Your Wishlist

บุปผาสวรรค์นางร้ายข้ามภพ (ฮูหยินตัวน้อยของมู่หรงหยวน)

Author: หนิงเซียน

ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ❤️ นี้คือเรื่องราวของภพชาติใหม่ที่ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ในความใกล้ชิด สายสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ซ้อนเร้น พี่ชายแท้ๆชอบน้องสาว และอีกสองบุรุษ กวนเพื่อนรักที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ความทรงจำอาจจะเลือนลางเเต่มันจะไม่มีทางหายไป ด้วยว่าการกระทำ และนิสัยของนางหลุดจากกรอบของสังคมปัจจุบันไปมาก บุรุษเพื่อนซี้ทั้งสามคนนั้นมองนางด้วยสายตาที่หลากหลาย ในใจก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป

จำนวนตอน :

ฮูหยินตัวน้อยของมู่หรงหยวน

  • 19/04/2564

กระโจมหลวง

คืนนี้หลังจากที่ฉันออกจากกระโจมได้แล้วก็เดินโซเซไปมา ไปยังกระโจมใกล้ๆ ของจือจือ ร้องเรียกชื่อไม่กี่ที ขาก็ก้าวนำคลำทางไปยังเตียงของจือจือไม่พูดไม่จา แทรกตัวเข้าไปนอนทันทีไม่นานฤทธิ์สุรา และเรียวแรงทั้งหมดก็ดับไปพร้อมกับหลับฝันดีตลอดคืน ฉันก็ถูกแขนแกร่งกอดเอาไว้ตลอดคืนเช่นกัน แม้ร่างของเขา จะแข็งไปบ้าง ร้อนไปบ้าง ฉันก็ยอมทน ตอนที่ตื่นขึ้นมาก็พบกับอกแกร่งของใครบางคน ที่มีแต่รอยแดงช้ำเป็นจั๊มๆ อยู่หลายรอยตัดกับผิวขาวเสื้อผ้าแม้สวมใส่อยู่ก็หลุดรุยเหมื่อนไม่ได้ใส่เผยให้เห็นแผงอกแกร่งยาวถึงไห่ปลาร้า เงยหน้าขึ้นอีกนิดก็เห็นแค่คางของคนผู้นั้น ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองนอนหนุนแขนของคนตรงหน้า พยายามค่อยๆ เขยิบออกห่างอย่างช้าๆ จู่ๆ ก็ถูกแขนแกร่งโอบรั้ง เข้าไปกอดแนบแน่นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก หน้าฉันก็ติดกระแทกเข้ากับแผงอกอย่างจัง ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดแผงอกแกร่ง สองมือยันกับหน้าท้องน้อยของเขาอย่างตกใจ ซักพักตั้งสติได้ก็ขวมดคิ้วทันทีเอ่ยว่า “ปล่อยก่อน! ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตื่อน!!”

เสียงนุ่มบนศรีษะเอ่ยอย่างงัวเงียว่า “จือจือ ไปนอนที่กระโจมท่านแม่ทัพ กับท่านพ่อ ท่านแม่ หลังจากงานเมื่อคืน” กล่าวจบมู่หรงหยวนกอดร่างนางเอาไว้แน่น แล้วหลับตานอนต่ออย่างเอาแต่ใจ เขาไม่อยากเป็นพี่ชายที่แสนดีในสายตาของนางอีกแล้ว เมื่อคืนนางนั้นดูเย้ายวนมาก แก้มแดงเปล่งปลั่ง ก้าวมาในกระโจมพอถอดเสื้อคลุมออกแล้วก็เผยเสื้อผ้าที่บางเบาน้อยชิ้น ทรวงอกเด่นเผยให้เห็นวับแวม ผิวกายขาวนวลเนียน เรียวขายาวกับกางเกงขาสั้น จนเขาเห็นแล้วอยากจะตี ห้ามปรามนางไม่ให้นางใส่อีก และตอนนี้กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขาที่เตียงนอน ร่างกายเขานั้นรุ่มร้อนเป็นทวีคูณ เขายังไม่ทันจะได้เอ่ยห้ามปรามอะไร นางก็ขึ้นเตียงมาเสียแล้ว รู้สึกหายใจไม่ทั้วท้อง คราแรกแค่คิดจะมาอาบน้ำแล้วขอนอนพัก 3-4 ชั่วยามก่อน แก้เมาจากสุราแรงของท้องถิ่น ก่อนหน้านี้พวกเขาโดนลากไปกับกลุ่มกวนนายทหารของพวกพี่ชายที่ได้สุราท้องถิ่นมาถึงสองลังใหญ่ สุรานี้ชาวบ้านหมักกันเองขับไล่ความหนาวจะมีฤทธิ์สุรารุนแรงมากกว่าปกติอยู่หลายเท่านัก ตัวเขานั้นกินไป 3-4 ไห่ก็ไม่ไหวแล้ว ฉู่อู่เว่ยนั้นอยู่ดื่มต่อเขาก็ขอปลีกตัวออกมาก่อน

ฉันเห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยก็พูดเสียงเรียบเรื่อย รอยยิ้มเย็นผุดขึ้นเอ่ยว่า “ท่านอยากให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างนั้นรึ?” ว่าแล้วก็เอามือหยิกเนื้อหน้าท้องน้อยเต็มแรง จนอีกฝ่ายงอถอยออกไปเล็กน้อยก็ไม่วายรั้งคนในอ้อมกอดเข้ามาด้วย ฉันกำลังตั้งท่าถอยแต่กลับถูกแขนแกร่งดึงตัวเอาไปกอดซ้ำจนเนื้อตัวแนบแน่นไปแทน ฉันนั้นทนไม่ไหวคุยดีๆ ไม่รู้เรื่องก็ยกมือขึ้นทุบซ้ำๆ แรงๆ ไปหลายที จนอีกฝ่ายปล่อยตัวออกมาจากอ้อมกอดแล้วก้มลงมาดูนางที่ดื้อรั้นตั้งแต่เช้า ฉันนั้นถอยออกมาทันทีดวงตานั้นโกรธเคือง เข้นเคี้ยวเขี้ยวฟันตวัดสายตาไปมองคนที่อยากตายมาหาเรื่อง แล้วก็ต้องตกตะลึงทันทีกับภาพตรงหน้า สมองตอนนี้ประมวลไม่ทัน คนตรงหน้าก็คือมู่หรงหยวน เขานั้นมีรูปร่าง บึกบึน สูงใหญ่ ราวกับขุนเขา ซ้ำยังมีลาดไหล่กำยำ หน้าตาหล่อเหลาดูไม่ธรรมดา กับสายตาคู่คมที่มีเสน่ห์ดึงดูด เปลื้อยท่อนบนเผยให้เห็นแผงอกและ ซิกแพคเต็มๆ ตา “เอ้มมมมมมม” ฉันนั้นส่งเสียงยานในลำคอ คิดไม่ทันว่าจะพูดว่าอ่ะไร ในตอนนี้ดี หน้าอกแกร่งนั้นเต็มไปด้วยรอยแดงอยู่หลายรอย ฉันขมวดคิ้วเอ่ยว่า “ท่านพี่มู่หรงหยวน! ท่านแพ้อะไรนะ!! ให้ตามหมอหลวงหรือไม่เจ้าค่ะ” พูดไปก็เอื้อมมือไปจับรอยแดง เงยหน้าสบตาเขาขมวดคิ้วเอ่ยด้วยความเป็นห่วงว่า” เจ็บหรือไม่ เป็นตอนเข้าไปในป่าหรือ?” พูดไปก็ลูบที่รอยแผลเป็นเล็กๆ ที่หน้าท้องของเขา รอยนี้สินะที่เคยได้ยินมา ว่าตอนอยู่ที่ชายแดนทางเหนือมีครั้งหนึ่งเขาทำภารกิจแล้วบาดเจ็บกลับมา รอยที่หยิกไปเมื่อครู่นั้นขึ้นรอยแดง ฉันได้แต่กระพริบตาปริบๆ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง เดิมทีมู่หรงหยวนก็เจ็บตัวอยู่แล้วฉันยังไปหยิกเขาจนสุดแรง แถมทุบอกฟาดมือไปไม่ยั่งอีกต่างหาก

มู่หรงหยวนมองนางนิ่งอย่างครุ่นคิด หรึอว่าเรื่องเมื่อคืนนี้นางจำไม่ได้เอ่ยถามว่า” อาหนิงเจ้ารู้หรือไหมว่าที่นี้ ที่ไหน?” เห็นนางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปโดยรอบเลิกคิ้วก่อนจะตอบอย่างช้าๆ “นี้..กระโจมของจือจือนิ! ..แล้ว” เห็นนางพยัคหน้าเหมื่อนลูกไก่จิกข้าวสารหยุดแล้วเอ่ยต่อว่า “ข้าว่า..ข้าอาจจะเมาเลยเข้ามาในกระโจมจือจือ เมื่อวานข้ากินสุราผลไม้ครั้งแรก!! ปกติข้าไม่ดื่มสุรา แต่ว่า..ข้าก็..น่าจะนอนที่กระโจมของตัวเองสิ? หรือว่า..ข้าละเมอ ข้าละเมอด้วยหรือ?” นางนั้นครุ่นคิดอย่าสับสน งุนงง? เงยหน้าสบตากับเขาและถามอย่างเชื่อช้าว่า “ข้า..ข้า..ทำอะไรแปลกๆ หรือไม่” ดวงตาหงส์ของนานเบิกตาลุ้นรอคอยคำตอบ เขาเห็นแล้วก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆ เริ่มปลงกับตัวเองได้แต่ลูบศรีษะของนางเอ่ยออกมาว่า “เจ้าได้ข้าแล้ว เมื่อคืนเจ้าบอกว่าจะรับผิดชอบข้าด้วย อาหนิงเจ้าอย่าผิดสัญญาล่ะ” นางนั้นร้องเสียงหลงทันที่ “ห๊ะ!!!” กล่าวจบก็หอมแก้มนางลูบไล่ริมฝีปากบางเห็นนางตัวแข็งทืออย่างตะลึงงัน พวงแก้มนั้นขึ้นสีแดงจางๆ ก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้จริงๆ นางน่าแกล้งอย่างนี้จะให้เขาไปไหนได้ เห็นนางเสมองไปทางอื่นไม่ได้พูดอะไรก็หยิบเสื้อมาใส่ให้เรียบร้อยเอ่ยเตื่อนว่า “อยากอยู่กับข้าต่อ หรือจะกลับกระโจมดี ฮูหยินน้อยอีกไม่กี่ชั่วยามก็รุ่งสางแล้ว ข้าเป็นห่วง” กล่าวจบก็ส่งสายตาที่อบอุ่นรักใคร่อย่างไม่ปิดบังมาให้

เฮ้ยยยย โดนแต๊ะอังอ่ะสิไม่ว่า!! เสื้อผ้าก็อยู่ครบ อ่ะโด้! ฉันได้แต่แก้มป่อง มองค้อนตามหลังเขาที่ยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วชวนกลับกระโจมก่อนที่จะมีใครมาเห็นเข้า “ข้าจะกลับกระโจม แต่ว่า! ทำไม? ท่านพี่อยู่ที่นี้นี้กระโจมฝั่งผู้หญิง? นี้มันไม่แปลกไปหน่อยหรือ?” เขาพยัคหน้าเอ่ยว่า “ข้ารู้ ไม่งั้นจะมีรอยพวกนี้ได้ยังไง?” กล่าวจบก็ชี้ที่อกของตัวเอง ที่ตอนนี้สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย ฉันได้ยินแล้วก็อึ้งกิมกี่เอ่ยเสียงเบาว่า “หรึอว่า..รอยพวกนั้นนี้..มัน..ข้าทำอย่างงั้นหรือ???”

มู่หรงหยวนพยัคหน้าก่อนจะจับแก้มทั้งสองข้างของฉัน ให้เงยหน้ามาสบตากับเขาก่อนที่เขาจะก้มลงมาจูบอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปาก เอ่ยเสียงนุ่มว่า” เมื่อคืนเจ้าบอกว่าให้เรียกว่า ฮูหยินน้อย ได้” กล่าวจบก็จูบอย่างดูดดื่ม คราแรกเห็นนางยังตื่นตะลึงอยู่ ไม่นานนางก็ยอม ปากได้รูปที่เผยอขึ้นรับลิ้นของเขา นางประคองใบหน้าของเขาแล้วจูบตอบกลับ สองหนุ่มสาวโต้ตอบกันพัลวัน มู่หรงหยวนมองสตรีตรงหน้าด้วยความรู้สึกแสนหวาน เมื่อก่อนอาหนิงแสดงท่าทีกับเขาเพียงเล็กน้อย มาบัดนี้นางถึงกับกล้าจุมพิตตอบ มุมปากเขาเผยอรับรสหวาน จูบกันอย่างดูดดื่มกวาดความหวานล้ำของกันและกัน สองลิ้นนั้นเกี่ยวกวัดรัดตรึงหยอกล้อ ต่างคนต่างค่อยๆ เรียนรู้ อารมณ์ค่อยๆ ร้อนขึ้นตามแรงปราถนารส จูบแปรเปลียนเป็นเร้าร้อนมากยิ่งขึ้น ฉันหลุดเสียงครางแผ่วเบาออกมา รู้สึกเริ่มคุมตัวเองไม้ได้แล้วก็ถอยออก มือไม้ของเขานั้นก็เริ่มอยู่ไม่สุข มือข้างหนึ่งจับประคองคอไว้ไม่ให้ถอยหนี้ ฉันรีบผลักเขาออกเอ่ยว่า “เดียว! จะเช้าแล้วเดียวมีปัญหา!?!” เขานั้นกล่าวพลางปลอบเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ข้าจะขอให้ท่านพ่อขอสมรสพระราชทานกับฮ่องเต้ เรื่องของเราสองคน” ฉันดันตัวเขาออกก่อนจะเอ่ยว่า” ข้าเข้าใจแล้ว..ข้าจะกินท่านได้ก็ต่อเมื่อท่านของสมรสพระราชทานได้” มู่หรงหยวนได้ยินแล้วก็หลุดยิ้มเอ่ยปรามว่า “อาหนิงเจ้าเป็นสตรี พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน? ไปเถอะ กลับกระโจมกัน เดียวข้าไปส่ง หากอยู่ต่อเดียวข้าอดไม่ได้” กล่าวจบก็จับมือของนางใส่ชุดคลุมให้เรียบร้อย ตอนนี้ฉันถึงได้เห็นรอยแดงตรงเนินอกแต่มีแค่ที่เดียว ไม่เหมื่อนของมู่หรงหยวน..เอ้มมม ที่มีอยู่หลายรอยเต็มแผงอกของเขา ตอนนี้ฉันถึงได้เชื่อว่าเขาไม่ได้อำเล่น ฉันชี้ที่รอยแดงตรงเนินอกเอ่ยหน้าแดงๆ ว่า “ท่านพี่ทำหรือ?” เห็นเขามองมาแล้วก็พยัคหน้ารับลูบแก้มของฉันแล้วเอ่ยว่า “ข้าเยอะกว่าอีกนะ ดีที่ช่วงนี้อยู่ที่เมืองหลวงไม่ได้อยู่ค่าย อาหนิงอยากเพิ่มรอยหรือไม่?” ฉันได้ยินแล้วก็กระแอมไอทันที่รีบเอ่ยว่า” ข้าจะกลับกระโจม” ระหว่างทางฉันก็เลือบมองมู่หรงหยวนเป็นระยะๆ เขาดูแปลกๆ ไป แต่ก็อธิบายไม่ถูกว่าแปลกตรงไหน เขาดู..ฉันสับสน เขากินฉัน หรือฉันกินเขา หรือเพราะเมาเลยออกมาเป็นแบบนี้ อันนี้น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด เพราะเมานั้นเอง

ลานกว้าง

มู่หรงหยวนมาส่งฉันที่หน้ากระโจมหลวง ฉันพยัคหน้าให้เขาเล็กน้อยไม่ได้เอ่ยอะไรแล้วก็เข้ากระโจม ไม่นาน ฮุ่ยจือ และ ม่อหลัน ก็เขามาปลุก เห็นฉันนั่งอ่านหนังสืออยู่ก็แปลกใจ ฉันรีบเอ่ยว่า “ข้าอยากอาบน้ำ” ม่อหลันได้ยินแล้วก็อมยิ้ม “เพคะ เมื่อคื่นทรงดื่มไปเยอะคงไม่สบายตัวนัก” ฮุ่ยจือนั้นยื่นยาสร่างเมามาให้ ฉันรับไปดื่ม ไม่นานก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ฉันก็ออกไปรวมตัวกับจือจือ และถังถัง ที่ลานกว้างไปอยู่กับกลุ่มกวนของรัชทายาทหยางหมิง ที่ตอนนี้กำลังตกเป็นเป้าในการหยอกล้อของเพื่อนๆ ฉันเห็นหยางหมิงแล้วก็ต้องสะดุด แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นรอยรัก ของพระชายารัชทายาทที่ฝากเอาไว้อยู่หลายรอย แม้ใส่เสื้อปิดไว้ก็ยังโผล่ออกมาให้เห็นตามรอบคอ

หยางหลานอดเอ่ยแซ่วหยางหมิงไม่ได้เอ่ยติดตลกว่า “ข้าดูไม่ออกเลยว่าพี่สะไภ้จะร้อนแรงขนาดนี้ คู่สามีภรรยาหนุ่มสาวอย่างข้ากับซินอวี่ ต่อให้เร้าร้อนมากแค่ไหนก็คงสู้คู่ท่านไม่ได้จริงๆ” กล่าวจบก็คำนับแบบจอมยุทธ์ คาระวะให้ทันที พวกเราที่เป็นสตรียังไม่ได้ออกเรื่อนก็ก้มหน้างุด แอบหัวเราะคิกคักเบา หูแดง แก้มแดงกับคู่รักหนุ่มสาวตรงหน้า พวกเราฟังพวกเขาสนทนากันอยู่พักใหญ่ ฉันจับได้ว่าหยางหมิงมองมาอยู่หลายที ก็ไม่เข้าใจ ก็สะกิดถามฮุ่ยจือด้วยความสงสัย “ข้ามีพริกติดฟันหรือไม่?” ฮุ่ยจือนั้นสายหัวไปมาปฏิเสธว่าไม่มีทันที องค์หญิงซินยูซินก็ยังตามมู่หรงหยวนไม่ห่าง ฉันหันไปมองเขาก็เห็นเขามองมาทางนี้พอดี สบตากันแล้วเขาก็ส่งยิ้มหวานมาให้ ฉันเห็นแล้วก็รีบหันหน้ากลับทันที อดคิดไม่ได้มู่หรงหยวนนี้กลายเป็นคนเจ้าชู้ไปตั้งแต่เมื่อไร? กัน อยู่กับองค์หญิงคนหนึ่งแท้ๆ ก็มายิ้มให้องค์หญิงอีกคนหนึ่ง ฉันนั้นได้แต่สายหน้า ถอนหายใจยาวเสียงดัง ให้กับความฟุ้งซ่านของตัวเอง

องค์หญิงฉินยูซินยิ้มอย่างงดงาม หันไปมองมู่หรงหยวนเห็นเขานั้นเอาแต่มองไปทางอื่นไม่สนใจตนก็มองตามสายตานั้นไป ก็เห็นองค์หญิงหนิงเซียนก้มเด็ดดอกหญ้าด้านข้างมีนางกำนัลคนสนิดวันนี้นางไม่ได้แต่งกายบุรุษแต่สวมเสื้อผ้าสตรีเรียบๆ สีเหลืออ่อนกับผ้าคาดอกสีขาวดูอ่อนแอ่ ไม่มีอะไรน่าดึงดูด พอมองสายตามู่หรงหยวนอีกครั้งก็ไม่ละสายตาไปจากองค์หญิงนี้ซักเท่าไร ก็อดมองประเมินอีกรอบไม่ได้ในสายตาบุรุษนางคงดูเบาะบาง น่าถนุถนอมอย่างนั้นรึ?

มู่หรงหยวนมองอาหนิงด้วยสายตาที่อ่อนโยนหลายส่วน เขากลับคิดถึงเรื่องหนึ่งยามเขาโน้มตัวเข้าหาอีกฝ่าย สายตาเริ่มประสานกัน เราสองค่อยๆ เคลื่อนริมฝีปากเข้าใกล้กัน จนสัมผัสนุ่มๆ จากริมฝีปากของอีกฝ่ายถูกกับปากของเขา ความละมุนของริมฝีปากนั้นทำให้เขาเริ่ม"รุก"เข้าไปภายใน ลิ้นของเขาถูกเกี่ยวพันและตวัดอย่างนุ่มนวล ความอบอุ่นเปลี่ยนเป็นความร้อนแรงก่อให้เกิดความรู้สึกหวานล้ำในอกที่ไม่อาจอธิบายได้

หยางหมิงอยู่บนหลังม้าเช่นกันเขามองเห็นทุกอย่าง วันนี้หนิงเอ๋อร์มาและไม่ได้ขี่ม้าเล่นกับพวกเขา นางอ้างว่าเมาค้างและหมดแรงอยากอยู่เฝ้ากระโจม ไม่อยากไปไหนเลย แต่ด้วยไม่อยากขัดใจเพื่อนเลยเดินตามถังถัง กับจือจือที่ขี่ม้าช้าๆ รังท้ายตามมากันมาที่เนินเขา เขามองมู่หรงหยวนยิ่งเห็นว่ามู่หรงหยวนมองหนิงเอ๋อร์ของเขาด้วยสายตารักใคร่ด้วยแล้ว เขาก็หลีตาลง ตาดำนั้นเข้มอีกหลายส่วนอดลูบคำคอและบ่าไม่ได้ เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ นางเข้าใจว่าเขาเป็นมู่หรงหยวนเลยยอมอย่างนั้นหรือ แม้ความจริงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่อาจยอมรับได้ นางเป็นเขา และอีกไม่นานก็จะมีงานมงคลตบแต่งหนิงเอ๋อร์เข้าตำหนักบูรพา ว่าแล้วเขาก็ขี่ม้าเข้าไปไกล้หนิงเอ๋อร์ ลงจากหลังม้าช้อนตัวอุ้มนางขึ้นหลังม้าแล้วควบจากไปทันที่ คนรอบข้างต่างตกตลึงกับรัชทายาท มู่หรงหยวนเห็นแล้วตั้งสติได้ก็รีบขี่ม้าตามไป ก็ถูกหยางหลานขี้ม้าตัดหน้าขึ้นเสียก่อน มู่หรงหยวนหยุดม้ากระทันหันจนสองข้าของม้ายกสูงกู้ร้องเสียงดัง! ทันที เขานั้นต้องปลอบม้าอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ตวัดสายตาคู่คมเอ่ยถามทันที “องค์ชายห้าท่านทำอะไร! มาตัดหน้าม้าทำไมกัน??” หยางหลานทำด้วยความห่วงใย ไม่ใช่เขาจะดูไม่ออก มู่หรงหยวน และฉู่อู่เว่ย ก็ต่างชอบพอหนิงเอ๋อร์ แต่ว่านางมีตำแหน่งในใจของรัชทายาทเช่นกัน อีกไม่นานนางก็อาจจะเข้าตำหนักบูรพาแล้ว รอแค่พระเสาว์นีของฮองเฮาและกำหนดวันมงคลเท่านั้น คนในวังต่างรู้ดี อดเอ่ยเตื่อนไม่ได้ว่า “ให้หนิงเอ๋อร์อยู่กับรัชทายาทซักครู่เถิดเดียวก็มา เจ้าจะทิ้งองค์หญิงฉินยูซินไว้คนเดียวได้ จะขัดรับสั่งของฮ่องเต้หรือ? ที่สั่งให้เจ้านำองค์หญิงเทียวครั้งนี้ นั้นองค์หญิงนางตามมานั้นแล้ว” มู่หรงหยวนได้ยินแล้วก็นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเหลียวหลังดู ก็เห็นองค์หญิงฉินยูซินขี่ม้ามาทางนี้

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป