Your Wishlist

บุปผาสวรรค์นางร้ายข้ามภพ (ปลิงน้อย)

Author: หนิงเซียน

ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ❤️ นี้คือเรื่องราวของภพชาติใหม่ที่ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ในความใกล้ชิด สายสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ซ้อนเร้น พี่ชายแท้ๆชอบน้องสาว และอีกสองบุรุษ กวนเพื่อนรักที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ความทรงจำอาจจะเลือนลางเเต่มันจะไม่มีทางหายไป ด้วยว่าการกระทำ และนิสัยของนางหลุดจากกรอบของสังคมปัจจุบันไปมาก บุรุษเพื่อนซี้ทั้งสามคนนั้นมองนางด้วยสายตาที่หลากหลาย ในใจก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป

จำนวนตอน :

ปลิงน้อย

  • 19/04/2564

บ่อน้ำพุร้อน

เมื่อเห็นดังนั้นแล้วฉันตะโกนถามทันที "ทุกคน! ดูตัวเองมีอะไรแปลกๆ บ้างหรือไม่ หรือคันผิดปกติ ที่ข้อมือ ข้อเท้า ที่จุดอื่น" ม่อหลันนั่นปราดเข้ามาช่วยดูให้ฉันทันที ฮุ่ยจือก็รีบนั่งลงถลกขากางเกงช่วยดูอีกแรงก็ไม่พบอะไร ฉันก็รั้งตัวฮุ่ยจือช่วยดูทันทีเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรก็สบายใจ เงยหน้าเลือบเห็นหยางหมิงขมวดคิ้วแน่น เพ่งมองที่ข้อมือก่อนจะคว้าเตรียมจะดึงเจ้าตัวประหลาดให้ออกไป ฉันรีบห้ามคว้า!! มือเอาไว้ก่อน "เดียวเพคะ!!! ใจเย็นๆ!! ห้ามดึงหรือกระชากนะเพคะ เดียวจะแย่! ไปกันใหญ่ มานี้เพคะมาช่วยหาของก่อน"เอ่ยจบก็ลากหยางหมิงที่อยู่ใกล้ตัวเข้าป่าทันที เดินวนหาใบไม้แข็งๆ คมๆ อย่างพวก ใบไผ่ หรือหญ้าขน แต่หายังไงก็ไม่เจอก็ได้แต่จับใบที่ใกล้เคียงกันล้วงหยิบน้ำมันออกมาเทเล็กน้อยเหนือปลิง แล้วใช้ใบไม้รูดปาดปลิงลงมาแล้วเงยหน้าสบตากับหยางหมิงก่อนจะเอ่ยเตื่อน"มันเรียกว่า ปลิง! เพคะ ห้ามดึงหรือกระชาก ไม่เช่นนั่นเขี้ยวมันจะฝั่งกับผิวแล้วเลือดจะไหลไม่หยุดเพคะ" หยางหมิงเห็นเจ้าตัวประหลาดนั่นออกจากแขนอย่างง่ายดายก็พยัคหน้าเล็กน้อยอย่างประทับใจ ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนกุมมือหนิงเอ๋อร์เอ่ยเสียงนุ่ม"ขอบใจเจ้ามากหนิงเอ๋อร์ เราจำใส่ใจไว้แล้ว"

ฉันพยัคหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปเด็ดใบไม้ให้ได้เยอะๆ แล้วรีบกลับมาช่วย จือจือ สาธิตเป็นตัวอย่างก่อน แล้วจึงแบ่งน้ำมันกับใบไม้ค่อยๆ ทำเอาปลิงออก อดเอ่ยถามอย่างสงสัยไม่ได้ "จือจือ~ ไม่ต้องกลัวๆ เอาออกได้ เดียวทำให้นะ! แต่ว่าก่อนหน้านี้ไปทำอะไรกันมา ถึงมีปลิงมาเกาะแบบนี้" จือจือสายหน้าทันทีรีบเอ่ยว่า "ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าก็อยู่เฉยๆ แต่ว่ามันน่าเกลียดมาก! อาหนิงรีบเอามันออกไปเร็ว ข้าไม่ชอบมันน่าเกลียด น่ากลัว จริงเชียว" เอ่ยไปขนอ่อนตามแขนก็ลุกเป็นแถบๆ ฉันพยัคหน้าหงึกๆ รูดใบไม้ กวาดปลิงออกตามแขนได้อีก 2-3 ตัวที่อยู่ใกล้กัน มือก็ทำปากก็เอ่ยถาม "ม่อหลัน เมื่อตอนที่พวกข้าไปล่าสัตว์หาของป่าพวกคนที่อยู่ที่นี้ทำอะไรกันบ้าง" ม่อหลันสายหน้าอย่างงุนงง? เอ่ยว่า "ไม่ได้ทำอะไรเพคะ มีแค่นั่งรอกับเล่นน้ำรอเพคะ" ฉันพยัคหน้า องค์หญิงฉินยูซินเอ่ยรับ "ใช่พวกเราไม่ได้ทำอะไร แค่รอกับเล่นน้ำเท่านั่น รอซักพักใหญ่ๆ ทุกคนก็กลับมากันแล้ว สุดท้ายก็เจอเจ้าสัตว์ประหลาดตัวดำนี้อย่างที่เห็นนี้ล่ะ" ฉันเอ่ยอย่างสงสัย "คนที่รอ กับเล่นน้ำมีเจ้านี้หมดทุกคนเลยหรือ? " ม่อหลันได้ยินแล้วก็รีบตอบผู้เป็นนายทันที จะเอ่ยปากก็ได้ยินเสียงนุ่มของมู่หรงหยวนที่อยู่ข้างน้องสาวเอ่ยว่า "ไม่หรอก อาหนิงเฉพาะคนที่เล่นน้ำ ไม่แน่น้ำอาจจะมีปัญหาก็ได้"

ฉันนั้นถลกขากางเกงของจือจือขึ้น ถอดรองเท้าและถุงเท้าออก มู่หรงหยวนยืนมือช่วยถอดถุงเท้า ฉันเห็นแล้วก็ตีหลังมือเขาทันที..เพี๊ยะ! ขมวดคิ้วเอ่ยว่า"ท่านโตแล้วเป็นบุรุษ น้องสาวก็โตแล้วไม่ใช่เด็กๆ จะถอดถุงเท้าให้ใครๆ ไปเรื่อยได้ยังไง? ถ้าอยากช่วย เอานี้! น้ำมันเจ้าคะช่วยเทหน่อย ข้าจะรูดออกทีเดียว" มู่หรงหยวนเป็นห่วงน้องสาวพอถูกอาหนิงตีและเอ่ยอย่างนั่นก็ไม่รู้สึกโกรธ หรือขุ่นเคืองใจเลยแม้แต่น้อยเพราะตั้งแต่มาประพาสครั้งนี้เขานั้นแทบไม่ได้คุยกับนางเลย ครั้งนี้นับว่าเป็นประโยคที่ยาวมากที่สุดใน3-4วันนี้แล้ว ว่าแล้วเขาก็ค่อยๆ เทน้ำมันแล้วชำเลืองมองนาง กลับสบตาหงส์ของนางเข้าอย่างจังจองมองกันซักพักนางก็ละสายตารูดปลิงออกจากขาของจือจืออย่างไม่รังเกียจ นางให้ฮุ่ยจือเอาปลิงออกให้องค์หญิงฉินยูซิน และม่อหลันช่วยนางกำนัลขององค์หญิง ใช่เวลานานอยู่พักใหญ่ปลิงที่เกาะตามเนื้อตัวก็ออกหมดแล้ว ฉันลุกขึ้นไปล้างไม้ ล้างมือ ก่อนจะกลับมากินกระต่างย่างราดซอสด้วยความหิว!!! นิก็บ่ายแก่ๆ แล้ว ฉันยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เช้าเลยนะ เมื่อคืนก็ไปต่อกระโจมของจือจือมา ดื่มไปหนักมาก ตอนนี้ข้างหน้ามีกระต่ายย่างตัวอ้วนพีอยู่ไม่ดีตัว ก็จับตัวที่ใหญ่ที่สุดเข้าปากไปอย่างรวดเร็ว ไม่ห่วงภาพพจน์ใดๆ อีก ครู่หนึ่งก็หมดไปกว่าครึ่งตัว

องค์หญิงฉินยูซินเดินมาใกล้นั่งข้างๆ เอ่ยยิ้มๆ "ขอบพระทัย ที่ช่วยเหลือนะเพคะ หากไม่ได้องค์หญิงหนิงเซียนช่วยไว้ไม่รู้ว่า ข้าจะเป็นยังไง? บางแล้ว หรงหรงบอกว่าในน้ำอาจจะมีปัญหาก็ได้ องค์หญิงก็อย่าลงไปนะเพคะ" ฉันพยัคหน้ารับไม่ปฏิเสธ เงยหน้าสบตาเอ่ยเสียงหวานใส อย่างอารมณ์ดีเมื่อมีของกินเข้าปากว่า"เพคะ ข้าว่าเจอเจ้าปลิงก็ดีนะเพคะ ทำให้ขาที่เจ็บขององค์หญิงหายเป็นปลิดทิ้งได้อีกด้วย "กล่าวจบ ก็ยิ้มแย้มเอ่ยต่อว่า "ข้าก็คิดว่าอาจจะเป็นไปได้นะเพคะ ช่วงนี้อากาศเปลียนแปลงเดียวร้อน เดียวหนาว กำลังเปลียนฤดู พวกสัตว์ต่างๆ ก็ต้องปรับตัว ปลิงนี้! ก็อาจจะเกาะตามรอบๆ อยู่ขอบๆ ของบ่อน้ำพุร้อนก็ได้เพคะ ถ้าอย่างนั้นทรงทานอะไรหน่อยไหมเพคะ น้ำก็เล่นไม่ได้แล้ว พวกเราก็สมควรกลับกับเถอะเพคะ"เอ่ยจบก็ไม่สนใจสีหน้าขององค์หญิงที่เพิ่งนึกอะไรได้ หันไปทางหยางหมิงและองค์ชายฉินยูเหวิน ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่เรียบเรื่อย"ถ้ามาฤดูอื่นที่นี้อาจจะเหมาะ เราไปหาที่อื่นเล่นกันเถอะเพคะ กว่าจะออกจากป่าจะได้ไม่เย็น" และก็พยัคพยิ้ดหน้าให้ถังถังว่าจะเอากระต่ายย่างอีกหรือไม่?

กระโจมหลวง

หลังจากออกมาจากเขาป๋ายก็เป็นเวลาบ่ายคล้อยใกล้เย็นแล้ว ทุกคนที่เข้าไปในป่าก็ต่างแยกย้ายกลับกระโจมที่ใครที่มัน ไม่นานก็มีขันที่เข้ามาแจ้งว่า “วันนี้หวังฮ่องเต้ ทรงประพาสล่าสัตว์ได้หมูป่ายักษ์ และกวางหนุ่มกลับมา จึงได้สั่งให้พ่อครัวหลวงทำอาหารขึ้นโต๊ะที่ลานด้านนอกก่อนอาทิตย์ตกดิน มื้อเย็นนี้จึงเป็นอาหารหลวงที่ทรงเชิญทุกคนเข้าร่วมพะยะคะ” เมื่อฉันได้ยินเรื่องนี้แล้วก็พยัคหน้ารับ เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “เขากวาง ข้าเคยได้ยินว่ามันดีมากในทางฮวงจุ้ย เชื่อว่ากวางจะช่วยให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนาและเป็นตัวแทนแห่งความมั่งมีศรีสุข” ยังเอ่ยไม่ทันจบขันที่ทีมารายงานก็ก้มหน้าต่ำ เอ่ยเสียงค่อยว่า “องค์หญิง..ฮ่องเต้ได้ทรงมอบเขากวางให้แก่ พระสนมหยูหรงเฟย ที่ช่วงนี้เป็นที่โปรดปราน กับเขี้ยวหมูป่าให้แก่แม่ทัพฉู่ ที่ดูแลชายแดนทางเหนือมานานไปแล้วพะยะคะ “ฉันพยัคหน้ารับ “อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจมากเจ้าไปเถอะ” ขันที่นั้นค้อมกายต่ำถอยออกไปจากกระโจมขันที่นั้นค้อมกายต่ำถอยออกไปจากกระโจม

ฉันกระชับผ้าคาดเอวของชุดคลุมอาบน้ำ แล้วเดินอ้อมฉากบังตาตรงไปที่อางอาบน้ำ ที่มีม่อหลันเทน้ำปรุงดอกไม้ผสมอยู่ มองม่อหลัน และฮุ่ยจืออย่างเอ็นดู เอ่ยเสียงเรียบเรื่อยว่า “พวกเจ้าก็เหนื่อยมาเหมื่อนกันไปอาบน้ำ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ ข้าอยากนอนแช่น้ำอ่านหนังสือเงียบๆ เดียวเย็นๆ ค่อยกลับมาช่วยข้าเปลียนเสื้อผ้าเถอะ ข้าอยากอยู่คนเดียว” ม่อหลันเงยหน้าขึ้นมององค์หญิงก่อนจะหันไปสบตากับฮุ่ยจือ ก่อนจะเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “เพคะ หากทรงอยากอยู่คนเดียว ก็อย่าแช่น้ำนานนักนะ อีกเดียวครึ่งเคอพวกบ่าวจะกลับมาปฏิบัติรับใช้นะเพคะองค์หญิง” ฉันพยัคหน้าหงึกๆ รับรู้ ม่อหลัน กับฮุ่ยจือ ค่อยๆ หลบฉากออกจากกระโจม เมื่อเห็นว่าไม่มีใครแล้วก็ดึงผ้าคาดเอวออก ถอดชุดคลุมอาบน้ำมาวางบนเก้าอี้ตัวเล็กข้างอางอาบน้ำ ก่อนจะใช้มือลูบไล้ นวดคลึงเรื่อนร่างของตัวเองขึ้น ลงไปมาก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮื่อกใหญ่ แล้วก้าวขาเข้าอางอาบน้ำแล้วนั่งคุดคู้พลางบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย "ฉัน..จริงๆ ตอนนี้ก็ 15 แล้ว ในยุคนี้ก็ต้องเริ่มตบแต่งออกเรื่อนไปกันบ้างแล้ว" ระหว่างที่พูดเรื่องหนึ่งในหัวกลับคิดอีกเรื่องหนึ่ง ฉายภาพซ้ำๆ ของมู่หรงหยวน กับองค์หญิงฉินยูซินที่คลอเคลียไม่ห่างกายตั้งแต่มาประพาสวันแรก จนวันนี้ฉากรับตัวองค์หญิงฉินยูซินที่ลงผิดจังหวะจากหลังม้าแล้วขาแพลงจนมู่หรงหยวนต้องช่วยประคอง ดวงตาหลีลง แก้มป่อง จู่ๆ ก็เอ่ยเสียงดัง “เจ้าคนโง่!! แค่นี้ก็ดูไม่ออก” เอ่ยจบก็ตีน้ำซ้ำๆ กันอย่างหมั่นใส้ ขัดใจอยู่ในที สายน้ำกระเซ็นไปทั้ว สุดท้ายก็เงยหน้ามองเพดากระโจมก่อนจะผ่อนลมออกมาอยู่เฮื่อกใหญ่ เช็ดไม้ เช็ดมือเอื้อมหยิบหนังสือตําราพิชัยสงครามที่มีอยู่เล่มเดียวขึ้นมาอ่านอย่างไม่ค่อยมีอารมณ์

ลานกว้างหน้ากระโจมหลวง

ฉันถูกม่อหลันบรรจงแต่งหน้า แต่งตัวสวมชุดสีชมพูอ่อนโทนเรียบ ไม่หวือหวาแต่ดูแพง ด้วยเครื่องประดับน้อยชิ้น อย่างปิ่นห้อยระหย้า ตรงกลางเป็นมุกล่ำค่าควรเมืองเม็ดใหญ่รายล้อมด้วยดอกโบตั้นช่อเล็กๆ และต่างหูไข่มุกดำของบรรณาการจากเปอร์เซียร์ ปากนิด จมูกหน่อย และกำไลคู่สุดโปรด หยกขาวมันแพะ เวลาเดินไปไหนมาไหน จะมีเสียงกระทบกันของกำไลดังกังวาลเสียงใส ไม่ไปประชันขันแข่งกับเสื้อผ้า เครื่องประดับของพวกพระสนมที่ติดตามมา ฉันนั้งลงข้างๆ เฉินกุ้ยเฟย เหอมามาคนสนิดของเฉินกุ้ยเฟยส่งรังนกตุ๋น มาให้กินรองท้องก่อน ไม่นานก็ถึงเวลาทานมื้อเย็นกับอาหารหลวง บรรยากาศการพูดคุยล้วยเป็นกันเอง มีนางรำมาแสดงร่ายรำแบบท้องถิ่น ก่อนหวังฮ่องเต้จะแย้มสรวลเอ่ยมอบ เขากวาง ให้แก่ พระสนมหยูหรงเฟย และ เขี้ยวหมูป่า ให้แก่ แม่ทัพฉู่ ขันที่เดินขึ้นหน้าถือถาดคนล่ะอันส่งมอบของพระราชทานให้ทันที เขากวาง มอบแด่ พระสนมหยูหรงเฟย และ เขี้ยวหมูป่า มอบให้แก่ แม่ทัพฉู่ พร้อมกัน ฮองเฮาเองก็ยิ้มแย้มอยู่เคียงข้างฮ่องเต้ เมื่อเห็นสายตาของลูกชาย ที่ใบหน้าเหมือนถอดแบบออกมาจากฮ่องเต้อยู่หลายส่วน มองมาที่หนิงเอ๋อร์ ก็ยกยิ้มเอ่ยเสียงนุ่มว่า “องค์หญิงหนิงเซียน ขึ้นมานี้เถิดเราได้เสื้อกันหนาวตัวใหม่มา แต่ดูไม่เหมาะกับเรา ดูเหมาะกับเด็กแรกรุ่นอย่างเจ้ามากกว่า” ฮองเฮาเอี้ยวตัวหันไปรับเสื้อกันหนาวขนจิ้งจอกแดงตัวใหญ่มาไว้ในมือ ก่อนจะกวักมือเรียกอย่างเอ็นดู รักใคร่ ฉันลุกขึ้น เดินอ้อมไปอยู่ข้างโต๊ะของฮองเฮา ย่อกายแล้วเอ่ยเสียงหวานใส “ขอบพระทัย เสด็จแม่มากเลยเพคะ” ฮองเฮายิ้มอย่างเอ็นดูรักใคร่ จับไม้ จับมือใส่เสื้อกันหนาวให้อย่างเป็นกันเอง “สวยมาก มันเหมาะกับเจ้าจริงๆ” ก่อนจะลูบศรีษะอย่างเอ็นดูเอ่ยเสียงเบาว่า “เมื่อเจ้าโตขึ้นแล้วจะได้ทดแทนคุณ” ฉันนั้นชะงักไปครู่หนึ่งรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี แต่สีหน้าที่แสดงออกนั้นก้มหน้าต่ำยกยิ้มอย่างอ่อนหวาน นอบน้อมก่อนจะถอยออกมาแล้วกลับไปที่นั่งของตัวเอง ฮองเต้เห็นฮองเฮาเอ็นดูหนิงเอ๋อร์ก็กุมมือนางแล้ว ยิ้มแย้มแล้วตักปลาแปดเซียนใส่จานเล็กๆ ให้ฮองเฮา ฮองเฮาเห็นสายตาที่ยิ้มแย้ม ไม่ใช่รอยยิ้มส่งไปไม่ถึงดวงตาของฮ่องเต้ในพักหลังๆ ก็อดรู้สึกดี อุ่นใจขึ้นไม่ได้ที่ทามกลางผู้คนมากมายฮ่องเต้ก็ใส่ยังใจนางอยู่

ฉันอยู่ข้างๆ เฉินกุ้ยเฟย รู้สึกไม่ค่อยดีกับคำพูดแปลกๆ ของฮองเฮายิ่งคิดก็ไม่เข้าใจ ฮองเฮาจะทำอะไรกันแน่? คิดไปมือก็ตักผัดเผ็ดหมูป่าเข้าปาก แล้วเทสุราผลไม้มาดื่มต่อ รสชาติผลไม้หมักก็ดี ไม่เข้าใจว่ามันจะเมาได้ยังไง? ปกติแล้วฉันเป็นคนไม่ดื่ม ยกเว้นไวน์แก้ว สองแก้วกับน้ำชา ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ก็เป็นครั้งแรกที่ลองดื่มสุราผลไม้ดู ก็ดื่มไป ดูการร่ายรำไปเรื่อยๆ เฉินกุ้ยเฟยเห็นลูกสาวอีกทีแก้มนางก็ขึ้นสีแดงกำทั้งสองข้าง เท้าแขนกับโต๊ะ ปรือตาอย่างเคลิบเคล้ม เห็นแล้วก็ต้องสายหัวอย่างจนใจ หนิงเอ๋อร์เมาเสียแล้ว

กระโจมหลวง

ฉันรู้สึกว่าร่างกายทั้งร่างนั่นร้อนมาก จู่ๆ ก็รู้สึกมีความเย็นสายหนึ่งอยู่ตรงหน้าผาก ฉันรีบคว้าเอาไว้ดึงลงมาอังที่ข้างแก้มทันที มืออีกข้างก็ไคว้คว้าจับความเย็นกระแสนั้นกระเถิบตัวเข้าหาอย่างว่าง่าย ก่อนจะพยามลืมตาดูว่าคืออะไร? แล้วก็ต้องตกใจ! เพราะคนข้างหน้าคือมู่หรงหยวน ฉันสบตาเขานิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพยามถอยค่อยๆ ลุกออกมานั่งให้ดีๆ เห็นเขาเอื่อมมือมาลูบแก้มอย่างแผ่วเบาก็อดคว้าจับมือนั้นไม่ได้หลับตาพริ้ม ถูไถแก้มเข้ากับฝ่ามือนุ่มนั้นไปมาอย่างออดอ้อน จู่ๆ เขาก็เข้ามากอดฉันไว้แนบอกอย่างรักใคร่ ฉันรู้สึกเหมือนแก้มนั้นร้อนผะผ่าวรู้สึกขัดเขิน แต่ก็แนบใบหน้าเข้ากับแผงอกของเขาแต่โดยดี ในใจก็รู้สึกดีเหมือนจนไม่อาจกลั้นยิ้มได้อีกแล้ว รู้สึกถึงความหวานที่แผ่ซ่านออกมาจากในอก ความน้อยใจ ความหมั่นใส้ ที่มีก่อนหน้านี้ก็หายไปแล้ว

ร่างสูงกำยำของเขา กลับโน้มลงมาทับร่างอ่อนนุ่มของนางเอาไว้ จากนั้นเขาก็เริ่มจูบ เริ่มถูไถ่ร่างของตัวเองกับร่างของนาง กล้ามเนื้อแข็งแกร่งแนบกับผิวนุ่มๆ ของนาง ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดอยู่ตรงข้างหู เขาบอกว่า “หนิงเอ๋อร์ เจ้าแต่งมาเป็นพระชายารอง ให้กับข้าดีหรือไม่? เสด็จแม่เองก็ทั้งรัก ทั้งเอ็นดูเจ้า ไม่น่าจะขัดขวางพวกเราสองคน” กล่าวจบก็จูบนางที่ข้างแก้มอย่างนุ่มนวล

ฉันกำลังมัวเมาในรสจูบ และลิ้นร้อนของเขาที่กวาดต้อนน้ำหวานในโพลงปาก คำที่เขาพูดมานั้นฉันฟังไม่รู้เรื่อง แต่คำว่า "เสด็จแม่" ทำให้ฉันสะดุดใจหลีตาลง เงยหน้าขึ้นสบตากับมู่หรงหยวนที่ห่างไม่ถึงคืบตรงหน้า เอียงคอตั้งท่าจะจูบเขา มือก็โอบรอบคอเอาไว้ อีกมือก็สารวนกับแผงอกแกร่งก่อนจะออกแรง พลักเขาให้ล้มลงบนเตียง แล้วพลิกตัวขึ้นครอมทับเขาเอาไว้

ตั้งแต่อายุ 13 ปี หยางหมิง ก็มี นางอุ่นเตียง คอยสอน คอยปฏิบัติรับใช้ จนตอนนี้เขาอายุ 22 ปี เป็นรัชทายาทเกิดมาไม่เคยอยู่ใต้ล่างของสตรีนางใดมาก่อน แม้แต่พระชายาเอกก็ไม่เคยอยู่เหนื่อเขา เห็นนางโน้มตัวลงมาจูบที่คางอย่างแผ่บเบาแล้วค่อยแรงขึ้นๆ ลัดเลาลงมาที่ลูกกระเดือกและซอกคอขาวนางตวัดลิ้นขบเม้ม เสียดสีจนเกิดรอยอยู่หลายรอย เขานั้นรู้สึกตื่นเต้นที่นางลุ่มหลงเขาถึงเพียงนี้ เสียวซ่าน ขนอ่อนนั้นชูชัน จนเขาต้องเงยหน้าขึ้นให้นางเล่นที่คอให้สมใจ!! เขาอยากกอดนางให้แนบแน่น รวมนางเป็นร่างเดียวกัน แต่นางกลับถอดเสื้อเขาจนหมดฝ่ามืออุ่นร้อนของนางลูบไล่แผงอกแกร่งพาดผ่านไปมา จนผลอิงเถาของเขานั้นชูชั่น อดส่งเสียงคำรามต่ำในลำคอออกมาไม่ได้ รู้สึกพึงพอใจ เขาจะยอมให้นางเล่นกับร่างกายของเขาได้อย่างเต็มที!!! ทำเพียงลูบไล้แผ่นหลังของนางอย่างหลงไหลในรสสัมผัสที่นางมอบให้ จู่ๆ นางก็หยุดแล้วใช้ปิ่นมาจึ้ที่คอเขา เอ่ยเสียงเข้มว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าไม่ใช่ท่านพี่มู่หรงหยวน!!”

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป