งื้ออออ...กินก็ยังไม่อิ่ม..เงินอั่งเปาก็ไม่ทันได้ใช้ ต้องมาตายเพราะขนมเข่งติดคอ เวรกรรมจริงๆน่านเอ้ย
งื้ออออ...กินก็ยังไม่อิ่ม..เงินอั่งเปาก็ไม่ทันได้ใช้ ต้องมาตายเพราะขนมเข่งติดคอ เวรกรรมจริงๆน่านเอ้ย
“ข้าชักหิวเสียแล้ว ไหนล่ะอาหารของข้า” ตื่นมาทำเรื่องไร้ยางอายกับข้าทีหนึ่งแล้วยังมีหน้ามาถามหาอาหารอีกงั้นหรือ ไม่ทงไม่ทนมันแล้วโว๊ยยยยย!!
“อย่าอยู่เลยเจ้าคนหน้าตาย”
ย๊ากกกกก~
เพียงแค่เฟยหยางเบี่ยงตัวหลบนิดหน่อยก็ทำให้คนตรงหน้าพลาดท่าล้มกลิ้งลงไป
โครมมม~
"โอ๊ย!! เจ็บๆๆๆบ้าเอ๊ยเจ้าหลบทำไม" โอ๊ย เจ็บตูดฉิบหายเลยลงซะแรงเชียว เจ็บจนน้ำตาเล็ดเลย
"หึหึหึ"
"มีอะไรให้น่าขำนักหรือไง" ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปเพื่อไปยกอาหารมาให้คนตรงหน้าได้กินแต่เป็นอันต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง
เมื่อหลี่จิ้งเดินสะดุดเท้าตัวเองล้มหน้าคะมำ 'วันนี้มันเป็นวันอะไรวะเนี่ย ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆเลยมีแต่เรื่องให้เจ็บตัว'
เมืองเยี่ยน
บ้านตระกูลกู้
ภายในห้องรับแขกตกแต่งไว้อย่างสวยหรู ของทุกชิ้นได้ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ หากเหลือบตามองไปยังด้านซ้ายของห้องก็จะเจอกับรูปปั้นกิเลนทองที่มีลักษณะงดงามน่าเกรงขามวางตั้งไว้อยู่บนโต๊ะ บ่งบอกได้ดีว่าผลงานชิ้นนี้ประณีตมากแค่ไหนควรค่าแก่การมีไว้ในครอบครอง
“นี่มันจะยี่สิบปีเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงยังหาตัวพวกมันไม่เจอ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกได้ดีเลยว่าเกรี้ยวกราดเพียงใด
“ท่านผู้นำโปรดอย่าได้มีโทสะ นี่ก็ผ่านไปเกือบยี่สิบปีแล้ว ข้าว่าป่านนี้สองสามีภรรยานั่นคงตายไปแล้วกระมัง เพราะทั้งคู่นั้นได้รับบาดเจ็บกันไม่น้อย แล้วท่านยังต้องกังวลสิ่งใดอีก”
“แต่เจ้าอย่าลืมสิ ว่าบุตรชายของมันยังมีชีวิตอยู่”
“ก็แค่เอียเท้าโง่เขลาคนหนึ่งเท่านั้น ต่างจากท่านที่ใช้ชีวิตผาดโผนโลดแล่นในยุทธภพมานับไม่ถ้วน”
“อืม ก็จริงของเจ้า” เมื่อเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่เขาต้องเก็บมาเป็นกังวล จึงได้พูดคุยเรื่อยเปื่อยพร้อมกับนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ แม้จะมีความหวั่นวิตกอยู่บ้างเล็กน้อย
“เอาอย่างนี้ดีหรือไม่” หลังจากที่เขาสังเกตเห็นสีหน้าและแววตาของอีกฝ่ายแล้ว แม้จะโล่งใจและคลายความกังวล แต่นัยน์ตานั้นก็ยังฉายแววออกมาให้เห็นถึงความหวาดหวั่นวิตกไม่น้อย
“...”
“ข้าจะส่งคนและพวกมือสังหาร ออกไปตามล่าหาตัวเด็กคนนั้นให้ทั่วทุกหัวเมือง หากเจอบุรุษที่อยู่ในวัยนี้ก็ทำการสังหารให้หมด”
“ดีๆ ฆ่าทิ้งให้หมดซะก็สิ้นเรื่อง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“เช่นนั้น ข้าขอตัว”
ห้าวันให้หลัง
ในขณะที่ข่าวเริ่มแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมีคนพบศพบุรุษอายุระหว่างสิบเก้าถึงยี่สิบปีโดนฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด บางรายก็หายสาบสูญอย่างไร้ร่องรอย สร้างความหวาดกลัวและความหวาดหวั่นให้แก่ชาวบ้านไม่น้อย บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของพรรคมาร บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของปีศาจสาวที่ชมชอบกลืนกินวิญญาณของบุรุษ
หมู่บ้านลั่วซาน
ที่ตอนนี้ทุกพื้นดินและทุกหย่อมหญ้าเจิ่งนองเต็มไปด้วยเลือดและซากศพ ชาวบ้านต่างกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว หนีกันให้จ้าละหวั่นเพื่อเอาชีวิตจากการโดนเข่นฆ่า โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเพราะพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้อย่างสงบสุข
ดำเนินชีวิตกันอย่างเรียบง่ายหาได้ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกไม่ แต่มาวันนี้ได้มีมือสังหารจำนวนหนึ่งบุกเข้ามาเพื่อค้นหาบางสิ่งบางอย่าง ในขณะที่หาไปด้วยก็ลงมือสังหารฆ่าฟันชาวบ้านกันอย่างสนุกมือ
ราวว่าชาวบ้านเหล่านี้เป็นสิ่งของไร้ค่าจะฆ่าจะแกงเมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่ฟังคำอ้อนวอนร้องขอชีวิต ต่อให้อ้อนวอนร้องขอเพียงใดมือสังหารเหล่านี้ก็หาได้สนใจไม่
“ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย” ชายแก่เอ่ยวิงวอนร้องขอด้วยเสียงที่แหบแห้ง ตัวสั่นเทาไปด้วยหวาดความกลัว ใบหน้าที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
“อย่าทำอะไรพวกเราเลยได้โปรด” เสียงร้องขอชีวิตจากชาวบ้านนับสิบดังระงมไปทั่ว ภายในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง
“แม่จ๋า แม่อยู่ไหน ฮือ ฮือ ฮือ” เสียงเด็กน้อยในวัยสี่ขวบร้องไห้หาแม่เสียงดังลั่นเพื่อหวังให้มารดารู้ว่าตนเองอยู่ที่ใด
“แม่อยู่นี่อาหนาน แม่อยู่นี่เจ้าไม่ต้องกลัวนะลูกรัก” ผู้เป็นมารดารีบวิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามาหวังเพียงปลอบโยนลูกน้อยท่ามกลางการเข่นฆ่า
น่าอนิจจังมารดาผู้น่าสงสารที่ต้องมาเห็นลูกน้อยโดนฆ่าต่อหน้าต่อตา
เมื่อมือสังหารคนหนึ่งใช้ดาบแทงลงไปตรงกลางหลัง
“กรี๊ดดดดดดด!! ไม่นะลูกแม่” นางกรีดร้องออกมาราวกับคลั่งเมื่อเห็นดวงใจเพียงหนึ่งเดียวโดนพรากจากไปชั่วนิรันดร์ นางเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาหาเช้ากินค่ำ ไม่เคยไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใด แล้วเหตุใดเล่าเบื้องบนถึงได้โหดร้ายกับนางถึงเพียงนี้ จิตใจดำดิ่งลึกลงสู่ความสิ้นหวังของมนุษย์
แววตาที่มีแต่ความโศกเศร้าบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า เมื่อสูญสิ้นทุกอย่างในการยึดเหนี่ยวจิตใจก็จะให้มนุษย์ทำอะไรลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว หางตาได้เหลือบมองไปยังดาบเล่มหนึ่งที่ตกอยู่ไม่ไกล จึงได้เอื้อมมือหยิบขึ้นมา
ในเมื่อลูกน้อยเพียงคนเดียวถูกพรากไปจากอ้อมอกของผู้เป็นมารดา นางเองก็จะไม่ขออยู่เช่นกัน จึงวิ่งเข้าไปหมายจะใช้ดาบแทงมือสังหารให้ตายตกตามกันไป ทว่าชาวบ้านธรรมดาอย่างนางมีหรือจะสู้มือสังหารที่ผ่านการฝึกฝนและชำนาญการฆ่ามานับครั้งไม่ถ้วนได้
พริบตาเดียวร่างผู้เป็นมารดาก็ทรุดลงไปกองอยู่ข้างกายบุตรชายวัยสี่ขวบพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาแดงฉาน มือสังหารเหล่านี้ถูกฝึกมาให้ไร้ความรู้สึก ไร้ความเมตตาปรานี ฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กเล็กโดยไม่สนใจว่าจะมีคนตายไปเท่าไหร่ พวกเขาจดจำเพียงแค่ภารกิจที่ได้รับมาเท่านั้น
ไม่นานเหล่ามือสังหารก็มารวมตัวกัน
“เจอหรือไม่”
“ไม่เจอขอรับ ทั่วทั้งหมู่บ้านไม่มีบุรุษที่เราตามหา”
“ทางนี้ไม่มีขอรับ”
“ทางนี้ด้วยขอรับ”
“ไปได้” เมื่อไม่มีบุคคลที่พวกเขาต้องการก็ได้จากไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะภาพเบื้องหลังเหล่านี้เต็มไปด้วยซากศพ ไม่เว้นแม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ที่นอนสิ้นใจ และเลือดกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
เพล้งงงงงง~
เสียงถ้วยน้ำที่ถูกเขวี้ยงลงพื้นอย่างแรงเต็มไปด้วยโทสะ
“ประเสริฐ ประเสริฐมาก เหตุใดถึงกระทำการอุกอาจเช่นนี้ ป่านนี้มันไม่รู้ตัวไปแล้วรึ?” น้ำเสียงสุขุมนุ่มลึกเอ่ยออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
“ข้าน้อยสมควรตาย นายท่านโปรดลงโทษ”
ฉัวะ!!
ศีรษะหล่นร่วงลงพื้น เลือดสาดกระเซ็น เปรอะเปื้อนชุดงาม ก่อนจะเดินไปนั่งแล้วยกน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างใจเย็น
“เก็บกวาดให้เรียบร้อย พักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน หากข้าไม่ได้สั่งแล้วผู้ใดไม่ฟังก็ดูตัวอย่างตรงหน้านี้ซะ”
“ขอรับ”
“อ้อ แล้วอย่าลืมปล่อยข่าวออกไปว่าเป็นฝีมือของพรรคมารหรือปีศาจสาวไป”
“ขอรับ”
กระท่อมกลางป่า
หลี่จิ้งที่กำลังนอนแช่ตัวอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ หาได้รู้ไม่ว่าโลกภายนอกบัดนี้ย้อมไปด้วยเลือดทุกหย่อมหญ้า เพียงเพราะเสาะหาตามล่าสังหารเขา
“เมื่อไหร่เจ้าคนหน้าตายผู้นั้นจะกลับไปเสียที”
..................................
*เอียเท้าโง่เขลา* = เด็กน้อย