Your Wishlist

บุปผาสวรรค์นางร้ายข้ามภพ (ความจริงใจที่ซ้อนเร้น)

Author: หนิงเซียน

ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ❤️ นี้คือเรื่องราวของภพชาติใหม่ที่ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ในความใกล้ชิด สายสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ซ้อนเร้น พี่ชายแท้ๆชอบน้องสาว และอีกสองบุรุษ กวนเพื่อนรักที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ความทรงจำอาจจะเลือนลางเเต่มันจะไม่มีทางหายไป ด้วยว่าการกระทำ และนิสัยของนางหลุดจากกรอบของสังคมปัจจุบันไปมาก บุรุษเพื่อนซี้ทั้งสามคนนั้นมองนางด้วยสายตาที่หลากหลาย ในใจก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป

จำนวนตอน :

ความจริงใจที่ซ้อนเร้น

  • 19/04/2564

จวนรับรองคณะราชทูต

5 วันก่อนหน้านี้ องค์หญิงฉินยูซินส่งเทียบเชิญ ให้เหล่าคุณหนูและคุณชาย รวมถึงองค์หญิงแคว้นถังที่ได้ไปงานประพาส มาดื่มชาและชมสวนโบดอกโบตั๊นของจวนรับรองคณะราชทูต ฉันกับถังถัง และจือจือก็ได้เทียบเชิญ มู่หรงหยวน ฉู่อู่เว่ย ฝูเหยี้ยนอวี้จึงต้องมาในฐานะเจ้าบ้านที่ดี ทุกคนล้วนแต่เป็นคุณหนู คุณชายผู้สูงศักดิ์แต่งกายอย่างเหมาะสม งดงาม เหล่าสตรีก็ประทินโฉมงามล้ำ ด้วยในงานมีเหล่าหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรื่อน และคุณชายมากความสามรถ เหล่าสตรีชื่อดังของเมืองหลวงจึงมีการประชั้นขันแข่ง เป็นงานดูคู่กลายๆ เวลามีงานแบบนี้จนเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่มีใครเทียบได้กับสตรีสูงศักดิ์ทั้งสองที่ยังไม่ได้ออกเรื่อน การแต่งกายงดงามคล้ายคลึ่งกัน ทั้งเรียบง่าย แต่หรูหรา ด้วยเครื่องประดับค่าควรเมือง อย่างปิ่นประการังแดงสีเพลิงขององค์หญิงหนิงเซียน แห่งแคว้นถังและต่างหูระย่างดงามจี้ประดับด้วยไข่มุขดำหลายเม็ด เข้าคู่ด้วยสร้อยไข่มุขดำขนาดใหญ่หายากจากทะเลซีไฮ ขององค์หญิงฉินยูซิน แห่งแค้วนฉิน วันนี้การแต่งกายขององค์หญิงฉินยูซินงดงามกว่าปกติเพราะการแต่งตัวที่เปลียนไป เดิมที่องค์หญิงนิยมแต่งกายสีฉูดฉาด เร้าร้อน แต่วันนี้กลับแต่งกายด้วยชุดสีเรียบโทนอุ่นปักเน้นด้วยไหมชั้นดีดิ้นทอง ช่างคล้ายคลึ่งกับชุดที่องค์หญิงหนิงเซียนใส่ประจำเวลาออกงาน แต่วันนี้องค์หญิงหนิงเซียนสวมเสื้อคลุมไหมโปร่งบางสีแดง รับกับปิ่นประการัง และต่างหูหยกขาวรูปผีเสื้อดูงามตาพิสุทธิ์ ภายในห้องมีกำยานกลิ่นดอกโบตั๊นช่วยเสริมรับกับงานวันนี้ การประดับตกแต่งจวนก็งดงาม ภายในงานมีอาหารและนักดนตรีขับกล่อมสร้างบรรยากาศให้น่าประทับใจ ในงานองค์หญิงฉินยูซินเห็นองค์หญิงหนิงเซียนไม่ค่อยเจริญอาหารจึงรินเหล้าหวานให้ ฉันยิ้มเล็กน้อยรับมาดื่มตามมารยาท เห็นจอกสุราพร้องไปแล้วองค์ใหญ่ก็ให้นางกำนัลไปนำของขวัญออกมา เอ่ยพลางรินเพิ่มเหล้าหวานแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนเอ่ยว่า"เรื่องคราวก่อน เปิ่นกงเองก็ไม่ทราบว่าองค์หญิงก็ดูใจกับท่านแม่ทัพน้อยอยู่ เปิ่นกงต้องขอโทษเรื่องนี้กับองค์หญิงน้อยด้วย เลยจะขอมอบขอขวัญในงานสมรสไว้ล่วงหน้าเลย" ฉันอมยิ้มรับ ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธกับองค์หญิงฉิน ก่อนจะขอตัวไปชมสวนดอกไม้เอ่ยว่า"พี่หญิง น้องขอไปสูดอากาศชมสวนก่อนนะเพคะ น้องดื่มไม่เก่งค่อนข้างจะเมาง่าย ขอตัวนะเพคะ" องค์หญิงฉินยูซินเห็นใบหน้าที่แดงกำขององค์หญิงหนิงเซียนแล้วก็เรียกให้นางกำนัลนำทางไปด้วยกัน ระหว่างทางเกิดเปลียนใจชักชวนให้ไปพักก่อนอีกหลายชั่วยามกว่างานจะเลิกมันค่อนข้างดึก อาหนิงนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะปิดปากหาวคล้อยตามอย่างว่าง่าย เมื่อเดินตามนางกำนัลนำทางมาภายในห้องที่ตกแต่งหรูหรา มีกลิ่นอ่อนๆ ของกำยานมะลิ ไปทั่วห้อง ก่อนจะอ้าปากหาวเดินตรงไปที่เตียงนอน รินน้ำข้างเตียงมาดื่มแล้วหลับไป นางกำนัลเห็นดังนั้นก็ปิดประตูให้สนิด พยัคหน้าให้เล็กน้อยกับฮุ่ยจือ และม่อหลันก่อนจะเดินจากไป..นางเดินไปไม่ไกลก็เหลียวหลังกลับมาเห็นฮุ่ยจือ และม่อหลันนางกำนัลคนสนิดยังอยู่หน้าห้องก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะเร่งฝีท้าวกลับไปหาองค์หญิงฉินยูซิน

ภายในห้องพัก

อาหนิงได้ยินเสียงปิดประตู ก็รีบเอาเหยื่อกน้ำข้างเตียงมาเทลงใส่ในผ้าเช็ดหน้า ปิดจมูกไว้ นางจำได้ว่าคราวก่อนที่หลับเป็นตายก็ไอ้เจ้ากลิ่นมะลินี้ล่ะตัวดี เดินวนรอบหากำยานตัวต้นตอความลำบากเจอก็รีบดับทันที ภายในห้องเห็นหน้าต่างถูกล็อกกุญแจดอกเล็กเอาไว้ทั้งสามบาน ฉันได้แต่มองแล้วร้อง"หึ"อยู่ในลำคอ ก่อนจะใช้วิชาโจรย่องเบาแบบในหนังมาใช้สะเดาะกุญแจ ลูบคำหากิ๊ฟหนีบศรีษะ และปิ่นประดับออกมาเทียบเคียงกัน หยิบกิ๊ฟที่ทั้งยาวและแบนมาแย้งรูแม่กุญแจ เสียบมั่วๆ หมุนๆ สี่ ห้าที่ ก็มีเสียง "แกร๊ก" อาหนิงได้ที่ก็รีบปลดล็อกแม่กุญแจทั้งสามออก ก่อนจะตรงไปที่ประตูเรียกให้ม่อหลันกับฮุ่ยจือเข้ามา

ภายในห้องพักรับรอง

ฮุ่ยจือ และม่อเข้ามาภายในห้อง สีหน้าของคนทั้งสองนิ่งแข็งค้างไปครู่หนึ่ง เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติภายในห้อง แววตาคนทั้งสองคล้ายแฝงอารมณ์ความรู้สึกชนิดหนึ่งที่อ่านไม่ออก ก่อนจะกลับมามีสีหน้าปกติอย่างรวดเร็ว ฮุ่ยจือและม่อหลันเห็นท่าทางขององค์หญิงดูเจ้าเล่ห์ ซุกซน ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ฮุ่ยจือ ม่อหลัน ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้า” นัยน์ตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม

สวนดอกไม้

ช่วงบ่าย สายๆ ของวัน ภายใต้เงาไม้ ร่างขององค์ฉินยูซินช่างงดงาม อ่อนช้อยยิ่งสวนอาภรณ์ที่เรียบหรู เดินนำเหล่าคุณหนูน้อยใหญ่ที่สะสวยชมดอกโบตั๊นภายในสวนนับว่าเป็นภาพที่งามตายิ่ง เหลาดอกไม่ก็ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนใจล้วนแต่เป็นที่เบิกบานให้กับเหล่าคุณหนูน้อยใหญ่ยิ่งนัก เวลาล่วงเลยอยู่พักใหญ่นางเหลือบเห็นบ่าวชายคนสนิดขององค์ชายฉินยูเหวิน เดินหลุบตาเข้ามาส่งขนมจัดถ้วยจานให้เข้าที่ ก่อนจะส่งสายตา พยัคหน้าให้เล็กน้อยอย่างรู้กัน ก็จะเดินเลียงหายไปในกลุ่มนางกำนัล และบ่าวชาย นางเห็นแล้วก็ต้องหลุบตาต่ำยกยิ้มที่มุมปากอยู่บางๆ หลังจากเดินนวยนาดอย่างอารมณ์ดีอยู่นั้น ไม่นานนางก็เห็นนางกำนัลที่ตนให้ไปส่งองค์หญิงหนิงเซียนเดินกลับมา พร้อมพยัคหน้าให้เล็กน้อยอย่างรู้กัน นางอดยิ้มแย้มไม่ได้ อีกไม่นานนางจิ้งจอกนั้นก็จะได้รับบทเรียน! ได้!! ในเมื่อตัวนางไม่ได้ นางก็จะส่งเสริมเอง อยากอยู่กับนางจิ้งจอกนั้นนักใช่ไหม? หรงหรง ได้!! นางเอ่ยอย่างโกรธแค้นอยู่ในอก นางจิ้งจอกนั้นหักหน้านางมาหลายครั้งแล้ว ในแคว้นฉินใครบ้างจะกล้ามาแข็งข้อกับนาง แข็งข้อกับเชื้อพระวงค์ ฮึ!! ช่างไม่รู้ดีชั่ว! เป็นแค่คนไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ แค่ได้ศักดิ์ก็ชูหางเชิดหน้า ก็แค่อีกาที่ริอยากเป็นหงส์!! นางส่งสัญญานให้คนสนิดถอยห่างไปทำตามแผน ก่อนจะเดินปลีกตัวออกมา

ผ่านไปพักใหญ่แล้ว ก็มีเสียงกรี้ดร้องของนางกำนัล วิ่งแตกตื่นตรงมาทางนี้ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย ก่อนจะวิ่งชนจือจือเข้าไปเต็มๆ เมื่อเห็นว่าวิ่งชนผู้ใดเขาก็กรี้ดร้องออกมาอย่างตกใจ รีบเอามือปิดหน้าที่แดงก่ำ ถังถัง เห็นเพื่อนรักถูกชนจนเซล้ม ก็คว้าจับบ่านางกำนัลไว้ก่อน เห็นนางละล่ำละลักพูดพร่ำไม่ได้ศัพท์เอ่ยเสียงดังอย่างขาดกลัวว่า “ข้าไม่เห็นอะไร ข้าไม่เห็นอะไรจริงๆ ข้าไม่เห็นท่านแม่ทัพ กับองค์หญิงหนิงเซียนหลับนอนกัน ข้าไม่เห็นท่านแม่ทัพ กับองค์หญิงจริงๆ นะเจ้าคะ อย่าฆ่าข้าเลย บ่าวกลัวแล้ว อย่าฆ่าบ่าวท่านแม่ทัพ” เสียงที่แตกตื่น ตกใจกลัวของนางกำนัล เสียงดังมากเหมื่อนหนีตายมา คุณหนูน้อยใหญ่ที่ได้ยิน ใบหน้าขาวซีด อับอายด้วยเรื่องบัดสี ขององค์หญิงหนิงเซียนและท่านแม่ทัพ พวกนางต่างก็จับจองมายังร่างของ ถังถัง และจือจือ เห็นใบหน้าที่ตกตะลึง ชะงักงัน ผ่านไปพักใหญ่ถึงจะดึงสติได้ เห็นนนางกำนัลเอาแต่พูดประโยคนั้นแล้วพวกนางทั้งสองคนก็หน้าเสีย นางไม่ห้ามพี่เพื่อนสาว และพี่ชายของนางจะรักกัน แต่มาทำอะไรโจงแจ้งในที่ของคนอื่นแบบนี้มันได้ที่ไหน? กัน ห้องหับ ที่ลับตาในจวนก็มีกลับไปก่อนก็ได้นางไม่ว่าเลย แต่พี่ชายกลับห้ามตัวเองไม่อยู่ ทำแบบนี้จะทำให้เรื่องดีกลายเป็นเรื่องเสียไปอีก แบบนี้แล้วจะให้พวกนางทำยังไง ในที่นี้มีคนรับรู้มากเกินไป มากคนก็มากความ กลัวแต่ว่าอีกไม่นานจะกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ ให้อับอายกันไปถ้วนทั่ว

จือจือได้สติก็รีบลากตัวนางกำนัลออกมาคุยด้วยทันที่ คุณหนูชื่อดังเห็นอากับกิริยาของถังถัง จือจือ ก็ได้แต่ก้มหน้า ในสมองก็คิดอยางรวดเร็ว ไม่รู้ว่าพี่ชายของพวกนางคนใดที่ได้หลับนอนกับองค์หญิงหนิงเซียนไปแล้ว ช่างน่าอับอายเสียจริง คำว่าท่านแม่ทัพที่ออกมาจากปากนางกำนัล และความหวาดกลัวที่แสดงฉายชัดออกมาทำให้พวกนางคิดได้เพียง แม่ทัพน้อยฉู่อู่เว่ย และแม่ทัพน้อยมู่หรงหยวน หนึ่งในสองคน ที่วันนี้มางานนี้เพราะที่เหลือก็มีเพียงแต่คุณชาย กับขุนนางอายุน้อยฝ่ายบุ๋นจากตระกูลดัง เห็นถังถัง และจือจือ พวกนางคุยกับนางกำนัลอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินจากไป นางกำนัลเดินขึ้นหน้าอยางขาดกลัว แต่ด้วยความจำใจจากคุณหนูเล็กตระกูลแม่ทัพจึงต้องเดินนำทาง เหล่าคุณหนูชื่อดังแม้จะเอียงอาย แต่ก็อดเดินตามไปไม่ได้ เดินมาไม่นาน ก็เห็นหัองพักรับรอง ถังถัง และจือจือสพตากัน ก่อนจะตัดสินใจผลักบานประตูเข้าไปข้างใน

ภายในห้องรับรอง

กลิ่นมะลิบางเบา ม่านมุ้งสีขาวโปร่งบาง พริ้วไสวไปตามแรงลม หน้าต่างเปิดออกเห็นดวงดาวพร่างพราวงดงาม เพียงมองตรงมาก็เห็นร่างเงาที่กอดก่ายกันหลับอยู่ แผงอกแกร่งปะทะทรวงอกอิ่ม ที่พื้นมีตู้โต้ว และเสื้อผ้าของสตรีและบุรุษวางกระจัดกระจาย ถังถัง และจือจือผงะรีบหันหลังถอยกลับออกไปทันที ด้วยความร้อนใจจึงเปิดประตูออกไม่ได้เคาะให้คนข้างในรู้ พอหันหลังกลับก็เจอสายตาอยากรู้ อยากเห็น ของเหล่าคุณหนูที่ตามมาด้วย เสียงร้องอุทานดังอืออึง ตามมาอีกหลายเสียง ถังถังและจือจือ ไม่สามารถรับมือกับคุณหนูตรงหน้าได้ ด้านหลังก็มีพี่ชายและเพื่อนอยู่ ช่างคับขันอย่างยิ่ง! เหมือนขึ้นหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ เสียงร้องอุทาน และคำติฉินนินทาก็เริ่มดังขึ้น ปลุกคนบนเตียงได้เป็นอย่างดี องค์หญิงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความงุนงง? รู้สึกถึงความหนักที่หน้าอก และลำตัวถึงกับต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะลืมตาขึ้นมา นางจับหน้าอกตัวเอง เอาของหนักๆ ออกไป แต่กลับต้องตกใจเมือรู้สึกเหมื่อนมันเป็นมือคน พอลืมตาดูให้ดี ดวงตาก็เบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ นางรีบหันมองด้านข้าง ก็เห็นบุรุษคุ้นหน้าคุ้นตา เพ่งมองให้ดี ก็ต้องตกใจ!! เมื่อเห็นว่าเป็นบ่าวชายคนสนิดของพี่ชายมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับนาง

ผิวกายที่นวลเนียน รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อน! รินรดอยู่ด้านหลัง นางรู้สึกเหมื่อนเลือดกำลังแข็งตัว ค่อยๆ หันหลังไปก็พบองค์รักษ์นอนอยู่ข้างกายอีกเช่นกัน มือบางสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่ รับรู้ถึงความเหนอะหนะเปียกชื่นก่อนจะหงายมือขึ้นมาดู ก็เห็นคราบสีขาวขุ่น! บนฝ่ามือ นางได้แต่ขมวดคิ้มมองด้วยสายตารังเกียจ นางดีดตัวลุกขึ้นมานั่งผ้าห่มผื่นบางร่วงหล่น เผยให้เห็นทรวงอกอิ่ม เมื่อเห็นร่างของตัวเองไม่หลงเหลือสิ่งใดอีกแล้ว มีเพียงผ้าห่มผืนบาง นางกรี้ดร้องออกมาอย่างตกใจรีบคว้าผ้าห่มกระชับมันแน่นขึ้น ออกแรงถีบบ่าวชายให้ตกเตียงอย่างรังเกียจ!! เสียงดังตุ๊บ! ร่างหล่นตกเตียง บ่าวชายตื่นขึ้นมาด้วย ความงุนงง? สับสน หันมองรอบด้าน ก่อนจะลุกยื่นขึ้นมาก็เห็นองค์หญิง นางเอาปิดตา ปากก็เอาแต่ร้องกรี้ดออกมาไม่หยุด พอมองท่อนล่างของตัวเองที่กำลังโงนเงน! ก็ตกใจ!! ได้ยินเสียงกรี้ดร้องที่ด้านหลังพอเหลียวมอง ก็เห็นคุณหนูทั้งหลายวิ่งหนีออกไปคนละทิศ คนละทาง

ร่างของ ถังถัง และจือจือ ที่เห็นชายคนหนึ่งตกลงมาจากเตียง ยื่นหันหลังให้พวกนาง แก้มก้นที่ขาวผ่องนั้นทำเอาพวกนางตัวแข็งค้าง แม้ว่าพวกนางจะใกล้ชิดกับบุรุษมากเพียงใด แต่พวกนางก็เป็นสตรีในห้องหอ ที่ยังไม่ได้ออกเรื่อน พอเห็นรูปร่างท่าทางของชายคนนั้นแล้ว ก็ต้องโล่งอก!โชคดีที่ไม่ใช่ พี่ชายของพวกนาง ได้ยินเสียงแหล่มสูงดังขึ้น ก็เรียกสติ!

เสียงแหล่มสูงขององค์หญิงฉินยูซินตะโกนออกไปข้างนอกเอ่ยด้วยความกรุ่นโกรธว่า “ทหาร!! ทหาร!!! มาจับสารเลวสองคนนี้ เดียวนี้!! ทหาร!!” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและลุกลามใหญ่โต เมื่อองค์ชายฉินยูเหวินทราบข่าว ก็ขอเชิญให้แขกทั้งหลาย กลับจวนกันไปก่อน ไม่นานประตูจวนรับรองถูกปิด! และไม่มีใครทราบข่าวคราวภายในอีกเลยว่าองค์หญิงฉินยูซินจะเป็นเช่นไร เรื่องนี้เกินจะปิดบัง! ไม่นาน คนทั้งเมืองหลวงก็รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ประหนึ่งว่าตนเองอยู่ข้างเตียงในวันนั้น เรื่องราวไม่ได้ถูกเล่าขานในเหลาสุราหรือร้านน้ำชา แต่ทุกตรอกซอกซอยก็แอบคุยซุบซิบในเรื่องนี้อยู่พักใหญ่ๆ

ก่อนหน้านี้ (ภายในห้องรับรอง)

อาหนิงพูดคุยกับฮุ่ยจือ และม่อหลัน วางแผนช่วยกันจัดฉากให้องค์หญิงฉินยูซินขายหน้าทำกลางเหล่าคุณหนูน้อยใหญ่ที่มายังเลี้ยง และสลอดหาจังหวะใส่น้ำให้นางดื่มลงไป เข้าห้องน้ำเสียสี่ ห้าวัน เป็นการทำโทษที่วางยาสลบฉันก่อนหน้านี้ที่โรงเตียม แม้มันจะเทียบไม่ได้เลย เพราะคราวนั้นมีนักฆ่า แต่ว่าองค์หญิงฉินยูซินจะตายในแค้วนถังไม่ได้ อาจจุดฉนวนก่อให้เกิดสงคราม เอื่อประโยขน์ให้คนในเงามืด พวกฉวยโอกาส ในระหว่างที่พูดคุยแผนการอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเหมื่อนมีคนอยู่บริเวณหน้าห้องรับรองแล้ว อาหนิงเห็นฮุ่ยจือให้สัญญานเงียบ ก็รีบทำตามแล้ววิ่งไปที่เตียงนอนแสร้งหลับตาอย่างว่าง่าย เมื่อรู้สึกเหมื่อนมีอะไรมาอยู่ข้างๆ ก็นิ่งงันฟังเสียงรอบข้าง ซักพักก็ได้ยินเสียงประตูปิดลงดังเดิม

เมื่อไม่มีเสียงแปลกๆ ผิดปกติแล้ว อาหนิงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น หันไปมองก็เห็นมู่หรงหยวนนอนอยู่ด้านข้าง พอลุกนั่งได้ก็เรียกมู่หรงหยวนพยามปลุกเขา แต่เรียกอย่างไรก็ไม่ตื่นฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เงื่อฝามือขึ้นตบฉาดใหญ่! ไปที่แก้มของมู่หรงหยวน เสียง “เพี๊ยะ!” ดังขึ้นในห้องที่เงียบสนิด ฉันเห็นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก็พูดเสียงเย็นว่า “ถ้าไม่ตื่นอีก งั้นข้าจะตบปลุกอีกดีหรือไม่?” ด้วยมีอารมณ์โกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ที่องค์หญิงฉินยูซินส่งมู่หรงหยวนมาให้ห้องนอน (ชั่วคราว) ของตัวเอง ฉันขมวดคิ้วแน่น! ในใจคิดอย่างเหลืออด ยัยบ้านี้เล่นแรงตลอด ทั้งวางยา ทั้งส่งนักฆ่านี้แม่ยังไม่ได้คิดบัญชีเลย อุสาใจเย็น! ท่องไว้ ใจร่มๆ พยามทำเป็นมองผ่านไป อ่า! ใช่ฉันยังไม่ตาย ชั่งมันเถอะ อีกเดียวยัยบ้านั้นก็กลับบ้านตัวเองแล้ว แต่มาตอนนี้! ยัยบ้าถึงขั้นวางยาและส่งผู้ชายมาให้ คิดว่าอีกไม่นาน คงจะตามคนมาดูว่าฉันกำลังนอนกับผู้ชายอยู่ใช่ไหม? ฮึ!! อยากให้ฉันชื่อเสียงเสียหายมากเลยใช่ไหม ฉันอาจจะคิดไม่ตกฆ่าตัวตายหนีอายไปเลย ไม่ก็บวชชี หรือเข้าตำหนักเย็น ได้ๆ จะเอาแบบนั้นใช่ไหม?

“เมื่อกี้...มันคับขัน ข้าเลยต้องรุนแรงไปนิด” ฉันเอ่ยเสียงเบา มองไปที่ข้างแก้มของมู่หรงหยวนที่มีรอยนิ้วมือปรากฏอยู่ เอ่ยต่อว่า “ท่านคงโดยวางยามาละสิ! มาถึงก็หลับเป็นตายเลย ดูท่า..พวกเราสองคน โดนองค์หญิงฉินจัดฉากใส่ร้ายป้ายสีเข้าให้..เฮ้อ..ท่านพี่ ท่านพี่มู่หรงหยวน ท่านเป็นบุรุษน่าจะมีเรียวแรงมากกว่าพวกเราสามคนเสียอีก..ท่านอยากร่วมมือกับข้าไหม?” ไม่น่าทั้งสี่ก็ออกนอกหน้าต่าง มู่หรงหยวนจัดการองค์รักษ์เฝ้าเวนยามคนหนึ่งที่ผ่านมา ร่างขององค์รักษ์รายนี้ไม่ใหญ่มากนักเขาพาดแบกขึ้นบ่าแล้วกลับทางเดิม ก่อนจะออกมาอีกครั้งก็เห็นฮุ่ยจือ และม่อหลันช่วยกันแบกร่างองค์หญิงฉินยูซินมา เขาไม่ได้สนใจออกไปหาชายมาอีกซักคนตามแผนเดิม ฉันกลับมาจากห้องครัวปีนหน้าต่างเทแป้งมันที่เริ่มหนืดแล้วผสมแป้งขาวให้สีดูขุ่นๆ วางไว้ข้างเตียง เห็นม่อหลันถอดเหลือแค่ตู้โต้วก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ทุกชิ้นเลย ลอกคราบไม่ให้เหลือ” สามคนช่วยกันถอดเสื้อผ้าโยนทิ้งไปทั่ว เมื่อมู่หรงหยวนกลับมาก็เห็นอาหนิงขยี้ผมองค์หญิงฉินยูซิน ม่อหลันเอาแป้งเปียกทามือองค์หญิง ส่วนฮุ่ยจือดูต้นทาง พอเขาเห็นสภาพห้องที่เสื้อผ้ากระจัดกระจายก็พูดไม่ออก ฮุ่ยจือเข้าไปช่วยพยุงร่างของชายคนหนึ่งมาวางข้างเตียงแล้วเริ่มปลดเสื้อผ้า เขาเห็นสามสวยช่วยกันปลดเสื้อผ้าชายแปลกหน้าพอถึงกางเกงซับในปราการสุดท้ายก็ทนยื่นเฉยๆ ไม่ได้ คว้าจับมือของอาหนิงรีบเอ่ยทันที่ “พอแล้ว เดียวข้าทำให้” เขานั้นถอดชิ้นสุดท้ายอย่างไม่เต็มใจนักก็จะเอาชายผ้าห่มปิดส่วนล่างแทบจะทันที เห็นอาหนิงดูภาพตรงหน้าอย่างพิจารณาท่าทางขององค์หญิงฉินยูซินมีบุรุษอยู่ข้างกายซ้าย ขวา ก็แทบอยากลากนางให้ออกไปจากห้องนี้เต็มทน ฉันมองท่าทางดูไม่น่าเชื่อถือซักเท่าไรก็เดินเข้าไปที่ข้างเตียง จับมือชายตรงหน้าวางที่หน้าอกซะเลย แล้วอ้อมเตียงไปทำแบบเดียวกันที่หน้าท้องขององค์หญิงฉินยูซินให้ดูเหมือนกอดกันนอน เห็นแป้งเปียกยังเหลืออยู่เล็กน้อยก็คว่ำถ้วยเทมันลงไปที่ช่วงอก เขย่าๆ จนหมด ก่อนจะมองอย่างพึงพอใจแล้วพากันปีนหน้าต่างออกมา

sds

เพิ่งแต่ง 25 จบยังไม่ทันต่อ26นะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วนะคะ (ตรวจสำนวณแล้วไรท์พอใจแล้ว เดียวขอไปแต่ง จินหลานให้จบตอนหนึ่งก่อน ปล.ปีกนางฟ้านี้ทำมาเพื่อจินหลานเลยคะ)

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป