Your Wishlist

กำเนิดใหม่หัวใจดวงเดิม 改头换面 (ตอนที่ 1 ฆ่าล้างตระกูล)

Author: 涵爱娟 ❀ หานอ้ายจวน

ชาตินี้นางคือหญิงงามผู้มีชะตาอาภัพ เกิดมาไร้ตัวตนเป็นเพียงเครื่องจักรสังหาร ครั้นได้รู้ชาติกำเนิดที่แท้จริง ครอบครัวกลับถูกเข่นฆ่าล้างตระกูล!!!

จำนวนตอน :

ตอนที่ 1 ฆ่าล้างตระกูล

  • 23/04/2564

 

ณ เฉิงฉาง เมืองหลวงของแคว้นจ้าว อันแสนร้อนระอุ

 

เฉินตี้ฮ่องเต้สวรรคตลงอย่างกะทันหัน ทำให้บ้านเมืองที่เคยสงบสุขเกิดเหตุวุ่นวายระส่ำระสาย ผู้กุมอำนาจในแคว้นต่างแย่งชิงความเป็นใหญ่

 

ฉึก!

 

“อั่ก-!”

 

เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายล้มลงขาดใจตายในทันทีเมื่อถูกจ้วงแทงจากด้านหลังปักทะลุกลางอก

 

ทหารราวหนึ่งพันนายไม่ทราบสังกัดเข้าจู่โจมโอบล้อมไล่ฆ่าผู้คนในจวนอย่างบ้าคลั่ง ต่างพากันกรีดร้องหนีตาย ด้วยเห็นว่าสกุลจ้าวไร้กองกำลังทหาร อีกทั้งส่วนใหญ่ล้วนเป็นเด็ก สตรี และคนชรา จึงมิต้องใช้ขุนพลมากฝีมือ เพียงทหารชั้นเลวก็สามารถกวาดล้างคนในตระกูลได้จนหมดสิ้น

 

‘จ้าวหนิงชุน’ ประมุขตระกูลอดีตเคยรับราชการเป็นขุนนางในวัง ทว่าเมื่อได้พบรักกับแม่นางเยว่ลี่ซิน โฉมงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้น เขาตัดสินใจละทิ้งยศฐาบรรดาศักดิ์ลาออกจากตำแหน่ง เปิดโรงหมอรักษาคนจนคนยากไร้โดยไม่คิดเบี้ยอัฐ ทำให้เป็นที่สรรเสริญรักใคร่ของปวงชนยิ่ง ด้วยผลงานประจักษ์เด่นชัด อีกทั้งสืบเชื้อสายวงศ์วานว่านเครือเดียวกัน ฮ่องเต้จึงพระราชทานบรรดาศักดิ์ ‘หนิงอ๋อง’ เพื่อเชิดชูความดี

 

ต่อมาเมื่อทั้งคู่มีธิดา บุตรสาวจึงเลือกดำเนินตามรอยบิดาใช้ชีวิตเรียบง่ายสงบสุข ไม่ข้องเกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจใดในราชสำนัก

 

มิคิดเลย…..

 

แม้นไม่เลือกเดินเข้ากองไฟ ปลีกตัวใช้ชีวิตสมถะเรียบง่าย ยังมิวายถูกเปลวเพลิงแห่งความโลภแผดเผา กว่าสองร้อยชีวิตล้วนต้องพบจุดจบอันน่าอเนจอนาถ

 

อนิจจา…..

 

บนเส้นทางแห่งการแสวงหาอำนาจ ล้วนไม่มีคำว่าคุณธรรมน้ำมิตร และความดีย่อมมิอาจเหนี่ยวรั้งจิตใจผู้คนให้ละเว้นการแก่งแย่งฆ่าฟันได้ มีแต่ต้องทำลายให้สิ้นซากถอนรากถอนโคนเท่านั้น จึงจะสามารถกรุยทางให้บันไดสู่ตำแหน่งสูงสุดราบรื่น แม้ว่าบันไดแต่ละขั้นมันจะถูกฉาบทาไปด้วยเลือดและน้ำตาก็ตาม…..

 

ครืน-----!

 

เปรี้ยง-----!

       

“อ๊าก-----!”

 

ลมพายุพัดกรรโชกแรงโหมกระหน่ำ ท้องฟ้าพลันปั่นป่วนเปลี่ยนสี เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง แสงนภาแลบแปลบปลาบ อสุนีบาตฟาดเปรี้ยงลงมาดังสนั่นหวั่นไหวสะเทือนเลื่อนลั่นพุ่งตามติดราวีเหล่าศัตรูคู่แค้นติดต่อกันหลายหน ไล่กวาดต้อนทหารเลวถอยร่นแตกกระเจิงบาดเจ็บล้มตายเป็นเบือ บ้างนอนร้องโอดโอยครวญคราง บ้างนอนตายศพดำไหม้ดุจตอตะโกเหลือเพียงกลิ่นไหม้ฟุ้งกระจาย แต่ถึงอย่างไรผู้รอดพ้นยังคงสู้ไม่ถอย

 

ท่ามกลางหมู่เมฆแปรปรวนปรากฏร่างสตรีชุดดำ ท่วงท่าปราดเปรียว ดวงหน้างดงามปานล่มเมือง แต่ทว่าสีหน้าแววตากลับอัดแน่นไปด้วยแรงแค้นดุจดั่งมีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ในดวงตา หญิงสาวยืนร่ายเวทย์กลางอากาศอย่างดุดัน เพียงแค่สะบัดปลายนิ้วแผ่วเบาก็สามารถปลดปล่อยพลังวัตรเปล่งลำแสงวูบวาบทวีความรุนแรงทุกครั้งที่ฟาดเปรี้ยงลงไปยังเป้าหมาย

 

นางพานักรบเงาราตรีกว่าร้อยชีวิตบุกตะลุยตีฝ่าทหารนับพันเข้าช่วยเหลือคนในตระกูลแบบมิคิดชีวิต

 

พึ่งได้รู้ชาติกำเนิดแท้จริงของตนเองเพียงมินาน มาวันนี้ผู้คนในตระกูลกลับถูกเข่นฆ่าราวกับผักปลา

 

ยิ่งคิด…ยิ่งเต็มไปด้วยปริศนา หรือชนวนเหตุของภัยพิบัติในครั้งนี้จะมาจากองค์รัชทายาท!

 

แม้ว่าเขาจะยอมสละตำแหน่งเพื่อพิสูจน์รักแท้ต่อสตรีอันเป็นที่รัก แต่คงมิอาจคลายความหวาดระแวงของใครบางคนลงไปได้

 

แล้วอดีตองค์รัชทายาทผู้สูงส่งนั้นเล่า เขาอยู่ ณ แห่งหนไหน? เหตุใดจึงไร้วี่แวว?

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนประเดประดังเข้ามาจนตั้งตัวแทบมิทัน นาทีนี้กลับต้องเลือกปล่อยวางความสงสัยแล้วลุกขึ้นมาปกป้องคนในตระกูล ทั้งที่ไม่เคยพานพบ…แม้แต่รูปลักษณ์บุพการีก็ยังมิเคยปรากฏขึ้นเป็นเค้าโครงในจินตนาการ นางทำได้แค่เพียงช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ เพื่อตอบสนองความปรารถนาในส่วนลึกของจิตใจตนเอง

 

พลั่ก-!

 

เคร๊ง-----!

 

ตู้ม-----!

 

สมรภูมิรบยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด แม้ศัตรูรายล้อมหนาแน่น แต่เหล่านักรบเงาราตรีล้วนเป็นจอมยุทธ์มากฝีมือ หญิงสาวร่ายกระบี่ยาวลีลาว่องไวล่อหลอกศัตรูปัดซ้ายป่ายขวาท่วงท่างดงามสูงส่งดุจดั่งเทพธิดากำลังเริงระบำ

 

“นายหญิงโปรดล่วงหน้าไปก่อนเถิด ตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า-!” แม้การสู้รบติดพันตึงมือแต่จุดมุ่งหมายของผู้กล้าเงาราตรียังคงเด็ดเดี่ยว

 

‘จ้าวซินผิง’ พยักหน้าพลางใช้วิชาตัวเบาพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลมพัดผ่าน ภายในจวนที่ควรงามสง่าหรูหรา บัดนี้บรรยากาศกลับอบอวลคละคลุ้งด้วยกลิ่นคาวอันรุนแรง หยาดโลหิตสีแดงเข้มซ่านกระเซ็นเปรอะเปื้อนทั่วบริเวณ บางจุดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ หญิงสาวพยายามกวาดสายตามองหาผู้รอดชีวิต ทว่ายิ่งเดินลึกเข้าไปกลับยิ่งพบแต่กองซากศพ โลหิตสองร้อยกว่าชีวิตหลั่งรินย้อมพื้นปฐพีดุจดั่งทะเลเลือด

 

“พี่ใหญ่! เป็นท่าน! เป็นท่านใช่รึไม่?” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาค่อนข้างแหบแห้งดังออกมาจากบริเวณมุมห้อง แม้ว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่สติยังคงแจ่มชัด สตรีชุดดำรีบวิ่งเข้าไปช้อนร่างบางไว้ในวงแขน เนื้อตัวของนางชุ่มโชกไปด้วยโลหิต ลมหายใจรวยรินค่อย ๆ ขาดห้วงและแผ่วเบาลงทุกชั่วขณะ

 

‘จ้าวซินถิง’ รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายเอื้อมมืออันสั่นเทาลูบไล้ไปบนใบหน้าอันงดงามของสตรีตรงหน้าอย่างอาวรณ์ นางรู้มาตลอดว่ายังมีพี่สาวฝาแฝดที่ถูกแยกจากกันตั้งแต่แรกคลอด รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวซีด ดวงตาปรากฏหยาดน้ำแพรวพราวร่วงหล่นราวกับไข่มุก

 

“ช่างเหมือนกันยิ่งนัก ไม่คิดเลย…เราพี่น้องต้องมาพบกันในสภาพนี้ ข้าเสียใจยิ่ง…ที่มิได้มีโอกาสเติบโตขึ้นมาพร้อมกันกับท่าน ฝาก อี้หรง และ ม่านหนี ลูกรักทั้งสองของข้าด้วย” เมื่อกล่าวจบมือข้างนั้นพลันสิ้นเรี่ยวแรงร่วงทิ้งลงข้างลำตัวไปพร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่หลุดลอย…..

 

สตรีชุดดำยังคงยืนนิ่งดั่งตกอยู่ในภวังค์ดวงตาจับจ้องไปยังร่างไร้วิญญาณ ที่ครั้งหนึ่งเจ้าของร่างเคยเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตอันสวยสดงดงาม ครั้นยังเด็กนางเคยนึกเสียใจอยู่บ่อยครั้งที่มิรู้รากเหง้าตนเองเป็นใคร และควรมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด

 

เมื่อได้ทราบความจริงว่าตนคือบุตรีแฝดแห่งตระกูลสูงศักดิ์ จึงบังเกิดความรู้สึกยินดีที่มิใช่คนไร้ราก แม้นไร้ตัวตนในผังสกุล ก็ยังปรารถนารับรู้เรื่องราวที่แท้จริงจากปากของผู้ให้กำเนิด ทว่าครั้งนี้ความหวังมิอาจเป็นจริงแล้ว…..

 

นางปิดเปลือกตาแน่นพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ บัดนี้ความสูญเสียได้แปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเหน็บสายหนึ่งเข้าจู่โจมกัดกินหัวใจ พลันเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดผุดขึ้นมาหลายสาย มุมปากกระตุกขึ้นยิ้มเยาะต่อโชคชะตา ใจหนึ่งกำสรวลยิ่งนัก ทว่าอีกใจกลับอยากเปล่งเสียงหวีดกรีดร้องให้ก้องหล้า หัวเราะอย่างบ้าคลั่งให้สาสมกับชีวิตอันแสนบัดซบ-!

 

สตรีชุดดำหรี่ตาลงเมื่อสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่างบริเวณหลังม่านกั้น

 

“ออกมาเถิด…ข้าเป็นพี่สาวของมารดาเจ้า เราต้องไปกันแล้ว!” น้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาด

 

“แครกกกกก…..”

 

เด็กชายวัยประมาณเจ็ดแปดขวบในชุดปักลายนกกระเรียนสีฟ้า รูปหน้างดงามท่าทางฉลาดเฉลียว ดวงตายาวเรียวนัยน์ตาดำขลับหางตาเชิดขึ้น ค่อย ๆ รวบผ้าแล้วก้าวออกมาจากหลังม่าน มือข้างหนึ่งอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราในชุดลายปักดอกเบญจมาศสีเหลือง

 

หนูน้อยพิเคราะห์ดูแล้ว สตรีนางนี้มิได้พูดปดเพราะเครื่องหน้าช่างเหมือนมารดามิมีผิดเพี้ยน เว้นเสียแต่…กิริยาอันแข็งกร้าวเด็ดเดี่ยวเย็นชานั้นช่างแตกต่างจากมารดาผู้แสนงดงามอ่อนหวานของเขาอย่างลิบลับ

 

นางพาเด็กทั้งสองออกไปยังลานบริเวณหน้าจวนแล้วสั่งการเสียงเข้ม “ซือหม่า ซานหลาง ชิงเสอ เหม่ยจี คุ้มกันหลานข้า! ต้าหนิว เถียนหู่ ชวี่หลง ถิงจู พวกเจ้าคุ้มกันด้านหลัง! ที่เหลือจงแบ่งกำลังตีฝ่าออกไป-!”

 

“ขอรับนายหญิง!”

 

“เจ้าค่ะนายหญิง!”

 

ภารกิจในวันนี้มีเพียงหนึ่งเดียวคือช่วยเหลือคนในตระกูลให้พ้นภัย ย่อมมิจำเป็นต้องออกแรงกวาดล้างทั้งกองทัพ เมื่อได้ยินเสียงคำสั่งแทรกด้วยพลังวัตรก้องสะท้อนไปทั่วเหล่านักรบจึงพร้อมใจล่าถอยอย่างรวดเร็ว เนื่องจากยังมีอีกภารกิจสำคัญรออยู่ พวกเขาต้องเดินทางมุ่งหน้าลงใต้ตามคำสั่งของท่านอาจารย์จาง

 

 

ฟิ้ว~!

 

ภาพ เสียง กลิ่นคาวโลหิต เริ่มเลือนลับไปจากสายตาและลมหายใจ เบื้องหลังปรากฏเพียงเปลวไฟลุกโชนกองใหญ่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

กลุ่มนักรบเงาราตรีใช้วิชาตัวเบาเหาะเหินเดินอากาศเข้าสู่หุบเขาปีศาจอันเวิ้งว้างซึ่งเป็นแนวเขาสูงสลับซับซ้อนเรียงตัวกันหนาแน่น ยิ่งสูงขึ้นไปต้นไม้ใหญ่ยิ่งแน่นขนัดและรกทึบจำต้องเดินทางด้วยความระมัดระวัง ภูเขาลูกนี้ทอดยาวตั้งแต่จุดตัดระหว่างสามแคว้นทอดตัวยาวไปตามทิศตะวันออกเฉียงใต้นับเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างแคว้นจ้าวและแคว้นลู่

 

“บนเขาวางค่ายกลศิลาวกวนทำให้เดินทางได้ยากลำบากยิ่ง ติดตามข้าไปเพียง จุ้นโก่ว ต้าหนิว ชิงเสอ และเหม่ยจีเถิด ข้ามิต้องการให้เป็นที่เอิกเกริก” จ้าวซินผิงออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด

 

“ขอรับนายหญิง! / เจ้าค่ะนายหญิง!” องครักษ์ทั้งสี่ขยับตัวออกมายืนด้านหน้าน้อมรับคำบัญชา

 

“เฮยซิง จงไปเสาะหาข่าวจ้าวอี้เทียน หากมีความคืบหน้าอันใดให้รีบส่งคนมารายงานข้า”

 

“ขอรับนายหญิง” หนุ่มน้อยท่าทางเจ้าสำราญรับคำสั่งแล้วกระพริบกายหายวับไปในทันที

 

“ส่วนคนที่เหลือให้กลับไปยังหุบเขาไท่ซาน นับแต่นี้ไป ป๋ายสู่ และเถียนหู่ จงดูแลทุกคนในสำนักแทนข้า”

 

“ขอรับนายหญิง”

 

“เจ้าค่ะนายหญิง”

 

กลุ่มคนหนาแน่นเริ่มทยอยจางหายไปอย่างรวดเร็วราวกับสายหมอก

 

ค่ายกลศิลาวกวน’ ภูมิปัญญาบรรพบุรุษที่วางกลยุทธ์ด้านชัยภูมิเพื่อใช้ปกป้องบ้านเมือง ลดทอนการบุกรุกโจมตีของข้าศึกศัตรู โดยวางก้อนหินขนาดใหญ่น้อยที่มีลักษณะรูปร่างใกล้เคียงกันจำนวนเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าแห่งเรียงสลับตำแหน่งให้มีความกลมกลืนสอดคล้องกับธรรมชาติ เริ่มตั้งแต่บริเวณกลางหุบเขาจนถึงยอดเขา ผนวกกับต้นไม้ใหญ่น้อยหนาแน่นที่ปกคลุมรกทึบช่วยสร้างความสับสนได้เป็นอย่างดีเพราะไม่ว่าจะมองไปในทิศทางใดล้วนละม้ายคล้ายคลึงกัน เมื่อหลงทางเข้ามาแล้วมักหาทางออกไม่พบ เสมือนโดนภูตผีปีศาจกลั่นแกล้ง ผู้คนในละแวกนี้จึงเข้ามาหาของป่าและล่าสัตว์แค่เพียงบริเวณเชิงเขา

 

ครั้นยังเด็กจ้าวซินผิงมักติดตามอาจารย์เดินทางไปมาระหว่างสองแคว้นบ่อยครั้งจึงได้เรียนรู้ค่ายกลชนิดนี้ ปัจจุบันนับว่ายังหาผู้ที่สามารถคลี่คลายปริศนาค่ายกลศิลาวกวนได้ยากยิ่ง

 

 

นับแต่ครั้งอดีตกาลทุกแคว้นล้วนทำศึกสงครามผลัดกันแพ้ชนะมาโดยตลอด มีทั้งการใช้กลยุทธ์ การรบทัพจับศึก การผูกสัมพันธไมตรี การค้าขายแลกเปลี่ยนระหว่างแคว้น ความเจริญรุ่งเรืองในทุกยุคสมัยล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ครองแคว้น

 

นอกจาก แคว้นจ้าว ยังมีแคว้นฝู แคว้นลู่ แคว้นเซี่ย และแคว้นหยวน ทั้งห้าอาณาจักรต่างปกครองดินแดนอย่างอิสระ มีเอกลักษณ์แตกต่างกันตามลักษณะชัยภูมิและราษฎรที่อยู่อาศัยในแต่ละแว่นแคว้น

 

แคว้นฝู’ ตั้งอยู่บริเวณเหนือสุดปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็ง อากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีฤดูร้อนแสนสั้น โดดเด่นด้านการทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ เป็นแหล่งกำเนิดของพลังพิเศษอันเร้นลับ

 

แคว้นจ้าว’ อยู่ทางทิศตะวันออกมีเทือกเขาทอดยาวตลอดแนวค่อนข้างสลับซับซ้อนถือเป็นจุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ พรรณไม้รกทึบหนาแน่นเขียวชอุ่มตลอดปี จึงเต็มไปด้วยพืชพรรณสมุนไพรแปลกประหลาดหายาก เป็นที่ตั้งของสำนักโอสถเลื่องชื่อ

 

แคว้นลู่’ อยู่ทางทิศใต้เป็นพื้นที่ราบลุ่ม มีภูเขา ป่าไม้ แม่น้ำ และมหาสมุทร ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ชาวเมืองล้วนเชี่ยวชาญการเพาะปลูกและทำประมง เลื่องลือด้านศิลปะ ดนตรี ความงาม จนได้รับขนานนามว่า “ถิ่นหญิงงาม”

 

แคว้นเซี่ย’ อยู่ด้านทิศตะวันตก เป็นเมืองแห่งทะเลทรายและทุ่งหญ้า ชำนาญการสร้างศัสตราวุธ หลอมโลหะ อาคมไสยเวทย์ การรบทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการรบพุ่งบนหลังม้า มีเหมืองแร่ ถ่านหิน น้ำมันดิน เป็นทรัพยากรล้ำค่า

 

แคว้นหยวน’ ลักษณะชัยภูมิคล้ายรูปเหรียญแม่น้ำล้อมรอบ โอบล้อมด้วยแคว้นทั้งสี่ มีเมืองท่าสำคัญเน้นสัญจรทางน้ำ การเดินทางผ่านแคว้นหยวนช่วยย่นระยะเวลาได้มาก นับเป็นจุดศูนย์กลางการค้าขาย การประมูล การแลกเปลี่ยนทั้งด้านข่าวสารและศิลปะวิทยาการ ผู้คนสามารถพบเห็นสินค้าแปลกใหม่ หรือสิ่งของหายากได้จากที่นี่

 

เนื่องจากการเยือนแคว้นลู่ครานี้มีเด็กเล็กทำให้ทั้งหมดจำต้องแวะพักรายทาง การเดินทางค่อนข้างล่าช้ากว่าปกติ กว่าจะถึงจุดหมายปลายทางจึงใช้ระยะเวลานานเกือบสองเดือน…..

 

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนถัดไป