Your Wishlist

บุปผาสวรรค์นางร้ายข้ามภพ (ความเสียดายของอาหนิง)

Author: หนิงเซียน

ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ❤️ นี้คือเรื่องราวของภพชาติใหม่ที่ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ในความใกล้ชิด สายสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ซ้อนเร้น พี่ชายแท้ๆชอบน้องสาว และอีกสองบุรุษ กวนเพื่อนรักที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ความทรงจำอาจจะเลือนลางเเต่มันจะไม่มีทางหายไป ด้วยว่าการกระทำ และนิสัยของนางหลุดจากกรอบของสังคมปัจจุบันไปมาก บุรุษเพื่อนซี้ทั้งสามคนนั้นมองนางด้วยสายตาที่หลากหลาย ในใจก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป

จำนวนตอน :

ความเสียดายของอาหนิง

  • 19/04/2564

บนเรือสำเภาโบราณ

เมื่อหันหลังให้มาดามรอยยิ้มอ่อนหวานที่ประดับอยู่ก็ค่อยๆจางหายอย่างช้าๆ แต่สายตาหางหงส์กลับเข้มขึ้นดูท้าทายและเร้าร้อนไม่ได้ลดลงเลย ภายในร่างกายตอนนี้กลับรุมร้อนขึ้นอย่างคุมไม่อยู่ อาจเพราะดื่มไวน์มากเกินไป ฉันเลือกที่จะกลับตำหนักทันที่ หยุดตัวเองก่อนที่จะทำอะไรลงไปในตอนที่ตัวเองเมามาแล้วครึ่งทางแบบนี้ เมือเริ่มเดินผ่านไปหลายๆโต๊ะก็รู้สึกตะงิดๆแปลกๆก่อนจะหยุดและหันไปดูให้ชัดๆว่าตัวเองเห็นอะไร? นิมัน! สองแสบนิหว่า ฉันนั้นตกใจมากแถมยังพาพวกกลุ่มพี่ชายมาอีกด้วย ฉันรู้สึกเหมื่อนโดนน้ำเย็นสาดขมวดคิ้วแน่น นี้เพื่อนสาวฉันมาในฝูงนักล่าแบบนี้ แถมมาเพื่อดื่มอีกด้วยหลายแก้วเลยวางเกลื่อนโต๊ะ

ฉันเปลียนทิศที่จะกลับโต๊ะที่ฮุ่ยจื่อ ม่อหลัย และหยางหยางอยู่ทันที่ เดินตรงไปหาถังถัง และจือจือทันที่ จือจือเห็นฉันก็ยิ้มแฉ่งทันที่เอ่ยแซ่วทันที่ว่า “แก้มแดงแล้ว ไหนบอกไม่สนใจนายน้อยหูเกอไง เมือกี้เห็นน้า” ฉันเอ่ยเสียงเรียบว่า “ไม่มีอะไร แล้วมาที่นี้ได้ยังไง? คราวที่แล้วก็คุยกันแล้วว่าจะเอาไวน์ไปฝาก” ถังถังสายหน้า “พวกเราตามพวกพี่ชายมาต่างหาก แล้วบังเอิญเจออาหนิงจะเรียกแล้ว แต่อาหนิงมาถึงก็ตรงไปนั่งโต๊ะนู้นเลย” ฉันแปลกใจเอ่ยสงสัยว่า“มาถึงก่อนอีกหรอ? ” ถังถังพยัคหน้า “ใช่ พวกเรามาถึงก่อนอีก ที่นี้จัดงานได้สวยมากเลย มานั่งด้วยกันสิๆ” ก่อนจะเอ่ยเสียงล้อเลียนเสียงสูงว่า”แล้ว..เป็นไงมาไง ทำไมพวกเราถึงไม่รู้มาก่อนว่าอาหนิงสนิดสนมกับนายน้อยนี้ขนาดนี้เลยล่ะ” ก่อนจะส่งสายตากรุมกริมให้กันกับจือจือแบบรู้กัน ฉันได้ยินแล้วก็ต้องก้มหน้างุด สายหัวทันที่เอ่ยเสียงเรียบหลีตาลง “ก็เคยบอกแล้วว่ายุ่งด้วยไม่ได้” จือจือเอ่ยอย่างสงสัยทันที่ “ทำไมล่ะ เมื่อกี้ก็ดู” ฉันเงยหน้าเอ่ยสวนขึ้นทันที่ “จะพูดยังไงดี ข้ายังไม่พร้อม แต่ถ้าสนุกกันเขาก็ไม่เลวเลย แต่ที่นี้กฏเยอะไป ได้ไม่คุ้มเสีย” ก่อนจะถอนหายใจออกมา มีใครบ้างที่ไม่อยากมีแฟนที่หล่อขนาดนี้ เด็กลูกครึ่งจีน-อังกฤษเชียวนะ แถมแม่เขายังเปิดทางให้อีก ยิ่งคิดก็เสียดายๆจริงๆ ฉันก็อยากมีแฟน แต่มันทำไม่ได้เพราะการที่เป็นองค์หญิงนี้ล่ะที่เป็นปลอกคอ ฉันก็อยากทำตัวเป็นคนไม่ดีซักครั้งกับหนุ่มหล่อ One Night Stand ก็ได้ แต่กับกฏคบชู้สู่ชายจะถูกทำโทษด้วยการจับผู้หญิงใส่กรงหมูแล้วจับถ้วงน้ำจนตาย มันโหดร้ายทารุณกับผู้หญิงจนเกินไป ยิ่งคิดก็ยิ่งช้ำใจ

เอื่อมมือไปหยิบไวน์จือจือมาดื่มทันที่ ก่อนจะสายหัวอย่างจนใจ ถังถังเห็นแล้วก็เอ่ยว่า “ข้าไม่เข้าใจเจ้าเป็นอะไร อาหนิงเป็นอะไรเล่าให้พวกเราฟังได้นะ” ฉันนั้นหันมองถังถังก่อนจะมองหน้าหยางหมิง หยางหลาน ฝูเหยียนอวี้ ฉู่อู่เว่ย และมู่หรงหยวน อย่างช้าๆสายหัวและอดถอนหายใจเสียงดังไม่ได้ จือจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อาหนิงเป็นอะไร! ” ฉันมองหน้าจือจือก่อนจะจิบไวน์ แต่มู่หรงหยวนคว้าจับแก้วห้ามไว้ก่อน ฉันมองหน้าเขาก่อนจะเงยหน้ามองฟ้ายามกลางคืนที่ดวงดาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้าเอ่ยว่า “ข้าปฏิเสธมา..แม่เขาอุสาอยากได้ข้าเป็นลูกสะใภ้เชียวนะ แต่ข้าปฏิเสธมา ข้ากำลังเสียใจ ที่เขากับข้าไม่ได้. (อยู่ในยุคเดียวกัน) .เจอกันเร็วกว่านี้..เฮ้อ..”ถังถังและจือจือส่งเสียงพร้อมกันอย่าตื่นเต้น”จริงหรือ!! ” ฉันพยัคหน้าอย่างเลือนลอยเล็กน้อย แล้วหันไปมองยังที่นั่งของนายน้อยหูเกอที่กำลังมองมาทางนี้ ฉันสบตากับเขานิ่งใช่! ที่เขาพูดมานะถูก แต่มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าฉันยังอยู่ในยุคนี้ พ่อค้าเป็นชนชั้นที่ล่างที่สุด ใน7ชนชั้นของสังคมที่นี้ ถ้าฉันไม่ได้เป็นเชื่อพระวงศ์ก็คงตอบตกลงไปแล้ว ใช่มัดมือชกก็ได้หน่มหล่อมาครอบครองแล้วจะไม่ให้เสียดายได้ยังไงกัน

จือจือเห็นสีหน้าฉันที่แดงระเรื่อขึ้น อาหนิงคงจะเขินอายเลยปฏิเสธไปสินะก็เอ่ยถามว่า “แล้วนายน้อยหูเกอเขาเป็นคนดีไหม เป็นพวกรักษาสัญญาไหม? ” ฉันได้ยินแล้วก็ถอนสายตากลับมาขบคิด ตอนนี้รู้สึกหัวตื่อๆคิดอะไรช้าลง น่าจะเมาจริงๆแล้ว คิดซักพักก็เอ่ยว่า“เขาเป็นคนดีไหม? นะหรือ ก็ถ้าในความสัมพันธ์แบบเพื่อนก็ดี ในด้านคู่ค้าหรือปะทะการค้า ก็ดีและเก่งมากด้วย แต่ถ้าในความตื่นเต้นเขาเหมาะกับ One Night Stand แบบรักสนุกแต่ไม่ผูกพันมากที่สุด" อาหนิงเริ่มตอบเหมื่อนคนเมาเล็กน้อยเอ่ยต่อไปว่า "กล่าวโดยสรุปคือ ที่เขาเป็นแบบนี้ กำลังดี น่าดึงดูดมาก แต่ถ้าให้เป็นคู่รักที่ต้องใช้ชีวิตด้วยกัน อันนี้ต้องดูกันยาวๆ แต่เวลา..เราอาจมีไม่พอ” ถังถัง ได้ยินภาษาตะวันตกแล้วก็เอ่ยอย่างสนใจ เอ่ยถามว่า “One Night Stand? เอ่อคือ คำนี้คืออะไรหรือ? ” ฉันนั้นหยิบกุหลาบแดงมาเล่นในมือรู้สึกมีความร้อนขุมหนึ่งกำลังไหม้ร่างตัวเองอยู่ อยากกลับไปแช่น้ำในอ่างจังเลย เอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจไปว่า“เอ่อ..คือหมายถึง รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน ไม่มีข้อผูกมัดกัน ไม่ต้องรู้จักกัน มีอะไรกัน เสร็จแล้วก็แยกย้าย ในบางกรณีไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ เฮ้อ..กลับกันเถอะ”ฉันนั้นถอนหายใจเสียงดัง หยางหมิง ฉู่อู่เว่ย มู่หรงหยวนได้ยินแล้วก็ต้องตกใจ นินางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?!? หยางหลาน ฝูเหยียนอวี้ สีหน้าตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ช่างแปลกใหม่นัก เสียงสองสาวนั้นเอ่ยเสียงดังเรียกสติฉันให้กลับมา “ห๊ะ!! ” จือจือ ถังถัง ได้ยินแล้วก็ต้องหน้าแดง หูแดงทันที่ พวกนางยังไม่ได้แต่งออกเรื่อนเลย แต่อาหนิงพูดแบบนี้ด้วยเสียงเรียบเรื่อยได้ยังไง!?! ฉันยักคิ้วอย่างสงสัย “หือ อะไรหรือ? ” ฉันพูดอะไรผิดไปหรอ?

ในยามค่ำคืนที่ท่าเรื่อตะวันออกของเมืองฉางอัน ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งสถานที่สวยงามด้วยไฟประดับประดาสว่างไสวอลังการริมแม่น้ำ การลิ้มรสไวน์บนเรือสำเภาโบราณ และอาหารรสเลิศ ที่ช่วยส่งเสริมดึงรสชาติที่แท้จริงออกมาเพื่อเพิ่มอรรถรส ในการประมูลไวน์ล้ำค่ายิ่งขึ้น และเมื่อสิ้นสุดการประมูล จะมีการแสดงดอกไม้ไฟสุดอลังการให้ชม ตรงจุดนี้พวกเราทุกคนในเรือจะสามารถมองเห็นพลุได้อย่างชัดเจนที่สุด สว่างไสวสวยงามอยู่ริมแม่น้ำ เพิ่มบรรยากาศสุดหรูหราของงานนี้ให้น่าประทับใจ

ฉันเงยหน้าดูพลุยามคำคืนช่างงดงามจริงๆ พอมาอยู่ในยุคโบราณช่วงแรกก็ประทับใจ กับธรรมาชาติ อากาศที่สดชื่น อาหารที่สดใหม่ และปลอดสารพิษ แต่พออยู่นานเข้ามันก็เป็นเรื่องธรรดาไม่ตื่นเต้นอะไรอีก ของแก้เบื่ออย่างเดียวคือความวุ่นวายในหอเหวินหนิง ฉันก็อยากทำอะไรตื่นเต้นๆบ้าง แต่กฏที่นี้เยอะเกินไป พอฉันมาเจอครอบครัวมาดามและนายน้อยหูเกอ พวกเราพัฒนาความสัมพันกันไวมากเหมื่อนเจอที่ปลดปล่อย ฉันสามารถพูดอะไรก็ได้ จะดื่มก็ได้ จะทำอะไรก็ได้เพราะมีแค่ฉันกับพวกเขาที่รู้ เพราะที่นี้ภาษาตะวันตกยังไม่แพร่หลายมากนัก ฉันกับนายน้อยหูเกอจึงเหมื่อนมีแรงดึงดูดมากกว่าปกติ มันเป็นความรู้สึกที่คลุมเครือ แต่เพราะฉันมีปลอดคอ จะเดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่อยาก มีใครเข้าใจฉันบ้าง ไม่ใช่ไม่อยากเล่าให้ถังถัง และจือจือฟัง แต่กลัวเล่าแล้วพวกนางจะฟังไม่รู้เรื่องต่างหาก

ถังถังหันกลับมาแล้วเหลือบเห็นหน้าฉันแดงมาตั้งนานแล้วก็เอ่ยอย่างสงสัย “อาหนิงปกติก็ไม่ดื่ม เจ้าเมารึเปล่า? ” ฉันหันหน้าละสายตาจากพลูแล้วเอ่ยด้วยเสียงที่เริ่มจะอ้อแอ้ว่า “อาจจะใช่ รู้สึกร้อนมากเลย ร้อนมาซักพักใหญ่ๆแล้ว ตอนแรกจะกลับแล้วแต่มาเห็นถังถัง กับจือจือและพวกพี่ชายก็เลยยังไม่ได้กลับ ตอนนี้อยากแช่น้ำในอ่างมากเลย มันร้อนมาก” จือจือเอ่ยด้วยเสียงที่ห่วงใย “เจ้าชอบเขาก็ไม่น่าปฏิเสธ แล้วดื่มเยอะทำไม เจ้าก็ดื่มไม่เก่งอยู่แล้ว” ฉันสายหัว ”ไม่ใช่แบบนั้น เขาน่าดึงดูด น่าหลงไหล แต่ก็อัตรายที่สุดเพราะเขาจะไม่หยุด ข้ารู้ว่าข้ากล้าสนุกกับเขา แต่ถ้าให้อยู่ร่วมกันข้าต้องเสียใจ เพราะฉนั้นข้าจึงปฏิเสธ อีกอย่างมันเป็นไปไม่ได้เพราะชีวิตของข้าไม่ได้เป็นของข้า เจ้าก็รู้” จือจือเอ่ยอย่างเป็นห่วง “เจ้าใช้เหตุผลเกินไปนะ มองโลกแง่ร้ายเกินไป เมื่อครู่เจ้ายังบอกเขาเป็นคนดีอยู่เลย” ฉันพยัคหน้าเอ่ยเสียงยานคาง เอื้อมมือจับบ่าจือจือเอ่ยว่า “อ่า..จือจือเด็กน้อย..ข้าเคยสอนเจ้าแล้วผู้ชายมีอะไรกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักได้ แต่ผู้หญิงจะยอมมีอะไรกับคนที่รัก หมายถึง การมีอะไรกันมันแลกความรักไม่ได้ นี้มันธรรมดาและมันก็มีขั้นกว่า ที่อยู่นอกเหนือคำว่า One Night Stand มีลึกซึ้ง ซับซ้อนไปกว่านั้นอีกแต่..แต่เจ้าอาจไม่เคยได้ยิน หรือรู้จักมันก็เท่านั้นเอง จริงๆบางมุมโลกมันก็อยู่ยากนะ” เอ่ยจบก็ถอนหายใจออกมา

จือจือดึงมืออาหนิงมากุมไว้เอ่ยอย่างกลุ้มใจว่า “เจ้า..เจ้า..เจ้าอาจจะยังไม่เจอรักดีๆก็ได้ ความรักมันไม่โหดร้ายขนาดนั้นหรอกนะ” ไม่ใช่ข้าไม่เข้าใจเจ้าอาหนิง เจ้าอยู่แต่ในวังหลังพบเห็นแต่ การแกร่งแย่งชิงดีขอความรักก็อาจจะคิดว่า ความรักเป็นสิ่งไม่ดีก็ได้ เจ้าเลยกลัวที่จะมีความรัก หรือรักใครซักคน พวกข้าจะช่วยเจ้าเองก่อนจะกระชับมือแน่นขึ้นเอ่ยต่อว่า “แล้วอาหนิงชอบผู้ชายแบบไหนล่ะ? ”

ฉันได้ยินแล้วก็ตอบเสียงอ้อแอ้ว่า“ข้าหรือ? ข้าชอบกอด ชอบอ้อน ชอบสัมผัส คนที่นี้ไม่น่าชอบที่ข้าทำ อาจหาคู่เป็นชาวตะวันตกก็ได้ พวกเขาไม่เคร่งครัดกฏมากนัก”

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ชอบชาวตะวันตกหรือ” ถังถังเอ่ยขึ้นบ้าง

“เปล่า ข้าไม่ได้ชอบ แต่ชอบกอด ชอบอ้อน ชอบสัมผัส ข้ากลัวว่าหากมีคู่ที่นี้แล้วเขาจะไม่ให้ข้ากอด ข้าสัมผัส ไม่ให้ข้าไปทำงานที่หอเหวินหนิงแล้วจะเอาแต่บอกว่ามันไม่เหมาะสมนู้นนี้อีก ถ้าข้าหาไม่ได้ก็แค่อยู่เป็นโสด ข้าหาเลี้ยงตัวเองได้ไม่มีปัญหาอะไร” ฉันตอบเสียงเอื่อยๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก

จือจือได้ยินแล้วก็เอ่ยชวน“งั้นเจ้าก็ลองดูใจกับพี่ชายข้าสิ ถ้าเขากล้าทำอะไรไม่ดีข้าจะถล่มเขาเอง ข้าเข้าข้างเจ้าเต็มที่ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ว่าเจ้าชอบคนที่โตกว่า ไม่เคร่งครัดกฏระเบียบมากนัก และข้าก็อยากให้พี่สะใภ้เป็นเจ้าจะได้พูดคุยกันได้ตลอด แถมยังมีอาหารอร่อยๆให้ข้ากินอีกด้วย”

ถังถัง ได้ยินก็คล้อยตามก่อนจะทวงติง “ถ้าคิดแบบนั้น พี่ชายข้าก็ได้นะสิ”

ฉันได้ยินแล้วก็รีบเอ่ยปราม”เดียว! พวกเจ้าคิดกันเองไปกันใหญ่แล้ว ไปถามเขาก่อนไม? ”ก่อนจะหันหน้าไปมองมู่หรงหยวน และฉู่อู่เว่ย

ฉู่อู่เว่ยรีบเอ่ยเสไปเรื่องอื่นทันทีเพราะหัวใจเขานั้นเต้นแรงขึ้น “พวกเจ้าเมากันแล้ว”

มู่หรงหยวนเงียบฟังมานานก็เอ่ยว่า “แล้วเจ้าคิดยังไง? ข้ากับนายน้อยหูเกอ อยู่กับคนไหนสบายใจมากกว่ากัน”

ฉันได้ยินแล้วก็เอ่ยเสียงอ้อแอ้ว่า “จะเอามุมไหนล่ะ? ”

มู่หรงหยวนเอ่ยเสียงเรียบ สบตานิ่งว่า “เอาทุกมุม ทุกเรื่อง เจ้าชอบข้าหรือเขามากกว่ากัน? ” ไม่ใช่เขาไม่รู้ว่านางมีกำแพงที่มองไม่เห็น แต่เขามองนางมานานตั้งแต่ยังเด็ก นางสวย น่ารัก น่าเอ็นดูส่อแววมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว นางที่อยู่ต่อหน้าเขามักทำตัวเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อยๆพูดจาเกินวัยตลอด ขี้อ้อน ดื้อรัน เอาแต่ใจ ถึงเนื้อถึงตัว ไม่เคยสนใจจารีต กฎเกณฑ์ ก็เป็นแต่กับคนสนิดเท่านั้น ยิ่งสนิดมากเท่าไรนางก็จะยิ่งออดอ้อนมากขึ้นเท่านั้น ตอนที่เขาเห็นนางนั่งตักออดอ้อนหยางหมิง หรือแม้แต่สายตาที่ท้าทายของนางที่หอนางโลมครั้งนั้น เขาก็รู้สึกทรมาณที่นางมองชายอื่นแบบนั้น แม้เขากับนางจะส่งจดหมายให้กันบ้างก็ช่วนคุยแต่เรื่องทั้วไปและม้า เจ้าชุนหลันของนางเท่านั้น หาใช่เรื่องชายหญิงไม่ เขาคิดจะรอให้นางโตกว่านี้ก่อนแล้วค่อยพูดคุยกับนางแบบชายหญิงเมื่อนางโตขึ้นเป็นสาวแล้ว แต่กลับมาครั้งนี้รู้สึกว่าเขาคิดผิดไป นางชอบคนอื่นไปเสียแล้ว เป็นเขาพลาดที่รอเวลา ปล่อยโอกาสให้ผู้อื่นไปเอง

หยางหมิง ฉู่อู่เว่ย มองมู่หรงหยวนด้วยดวงตาที่เข้มขึ้น ไม่ใช่เขารู้ไม่ทันมู่หรงหยวนที่ฉวยโอกาสตอนที่อาหนิงเมาและถามเอาความในใจจากนาง แต่พวกเขาก็อยากรู้ว่านางคิดยังไงด้วยเช่นกัน หลังจากที่นางปฏิเสธนายน้อยหูเกอมาแล้ว หยางหลานเหลือบมองหยางหมิง ได้ยินข่าวมาว่าฮองเฮาอยากให้อาหนิง โตแล้วมาเป็นพระชายารองของรัชทายาท.

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป