Your Wishlist

บุปผาสวรรค์นางร้ายข้ามภพ (ประพาสล่าสัตว์!ครั้งแรก)

Author: หนิงเซียน

ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ❤️ นี้คือเรื่องราวของภพชาติใหม่ที่ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ในความใกล้ชิด สายสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ซ้อนเร้น พี่ชายแท้ๆชอบน้องสาว และอีกสองบุรุษ กวนเพื่อนรักที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ความทรงจำอาจจะเลือนลางเเต่มันจะไม่มีทางหายไป ด้วยว่าการกระทำ และนิสัยของนางหลุดจากกรอบของสังคมปัจจุบันไปมาก บุรุษเพื่อนซี้ทั้งสามคนนั้นมองนางด้วยสายตาที่หลากหลาย ในใจก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป

จำนวนตอน :

ประพาสล่าสัตว์!ครั้งแรก

  • 19/04/2564

เขาป๋าย

ประพาสล่าสัตว์

ย่างเข้าสู้ต้นเดือนธันวาคมเริ่มเทศกาลล่าสัตว์เช้านี้ ฮุ่ยจีอ ม่อหลัน มาปลุกแต่รุ่งสางเพื่อจะได้เตรียมตัวเดินทางไกล พวกนางก็มาปรนนิบัติรับใช้ตามปกติ และชุดของวันนี้ก็คือเสื้อสีขาวนวลอ่อนปักดอกไม้เล็กๆ สวมกระโปรงสีแดงเลือดนก ปักลายกระเรียน ดอกไม้ รอบตัวด้านบนและชายล่าง เสื้อคลุมผ้าหนา มีฮู้ด ขลิบขนกระต่ายสีขาวดูสะอาดตา ปักปิ่นประดับลายดอไม้งดงาม ต่างหูไข่มุกดำพระราชทานของไทเฮา อาหนิงมองสำรวจตัวเอง ก็ยกยิ้มอ่อนหวานออกมา แล้วพากันเดินไปทางที่จอดรถม้า ให้พี่องค์รักษ์ขี่เจ้าชุนหลันไปด้วย การเดินทางครั้งนี้เหมื่อนย้ายบ้านย่อมๆ ม่อหลันจัดเตรียมเสื้อผ้าไปเยอะมากอยู่แค่ 1 อาทิตย์ก็กลับมาแล้วไม่รู้จะเตรียมอะไรไปเยอะแยะ

ว่ากันตามจริง นอกจากนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันออกจากเมื่องหลวงแล้วเดินทางไกลๆ แล้วการได้มาเป็นการล่าสัตว์แบบย้อนยุคนี้ก็ตื่นตาตื่นใจดี กับขบวนผู้ร่วมทริปครั้งนี้ หัวหน้าทริปคือฮ่องเต้ รัชทายาทและท่านอ๋องกับครอบครัวก็ล้วนแต่เข้าร่วม สตรีของฮ่องเต้ก็มา ไม่ว่าจะฮองเฮา หรือเหล่าพระสนม ก็ล้วนแต่มีนางกำนัลที่มาดูแลรับใช้ และองค์ชายฉินยูเหวิน และองค์หญิงฉินยูซิน แห่งแค้วนฉิน ก็เข้าร่วมด้วย กับเหล่าข้าราชบริพาร ขุนนางตำแน่งใหญ่ๆก็มา แถมมีและลูกหลาน กับขบวนคุณหนูคนดังในเมื่องฉางอันก็ยังตามมาอีกด้วย ยังมีทหารอาลักษ์ขาเชื้อพระวงศ์ และทหารคุ้มในส่วนปลีกย่อยอีก กันเรียกได้ว่าเป็นขบวนที่อลังการมากใหญ่มาก ฉันเห็นรถม้าคุณหนูจวนต่างๆยาวเรียงกันหลายคัน เพื่อต่อแถวเข้าขบวนไปประพาสครั้งนี้ที่ยาวเหมื่อนไร้ที่สิ้นสุด ยังดีที่งานนี้ฉันยังมีคนรู้จัก ครอบครัวจือจือ และของถังถังก็มา ฉันนั่งรถคันเดียวกับเฉินกุ้ยเฟย เลยไม่ต้องเกรงใจ วางตัวให้เรียบร้อยมากนัก ในรถม้าจะบรรจุนำชา ขนมของว่างไว้พร้อมสรรพ เมื่อขบวนเคลือนตัวการเดินทางเริ่มต้นขึ้น ฉันดึงม่านเล็กมาเน็บไว้ดูบรรยากาศสองข้างทาง ไม่ว่าจะร้านค้า ผู้คนที่มาดูชมการเสด็จครั้งนี้ หรือแม้แต่ริวเขา ภูเขาสูงน้อยใหญ่ การเดินทางมาที่เขาป๋ายนั่น ใช้เวลาครึ่งวันเช้าเกื่อบบ่าย มาถึงที่นี้ก็บ่ายแก่ๆมากแล้ว ระหว่างทางมีหยุดบ้างแค่ 2 ครั้ง เมื่อมาถึงจุดหมายก็มีการตั้งกระโจมรอเสด็จแล้ว พร้อมอาหารมือเทียงไว้รอ ฉันเห็นกระโจมที่พวกเขาจัดแล้วก็ต้องแอบอึ้ง! นิ! มันเหมื่อนเขาป่าย ที่มีหิมะปกคลุม และตรงที่เราอยู่จุดพักกระโจมก็มีสีเขียวของหญ้าอ่อน ปะปนกับหิมะจางๆ เหมื่อนสีขาวโลกหนึ่งและสีเขียวอีกโลกหนึ่งเรากำลังอยู่ในจุดตัดกันพอดี กระโจมกางแบบทรงกลมยกสูงมีสีสันสวยงามทุกกระโจม ทำเสมือนเป็นชนกลุ่มน้อยเล็กๆทีอาศัยในท้องทุ่งกว้าง

ฉันเดินดูภายในกระโจมของตัวเองพักหนึ่ง แล้วก็ออกไปร่วมตัวให้หวังฮ่องเต้เปิดงานประพาสล่าสัตว์ครั้งนี้อย่างเป็นทางการ การมาครั้งนี้ฉันไม่เข้าไปล่าสัตว์ในป่า ได้แต่ขี่เจ้าชุนหลัน แล้วลากเพื่อนรักอย่างจือจือ ถังถัง ขี่ม้าวิ่งแข่งกันบ้าง ขี่ม้าเดินหย่อยๆ ตามท้องทุ่งกว้างบ้าง เพื่อเอาบรรยากาศ ไม่ใช่เพราะอะไร นอกจากฉันจะเก่งกาจยิงธนูในระดับอนุบาลแล้วนั้น ฉันก็ไม่อยากเสียงด้วย ในหนังหลายเรื่องก็ล้วนแต่ลอบฆ่าในป่าอยู่บ่อยครั้ง ฉันเป็นแม่ค้าไม่นิยมชมชอบความเสียงอยู่แล้ว บ่อยครั้งที่จือจือ และถังถังจะเข้าป่าไปผจญภัย ฉันก็จะเล่นที่ชายป่าเป็นเด็กน้อย นั่งวาดรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลา แต่แล้วเหมื่อนเราไม่ได้ไปหาเรื่องใคร เรื่องก็มาหาเราเอง ตกเย็นค่ำ ผู้กล้าหลายคนก็ทะยอยกันออกจากป่า

กระโจมส่วนตัว

ฉันกลับมาจากชายป่า นั่งแช่น้ำอยู่ในถังอาบน้ำ พิงอ่านตําราพิชัยสงครามฉบับคัดลอกที่มีแต่รอยพับจนยับย่น ใครมันจะอ่านพวกนี้ครั้งแรกแล้วก็เข้าใจเลย ฉันอ่านมาหลายปีก็ไม่เคยเข้าใจ แม้จะพยามเข้าใจมันก็ตาม แต่ของในเล่มมันต้องเจอของจริงหรือคนชี้แนะกันบ้าง แต่ฉันอ่านเอง งง? เองไร้คนชี้แนะ มันไม่เหมื่อนกฏหมายที่เข้าใจและท่องจำเป็นหลัก บางครั้งฉันก็คิดว่าเชื่อข้อมูลในหนังมากเกินไปรึเปล่าเหมื่อนกัน แต่อย่างน้อยก็มีอะไรอ่าน ยุคนี้มีของแก้เบื่อน้อยเหลือเกิน ครั้นจะให้หยิบจารีตสตรีมาอ่านรึ! ก็ไม่ต้องพูดถึงแค่เห็นก็หมั่นใส้แล้ว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนรีบเข้ามาภายในกระโจม ฉันรีบคว้าจับผ้าขนหนู ก่อนจะฟังเสียงรอบข้างทันที ฮุ่ยจือก้าวมาใกล้ฉากกัน เอ่ยเสียงเบาว่า “องค์หญิงเพคะ คุณหนูจือจือได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้หมอหลวงกำลังรักษาอยู่เพคะ” ฉันได้ยินแล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่น คนอย่างจือจือ? อยู่ในป่าแล้วบาดเจ็บ? ฉันก้าวออกจากถังอาบน้ำ หยดน้ำเกาะตามกรอบหน้า และผิวกายที่ขาวนวลเนี้ยนราวกับเต้าหู้ คว้าผ้าขนหนูพันรอบตัว ออกมาจากฉากกัน มือขวานั้นมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง เดินตรงไปมุมโต๊ะเครื่องประดับเล็กๆ เอื้อมคว้าปิ่นประดับปาการังแดงสีเพลิง แล้วออกแรงปิดไปด้านข้าง ปลายปิ่นมีใบมีดเล็กคมกริบวาววับ ออกมาขนาดประมาณ 2 นิ้ว ฉันมองแน่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็จะเอ่ยเสียงเย็น”ให้ม่อหลันออกไปดูอาการจือจือ แล้วคอยอยู่เป็นเพื่อนนาง เดียวข้าจะตามไป” ฮุ่ยจื่อรับคำก่อนจะล่าถอยออกไป “เพคะ” เรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุ? หรืออย่างอื่น? ..หรือฉันระแวงมากเกินไปเอง เพราะคนอย่าจือจือไม่น่ามีศัตรู ฉันนั้นรีบเลือผ้าง่ายๆชุดยาวดำสีพื้น ใช้ผ้ารัดอกสีแดง ทำมวยผมง่ายๆใช้ปิ่นรั่งผมไว้ ใช้ปิ่นประดับปาการังแดงสีเพลิง ข้างแก้มมีปอยผมระใบหน้า เครื่องหน้าไร้ซึ้งแป้งประทินโฉม กำลังเดินตรงไปยังกระโจมฝั่งสตรี ที่จือจือพักอยู่

ใกล้เข้ามาในกระโจมก็เห็นกลุ่มคนยื่นออกัน ฉันเห็นแล้วก็หยุดยื่นนิ่งกวาดตาดูสีหน้าของผู้คน? ที่มาออหน้ากระโจม ดูว่ามีใครบ้าง? หากเป็นในหนังก็มักมี คนร้ายชอบมาร่วมมุงดูอยู่กับผู้คนเวลาที่ตัวเองก่อการแล้วมาดูผลงานของตัวเอง ก่อนจะก้าวเดินต่อโดยมีฮุ่ยจือตามอยู่ไม่ห่าง เมื่อมาใกล้ก็เห็นครอบครัวถังถังอยู่กันพร้อมหน้า และมู่หรงฮูหยิน แม่ทัพมู่หรงกับคนในครอบครัวกำลังยื่นออหน้ากระโจม ฉันเห็นแล้วก็ค้อมศรีษะคาราวะให้แม่ทัพมู่หรง มู่หรงฮูหยิน กับแม่ทัพฉู่ ฉู่ฮูหยิน ก่อนจะดึงมือถังถังมาเอ่ยเสียงเบา”คิดว่าใครทำจือจือ” ถังถังได้ยินแล้วก็สายหน้าทันที่ ดวงตาปวมช้ำด้วยหยาดน้ำตา ก็ก่อตัวอีกระรอก ใหลไม่ขาดสายฉันสวมกอดถังถังแล้วลูบหลังทันที่เอ่ยปลอบใจอยู่ข้างหู”ไม่เป็นไรๆ อยู่มือหมอแล้ว ต้องไม่เป็นไร..ถังถังลองนึกหน่อยสิ!? หากถอยหลังไปก่อนงานประพาสล่ะ พอจะรู้ไหม? มีเรื่องอะไรผิดปกติหรือแปลกๆไม่? ไม่มีจริงๆเหรอ? ”เป็นอุบัติเหตุจริงๆอย่างนั้นหรอ ถังถังนั้นครุนคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ดวงตาจะวูบไหวพลักอาหนิงออกจากอ้อมกอด แล้วสบตาด้วยดวงตาที่แรงกล้า ฉันเห็นแล้วก็งุนงง? ”หือ? ”

ถังถังพยัคหน้าเอ่ยว่า “มี จะว่าไปก็มี”แล้วรังฉันเข้าไปกอดเอ่ยเสียงเบาว่า "ข้าก็ไม่รู้..แต่ก็มีเรื่องแปลกๆจริงๆ องค์หญิงฉินยูซินกับพี่รองมู่หรงหยวน ก่อนหน้านี้พวกเรา ได้ยินว่าช่วงนี้มีเรื่องเล่าเรื่องใหม่กำลังดังมาก พวกเราก็เลยไปฟังกันในร้านน้ำชา ไปฟังเรื่องสนุกที่นักเล่านิทานเล่ามาครั้งหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้น” ฉันลูบหลังถังถังเอ่ยถามว่า“เรื่องสนุกหรือ”ถังถังพยัคหน้าเอ่ยเสียงในลำคอ“อึม” ก่อนจะเหลียวไปมองพี่รองมู่หรงหยวนที่อยู่หน้ากระโจมแล้วเอ่ยต่อ “เรื่องหญิงงามกับแม่ทัพ คือ? ฟังไปฟังมาในเรื่องย่อๆก็คือ เล่าถึงองค์หญิงรูปงามถูกแม่ทัพช่วยชีวิตไว้และการมาครั้งนี้อาจจะมีงานมงคลเชื่อมสัมพันธ์” ฉันถามด้วยสายตาก่อนจะเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า“ช่วยชีวิต? ” ถังถังพยัคหน้าเอ่ยเบาๆว่า”ในเรื่องเล่าพูดว่าหญิงงามแอบปลอมตัวออกมาเทียวเล่นแต่พบพวกโจรก็มีชายหนุ่มมาช่วยชีวิตเอาไว้หลังจากนั้นหลังจากรู้ฐานนะที่แท้จริงแล้วก็รักกัน” ฉันได้ยินแล้วก็ถึงกับ งง? “เดียวนะเมื่อกี้เจ้าบอกว่าเรื่องดัง เรื่องแบบนี้นะหรือสนุก? ” ถังถังพยัคหน้าอย่าเข้าใจ เอ่ยต่อว่า”ทุกโรงน้ำชาช่วงนี้ก็เล่าแต่เรื่องนี้กัน แต่รายละเอียดต่างกันเช่นรูปร่างหน้าตาของหญิงสาว กับรูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มยิ่งเล่าก็ยิ่งเหมื่อนพี่รองมู่หรงหยวนไม่ว่าจะส่วนสูง หน้าตา รูปร่าง หรือท่าทาง” ฉันพยักหน้า”พอจือจือได้ยินก็โวยวายออกมาอย่างนั้นหรือ”ถังถังพยัคหน้า”อาหนิงก็รู้นิสัยนาง นางใจร้อนนัก พอยิ่งนางพยามห้ามไม่ให้เล่าเรื่องก็ยิ่งบานปลาย กลายเป็นบอกว่านี้เป็นเรื่องจริงที่คนตระกลูมู่หรงปิดเรื่องมงคลไว้ ส่วนหญิงที่ว่าก็คือองค์หญิงแคว้นฉิน องค์หญิงฉินยูซิน” ฉันพยัคหน้า แล้วผละจากอ้อมกอดของถังถัง

ปาดน้ำตาของถังถัง แล้วเข้นน้ำตาของตัวเองให้ไหลออกมา สายตานั่นสงบนิ่งสวนทางกับน้ำตาอย่างสิ้นเชิง เพราะกำลังคิดเรื่องอื่นถ้าเอาแค่ข้อมูลตรงนี้..เป็นองค์หญิงมาต่างบ้านต่างเมืองชื่อเสียงเสียหาย มีหรือองค์หญิงที่ล่ากวางได้ จะรักษาชื่อเสียงตัวเองไม่ได้แถมยังปล่อยให้ยืดเยื้อมมาหลายสัปดาห์นานขนาดนี้ หรือจะเป็นแผนจริงๆ? แบบที่ผู้หญิงเสื่อมเสียชื่อเสียง ฝ่ายชายก็ต้องออกโรงปกป้อง สิ่งที่ซ้อนเร้นก็คือปลุกปั่นกระแสยอมเสียชื่อเสียง เสียส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนมาก สตรีบางพวกชอบเล่นตุกติกเป็นนิสัย ไม่ชอบเล่นตรงๆต่อหน้าจือจือ และถังถัง จะทันพวกนั้นได้ยังไง? แต่นางก็โหดร้ายกันเกินไป ถึงกับคิดร้ายน้องสาวของชายอันเป็นที่รัก เล่นแรงก็ไม่ได้ เล่นเบาก็ไม่อยากฉันจะทำยังไงกับเธอดีองค์หญิงน้อย? ก่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นเอ่ยเสียงสั่นเครื่อว่า”ข้าน่าจะไปกับพวกเจ้า”แล้วโถมตัวกอดถังถังแน่นหลุบตาต่ำเอ่ยเสียงแผ่วที่ได้ยินเพียงสองคน”ไม่อย่างนั้นจือจือจะได้ไม่เจ็บตัวอยู่ฝ่ายเดียวแน่! หากเป็นนางจริง” เวลาจะว่านานก็เหมื่อนนานสำหรับคนรอ แต่เมื่อหมอหลวงเปิดกระโจมออกมา แม่ทัพมู่หรงก็รีบเข้ามาถามอาการลูกสาว มู่หรงฮู่หยินรีบเข้าไปในกระโจมดูอาการลูกสาวทันที

พวกเรานั้นกรูกันเข้าไปดูอาการ มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรขนาดนั้นนน อ้อ แต่ๆในยุคที่ไม่มี รพ. และอุปรณ์ที่ครบครันแบบปัจจุบัน ก็รุนแรงระดับหนึ่งจริงๆนั้นล่ะ ฉันก็มัวแต่คิดการยืมมือฆ่าคน หรือใส่ร้ายป้ายสีแบบที่สตรีวังหลังนิยมใช้กัน จนลืมถามเหตุการณ์ไป หลังจากที่เห็นบาดแผลธนูยิงเข้าที่แขนแล้วก็นึกขึ้นได้ เรื่องมีอยู่ว่า กวางอยู่ตรงกลาง และล้อมยิงกวาง แต่ว่าบ่าวคนสนิดขององค์หญิงก็ยิงธนูช่วยล่าสัตว์ด้วย แต่พลาดมาโดนจือจือเข้าไม่โดนจุดตาย แต่บ่าวคนนั้นกลับถูกโบยจนตายในเวลาถัดมาโดงองค์หญิงสั่งการข้อหาประมาทเลินเลอ เหตุการณ์ในนั้นมีแค่ 2 กลุ่ม ที่รับรู้ข้อเท็จจริง จัดฉากหรือฉันคิดมากไปเอง ไม่นานหลังจากเยียมผู้ป่วยแล้วพวกเรานั้นก็แยกย้ายกัน ฉันให้จือจือกลับมา เพราะมู่หรงฮูหยินจะค้างคืนดูแลลูกสาวเอง

เช้าวันถัดมา

ฉันแต่งตัวเสร็จก็ออกไปเยี่ยมจือจือ กลับเห็นองค์หญิงฉินยูซิน ของแคว้นฉิน กำลังมองมู่หรงหยวนด้วยสายตาที่เอียงอายให้เห็นมาแต่ใกล เมื่อเข้ามาใกล้จึงได้รู้ว่านางเอายาสมานแผล และยาแก้รอยแผลเป็นมามอบให้ด้วยตัวเอง พร้อมขอโทษอย่างจริงใจที่ดวงตานั้นรืนขึ้นมาอย่างรู้สึกผิด ฉันเห็นถังถังมาก็เอื้อมมือออกมา ถังถังเห็นแล้วก็คว้าจับมือ จับจูงกันไปภายในกระโจม ไม่สนใจชายหญิงคู่นั้นอีก หลังจากเข้ามาก็เห็นจือจือกำลังถูกป้อนกินโจ้กอยู่ ฉันก็ยกยิ้มน้อยๆเลิกคิ้วเอ่ยว่า “อร่อยหรือ? ” จือจือได้ยินแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว สายหน้าอย่างช้าๆ ฉันยิ้มกว้าง ม่อหลันอมยิ้ม ก้าวมาพร้อมถาดอาหารเช้า ฉันเปิดแต่ล่ะถ้วย ข้าวต้มหมูทรงเครื่อง และเนื้อย่าง ไข่ขาวต้ม 3ฟอง จือจือได้กลิ่นเนื้อย่างที่หอมฉุย แต่มากินมือเช้าไม่แปลกไปหน่อยหรือ?

ฉันเอ่ยเสียงเรียบเรื่อยว่า “ค่ำนี้ตั้งเป้าจะกินเนื้อย่าง พี่ฉู่อู่เว่ยตกลงแล้วว่า พวกเขาจะไปหาเนื้อมาให้พวกเราทำ เดียวข้าจะลงครัวเอง เพราะฉนั้นเจ้ารีบหายซ่ะ อยู่เฉยๆ กิยยา แล้วค่ำนี้มาสนุกกัน” จือจือได้ยินแล้วก็อมยิ้มเอ่ยกลัวหัวเราะ “ข้าป่วย แล้วดูพวกเจ้าสิหาแต่เรื่องสนุกๆทำไม่รอข้าเลย” ถังถังเอ่ยเย้า”เจ้าแค่เจ็บเล็กน้อย ไม่ได้พิการ พักแขนเดือน สองเดือนก็กลับมาปกติแล้วจะอยู่แบบหดหู่ไปใย ไม่ต้องเศร้าๆ อาหนิงพกไวน์มาด้วย เจ้าป่วยดื่มเหล้าไม่ได้แต่ไวน์จิบนิดๆก็ไม่เป็นไร” ฉันได้ยินแล้วก็ยิ้มตาหยี พยัคหน้าหงึกๆเอ่ยว่า “ไม่ต้องเศร้าๆ ข้าเอามาหลายขวด” เสียงหัวเราะสดใส เรียกความดึงดูดจากหน้ากระโจมยิ่งนัก ดูไม่เหมื่อนอยู่หน้ากระโจมคนป่วยเลย ไม่นานองค์หญิงฉินยูซิน และมู่หรงหยวนก็เข้ามา และก็เป็นเหมื่อนเดิม องค์หญิงฉินยูซินเสียใจจนร้องไห้ออกมาว่ารู้สึกผิด ดึงบรรยากาศให้เศร้าราวกับคนป่วยใกล้ตายแล้ว ฉันส่งสายตากับฮุ่ยจือให้ออกไปรอที่หน้ากระโจม องค์หญิงฉินยูซิน รูปโฉมก็โดดเด่นเหนือใคร อายุรุ่นราวคราวเดียวกับกลุ่มของรัชทายาท  20 ต้นๆ จากที่ให้ฮุ่ยจือหาข่าวมา นางเลื่องชื่อยิงธนู ขี่ม้า และได้รับพระราชทานแม่ทัพน้อยตั้งแต่เด็ก แต่ว่านางได้แค่ในนาม ไม่ได้ไปรบทัพจับศึกของจริง

ฉันได้แต่ยื่นนิ่งไม่เข้าไปแทรกคู่กรณีกัน ตอนที่นางจะออกจากกระโจมฉันค้อมศรีษะทักทายพอเป็นพิธี ครู่หนึ่งฮุ่ยจือก็เข้ามา แล้วพยัคหน้าให้ ฉันหลีตาลงเล็กน้อย ยกน้ำชาขึ้นมาจิบ ถังถังสกิดฉันก็พยัคหน้าให้เล็กน้อย ถังถังเห็นแล้วก็กำหมัดทุบโต๊ะดังตึง เรียกความสนใจของพี่น้องตระกลูมู่หรงยิ่งนัก ฉันเข้นยิ้มไม่เป็นธรรมชาติมากนักเอ่ยว่า “ถังถังข้าปวดฉิ่งฉองไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยสิ” แล้วลากถังถังออกมานอกกระโจมทันที ด้านนอกถังถังสบัดแขนอาหนิงแล้วชี้ไปทิศทางกระโจมองค์หญิงฉินยูซิน”นางกล้า นางช่างกล้า” เอ่ยอย่างสุดกลั้น แต่ก็ต้องลดเสียงลง ฉันสายหน้าเอ่ยเสียงเบาว่า “นางเป็นองค์หญิง พวกเราเป็นคนธรรมดาจะทำอะไรนางได้หลักฐานก็ไม่มี แค่นางยิ้มมุมปากอย่างสะใจ แล้วจะทำอะไรนางได้ ไม่เห็นน้ำตานางหรือสั่งได้ตามใจชอบ ข้าว่า..ไปคุยที่กระโจมข้า เมื่อวานที่เจ้าเล่าเรื่องนักเล่านิทานข้าก็คิดได้เรื่องหนึ่ง ” ฉันนั้นจูงถังถังไปที่กระโจมแล้วเล่าในสิ่งที่ตัวเองคิดไว้เมื่อคืนออกมาจนหมดสิ้น.

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป