Your Wishlist

พันธวาจา [Yaoi] (ตอนที่ 4)

Author: สาววายไตพัง

แรงคำวาจาสัตย์ทำให้เธอเกิดเป็นบุตรชายขุนนาง และนำพาชายผู้นั้นตามมาเกิดเป็นองค์ชายรัชทายาท แค่นั้นไม่พอยังตามมาขายขนมจีบ และรวมถึงการที่ถูกจับแต่งงานกับองชายรัชทายาทผู้นี้!!

จำนวนตอน : N/A

ตอนที่ 4

  • 20/04/2564

ณ ชายแดนทางใต้ของแคว้นเทียนซ่าน

 

ชายแดนทางตอนใต้แห่งนี้ มีพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่ ทิวเขา ทัศนียภาพ อุดมสมบูรณ์เหมาะสมแก่การเพาะปลูก ทำเกษตรกรรม และรวมถึงมีท่าเทียบเรือที่สำคัญ  ในขนส่งสินค้าส่งออกทางน้ำ ทำให้ที่แห่งนี้ต่างเป็นที่หมายตาของแคว้นอื่นๆที่หวังจะจับจ้อง และหวังบุกรุกเข้ามายึดครองเมื่อสบโอกาส

 

นอกจากนี้ชายแดนทางตอนใต้แห่งนี้มีส่วนสำคัญในการป้องกันการรุกรานของข้าศึก ที่คอยจ้องจะคอยหาโอกาสเข้าบุกรุกเพื่อหวังยึดพื้นที่บางส่วนของแคว้นเทียนซ่าน นอกจากมีส่วนสำคัญในการป้องกันแล้ว ที่ชายแดนแห่งนี้ยังเป็นที่กระจายสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออก จึงไม่แปลกที่แห่งนี้จะมีพ่อค้า เข้ามาสัญจรเป็นจำนวนมาก รวมถึงทำให้มีผู้คนเข้ามาพลุกพล่านจำนวนมากเช่นเดียวกัน ทำให้ทหารที่ถูกส่งมายังชายแดนทางตอนใต้ ทำหน้าตรวจตราการเข้าออกชายแดนทางตอนใต้รวมถึงก่อนเดินทางเข้าเมืองหลวงถูกตรวจอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบปลอมตัวเข้ามากับกลุ่มพ่อค้า เพื่อแอบมาสืบข่าว

 

ชายแดนทางตอนใต้แห่งนี้ ยังมีพระราชวังที่ถูกสร้างขึ้น เป็นที่ประทับขององค์ชายทั้งสาม โดยแบ่งสัดส่วนของที่ประทับส่วนพระองค์ ซึ่งถูกจัดแบ่งไม่ห่างกันมาก เพื่อให้ง่ายต่อการเดินทางไปมาหาสู่กัน เหตุผลที่องค์ชายทั้งสามมารวมตัวอยู่ที่แห่งนี้ ปัจจัยส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เพื่อมาป้องกันการรุกรานของข้าศึก และอีกส่วนหนึ่งนั้น เป็นเพราะต้องการหลีกเลี่ยงจากการที่จะถูกบิดา มารดา กล่าวเรื่องการเสกสมรสจากการที่บิดา เป็นผู้ตัดสินให้ จากการแนะนำของพวกขุนนางที่มักจะมาชี้แนะ เพื่อหวังผลจะใช้บุตรสาวของตนเป็นเส้นทางให้ตนเองใช้เหยียบเดินสู่ผลประโยชน์ รวมถึงพิธีรีตอง ขนบธรรมเนียมอันเคร่งครัดที่ถือปฏิบัติมาอย่างยาวนาน

 

วันเวลาที่พัดผ่านทำให้องค์ชายทั้งสามเข้าสู่วัยหนุ่ม โดยองค์ชายหนึ่ง นามว่า หลงฮุ่ยซิ่ว  ชายหนุ่มใบหน้ารูปงาม ดวงตา จมูกคมเป็นสัน ทำให้ดูโดดเด่นในรูปร่างที่กำยำและท่าที ทำให้เป็นที่เกรงขามในหมู่เหล่าข้าราชบริวาร เวลาล่วงเลยเข้าสู่วัยยี่สิบปี  องค์ชายสอง นามว่า หลงฮุ่ยเจิน ชายหนุ่มใบหน้ารูปงาม ดวงตาเรียวคม ริมฝีปากดุจประดั่งความหนักแน่น เช่นเดียวกับคิ้วที่เรียวหนา และร่างกายกำยำ ดูโดดเด่นในหมู่เหล่าข้าราชบริวารไม่ต่างกัน ย่างเข้าสู่วัย สิบเก้าปี และองค์ชายสาม นามว่า หลงฮุ่ยเหอ ใบหน้ารูปงามไม่ต่างจากพี่ชายทั้งสอง ดวงตาเรียวคมประดุจดั่งสายตาของนกอินทรีย์ ริมฝีปากที่อิ่มหนา เวลานี้ย่างเข้าสู่วัยสิบหกปี

 

ณ ศาลาริมน้ำ

 

ศาลาริมน้ำแห่งนี้ มีเทือกเขา ภูผาหลายล้อมรอบ เหล่าหมู่ดอกไม้พฤกษาบานแรกแย้ม ส่งกลิ่นหอมพัดพาเหล่าหมู่ผึ้ง ผีเสื้อ โผบินมาเกาะเกี่ยว หวังเก็บเกี่ยวน้ำหวาน ที่นี่จึงดูเงียบสงบ บริเวณรอบด้านมีเหล่านกน้อยส่งเสียงร้องขับขานความไพเราะ สะพานเดินเข้าสู่ศาลาริมน้ำบริเวณด้านล่างเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ มีฝูงปลาคราฟหลากหลายสีสัน ว่ายวนเวียนไปมารอบๆ และเนื่องจากศาลาริมน้ำแห่งนี้ ตั้งอยู่ใจกลางบ่อน้ำ พร้อมทั้งสภาพอากาศที่ไหลเวียนพัดพาความเย็น ร่มรื่น จึงทำให้ผู้คนที่เข้ามาพักอาศัยรู้สึกเย็นสบาย 

ภายในบริเวณรอบด้านศาลาริมน้ำแห่งนี้ มีโต๊ะเก้าอี้หินอ่อนที่ได้รับการแกะสลักลายวิจิตรเป็นรูปลายมังกรเคียงคู่กับหงส์ ถัดมาด้านบนของโต๊ะหินอ่อน ตั้งชุดกาน้ำชา พร้อมถ้วยน้ำชาที่ดูเข้าชุด สี่ด้านมุมเสาด้านนอกมีทหารรับใช้ยืนขนาบข้าง รวมถึงองค์รักษ์คนสนิทที่ยืนคอยคุ้มกันผู้เป็นนายอยู่รอบด้าน

 

ถัดมาคือ ร่างขององค์ชายทั้งสามที่มีใบหน้าหล่อเหล่า ที่ดูโดดเด่น กำลังนั่งจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เช่น องค์ชายฮุ่ยซิ่ว กำลังนั่งวาดร่างแปลนภาพ เพื่อประดิษฐ์สิ่งของที่จะนำมาทดลองใช้ก่อนนำไปให้ชาวบ้าน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของเกษตรกร ในขณะนี้องค์ชายฮุ่ยซิ่ว กำลังวาดร่างภาพกังหันขนาดใหญ่ที่อาศัยแค่แรงลม ในการพัดพาน้ำเข้ามายังไร่นาข้าว ก่อนจะนำไปเข้าการประดิษฐ์และทดลองใช้งาน ถัดมาคือ องค์ชายฮุ่ยเจิน กำลังนั่งหยิบสมุนไพรที่เก็บจากภูเขาอีกด้านขึ้นมาพิจารณา ก่อนนำมาทดลองโดยการผสมรวมกัน โดยองค์ชายฮุ่ยเจิน ถนัดด้านการคิดค้นยา ที่มีคุณและโทษ ยาบางชนิดก็เป็นคุณและโทษในการช่วยรักษาคน ถ้าใช้ในปริมาณที่เหมาะสม และองค์ชายฮุ่ยเหอ กำลังนั่งวาดภาพทิวทัศน์บริเวณโดยรอบ และในทุกภาพจะมีภาพใบหน้าของใครบางคนปรากฏอยู่ขึ้น ภาพใบหน้าละหม้ายคล้ายหญิงสาว รวบมวยผมก้าวขึ้นสูง โดยมีผ้าสีฟ้าอมเขียวมัดมวยผมขึ้นเป็นกระจุก แต่งกายสวมใส่ชุดเป็นชาย บนใบหน้ามีริมฝีปากอวบอิ่มที่ใบหน้าของคนงามนี้ยังคงปรากฏภาพขึ้นในหัวใจขององค์ชายฮุ่ยเหอ

 

“ฮุ่ยเหอ เจ้ายังคงวาดภาพบุคคลผู้นี้อยู่อีกหรือ? ข้าชักสนใจแล้วสิ” องค์ชายฮุ่ยเจิน ดวงตาจ้องมองไปที่ภาพวาด พร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“ข้าอยากรู้จริงว่าเจ้าของภายในใจเจ้านี้เป็นผู้ใด”ฮุ่ยซิ่ว

 

“ท่านพี่ทั้งสอง คนผู้นี้ข้าหมายปองมานานแล้ว” ฮุ่ยเหอ

 

“เจ้าหมายปอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าได้ครอบครอง ข้ากับฮุ่ยเจิน ก็คงมีสิทธิ์ที่จะทำความรู้จักสินะ” องค์ชายฮุ่ยซิ่ว

 

“ถ้าเจ้ายังคงเฝ้าเอาแต่วาดภาพคำนึงถึงคนผู้นี้ โดยไม่ทำอะไรสักอย่างระวังเถอะ คนผู้นี้จะหลุดมือบินหนีเจ้าไป ฮุ่ยเหอ” องค์ชายฮุ่ยเจิน

“ข้าเห็นด้วยกับเจ้าฮุ่ยเจิน” องค์ชายฮุ่ยซิ่ว

 

“......” ฮุ่ยเหอไม่ทันได้กล่าวอะไรออกไปก็ถูกขัดเสียก่อน ด้วยเสียงขององค์รักษ์

 

“เรียนองค์ชาย เหลียงกงกง ขออนุญาตเข้าพบพะยะค่ะ” องค์รักษ์ ก้าวเดินเข้ามาด้านใน ก่อนโน้มตัวคุกเข่าพร้อมนิ้วมือที่ประสานขึ้น ก่อนกล่าวขัดบทสนทนาขององค์ชายทั้งสาม

 

“เชิญท่านเหลียงกงกง เข้ามาได้” องค์ชายฮุ่ยซิ่ว

 

“ทราบแล้วพะยะค่ะ” องค์รักษ์ กล่าวพร้อมทำความเคารพและเดินออกไปเชิญเหลียงกงกง ขันทีชายชราผู้นี้มีนามว่า เหลียงกงกง เป็นขันทีคนสนิทของฮองเฮา 

 

เมื่อเหลียงกงกง ขันทีชายชราก้าวเข้ามาถึงก็เห็น องค์ชายทั้งสามคน กำลังยืนรอต้อนรับเขาอยู่

 

“เชิญท่านเหลียงกงกง เข้ามานั่งพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อน” ฮุ่ยเหอกล่าวพร้อมเชื้อเชิญให้เหลียงกงกงก้าวเข้าไปนั่ง

 

“ขอบพระทัยองค์ชายทั้งสาม ข้าน้อยมิกล้า” เหลียงกงกล่าวด้วยความนอบน้อม

 

“เชิญนั่งก่อนเถอะ แล้วค่อยคุยกัน” ฮุ่ยซิ่วกล่าวเสริม

 

“ขอบพระทัยองค์ชายทั้งสาม นั้นข้าน้อยมิกล้าขัด”เหลียงกงกล่าวด้วยความนอบน้อมอย่างปฏิเสธไม่ได้

 

“พวกข้าไม่ทราบว่าท่านเหลียงกงกงจะเดินทางมาที่นี่ จึงไม่ได้ให้การต้อนรับท่านเหลียงกงกงเป็นอย่างดี” ฮุ่ยเจินกล่าว เมื่อเห็นทุกคนมานั่งพร้อมแล้ว จึงเอื้อมมือหยิบด้วยชาวางบนโต๊ะและหยิบกาน้ำชาขึ้นมาเทลงถ้วย พร้อมกับยื่นไปทางเหลียงกงกง

 

"ขอบพระทัย องค์ชายทั้งสาม พวกท่านเมตตาข้ายิ่งนัก" เหลียงกงกง กล่าวพร้อมประสานมือขึ้นให้แก่องค์ชายทั้งสาม อย่างนอบน้อม

 

"ไม่ทรายว่าท่านมาด้วย เหตุอันใดรึ" ฮุ่ยเหอกล่าว

 

"องค์ฮองเฮา มีรับสั่งให้ข้าน้อยนำราชสาส์นนำมาถวายแก่องค์ชายทั้งสามพะยะค่ะ" เหลียงกงกงกล่าวอย่างนอบน้อม พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบราชสาส์นที่นำติดตัวออกมา วางลงบนฝ่ามือทั้งสองข้าง พร้อมกับยื่นเบื้องหน้าไปทางองค์ชายฮุ่ยซิ่ว

 

องค์ชายฮุ่ยซิ่วรับมาก่อนจะเปิดอ่านใจความสำคัญของข้อความภายในสาสน์

 

“ ท้องนภาอากาศที่เคยหมองหม่น ในครานั้นได้บินผ่านจากไปเสียแล้ว 

 

ท้องนภากลับมาชื่นบานสดใสในครานี้ เหล่าราษฎรต่างกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง 

 

นกกระสาจัดว่ามีคู่ได้แค่หนเดียวตลอดชีวิต หมายปองใจผู้ใดไว้แล้วจะมิมีเสื่อมคลาย 

 

แต่กลับปล่อยทิ้งไว้ชะลอใจ พวกเจ้าทั้งสามจงระวังเสียเถิด จะต้องเศร้าทุกข์ระทม

 

อีกในนานนี้จะมีการเปิดสอบเข้ารับขุนนางรับใช้ราชสำนัก อาจไม่แน่พวกเจ้าอาจจะได้พานพบกันอีกครา 

 

ในเวลานี้คงถึงเวลาอันสมควรที่พวกเจ้าควรกลับมาหาพ่อและแม่  แม่เฝ้าคิดถึงพวกเจ้าเหลือเกิน องค์ชายทั้งสาม ” องค์ชายฮุ่ยซิ่วอ่านจบลงก็มองไปที่ใบหน้าของน้องชายทั้งสองคน “ ข้าว่านี่ก็ได้เวลาที่พวกเราทั้งสามควรกลับไปเข้าเฝ้าพระบิดากับพระมารดา ”

 

“ ข้าเห็นด้วยกับท่านพี่ใหญ่ ” องค์ชายฮุ่ยเจินกล่าวขึ้น เขารู้สึกเห็นด้วยกับความคิดขององค์ชายฮุ่ยซิ่วซึ่งเป็นพี่ชายคนโต

 

“ ข้าเองก็เห็นด้วยกับพวกพี่ทั้งสองขอรับ ”  รอยยิ้มบนใบหน้ากับน้ำเสียงขององค์ฮุ่ยเหอ เป็นการยืนยันได้ดีว่าน้องชายตัวดีของพวกเขาอยากกลับเต็มทน คงไม่ต้องบอกเหตุผลว่าเพราะอะไร

 

“ เช่นนั้นท่านเหลียงกงกง เซิญพักผ่อนให้เต็มที่ อีกภายในสองวันพวกเราจะออกเดินทางกัน ” รอยยิ้มปรากฎชัดเจนบนใบหน้ารูปงามขององค์ชายฮุ่ยซิ่ว ไม่ต่างจากน้องชายทั้งสองคน ก่อนจะครุ่นคิดภายในใจเงียบๆ ‘ ต้องรีบเตรียมเก็บของเสียแล้ว….หวังว่าเจ้ายังไม่ได้ถูกใครทาบทามไปก่อน ไม่ได้การต้องรีบเสียแล้วล่ะ ’

 

“ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน พวกพี่ๆทั้งสองเองก็เช่นกัน ถ้ายังไม่รีบอย่าหาว่าข้าไม่เตือนละ หึหึ ” รอยยิ้มปนทะเล้นขององค์ฮุ่ยเหอ นึกสนุกเมื่อเห็นใบหน้าของพี่ชายทั้งสองที่มีใบหน้าแดงก่ำ กล่าวขึ้นก่อนจะเดินจากออกไป

 

.

 

.

 

.

 

 

‘ รอก่อนนะ ข้ากำลังจะเดินทางกลับไปหาเจ้าแล้ว ’

 

 

Page Facebook : M_c27761

Twitter : @MC27761

Tag : #พันธวาจา

……………………………………….

ในที่สุดก็เขียนจบตอนนี้สักทีนะคะ ไม่รู้ว่ามีใครจำเรื่องนี้ได้ไหมค่ะ แต่ขอบคุณที่รออ่านเสมอมาค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอย่างฝากคอมเม้นต์ด้วยนะคะ หมวยจะนำไปปรับปรุงในครั้งถัดไปค่ะขอบคุณค่ะ แนวการเขียนในครั้งนี้อาจจะเปลี่ยนไปบ้างนะคะ

 

พันธวาจาสำหรับหมวย คือ คำสัญญาทางวาจาที่คอยผูกมัดให้คนทั้งสองคน และนำมาพบเจอกันค่ะ และสำหรับผู้อ่านคิดว่าอย่างไรบ้างค่ะ 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป