Your Wishlist

พันธวาจา [Yaoi] (ตอนที่ 2)

Author: สาววายไตพัง

แรงคำวาจาสัตย์ทำให้เธอเกิดเป็นบุตรชายขุนนาง และนำพาชายผู้นั้นตามมาเกิดเป็นองค์ชายรัชทายาท แค่นั้นไม่พอยังตามมาขายขนมจีบ และรวมถึงการที่ถูกจับแต่งงานกับองชายรัชทายาทผู้นี้!!

จำนวนตอน : N/A

ตอนที่ 2

  • 20/04/2564

แคว้นเทียนซ่าน สามเดือนต่อมา

ณ จวนขุนนางระดับล่างตระกูลอี้
ตระกูลอี้ เป็นขุนนางระดับล่างตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ ได้รับราชการเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ต่อมาบุตรชายจึงได้รับราชการมีตำแหน่งเป็นนายอำเภอปกครองศาลระดับเล็กๆ ประชาชนที่อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลอี้ ต่างล้วนอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขมาเสมอมา ไม่เคยมีเรื่องเดือดร้อน ในยามยากที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ก็ได้รับความช่วยเหลือจากนายอำเภอ มีนามว่า อี้ซิ่นหลี่ โดยแจกจ่ายข้าวสาร ข้าวของที่จำเป็นให้กับประชาชนในยากทุกข์ยาก จึงเป็นที่รักของประชาชน ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยอยู่ติดศาลมักชอบเดินไปตรวจดูแลความเรียบร้อย ความทุกข์ยากของประชาชน ในแต่ละวัน คดีต่างๆจึงไม่เคยมีเกิดขึ้น
นอกจากนั้นนายอำเภอ อี้ซิ่นหลาน มีภรรยาผู้มีใบหน้างดงามสมดั่งตามชื่อและที่อยู่กินกันมานาน นามว่า อี้ลี่จู ด้วยความรักที่ยึดมั่นให้แก่กันจึงมีบุตรธิดาซึ่งมีใบหน้าสวยไม่แพ้มารดา บุตรสาวคนที่หนึ่งมีนามว่า อี้ลู่เฟิน คนที่สองนามว่า อี้ลู่หลิน ซึ่งทั้งสองยังไม่มีบุตรชายสืบสกุล ทั้งสองได้แต่ภาวนาหวังว่าความดีที่สั่งสมบุญมาจะช่วยทำให้ทั้งสองมีบุตรชายสืบสกุล ในเวลาไม่นาน ลี้จูผู้เป็นภรรยาก็ได้ตั้งครรภ์อีกครั้ง ทำให้ซิ่นหลานมีความหวังขึ้นมา


และในเวลานี้กำลังจะมีข่าวดีเกิดขึ้น ภายในห้องนอน กำลังเต็มไปด้วยเหล่าหญิงรับใช้ ที่กำลังเดินเข้าออกกันพลุกพล่าน พร้อมกับเสียงร้องของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง ในมือกำลังกำผ้าที่ห้อยลงมาจากคื่อ มีหญิงรับใช้นั่งประคองหลังให้ลี่จูได้พิงพร้อมกับหยิบผ้ามาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของนาง หมอตำแยกำลังทำคลอดเด็กทารกที่ไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิงที่กำลังจะออกมาลืมตาดูโลกในเวลานี้


"นายหญิงเจ้าค่ะ เบ่งอีกเจ้าค่ะ ใกล้จะออกแล้ว ทนเจ็บอีกนิดนะเจ้าค่ะ"


"อ่าาาาาาา" เสียงของลี่จู่ที่กำลังเบ่งเสียงร้องมาอย่างเจ็บปวด พร้อมเด็กทารกที่คลอดออกมาจากครรภ์


"อุ้แว้ววววววว" เสียงของเด็กทารกที่กำลังเบ่งเสียงร้องลั่นห้อง เมื่อออกมาจากครรภ์ของมารดา

"นายหญิงยินดีด้วยนะเจ้าค่ะ ครั้งนี้ท่านได้บุตรชายเจ้าค่ะ" หมอตำแยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"นายหญิงเจ้าค่ะ บุตรชายของท่านมีใบหน้าที่งดงามไม่ต่างท่านเลยเจ้าค่ะ" หมอตำแยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"ข้าได้ลูกชาย สวรรค์ท่านช่างมีเมตตากับเราจริงๆ ข้าขอดูใบหน้าลูกชายข้าหน่อย" ลี่จูรำพันต่อสวรรค์ ก่อนจะหันมากล่าวกับหมอตำแย

"นี่เจ้าค่ะ ดูสิเจ้าค่ะนายหญิง" หมอตำแยกล่าวพร้อมกับยื่นเด็กทารกตัวน้อยในห่อผ้าสีแดงสด ที่กำลังหลับตาพริ้มหลับ

"ลูกชายของข้า เจ้าช่างมีใบหน้างดงามยิ่งนัก ผู้หญิงทั่วทั้งเมืองคงสู้ใบหน้าอันงดงามของเจ้าไม่ได้" ลี่จูกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีความยินดีต่อเด็กทารกตัวน้อย

ด้านนอกภายในห้องโถงเวลานี้ ซิ่นหลาน ในวัยหนุ่มร่างกำยำกำลังเดินวนไปมา รอบๆห้องบริเวณห้องโถง เฝ้ารอการเกิดของทารกน้อยที่ไม่รู้ว่าจะได้เพศชายหรือหญิง และแล้วการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อเสียงร้องของทารกน้อยแรกเกิดดังขึ้น

“ยินดีด้วยนายท่านซิ่นหลาน บุตรของท่านเกิดแล้ว” พ่อบ้านกล่าวยินดีกับนายของตนเองด้วยรอยยิ้ม

“ลูกข้าเกิดแล้ว สวรรค์ข้าหวังว่าท่านจะเมตตา ให้ข้ากับภรรยาได้ลูกชายสืบสกุลสักที ไปกันพ่อบ้าน” ซิ่นหลานมองไปทางท้องฟ้า พร้อมกับยกมือขึ้นมากล่าวต่อเทพเทวดาบนสรวงสรรค์ ก่อนจะหันไปกล่าวกับพ่อบ้านและรีบก้าวเดินออกจากห้องโถง และเดินมุ่งตรงไปยังห้องนอนทันที

ภายในห้องนอนเวลานี้ กำลังมีบรรดาเหล่าหญิงรับใช้เดินออกมา พร้อมกับถืออ่างน้ำเดินออกมาจากห้องนอน ซิ่นหลานที่เดินมาถึงพร้อมกับพ่อบ้านคนสนิทที่ดินตามมาด้านหลัง ก็รีบก้าวเท้าเข้าไปด้านใน พร้อมกับสายตาที่เห็นภรรยาก็กำลังอุ้มทารกน้อยในอ้อมกอดบนเตียง โดยมีแม่นมส่งรอยยิ้มให้ทางแก่ทารกน้อยด้านข้าง เมื่อภรรยาสาวเห็นผู้เป็นสามีเดินเข้าก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มในทันที แม่นมกับเหล่าหญิงรับใช้ยืนโค้งคำนับมาทางซิ่นหลาน

“ท่านพี่ซิ่นหลาน สวรรค์เมตตากับพวกเรายิ่งนัก รอบนี้เราทั้งสองได้บุตรชาย ข้าดีใจยิ่งนัก” ลี่จูกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมน้ำตาที่แสดงความปิติยินดี

“ข้าดีใจยิ่งนัก รอบนี้เราได้บุตรชายสักที สวรรค์ท่านไม่ทอดทิ้งเราสองคนจริงๆ” ซิ่นหลานกล่าวด้วยรอยยิ้มแสดงความดีใจ พร้อมกับแหงนหน้ามองท้องนภาด้านนอกพร้อมกับกล่าวในประโยคท้าย

“ท่านพี่ ท่านช่วยตั้งชื่อให้ลูกชายเราคนนี้ทีสิค่ะ” ลี่จูกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับสายตามองไปทางสามี

“ได้สิน้องหญิง ข้าให้ลูกชายของเราชื่อลู่เมิ่ง เจ้าว่าดีไหม?” ซิ่นหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ชื่อดีมาก ลู่เมิ่ง ชื่อนี้ช่างเหมาะสมกับใบหน้าของบุตรชายเราสอง เช่นเดียวกับหยกที่ได้รับการเจียระไน”

“ลู่เมิ่ง ลูกข้า” ซิ่นหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกข้าอยากเห็นหน้าของน้องบ้างเจ้าค่ะ” เสียงของเด็กสาวในวัยห้าขวบนามว่า ลู่เฟิน กล่าวด้วยรอยยิ้ม หลังจากวิ่งเข้ามาภายในห้องนอนก็ตรงเข้ามาหาบิดากับมารดาของตนในทันที

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากับพี่ลู่เฟินอยากอุ้มน้องบ้างเจ้าค่ะ” เสียงของเด็กสาวในวัยสี่ขวบนามว่า ลู่หลิน กล่าวด้วยรอยยิ้ม ซึ่งวิ่งตามเข้ามาภายในห้องนอนกับพี่สาวของตนนามว่า ลู่เฟิน

“มานี่สิ ลู่เฟินกับลู่ฟาง พ่อจะอุ้มพวกเจ้าสองคนมาดูใบหน้าของน้องชาย” ซิ่นหลานกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับใบหน้าที่อ่อนโยนมองมาทางใบหน้าของเด็กสาวทั้งสองด้วยความเอ็นดู ก่อนจะลุกขึ้นอุ้มสาวทั้งสองขึ้นมานั่งบนเตียง

“ว้าว น้องลู่ฝางดูใบหน้าของน้องชายเราสิ ช่างสวยยิ่งนัก” ลู่เฟินโน้มใบหน้าดูใบหน้าของน้องชายที่อยู่ในอ้อมกอดของมารดา ก่อนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มกับน้องสาวของตน

“จริงด้วยเจ้าค่ะ พี่ลู่เฟิน ท่านพ่อน้องชายพวกเรามีนามว่าอะไรหรือเจ้าค่ะ” ลู่หลิน กล่าวด้วยรอยยิ้มขณะมองใบหน้าของน้องชาย พร้อมกับหันไปมองบิดาด้วยสายตากลมโตของตนพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความสงสัย

“น้องชายของพวกเจ้าทั้งสองมีนามว่า ลู่เมิ่ง” ซิ่นหลานกล่าวด้วยรอยยิ้มกับลูกสาวทั้งสอง

“น้องลู่เมิ่ง พี่สาวลู่เฟินคนนี้จะดูแลเจ้าอย่างดี” ลู่เฟินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“พี่สาวลู่หลินคนนี้ จะเล่นเป็นเพื่อนเจ้า” ลู่หลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เด็กสาวทั้งสองกล่าวด้วยรอยยิ้มและส่งเสียงหัวเราะ โดยมีสายตาของซิ่นหลานกับลี่จู ที่ก้มมองบุตรสาวด้วยรอยยิ้มอย่างเอ็นดู พร้อมกับหันมาสบสายตากันด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ทำให้พ่อบ้าน แม่นม และหญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ภายในห้องนอนต่างพลอยร่วมยินดีไปด้วยกับความสุขของทั้งครอบครัวสกุลอี้ในเวลานี้
.
.
.
สิบปีต่อมา
จวนขุนนางระดับล่างตระกูลอี้
สายลมยามเช้าที่มีลมพัดพลิ้วไหว ทำให้ต้นไม้ไหวเอนไหวตามแรงลมที่พัดพามา เช่นเดียวกับวันเวลาที่หมุนเปลี่ยน ทำให้เด็กสาวทั้งสองและเด็กชายโตขึ้น ภายในบริเวณสวนของเช้าวันนี้อากาศดีมากและลมที่พัดแรงเหมาะแก่การนำว่าวขึ้นชักตามแรงกระแสลม คนผู้พี่สาวคนโตหญิงสาววัยสิบห้านามว่า ลู่เฟิน กับพี่สาวคนรองหญิงสาววัยสิบสี่นามว่า ลู่หลิน และน้องชายคนเล็กเด็กชายในวัยสิบปีนามว่า ลู่เมิ่ง โดยลู่เฟินกำลังถือว่าวส่วนหัว ลู่หลินกับลู่เมิ่งถือปลายเชือกค่อยหย่อนเชือกชักว่าวที่ถูกประดิษฐ์เป็นรูปหงส์และวาดแต่งแต้มเติมสีสันให้ดูสวยงาม

“พี่ลู่เฟิน ว่าวขึ้นได้แล้ว ปล่อยได้เจ้าค่ะ” ลู่หลินกล่าวด้วยรอยยิ้มและมองว่าวที่กำลังจะลอยขึ้นบนท้องนภาด้วยแววตาตื่นเต้น

“น้องลู่หลิน น้องลู่เมิ่ง ข้าจะปล่อยมือแล้วนะ พวกเจ้าค่อยๆปล่อยเชือกชักขึ้นไป” ลู่เฟินกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับปล่อยว่าวในมือออก ทำให้ว่าวที่ถูกปล่อยออกจากมือลอยสูงขึ้นไปบนท้องนภา ก่อนเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยแววตาตื่นเต้น

“สวยจังเลยขอรับท่านพี่ทั้งสอง ข้าชอบจังเลยขอรับ นานทีข้าจะได้มาเล่นแบบนี้” ลู่เมิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม สักพักสายตาก็เปลี่ยนเป็นหดหู่ เพราะช่วงนี้บิดามักจะพาเขาไปศึกษาหน้าที่การปกครองของนายอำเภอที่ดีกับท่านอาจารย์ จึงทำให้เขาอยู่กับตำรา นานครั้งจึงจะมีโอกาสได้ออกมาเล่นแบบนี้กับพี่สาวทั้งสองแบบนี้บ้าง

“น้องลู่เมิ่ง เจ้าอย่าเศร้าไปเลย พวกพี่จะขอท่านพ่อให้เจ้าได้ออกมาเล่นอีกนะ” ลู่เฟินกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบหัวน้องชายด้วยความเอ็นดู

“ใช่แล้วน้องลู่เมิ่ง เจ้ามีพวกพี่ทั้งสองคน ท่านพ่อจะต้องยอมให้เจ้าออกมาเล่นอีกแน่ๆ” ลู่หลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ด้วยแรงลมที่โหมกระหน่ำพัดพาให้เชือกที่ชักว่าวขึ้นขาด จึงทำให้ว่าวปลิวลอยขึ้นไปตามแรงลม และลอยออกไปไกลพ้นจากสวนซึ่งอยู่ภายในจวน ทำให้เด็กทั้งสามคนต้องวิ่งไปทางประตูหน้าเพื่อออกไปตามเก็บว่าวด้านนอก แต่ก็ถูกเสียงอันคุ้นเคยของบิดาขึ้นขัดเสียก่อน จึงทำให้ทั้งสามคนต้องหยุดยืนและหันไปมองบิดาที่ยืนอยู่อีกด้าน

“พวกเจ้าทั้งสามจะออกไปไหนกัน” ซิ่นหลานกล่าวด้วยสงสัย เมื่อเห็นร่างของลูกทั้งสามคนกำลังจะวิ่งออกไปด้านนอก

“พวกเราจะไปตามเก็บว่าวเจ้าค่ะท่านพ่อ” ลู่เฟินกล่าว
“ท่านพ่อให้พวกเราตามไปเก็บเถอะนะเจ้าค่ะ” ลู่หลินกล่าว

“ท่านพ่อขอรับ ข้าขอสัญญาจะดูแลท่านพี่ทั้งสองอย่างดี และพวกเราจะรีบกลับมาขอรับ” ลู่เฟินกล่าว

“ก็ได้ พ่อให้พวกเจ้าไป แต่พวกเจ้าทั้งสามต้องรีบกลับมาโดยเร็ว” ซิ่นหลานกล่าว

“ขอบคุณเจ้าค่ะ ขอบคุณขอรับ ท่านพ่อ” เด็กทั้งสามคนกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับ
.
.
.
เด็กทั้งสามวิ่งตามว่าวที่กำลังปลิวตามกระแสลมที่ไม่มีที่ท่าว่าจะปลิวล่วงมาสักที ในขณะทีเด็กสาววิ่งขึ้นนำหน้า โดยมีเด็กชายวิ่งตามหลัง

“พี่ลู่เฟิน พี่ลู่หลิน รอข้าด้วย” ลู่เมิ่งเด็กชายวัยสิบขวบกล่าวพร้อมกับวิ่งไล่ตามพี่สาวทั้งสองคน

“น้องลู่เมิ่ง วิ่งมาทางนี้เร็วเข้า” ลู่เฟินหันมากล่าวพร้อมกับวิ่งไล่ตามว่าวออกไป

“ท่านพี่ลู่เฟินข้าเห็นแล้วเจ้าค่ะทางนั้น” ลู่หลินกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับชี้ทิศทางที่ว่าวลอยปลิวไปติดบนต้นไม้ ก่อนวิ่งนำหน้าคนทั้งสองไป

“รอข้าด้วยน้องลู่หลิน น้องลู่เมิ่งเจ้าก็รีบๆตามมานะ” ลู่เฟินกล่าวพร้อมกับวิ่งตามลู่หลินไป

“ท่านพี่....อุ๊บ....โอ้ยยย” ลู่เมิ่งส่งเสียงเรียกพี่สาวทั้งสองไม่ทันขาดคำ ก็ชนเข้ากับร่างของเด็กชายคนหนึ่ง ทำให้ทั้งสองล้มลงไปกับพื้น โดยร่างของลู่เมิ่งนอนทับร่างของคนตรงหน้า ลู่เมิ่งจึงรีบลุกขึ้นก่อนมองไปที่ใบหน้าของคนตรงหน้าที่ตนล้มทับ ช่างดูหล่อเหลากว่าเด็กชายทั่วไป


“เจ้าช่างงดงามยิ่ง....เอ้ย....เจ้าเจ็บตรงไหนรึเปล่า?” ฮุ่ยเหอหรือองค์ชายสาม เด็กชายในวัยสิบขวบที่ลุกขึ้นมาจากพื้น พร้อมกับมองไปที่ใบหน้าของคนตรงหน้าก็รู้สึกเหมือนต้องมนต์สะกด ทำให้รู้สึกตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น จึงกล่าวออกมาก่อนจะเปลี่ยนคำพูด


“ข้าไม่เป็นไร แล้วท่านเป็นไรหรือไม่” ลู่เมิ่งกล่าว


“ข้าไม่เป็นไร แค่นี้สบายมาก เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?” ฮุ่ยเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม


“เจ้าไม่ต้องรู้นามข้าหรอกเพราะยังไงเราอาจจะไม่มีทางได้เจอกันอีก ถ้าเจ้าไม่เป็นไรแล้วข้าขอตัวก่อน” ลู่เมิ่งกล่าวพร้อมกับวิ่งจากออกไปตามหาพี่สาวทั้งสอง


“เดี่ยวก่อนสิ ข้าว่าเราจะต้องเจอกันอีก เจ้าคอยดูแล้วกัน” ฮุ่ยเหอกล่าวเรียกคนตรงหน้าที่วิ่งจากออกไป ก่อนจะบ่นพึมพำออกมา


“องค์ชายขอรับ ท่านอย่าวิ่งเร็วนักสิ ข้าวิ่งตามท่านไม่ทัน” องครักษ์คนสนิทของฮุ่ยเหอในวัยสิบขวบกล่าวออกมาด้วยเสียงหอบ


“ซือจิ้น เจ้ารู้ไหมเด็กคนนั้นมีนามว่าอะไร เป็นบุตรชายของตระกูลใด” ฮุ่ยเหอกล่าว


“องค์ชายท่านหมายถึง เด็กชายที่เดินจากไปหรือขอรับ” ซือจิ้นกล่าว

“ใช่แล้วเด็กชายคนนั้น เขามีนามว่าอะไร เจ้ารู้หรือไม่” ฮุ่ยเหอกล่าว

“รู้สิขอรับ เด็กชายคนนั้นมีนามว่าอี้ลู่เมิ่ง บุตรชายของท่านอี้ซิ่นหลาน ตระกูลอี้ขอรับ” ซือจิ้นกล่าว

“ซือจิ้น เจ้าไปรู้มาได้อย่างไร” ฮุ่ยเหอกล่าวความสงสัย

“นั่นเพราะว่า ท่านอี้ซิ่นหลานชอบพาบุตรชายของท่านออกมาเดินตรวจสอบความเป็นอยู่ของประชาชนบ่อยครั้ง ชาวบ้านที่นี่ต่างรู้จักกันทุกคนขอรับ” ซือจิ้นกล่าว

“อืม อี้ลู่เมิ่ง ข้าจะรอวันที่เราจะได้เจอกันอีก ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าให้หลุดมือข้าไปอีกคอยดู” ฮุ่ยเหอกล่าวด้วยรอยยิ้ม


ติดแท็ก #พันธวาจา
...................................................

ขอบคุณที่รออ่านและขอบคุณที่ติดตามค่ะ ในที่สุดก็มีเวลาเขียนเรื่องนี้สักทีค่ะ เรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณเรื่องแรกที่ต้องบอกก่อนว่าไม่ถนัดจริงๆค่ะ แต่อยากเขียนค่ะ และเนื่องจากช่วงนี้ไม่มีเงินซื้อนิยายวายแนวจีนมาอ่าน จึงอยากเขียนและอยากอ่านเลยเขียนออกมาค่ะ ตอนแรกก็กลัวว่าจะแต่งไม่ดีพอค่ะ คิดว่าถ้าไม่มีคนคอมเม้นต์หรือแสดงความคิดเห็นก็จะซ่อนเรื่องนี้เอาไว้และเขียนอ่านต่อไปเงียบๆ ตอนนี้มีนิยาววายไทยเรื่องที่หกอีกเรื่องที่เขียนแต่คำโปรยซ่อนเอาไว้ก่อนค่ะ
ช่วงนี้ทางไรท์ทำงานประจำแล้วค่ะ จึงทำให้การแต่งนิยายไม่ได้ถี่แบบแต่ก่อน จะเขียนได้ก็ตอนเลิกงาน พิมพ์ใส่ในมือถือ แต่งนิยายพร้อมกันทั้งสามเรื่อง เพื่อที่จะพยายามมาเคลียร์ให้ได้อ่านกันค่ะ


ขอฝากน้องเมิ่ง ในอ้อมกอดผู้อ่านทุกท่านด้วยนะคะ ชอบหรือไม่ชอบฝากคอมเม้นต์ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป