวกระเด็นลงไปอยู่ในคอกหมูสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน ไม้รั้วล้อมคอกหมูได้พังยับเยินเมื่อเขาได้เดินเข้าไปดูหมายจะเอาคืนเรื่องหมั่นโถวก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อบนร่างกายของชายชุดดำนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์ดูท่าคงจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ไม่นานถ้าหากไม่รีบรักษา

"จะ...เจ้า"

"อ้าว สลบไปเสียแล้วเอาไงหล่ะทีนี้" ก็ต้องช่วยชีวิตไว้ก่อนสินะเป็นคนดีหรือคนชั่วค่อยว่ากันอีกที จากนั้นก็ได้แบกร่างของชายชุดดำเดินออกไปยังท้ายหมู่บ้าน จากในความทรงจำของร่างนี้ทำให้เขาได้รู้ว่าภายในป่าลึกมีกระท่อมหลังเก่าๆอยู่พอได้อาศัยหลับนอนและใช่ที่นั่นก็คือบ้านของเจ้าของร่างกายนี้ 

"เฮ้อ กว่าจะไปถึงมีหวังหลังข้าคงหักเสียก่อน" เขาไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้จึงได้เร่งฝีเท้าพาคนตัวโตมุ่งหน้าไปยังภายในป่าอย่างเร่งรีบ ใช้เวลาราวๆหนึ่งชั่วยามในการเดินทางไปถึงกระท่อม ก่อนจะค่อยๆพยุ่งร่างที่สลบไสลเข้าไปด้านในแล้ววางลงนอนกับพื้นจัดการทำความสะอาดและรักษาบาดแผลเบื้องต้นด้วยสมุนไพรทั่วๆไป หากบุรุษผู้นี้ยังมีโชคอยู่บ้างอีกไม่นานก็คงหาย แต่ในระหว่างที่เขาได้เช็ดตัวทำความสะอาดบาดแผลต่างๆก็ได้มีบางสิ่งหล่นร่วงลงมา ลักษณะของชิ้นนี้มีรูปร่างสวยงามแปลกตาคล้ายกับว่ายิ่งมองนานเท่าไหร่มันก็ยิ่งดึงดูดให้เข้าไปหาราวกับว่าคนที่ได้มองนั้นตกอยู่ในภวังค์ห้วงฝันอันแสนหวาน

 

อีกด้านฝั่งตลาด

หลังจากที่หลี่จิ้งออกมาแล้วได้มีชายวัยฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งปิดบังใบหน้าได้กระทำการอุกอาจรื้อค้นพังข้าวของของชาวบ้านกระจัดกระจายทำให้ของค้าขายเสียหาย

"ไม่เจอขอรับ"

"หาต่อไป" 

แค่พริบตาเดียวคนเหล่านั้นก็ได้หายไปเหลือทิ้งไว้แต่ความวุ่นวาย

 

หนึ่งเดือนผ่านไป

"เมื่อไหร่จะฟื้นเนี่ยบาดแผลภายนอกก็หายดีแล้วอาการบอบช้ำก็ไม่มีแต่ทำไมถึงยังไม่ได้สติสักที ข้าขี้เกียจดูแลแล้วนะเว้ยยยยย~" ไม่นานก็มีเสียงไอแหบแห้งดังขึ้น

แค่ก แค่ก แค่ก~

หลังจากที่ได้ยินเสียงหลี่จิ้งรีบถลาเข้าไปดูทันทีแต่ก็ต้องผงะตกใจเมื่อคนที่นอนไม่ได้สติเมื่อครู่ได้ยื่นมือออกมาบีบคอของเขาอย่างแรง

"ปล่อยข้านะ เจ้าคนชั่วคนอุตส่าห์ช่วยชีวิตไว้แท้ๆพอฟื้นขึ้นมาก็คิดจะฆ่ากันเสียนี่"

"เจ้าเป็นใครบอกมา" แค่ได้ยินเสียงก็รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ

"อยากให้บอกก็ปล่อยมือออกจากคอข้าก่อนได้หรือไม่ ข้าหายใจไม่ออก" เมื่ออีกฝ่ายลดมือลงหลี่จิ้งก็รีบโกยอากาศเข้าปอดอย่างรวดเร็ว

"เฮ้อ เกือบตายแล้วมั้ยหล่ะ" ก่อนตวัดสายตาขึ้นไปมองบุรุษตรงหน้าด้วยความหงุดหงิดแต่เมื่อเจอกับสายตาแข็งกร้าวนั้นจำต้องหุบปากแล้วอธิบายออกไปคร่าวๆให้ฟัง

"เล่ามา" 

"รู้แล้วๆ จะรีบร้อนไปไหนนักหนา"

"ข้าชื่อหลี่จิ้งเป็นคนช่วยเจ้าเอาไว้เอง ทั้งแบกขึ้นหลังพากลับมารักษาบาดแผลทำความสะอาดแล้วเจ้าก็หมดสติไปร่วมเดือน ในเมื่อเจ้าฟื้นแล้วก็ควรจะไปได้เสียที" แต่คนตรงหน้าหาได้ฟังไม่ สายตานิ่งเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆกำลังลอบมองสำรวจอย่างเงียบๆ 'เหอะ จะระแวงอะไรขนาดนั้น'

"ที่นี่ไม่มีใครอยู่หรอกนอกจากข้ากับเจ้า ข้าว่าเจ้าพักผ่อนอีกสักหน่อยเถอะเดี๋ยวข้าจะไปทำกับข้าวมาให้เจ้ากินมื้อเย็น"

"อืม" สิ้นคำพูดของหลี่จิ้ง เฟยหยางก็ล้มตัวนอนอีกครั้งเมื่อมั่นใจแล้วว่าปลอดภัยจริงๆ

 

 

ตกเย็น

“นี่ๆ เจ้าตื่นได้แล้ว” ก่อนจะใช้ปลายเท้าสะกิดไปที่ร่างของทีหนึ่งยางกระนั้นเขาก็ได้รู้สึกตัวอยู่ก่อนแล้ว เพียงแค่นิ่งเฉยเพื่อแอบสังเกตพฤติกรรมของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้จะใช้เท้าในการปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาเห็นทีหากอยู่นิ่งเฉยก็คงจะไม่ใช่ตัวเขาแล้วคงต้องเอาคืนบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่ก็น่าแปลกใจหากเป็นคนอื่นป่านนี้คงได้ไปเฝ้ายมโลกนานแล้วทว่ากับเด็กคนนี้เขาไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจเลยสักนิด แต่กลับยื่นมือออกไปกระชากคนด้านบนลงมาสู่อ้อมกอด

“เฮ้ยยยย! นี่เจ้าตื่นแล้วอย่างนั้นหรือ”

“ใช่” หลี่จิ้งเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าตนเองนั้นได้ตกอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายจึงได้พยายามดิ้นรนเพื่อให้อีกฝ่ายคลายวงแขน

“นี่เจ้าปล่อยข้าเลยนะไม่งั้น” จะเอาอะไรมาขู่มันดีวะ โอ๊ยสมองบ้าทำไมถึงมาโง่เอาตอนนี้

“ไม่งั้นอะไรไหนเจ้าลองบอกมาซิ”

“เอ่อ ไม่งั้นข้าจะไม่แบ่งข้าวให้เจ้ากิน” หลี่จิ้งตะโกนออกไปเสียงดังพร้อมทั้งหลับตาปี๋

“หึหึหึ” ช่างทำตัวน่ารักน่ารังแกอะไรแบบนี้ ไหนๆก็ไหนทีหนึ่งแล้วเขาจะขอลองชิมสักหน่อยก็แล้วกันว่าปากเล็กๆ นั่นมันจะหวานขนาดไหน ก่อนจะโน้มใบหน้าลงอย่างช้าๆ ไม่นานริมฝีปากของทั้งสองก็ประกบกันหลี่จิ้งสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยน อ่อนนุ่มและนุ่มนวล จึงได้หลับตาพริ้มหลงลืมทุกสิ่งไปชั่วขณะ เฟยหยางก็ได้ขบกัดริมฝีปากล่างเพื่อให้หลี่จิ้งเปิดปากก่อนจะสอดเรียวลิ้นเข้าไปพัวพัน จากความอ่อนหวาน อ่อนนุ่มกลับกลายเป็นร้อนแรง ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดมากไปกว่านี้เขาจำเป็นที่จะต้องระงับตัวเองให้ใจเย็นก่อนจะค่อยๆ ผละริมฝีปากออกมาเบาๆ ทำไมกันนะเขาถึงมีความรู้สึกแปลกๆ กับคนตรงหน้าทั้งที่ตัวเขาเองแทบจะไม่เข้าใกล้ผู้ใดนอกจากหวังหย่งผู้ติดตามของเขาที่เปรียบเสมือนเพื่อนเล่นตั้งแต่วัยเยาว์ ความรู้สึกเหล่านี้แม้จะไม่ได้นึกรังเกียจแต่กลับชวนให้รู้สึกหวงแหนและไม่อยากปล่อยคนตรงหน้าไปมันคือสิ่งใดกัน ส่วนความรู้สึกแปลกๆตรงอกด้านซ้ายที่เป็นอยู่ตอนนี้มันคืออะไรกันแน่ ก่อนจะยกมือขึ้นมาจับหรือว่าเขาจะโดนธาตุไฟเข้าแทรกหรือเขากำลังจะตาย ยิ่งเขาขบคิดมากเท่าไหร่ก็ไม่มีคำตอบที่ต้องการเลยสักนิด ด้านหลี่จิ้งหลังจากที่เคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบก็ได้สติก่อนจะหันไปทำตาขวางใส่คล้ายจะอยากทุบตีคนตรงหน้าให้ตายเสียตรงนั้นจริงๆ

“นะ…นี่เจ้า” หลี่จิ้งได้แต่พูดอึกอักติดขัดจนเฟยหยางอดไม่ได้ที่จะขำนี่แค่โดนเขาจูบเองนะ หึหึหึ เห็นทีต้องตีตราจองไว้เสียแล้วสิว่าที่นายหญิงแห่งสำนักมาร

“ข้าชักหิวเสียแล้ว ไหนล่ะอาหารของข้า” ตื่นมาทำเรื่องไร้ยางอายกับข้าทีหนึ่งแล้ว ยังมีหน้ามาถามหาอาหารอีกงั้นหรือ ไม่ทงไม่ทนมันแล้วโว๊ยยยยย!!

“อย่าอยู่เลยเจ้าคนหน้าตาย”

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป