Your Wishlist

พันธวาจา [Yaoi] (ตอนที่ 3)

Author: สาววายไตพัง

แรงคำวาจาสัตย์ทำให้เธอเกิดเป็นบุตรชายขุนนาง และนำพาชายผู้นั้นตามมาเกิดเป็นองค์ชายรัชทายาท แค่นั้นไม่พอยังตามมาขายขนมจีบ และรวมถึงการที่ถูกจับแต่งงานกับองชายรัชทายาทผู้นี้!!

จำนวนตอน : N/A

ตอนที่ 3

  • 20/04/2564

​สองปีต่อมา

วันเวลาพัดผ่านหมุนเวียนเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับหญิงสาวสองคน นามว่า ลู่เฟิงกับลู่ฟาง จากเด็กสาวในวัยเยาว์ เข้าสู่วัยสาวแรกแย้ม เป็นหญิงสาวเต็มตัวทั้งสองคน ลู่เฟิง พี่สาวคนโตในวัยสิบเจ็ด หญิงสาวผู้มีรูปโฉมเฉิดฉายงดงาม ดั่งมวลดอกบุบผาแรกแย้ม เช่นเดียว ลู่ฟาง จากเด็กสาวในวัยเยาว์ เข้าสู่วัยสาวแรกแย้ม ความงดงามไม่แพ้ผู้เป็นพี่สาว ทำให้ทั้งสองคนต่างมีเทียบมาสู่ขอจากบ้านคุณชายหลายคน อันที่จริงแล้วหญิงสาวมั้งสองมีคุณชายคนรัก ที่อยู่ภายในใจแล้ว ซึ่งบิดา มารดา ก็เปิดกว้างให้กับหญิงสาวทั้งสองคน เมื่อเวลาย่างก้าวเข้ามาเป็นเวลาอันสมควร หญิงสาวก็ได้เข้าสู่พิธีวิวาห์ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ด้วยความเห็นสมควรยินยอมของทั้งสองฝ่ายที่ต่างมียศศักดิ์เป็นขุนนางระดับชั้นไม่ต่างกันมากนัก

เมื่อพี่สาวทั้งสองต่างแต่งงานออกไปใช้ชีวิตครองคู่กับชายคนรักแล้ว จึงทำให้ลู่เมิงเด็กชายในวัยสิบสอง ต้องกลับมาเดียวดายอีกครั้ง แต่นั่นก็ไม่ใช่เสมอไป เพราะหลังจากพี่สาวทั้งสองแต่งงานออกไปได้ไม่นาน ลู่เมิ่งที่มักติดตามบิดาไปทุกที่ ก็ได้ไปรู้จักกับเพื่อนของบิดา ผู้มีนามว่า จงซือไฉ เป็นขุนนางระดับขั้นเดียวกับบิดาซึ่งสังกัดกรมพิธีการ และมีบุตรชายทั้งสองคน คนโตมีนามว่า จงเจิ้นหู่ และบุตรชายคนเล็กมีนามว่า จงหานลู่ ด้วยจงเจิ้นหู่ อายุและวัยที่เท่ากันจึงทำให้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันในเร็ววันไม่นาน ด้วยบิดาของลูเมิ่งมักจะมาปรึกษาหารือกับจงซือไฉด้วยบ่อยครั้ง ทำให้ลู่เมิงกับเจิ่นหู่ทั้งสองคนสนิทกันมากขึ้น แตกต่างจากหานลู่บุตรชายคนเล็กที่มักจะติดตามมารดา จึงทำให้ห่างเหินกับพี่ชายของตน

วันเวลาพัดผ่าน ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนผัน จากเด็กชายเข้าสู่วัยหนุ่มแรกรุ่น ลู่เมิ่ง หนุ่มใบหน้างามไม่แพ้หญิงสาวในวัยเดียวกัน อาจกล่าวได้ว่างามกว่าหญิงสาวธรรมดาทั่วไป จึงทำให้ชายหนุ่มชาวบ้านธรรมดา รวมถึงคุณชายที่ได้พบเจอต่างตกตะลึงในความงดงามของใบหน้า แต่ด้วยการแต่งกายที่บ่งบอกและเสียงที่เข้มเข้าสู่วัยเด็กหนุ่มอายุสิบหก จึงทำให้ชายหนุ่มบางคนกลับรู้สึกเสียดายในความงามนั้น และได้แต่ถอดถอนหายใจไปตามๆกัน

ลู่เมิ่งในเวลานี้กำลังเดินตามทางเดินในท้องตลาดที่ต่างเต็มไปด้วยรวงร้านค้าตั้งแผงขายมากมายที่ต่างส่งเสียงเรียกลูกค้าให้เข้ามาจับจ่ายซื้อของ เช่น ร้านแผงขายเครื่องประดับ ประกอบด้วยปิ่นปักผม สร้อยคอ ป้ายหยก และอื่นๆ ของประดับจัดวางลงในกล่องไม้ ด้านข้างตั้งกระจกบานหนึ่ง บนโต๊ะถูกปูผ้าสีแดง ช่วยขับให้เครื่องประดับดูเปล่งประกายมากขึ้น ในขณะแม่ค้าส่งเสียงเชิญชวนให้ลูกค้า ชาย หญิงสาวเข้าไปดูและเลือกซื้อ ร้านขายซาลาเปา หมั่นโถว ในเวลานี้ต่างมีคนมายืนต่อเข้าแถวซื้อ เมื่อพ่อค้าเปิดฝาออก ทำให้ควันรวมถึงกลิ่นหอมโชยออกมา ยิ่งเชิญชวนให้มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับลู่เมิง ที่รู้สึกอยากลิ้มลองขึ้นมา จึงไปเข้าแถวรวมกับลูกค้าคนอื่นๆและซื้อซาลาเปามาสี่ลูก ในขณะที่กำลังเดินเปิดห่อผ้าที่มีซาลาเป่าที่ส่งกลิ่นหอมพร้อมควันร้อนโชยออกมา และจะหยิบเข้าปากอยู่นั่น ลู่เมิ่งเหลือบสายตาไปสะดุดเห็น หญิงชราที่สวมใส่เสื้อผ้าเปรอะเปื้อน กำลังนั่งขอทานอยู่ริมทางเท้า ลู่เมิ่งเห็นแล้วรู้สึกสงสารจึงนำซาลาเปาทั้งหมดในห่อผ้าไปมอบให้แก่หญิงชรา พร้อมกับเงินจำนวนหนึ่ง หญิงชรายื่นมือออกมารับพร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม

“ท่านยายเหตุใดท่านจึงมาอยู่มานั่งอยู่ที่แห่งนี้?” ลู่เมิ่งกล่าวถามด้วยความสงสัย

“พ่อหนุ่ม ข้าอพยพมาจากเมืองใกล้ๆนี้ ที่แห่งนั้นมีภัยแล้ง ข้าจึงขออาศัยเกวียนมาลงยังเมืองแห่งนี้”

“ท่านยาย ถ้าท่านยังไม่มีที่พัก ท่านไปพักที่บ้านข้าก่อนเถอะ”

“ขอบคุณในน้ำใจของเจ้ามากพ่อหนุ่ม แต่ข้าไม่มีเรี่ยวแรงจะไปต่อได้อีกแล้ว สู้ข้าอยู่ตรงที่แห่งนี้ดีกว่า”

“เช่นนั้น ท่านยายขี่บนหลังข้าเถอะ ข้าจะได้แบกท่านไปพักที่บ้านข้าก่อน”

“อย่าเลยพ่อหนุ่มน้อย สิ่งของที่พ่อหนุ่มมอบให้มาก็มากพอแล้ว”

“ถ้าเช่นนั้น ถ้าวันใดท่านยายมีเรื่องเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ขอให้มาหาข้าที่บ้านสกุลอี้ ยินดีช่วยท่านทุกเมื่อ”

“พ่อหนุ่มน้อยเจ้ามีนามว่าอะไรรึ?”

“ข้ามีนามว่า อี้ลู่เมิ่ง ขอรับท่านยาย”

“ขอบคุณคุณชายลู่เมิ่ง น้ำใจท่านที่มีต่อข้าช่างมากล้นเสียจริง หากวันนั้นมาถึงข้าคงต้องขอรบกวนท่านเสียแล้ว” หญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้มที่แฝงความนัยในคำพูด

“ไม่เป็นการรบกวนหรอกท่านยาย ข้ายินดีช่วยท่านอยู่แล้ว” ลู่เมิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มให้แก่หญิงชรา พร้อมกับกล่าวลาแล้วเดินจากมา

‘คำพูดของท่านยายคนนี้เหมือนมีแฝงความนัย ข้าคงคิดมากไปเอง’ ลู่เมิ่งได้แต่พลางคิดในใจ โดยที่ไม่ได้นึกสงสัยอะไร

เมื่อหญิงชรามองจนเห็นร่างของชายหนุ่มร่างบางเดินห่างออกไปพ้นสายตาแล้ว จึงลุกขึ้นยืน และกวักมือเรียกคนติดตามให้ออกมาจากหลบซ่อน อันที่จริงแล้วหญิงชราผู้นี้ คือ หญิงรับใช้คนสนิทขององค์ฮองเฮา

ระหว่างทางขณะที่ลู่เมิ่งเดินจากมาไปได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงดังของผู้คนส่วนใหญ่ต่างกำลังยืนดูอะไรบางอย่าง ลู่เมิ่งเห็นดังนั้นจึงเดินแทรกตัวเข้าไป สายตาจึงสะดุดเข้ากับแผ่นกระดาษสีขาวพร้อมกับตัวอักษรสีดำ บรรทัดสุดท้ายมีสัญลักษณ์สีแดงกำกับอยู่ ซึ่งถูกแปะลงบนกระดานไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งใจความบนแผ่นกระดาษ เกี่ยวกับการเปิดสอบเข้ารับราชการยังหน่วยงานต่างๆ พร้อมกับรายละเอียดต่างๆ  เมื่อเห็นเช่นนั้น ลู่เมิ่งไม่รอช้าจึงรีบนำข่าวการเปิดสอบเข้ารับราชการในราชสำนัก ไปแจ้งแก่เพื่อนสนิทนามว่าเจิ้นหู่ กับ หานลู่ น้องชายของเจิ้นหู่ ซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับพวกเขา ลู่เมิ่งรีบเดินก้าวเท้าออกจากตรงนั้นไปยังบ้านสกุลจง

.

.

.

เมื่อเดินมาถึง ยังหน้าจวนบ้านสกุลจง ในขณะที่ลู่เมิ่งกำลังเอื้อมมือจะไปเคาะประตู จู่ๆประตูไม้ทั้งสองบานก็ถูกเปิดออกมา พร้อมกับการปรากฎกายของชายชรา ด้วยใบหน้าที่มีริ้วรอยตามกาลเวลา รูปร่างสมส่วน การแต่งกายสวมชุดเสื้อผ้าแพรผ้าไหมที่ดูดีกว่า ชายหญิงรับใช้ในจวนบ้านสกุลจงแห่งนี้ ทำให้ชายชราผู้นี้ดูมีสง่าราศี คนผู้นี้คือพ่อบ้านแห่งสกุลจง นามว่า จงเหลียงซาน

"คุณชายลู่เมิ่ง ท่านเดินทางถึงที่นี่ ไม่ทราบว่าท่านมีเรื่องอันใดหรือ เพื่อข้าน้อยจะเป็นธุระจัดการให้ท่านได้" พ่อบ้านเหลียงซานกล่าวอย่างนอบน้อม

"ท่านพ่อบ้านเหลียงซาน รบกวนท่านเกินไปแล้ว ท่านพ่อบ้านเหลียงจะรีบไปจัดการธุระใช่รึไม่ งั้นข้าไม่รบกวนท่าน ไว้คราวหน้าค่อยมาใหม่"

"ธุระของข้าน้อยไม่สำคัญเท่าธุระของคุณชายลู่เมิ่งหรอกขอรับ ไม่ทราบว่าท่านเดินทางมาที่นี่มีธุระอันใดรึขอรับ"

"ข้าเดินทางมาวันนี้ เพื่อต้องการมาพบคุณชายเจิ่นหู่กับคุณชายหานลู่ ไม่ทราบว่าคุณชายทั้งสองคนอยู่รึไม่" ลู่เมิ่ง

"อยู่ขอรับ เชิญคุณชายลู่เมิ่งเข้ามาด้านในก่อนขอรับ" พ่อบ้านเหลียงซานกล่าวพร้อมกับเปิดประตูไม้ทั้งสองบานออก พร้อมกับพายมือเชื้อเชิญให้ลู่เมิ่งเดินเข้ามาด้านใน เมื่อลู่เมิ่งเดินเข้ามาด้านในเป็นที่เรียบร้อย พ่อบ้านเหลียงซานก็หันไปปิดประตูไม้ทั้งสองบาน พร้อมกับเดินนำพาไปยังห้องโถง

ณ ห้องโถง

ห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้างใหญ่ พื้นผนังห้องถูกประดับด้วยภาพเขียนจากพู่กัน ภาพวาดลายดอกโบตั่นสีแดงที่กำลังเบ่งบานแรกแย้มช่อใหญ่ และภาพเขียนอื่นๆ รอบๆมีชุดโต๊ะเก้าอี้ วางถ้วยน้ำชาอยู่ตรงกลางห้อง ไว้สำหรับเจ้าของบ้าน ถัดมามีชุดโต๊ะเก้าอี้ ที่จัดไว้สำหรับรับแขกผู้มายืน ทั้งสองด้านซ้ายขวาของมุมกลางห้อง

"เชิญคุณชายลู่เมิ่งนั่งรอสักครู่ ข้าจะให้คนไปตามคุณชายทั้งสองคนมาพบท่าน" พ่อบ้านเหลียงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับพายมือเชิญลู่เมิ่งนั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมกับมีหญิงสาวรับใช้ เดินถือถาดถ้วยน้ำชา พร้อมกับวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะ พร้อมกับโค้งคำนับก่อนเดินออกจากห้องโถง

"รบกวนท่านพ่อบ้านเหลียงซานแล้ว" ลู่เมิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มให้กับชายชราผู้นี้

"ไม่เป็นการรบกวนข้าน้อยหรอกขอรับ คุณชายเจิ้นหู่ต้องดีใจมากที่ท่านเดินทางมาพบด้วยตัวเองเช่นนี้" พ่อบ้านเหลียงซานกล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงความนัย ด้วยวัยของพ่อบ้านชายชราผู้นี้ที่ผ่านโลกมามากแล้ว ทำให้มองอะไรทะลุปรุโปร่ง

'คุณชายลู่เมิ่งผู้นี้กลับไม่รู้อะไรเสียเลย น่าเสียดายยิ่งนัก'พ่อบ้านเหลียงซานครุ่นคิดอย่างเงียบ แม้ใบหน้ายามนี้ยังคงรอยยิ้มอยู่เช่นเดิม

"ท่านพ่อบ้านกล่าวเกินไปแล้ว...." ลู่เมิ่งรู้สึกแปลกในคำพูดของพ่อบ้านผู้นี้ ในขณะที่กล่าวออกไปไม่ทันจบ เสียงอันคุ้นเคยของเพื่อนสนิทอย่างเจิ่นหู่ก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน

"ลู่เมิ่ง ได้ยินว่าเจ้าเดินทางมานี่เพื่อต้องการมาพบข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าดีใจมากเลย" เจิ้นหู่กล่าวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

"ใช่ ข้ามีเรื่องจะมาบอกพวกเจ้าสองคน แล้วหานลู่ละ"

"หานลู่ เดี่ยวก็มา พูดถึงก็มาแล้ว"

"พี่ลู่เมิ่ง ท่านเรียกพบข้ามีอะไรรึเปล่า" เสียงอันแจ่มใส ใบหน้าอันอ่อนหวานคล้ายมารดา แววตาอันกลมโตที่จ้องมองลู่เมิ่งด้วยรอยยิ้ม นั่นก็คือ เจิ้นหาน

"ในเมื่อคุณชายทั้งสองมาถึงแล้ว ข้าน้อยขอตัวก่อน"พ่อบ้านเหลียงซานกล่าวพร้อมกับคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนเดินก้าวออกไปจากห้องโถง

"ข้ามีเรื่องสำคัญจะมาบอกพวกเจ้าทั้งสองคน" ลู่เมิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับข้อความการเปิดรับสมัครสอบเข้ารับราชการในราชสำนัก รวมถึงรายละเอียดสายงานต่างๆที่เปิดรับ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือหน่วยงานที่สองพี่น้องให้ความสนใจ

"...." เจิ้นหู่และหานลู่ฟังอย่างตั้งใจ

"ข้าจึงอยากมาชวนพวกเจ้าทั้งสองคนไปสมัครสอบด้วยกัน แล้วพวกเจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร?"

"พวกข้าสองพี่น้องจะไปสมัครสอบกับเจ้าด้วยลู่เมิ่ง" เจิ้นหู่กล่าวหลังจากหันไปถามความคิดเห็นจากห่านลู่แล้ว

"ดี พวกเราทั้งสามคนมาพยายามด้วยกัน" ลู่เมิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มให้กับเจิ้นหู่และหานลู่

.

.

.

.

ณ อุทยานพระราชวัง

อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่ชั้นใน ถัดมาจากพระตำหนักที่ประทับของฮองเฮา ตลอดสองเส้นทางเดินไปด้วยเหล่ามวลดอกไม้ช่อผกา ที่พร้อมส่งกลิ่นหอมรอบๆด้าน ถัดมามีศาลาขนาดสองชั้นตั้งอยู่กลางใจสวนน้ำ ด้านล่างเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีปลาคราฟพากันแวกว่ายอวดชวนสีสันสวยงาม เหนือขึ้นมาจากบ่อน้ำ คือ ดอกบัวสีแดงที่เริ่มเบ่งบานเต็มที่อย่างสวยงาม รอบๆบริเวณมีเสียงนกร้องขับขานประสานเสียงดังดนตรีไพเราะ

ภายในศาลากลางใจสวนน้ำ มีชุดโต๊ะเก้าหินอ่อนที่ได้รับการแกะสลักลายวิจิตรจากช่างผู้มีฝีมือ ด้านบนตั้ง กาน้ำชา พร้อมถ้วยน้ำชา ที่ดูเข้าชุด หญิงสาวรับใช้คนสนิทยืนด้านข้าง หญิงสาวคนอื่น รวมถึงขันทียืนอยู่ด้านนอก บริเวณโดยรอบมีทหารยืนเฝ้าอารักขาตามหน้าที่

ถัดมาคือ ร่างของหญิงชราผู้สูงส่งสง่า ที่แม้วันเวลาผ่านไปนานก็ไม่อาจพรากความงามบนใบหน้า ดวงตาคู่สวยนี้ได้ หญิงชราผู้สูงส่งผู้นี้คือฮองเฮา มีพระนามว่า หลงซูฮวา กำลังนั่งมองพิจารณาไปยังเหล่าดอกโบตั๋นที่กำลังเบ่งบานความสวยงามรวมทั้งส่งกลิ่นหอม สักพักหญิงชรารับใช้คนสนิทหรือแม่นม ในเวลานี้การแต่งกายที่ถูกเปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูเหมาะสม รวมทั้งมวยผมที่ถูกเกล้าอย่างเรียบร้อย กำลังเดินเข้ามาภายในศาลาแห่งนี้ พร้อมทั้งหญิงสาวรับใช้ที่เดินติดตามมาด้านหลัง เมื่อก้าวเข้ามาถึง หญิงชราก็น้อมคำนับฮองเฮา

"คารวะฮองเฮาเพคะ"

"พวกเจ้าออกไปก่อน" ฮองเฮาหันไปสั่งกับหญิงรับใช้คนอื่น

"เพคะ" หญิงรับใช้ทั้งหมดกล่าวพร้อมน้อมคำนับ ก่อนเดินออกจากไป

"เรื่องที่ข้าให้ท่านไปจัดการได้ความว่าอย่างไรบ้าง" ฮองหันไปกล่าวกับแม่นมคนสนิท

"ทูลฮองเฮา ผู้ที่ทำให้องค์ชายฮุ่ยเหอ เฝ้ารำพึงคำนึงถึงเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้างามคล้ายหญิงสาว มีนามว่าอี้ลู่เมิ่ง เป็นบุตรชายคนเล็กของขุนนางอี้ซิ่นหลาน ซึ่งสังกัดกรมปกครองเพคะ"

"อุปนิสัยของเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างไรบ้าง?"

"ทูลฮองเฮา ตามที่หม่อมฉันได้ไปสอบถามพวกชาวบ้าน รวมถึงได้พูดคุยด้วย เด็กหนุ่มผู้นี้มีน้ำใจงาม ชอบช่วยเหลือ เป็นอย่างที่ชาวบ้านพูดไว้จริงๆเพคะ"

"อี้ลู่เมิ่ง ได้ถูกหมั่นหมายกับใครรึยัง"

"ทูลฮองเฮา ตามที่หม่อมฉันสืบทราบมายังไม่มีคู่หมั่นหมายเพคะ เพียงแต่..."

"แต่อะไร?"

"หม่อมฉันได้ข่าวโคมลอยว่า คุณชายจงเจิ้นหู บุตรชายคนโตของขุนนางจงซือไฉ ซึ่งสังกัดกรมพิธีการ ได้หมายปองคุณชายอี้ลู่เมิ่ง ซึ่งเด็กทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันเพคะ"

"ชักน่าสนุกแล้วสิ ข้าอยากจะรู้ว่าบุตรชายทั้งสองของข้าจะทำอย่างไร แล้วแม่นมเจ้าว่าอย่างไร" ฮองเฮากล่าวพร้อมกับหันไปถามแม่นมหญิงชราที่ยืนอยู่ด้านข้าง

"ทูลฮองเฮา หม่อมฉันคิดว่าให้โชคชะตานำพาเพคะ อีกเรื่องหม่อมฉันได้ข่าวว่าทางราชสำนักจะเปิดสอบขุนนางประจำกรมสังกัดต่างๆเพคะ"

"...." ฮองเฮาไม่ได้กล่าวอะไรออกมา มีเพียงแค่รอยยิ้มประดับบนใบหน้าเท่านั้น

หญิงชราผู้สูงส่ง ใบหน้างดงาม ดวงตาคู่สวยผู้นี้กำลังจ้องมองไปยังเหล่าหมู่ดอกโบตั๋นที่กำลังเบ่งบานพร้อมส่งกลิ่นหอมหวานตลบอบอวนทั่วทั้งอุทยานแห่งนี้กำลังเชิญชวนให้เหล่าฝูงผึ้งเข้ามาดมและสัมผัสกับรสหวาน

Facebook|Twitter : @mc27761

Tag. #พันธวาจา

+++++

ทางผู้เขียนไม่ความรู้ด้านภาษาคำเรียกค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ สามารถคอมเม้นเพื่อเป็นแนวทางให้ผู้เขียนนำไปใช้ปรับปรุงได้ค่ะ

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป