Your Wishlist

บุปผาสวรรค์นางร้ายข้ามภพ (อาทิตย์อัสดง)

Author: หนิงเซียน

ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ❤️ นี้คือเรื่องราวของภพชาติใหม่ที่ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ในความใกล้ชิด สายสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ซ้อนเร้น พี่ชายแท้ๆชอบน้องสาว และอีกสองบุรุษ กวนเพื่อนรักที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ความทรงจำอาจจะเลือนลางเเต่มันจะไม่มีทางหายไป ด้วยว่าการกระทำ และนิสัยของนางหลุดจากกรอบของสังคมปัจจุบันไปมาก บุรุษเพื่อนซี้ทั้งสามคนนั้นมองนางด้วยสายตาที่หลากหลาย ในใจก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป

จำนวนตอน :

อาทิตย์อัสดง

  • 19/04/2564

โรงเตี๊ยม

พระอาทิตย์เปลียนเป็นสีแดงอัสดง ต้นเมเปิ้ลใหญ่ใบสีแดงปลิดปลิวร่วงหล่นอยู่ข้างโรงเตี๊ยม ม้าหลายตัวพักกินอาหารอยู่ในคอก ที่เต็มไปด้วยม้าพันธ์ดีอ้วนพีของลูกค้าอยู่หลายตัว เสียวเอ๋อร์เดินถือถังอีกใบที่ผสม ข้าวเปลือก 2 ส่วน ข้าวโพด 1 ส่วน กากน้ำตาลอีกนิดหน่อย คลุกเคล้ารวมทั้งหมด เทใส่รางวีเพิ่มให้ม้ากินอย่างเต็มที่ วันนี้มีลูกค้าต่างถิ่นมาเหมาโรงเตี๊ยม จากประสบการณ์ที่เป็นเสียวเอ๋อร์แรมปีของเขา ดูรู้เลยว่าน่าจะไม่ใช่คนธรรมดาดังนั้นหากเขาดูแลดีๆ ก็อาจจะได้เงินเพิ่มอีกเล็กๆ น้อยๆ ช่วงเช้ามีขบวนหลวงผ่านไปยังประตูเมืองเพื่อเข้าเมืองหลวง ไม่แน่ลูกค้ากลุ่มนี้อาจเป็นคุณหนู คุณชายมือเติบ แค่คิดเขาก็มีแรงอาจกอบโกยได้อีกไม่น้อย เขาเก็บถังล้างไม้ล้างมือแล้วเดินเข้าประตูหลังกลับเข้าโรงเตี๊ยม เมื่อเดินมาใกล้ก็เห็นเถ้าแก่ยิ้มหน้าบาน มือจับลูกคิดปัดขึ้น ปัดลง เสียงลูกคิดเหมือนเสียงสวรรค์ของเถ้าแก่ กวาดตามองที่โต๊ะเต็มไปด้วยคณะผู้ติดตามอยู่หลายคน เขารีบกุลีกุจอไปช่วยเช็ดโต๊ะยกน้ำชา บนชั้นสองมีเด็กชายตัวเล็กเคาะประตูเอ่ยเสียงเล็กๆ ของเด็กว่า “นายท่าน น้ำอาบมาแล้วขอรับ” เขาช่วยพ่อขนน้ำอาบมาที่ห้องพักของแขก ตอนนี้ในครัวยุ่งมาก แม้แต่ลานหลังบ้านที่พ่อเขารับผิดชอบดูแลก็ด้วย ทุกคนยกขนน้ำต้มให้ร้อน บ้างก็ช่วยพัดหรือเติมขี้เถ้าดูไฟไม่ให้แรงไป พ่อและลุงอี้ ช่วยแบกน้ำร้อนมาเติมในถังนี้ก็ห้องที่ห้าแล้ว ยังเหลืออีกหลายห้องเลยเขาคิดแล้วก็เงยหน้ามองพ่อ เห็นเหงื่อข้างไรผมของพ่อแล้วก็หันหน้ากลับมาจะเคาะประตูอีกครั้ง แต่ประตูกลับเปิดออกมาแล้ว เขาเห็นพี่สาวคนสวยมาเปิดประตูให้

บริเวณด้านล่างของโรงเตี้ยม มีอาหารขึ้นชื่อของที่นี้วางเรียงรายทะยอยขึ้นโต๊ะที่วางต่อกันถึง 5 ตัวและมีผ้าปูสีแดงวางไว้เรียบร้อย ม่อหลันไปกำกับห้องครัว ฮุ่ยจือคอยปฏิบัติองค์หญิง เมือลงมาถึงด้านล่างก็เห็นจือจือ และถังถังรินสุราใส่จอกเล็กยกดื่มแล้ว ฉันสายหัวก่อนจะเดินออกมาหน้าโรงเตี๊ยมเห็นยามเย็นผู้คนพลุกพลาน ครึกคื้นเสียยิ่งกว่าช่วงเช้าเสียอีก ร้านค้าหลายร้านประดับโคมไฟ และขายอาหารข้างทางมากขึ้น ฉันพาฮุ่ยจือออกไปเดินเล่น แค่ห่างจากโรงเตี๊ยมได้ไม่เท่าไรจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากด้านหลังจนต้องเหลียวหลังหันไปมอง “อาหนิงรอก่อน” เขาเอ่ยเรียกเห็นนางหยุดหันกลับมามองก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วก็วิ่งเหยาะๆ เข้าไปหานาง “มีอะไรหรือ?” นางนั้นเอ่ยถามขึ้น เขานั้นลมหายใจสะดุดไปครึ่งจังหวะ ความรู้สึกในใจตอนนี้ เขากับนาง ห่างกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ทั้งที่วันวานนางกับเขายังคลอเคลียกันอยู่บนเตียงนุ่มกันทั้งคืน

เขาได้แต่สายหน้า แล้วเอ่ยว่า “เจ้าจะออกมาเดินเล่นสินะ เดียวข้าไปเป็นเพื่อนเอง ไปกันเถอะ” ว่าแล้วเขาก็จับจูงมือนางตรงไปข้างหน้า เดินเคียงข้างกันดูบรรยากาศข้างทาง เขารับรู้ได้ว่านางแอบมองเขาเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้ดึงมือออก จนกระทั้งนางดึงมือเขาไปยังร้านอาหารที่มีแต่เด็กเล็กๆ ต่อแถวกัน 7-8 คน ป้ายร้านสีน้ำเงิน ขาว มีรูปปลาหมึกวาดดูแปลกพิกลกับอักษรที่ไม่คุ้นตา ได้ยินนางอุทานออกมาว่า “ทาโกะยากิ!!” เขานั้นมองนางแล้วก็ไม่อาจละสายตาได้ นางนั้นดูไม่ต่างจากเด็กน้อยที่ต่อแถวเลย ดวงตาวาววับเหมื่อนเจอของที่ถูกใจ ยิ้มร่าเงยหน้าขึ้นมามองเขาเอ่ยเสียงสดใส ยิ้มแฉ่งว่า “ท่านพี่มู่หรงหยวนเคยกินทาโกะยากิหรือไม่? มันอร่อยมากนะข้างในจะใส่ใส้อะไรก็ได้ มาต่อคิวกัน” เขานั้นถูกนางดึงเข้ามาต่อคิวจับจูงมือกันไม่ปล่อย พอถึงคิวของอาหนิงเจ้าตัวก็สั่งจนพ่อค้าต้องอมยิ้ม มือก็ทำตามสั่งไปด้วยทาน้ำมันที่เตาทาโกะยากิเล็กน้อย เทน้ำแป้งที่ผสมกันลงไปจนเกือบเต็มหลุม พ่อค้าก็หยิบปลาหมึกหันชิ้นใส่ลงไปหลายชิ้นตามที่ลูกค้าสั่ง นางสั่งพิเศษขอเยอะๆ เลย 5 ชุด ว่าแล้วพ่อค้าก็เทใส่แป้งเพิ่มลงไปจนล้นขึ้นมาจากหลุม พ่อค้ารอซักพักก่อนจะจับที่ตะเกียบคีบกลับด้านล่างขึ้นมาด้านบน ใช้ตะเกียบกลิ้งให้เป็นทรงกลม พยายามกลิ้งไปมาให้บ่อยๆ จนลูกทาโกะยากิเป็นสีเหลืองทอง เมื่อดูว่าสุกแล้วพ่อค้าก็หยิบใส่จานใบน้อยโรยปลาโอแห้งและสาหร่ายแห้ง บนตัวทาโกะยากิ เมื่อช่วยนางถือขนมแล้วถึงได้รู้ว่า ทาโกะยากิ ที่นางเรียกจริงๆ มันคือ ขนมครกญี่ปุ่นนั้นเอง จะว่าไปตัวเขาก็ยังไม่เคยกินเช่นกัน นางสั่งต่อชี้มาที่เขาเอ่ยกับพ่อค้าว่า “คิวของคนนี้ เอาพิเศษๆ แบบอีก 5 ชุดเหมือกันเจ้าคะ” เอ่ยจบนางก็หยิบทาโกะยากิกินเข้าปากทันที ก่อนจะทำหน้าตามีความสุขกับการกิน หลับตาพริ้มใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอย่างมีความสุข ส่งเสียงอึ้มในลำคออย่างพึงพอใจ เขาเห็นแล้วก็ยิ้มตาหยีตามอย่างมีความสุข นางทำตัวเหมื่อนเด็กน้อย ช่างน่ารักเสียเหลือเกิน

เขาพานางกลับมาโรงเตี๊ยมก็ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว เขากับนางช่วยกันวางขนมครกญี่ปุ่นที่ถือพรุงพลังลงบนโต๊ะ ฮุ่ยจือถอยออกไปพร้อมกับขนมครกญี่ปุ่นที่อาหนิงแบ่งให้ไว้ 2 จานเล็กไว้แบ่งกับม่อหลัน เห็นเก้าอี้ที่เว้นว่างไว้ติดกับองค์หญิงฉินยูซิน นางก็ไปนั่ง เขาได้แต่ต้องกลับไปนั่งฝั่งตรงข้ามที่ฉู่อู่เว่ยเว้นที่หนังไว้ไห้ นั่งได้พักใหญ่เขาก็ขอตัวไปห้องน้ำ ระหว่างทางเดินด้านหลังโรงเตี๊ยมเห็นเด็กชายนั่งบนพื้นกุมหัวเขาเอาไว้แน่ ร้องไห้โฮออกมา มือที่กุมไว้มีเลือดไหลออกมาเขาเห็นแล้วก็เข้าไปดูแผลให้ ที่แท้ก็มีเศษกระเบื้องตกอยู่แถวนี้เลยบาดเข้า เขาควานหาผ้าเช็ดหน้าที่ข้างเอวกลับไม่มี แล้วก็ต้องนิ่งคิดไปที่อกเข้ามีผ้าเช็ดหน้าของนางอยู่..แต่ว่า..ระหว่างที่คิด เสียงเด็กร้องก็ดังขึ้นเขาจำใจต้องล้วงผ้าเช็ดหน้าของหนิงเอ๋อร์ออกมาใช้ เขาเข้าไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนจะอุ้มเด็กน้อยไปหาเถ้าแก่ ให้เถ้าแก่ไปตามหมอมารักษาครู่หนึ่งก็มีหมอมารักษา เขารับผ้าเช็ดหน้ากลับมาแล้วเดินออกมาอยู่หน้าห้องก็อดถอนหายใจเสียงดังไม่ได้ ผ้าเช็ดหน้าผื่นน้อยมาบัดนี้เต็มไปด้วยเลือดเสียแล้ว เขาเดินไปหลังโรงเตี๊ยมอีกครั้ง ตรงไปหาบ่อน้ำหมายจะล้างคราบเลือดออกให้สะอาด แต่กลับได้ยินเสียงคนคุยกันดังลอยมาให้ได้ยิน

ผนังไม้กันกลางองค์หญิงฉินยูซินจับจูงองค์หญิงหนิงเซียนพูดคุยด้วยความเขินอาย เสียงแว่วหวานบอกเล่าถึงคำพลอดรักของมู่หรงหยวนกับนาง..องค์หญิงฉินยูซิน ยิ่งเห็นสายตาที่สงบนิ่งไร้ระรอกคลื่นแล้วก็ยิ่งกระหยิ่ม ยิ้มย่อง พูดสนุกปากมากยิ่งขึ้น “เจ้าก็รู้ข้าเองเป็นสตรีในห้องหอ..แต่ข้าไม่มีเพื่อนผู้หญิงอยู่ที่นี้ซักคน เจ้าก็เหมือนน้องข้า” ว่าแล้วก็ก้มหน้างุดก่อนจะเอ่ยต่อว่า “เมือคืนวันกลับจากประพาส..ข้ารู้ที่หรงหรงบอกว่ารักคือรักจริงๆ หรงหรงบอกว่ามีผู้คนมากมาย บอกข้าทีว่าข้าจะหาคนอย่างองค์หญิงได้จากที่ไหน เขา..เขาพร่ำบอกรักข้าที่ข้างหู ข้าก็ไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงดีแต่ข้าว่า..ข้าก็มีใจให้เขาเช่นเดียวกัน ข้าว่าเขาเป็นคนดีและเสด็จพ่อต้องชอบเขาเช่นเดียวกับที่ข้าชอบ” นางกล่าวอย่างเอียงอาย บิดตัวไปมาเล็กน้อยแล้วชำเลืองดูองค์หญิงหนิงเซียน เห็นนางยังนิ่งอยู่ก็เอ่ยต่อว่า “คืนนั้น..ข้า..คืนนั้นข้าก็เต็มใจนะ หรงหรงจูบเก่งมากจนข้าหายใจแทบไม่ทัน เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดไหม? ไม่เป็นไรๆ เข้าใจไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ข้าอยากมีเพื่อนคอยคุยด้วย อีกหน่อยเจ้าก็เข้าใจเอง แบบลึกซึ้ง..” ฉันมององค์หญิงฉินนี้..นิ่งๆ เพราะในสมองมีคำล้านแปดแทบอยากจะพ้นไฟออกมา แต่ก็อยากฟังให้จบเลยต้องปั่นหน้ากระตุกยิ้มน้อยๆ เป็นผู้ฟังที่ดี องค์หญิงฉินยังพูดไม่จบจู่ๆ ก็เงียบไป ฉันรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ข้างหลังก็หันไปมอง ปรากฏว่าเป็นมู่หรงหยวนยืนอยู่ข้างหลังถัดออกไปไม่ไกล กำลังก้าวเข้ามาทางนี้ มู่หรงหยวนหยุดอยู่ข้างหน้าของอาหนิงแล้วดึงมือนางมาหลบอยู่ข้างหลัง ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าที่หมาดแล้วไปข้างหน้าขององค์หญิงฉินยูซิน พลางพลิกหมุนมุมผ้าที่เป็น “ชื่อหนิงเซียน” ให้เห็นเด่นชัด พูดเสียงดังฟังชัดของบุรุษที่กรุนโกรธ พยามกดข่มโทษะเอ่ยว่า “นี้คือผ้าพรหมจรรย์เปื้อนเลือดขององค์หญิง ข้าเก็บมันพกเอาไว้ติดตัวอยู่ตลอด ข้าต้องรับผิดชอบนาง เรื่องเมือครู่นี้ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน ขอให้องค์หญิงฉินยูซินอย่าพูดอะไรแบบนั้นอีก เพราะอาจจะทำให้ข้ากับองค์หญิงหนิงเซียนผิดใจไปเปล่าๆ หลังประพาสผู้ใหญ่ของพวกเราสองคนก็จะไปดูฤกษ์มงคลกันแล้ว” กล่าวจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อคว้าจับข้อมือของอาหนิงเดินขึ้นห้องจากไปทันที..บางคนอยู่เฉยๆ ไม่ต้องพยายามก็กลายเป็นคนที่ใช่ บางคนกาลเวลาถึงพิสูจน์ว่าเขานั้นละใช่ บางคนต้องสูญเสียไปถึงรู้ว่าเป็นคนที่ใช่ เเละบางคนต่อให้พยายามเเค่ไหนก็ไม่ใช่อยู่ดี

ฉันได้แต่มองการกระทำที่น่าตกใจของมู่หรงหยวน ที่มาถึงก็ไม่พูดมากชูผ้าเปื้อนเลือดของฉันทันที..นิ..คืนวันนั้นฉันกับเขาฝ่าปราการสุดท้าย เป็นผู้หญิงในสต๊อกของมู่หรงหยวนไปแล้วสินะ ตั้งแต่วันนั้นเราสองคนก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย..เอ้ม..จูบกันตอนเมา ก็เอาเรื่องอยู่จริงๆ ละนะ จะนัวเนียกันไปถึงปราการสุดท้ายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร..แต่ฉันคิดมาตลอดว่าต้องจบ เลิกยุ่งกับเขา..ไม่ได้คาดหวัง..เพราะต่อไปเขาต้องแต่งไปเป็นเขยที่แคว้นฉินแล้ว เอาจริงๆ คืนนั้นฉันก็จำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็คือตื่นนอนแล้วไม่ได้รู้สึกเสียวที่หว่างขา หรือไม่มีแรงเดินอะไร จะมีจริงๆ ก็แค่รอยจูบตรงเนินอกก็แค่นั้น แต่ของมู่หรงหยวนจำได้ว่ามีทั่วไปหมด เป็นจั๊มๆ ช้ำๆ ที่หน้าอก ขนาดที่ท้องน้อยยังมีอยู่รอยหนึ่ง ฉันยังไม่ทันหน้าแดงเพราะสมองกำลังคิดเรื่องอื่น มู่หรงหยวนพาฉันเดินมายังห้องของเขาเสียแล้ว

โรงเตี๊ยม บนชั้นสอง

มู่หรงหยวนพานางเข้ามาภายในห้อง ปิดประตูแล้วพานางเดินมายังเก้าอี้ที่ใกล้ที่สุดก่อนจะทรุดตัวนั่งลงดึงร่างของคนตัวเล็กเข้ามาหาแล้วโอบเอวนาง หลับตาแน่นถูไถข้างแก้มเข้ากับหน้าท้องของนาง เขาจะทำเช่นไรดี? ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง มีเพียงแต่เสียงลมหายใจของคนทั้งคู่ ครู่หนึ่งนางก็เอามือมาลูบหลังเขาอย่างปลอบโยน เสียงหวานใสก็ดังขึ้นช่วยลดบรรยากาศความเงียบลง แต่กลับทำให้เขาขมวดคิ้วแทน “ไม่เป็นไรๆ ข้าเข้าใจ ท่านพี่มู่หรงหยวนไม่เป็นไรนะ?” เขาเงยหน้ามองนางที่ยืนอยู่สูงกว่า ไม่เข้าใจว่านางเข้าใจอะไร? กันแน่..นี้เป็นครั้งแรกที่เขาจับได้ คาหนัง คาเขา ว่าองค์หญิงฉิยยูซินใส่ร้ายเขาต่อหน้านาง แล้วนางจะยังนิ่งเฉยได้อีก มาปลอบใจเขาได้อีก! นี้นาง..นางไม่หึงเขาบางหรือ?!? อาหนิงในใจเจ้ามีข้าบางหรือไม่? ทำไมเจ้าจึงดูห่างเหินว่าแล้วเขาก็กระชับกอดนางแน่นขึ้นอีก เขาได้แต่ตัดพ้อน้อยใจอยู่ในอก จองมองนาง อย่างตัดพ้อ “ท่านพี่มู่หรงหยวนมีอะไร? อยากจะพูดให้ข้าฟังรึเปล่า? ท่าน..ท่านพี่ทำท่าอ้อนข้าแบบนี้แล้วข้าจะไปอ้อนใครเล่า” ว่าแล้วนางก็หลุดหัวเราะเสียงดังอยู่พักหนึ่ง เขาก็เริ่มใบหน้าร้อนขึ้นอย่าทำอะไรไม่ถูก

แต่จู่ๆ นางก็ค้อมหลังลงมาโอบกอดเขาเอ่ยเสียงหวานอยู่ข้างหลัง ที่ใบหน้าของนางแอบอิงกับแผ่นหลังของเขาว่าเอ่ยว่า “ท่านพี่..ข้าเป็นผู้หญิงของท่านแล้ว ท่านจะรับผิดชอบข้าจริงๆ รึ??? แล้วเรื่องเมือครู่ที่องค์หญิงฉินยูซินพูด..มีความจริงอยู่กี่ส่วน..ท่าน..ท่านพี่พูดมาเถอะข้าใจกว้าง” เขาได้ยินแล้วดวงตาก็เปิดโตขึ้นอย่างตกใจ!! ..นี้..ทำไม? จู่นางก็พูดแบบนี้กัน เขาแค่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเมื่อครู่เอง นี้หรือว่านางเข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว เขางุนงง? ละออกจากอ้อมกอดของนางเมื่อเห็นนางถอยห่างแล้วก็คว้าจับข้อมือ ดึงรั้งนางเข้ามานั่งที่ตักของเขา เห็นนางดวงตาเบิกโตอย่างตกใจก็เอ่ยเสียงสบายๆ ว่า “ข้าไม่เคยมีอะไรกับองค์หญิงฉินยูซินเลยแม้แต่น้อย แต่กับเจ้า..อาหนิง..เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าต้องรับผิดชอบข้านะ!” เห็นนางตั้งใจฟังแล้วก็เบิกตาโตอีกครั้งก่อนจะขมวดคิ้ว เห็นสีหน้าที่เปลียนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ของนางแล้วก็ต้องอมยิ้ม เอ่ยอธิบายว่า “อาหนิงเจ้าดูนี้” เขายื่นผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดให้อาหนิงเอ่ยอย่างอ่อนโยน ปนเอ็นดู นางนั้นรับผ้าไม่ได้เอ่ยอะไรหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมอยู่แล้วก็ขมวดมากยิ่งขึ้น ครู่ใหญ่ดวงตานางก็เบิกโตขึ้นเหมื่อนคิดอะไรได้ มองมาที่เขาอย่างงุนงง? แล้วเอียงคอหันซ้ายที ขวาที “นี้!? นี้ไม่ใช่เลือดข้า แล้วเลือดของใคร ถ้าเป็นของข้าจริง วันนั้นเรานอนด้วยกัน ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว? ถ้าเป็นของข้าเลือดก็ควรจะเป็นสีแดงๆ ดำๆ คล่ำๆ ไปแล้ว ไม่ใช่ยังสีแดงอยู่แบบนี้”

เขาพยัคหน้าเล็กน้อย กอดคนตัวเล็กที่นั่งตักเขาอยู่เอ่ยว่า “ใช่ นี้ไม่ใช่เลือดของเจ้าจริงๆ ไว้ตอนแต่งงาน เราสองเข้าห้องหอก็จะ.. (มีเอง) ” เอ่ยถึงตรงนี้เขาก็จองเข้าไปในดวงตาของนาง พูดหยอกเย้านางว่า “เจ้าก็จะเป็นของข้าไม่ช้าก็เร็ว ข้าเองก็เช่นกันเป็นของเจ้า” ว่าแล้วเขาก็จูบแผ่วเบาไปที่ขมับของนาง ตอนที่ถอนจูบกลับเห็นสายตาหลีลงอย่างเย็นชา เหมื่อนกำลังจับผิดพูดด้วยสายตาว่า “ข้าจะเชื่อท่านได้จริงหรือ?” เขาได้แต่ถอนหายใจเบาๆ “อาหนิงเจ้าไม่เชื่อข้าหรือ? ข้าไม่เคยมีอะไรกับองค์หญิงฉินยูซินจริงๆ เรื่องที่นางพูดกับเจ้าเป็นเรื่องเท็จ ไม่มีความจริงเสียอยู่ส่วนเดียว เรื่องที่ข้ากระทำพิสูจน์ได้ ข้าทำตามหน้าที่..ข้าได้รับ..” นางเอ่ยขัดขึ้น” ท่านพี่ตอบไม่ตรงคำถาม ท่านพี่ทำอะไรกับตัวเองกันแน่ ถึงได้มีเลือดมากขนาดนี้” ใบหน้าเขาร้อนผ่าว กระแอมไอปรับน้ำเสียงแล้วเอ่ยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้นางฟังทั้งหมด..มีกวีมากมายหลายร้อยเล่มที่โปรดปราน หากแต่กวีที่ข้ารักมากนั้นมีเพียงบทเดียว

----------- ----------

หมายเหตุ/ข้อมูลอ้างอิ่ง

:: ในหัวข้อ บอกต่อสูตร “ทาโกะยากิ” ทำเงิน ถูกใจคนทุกวัย สร้างรายได้เข้ากระเป๋า ในเวป

https://cheechongruay.smartsme.co.th/content/25342

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป