Your Wishlist

บุปผาสวรรค์นางร้ายข้ามภพ (ลูกม้าเหงื่อโลหิต)

Author: หนิงเซียน

ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ❤️ นี้คือเรื่องราวของภพชาติใหม่ที่ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ในความใกล้ชิด สายสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ซ้อนเร้น พี่ชายแท้ๆชอบน้องสาว และอีกสองบุรุษ กวนเพื่อนรักที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ความทรงจำอาจจะเลือนลางเเต่มันจะไม่มีทางหายไป ด้วยว่าการกระทำ และนิสัยของนางหลุดจากกรอบของสังคมปัจจุบันไปมาก บุรุษเพื่อนซี้ทั้งสามคนนั้นมองนางด้วยสายตาที่หลากหลาย ในใจก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป

จำนวนตอน :

ลูกม้าเหงื่อโลหิต

  • 19/04/2564

งานเลี้ยงวันเกิดชดเชย

หอเหวินหนิง อาหนิงจัดการจองห้องพิเศษไว้ และขอให้หลงจู้เหยา หานักดนตรีที่เล่นเพลงทำนองญี่ปุ่นได้ มาเล่นสร้างบรรยากาศในงานวันเกิด  กับขอยึดพ่อครัวญี่ปุ่น ยูตะ ให้รับงานพิเศษค่าแรง2เท่า ช่วยแสดงทักษะการแร่ปลาทูน่ายักษ์ในงานวันเกิด กับการเสริฟซูชิคำต่อคำ เครื่องดืมของหนุ่มๆทั้งหลายจะเป็นสาเก และสุราเริงสวาท สุราชื่อดังของทางร้านที่มีมาแต่เดิม ส่วนของถังถัง กับจือจือ เป็นสุราผลไม้กับน้ำชาของอาหนิง และของหวานที่สาวๆชื่นชอบก็ต้องขนมหวานชูครีม เอแคลร์ มีทั้งสำเร็จรูป และแบบให้ใส่ใส้ครีมเพิ่มเองแบบจุใจที่อาหนิงเป็นลูกมือช่างขนมตะวันตกเอง

ในงานไม่มีอะไรมากแค่วันเกิด 10 ขวบเท่านั้น นอกจากจือจือ ถังถัง อาหนิงคุยเล่นตามประสาเด็กๆแล้ว ก็ทำให้รู้ว่าอีกไม่กี่วัน มู่หรงหยวน จะไปชายแดนทางเหนือพร้อม ฉู่อู่เว่ย ที่ค่ายทหารทางเหนือ

ฉันเลยขอของขวัญกับพวกเขาเสียเลย “เดินทางไกลขึ้นเหนือครั้งนี้ข้าขอฝากเลี้ยงลูกม้าเหงื่อโลหิตด้วยสิ เวลาท่านพี่ไปสนามฝึกหรือประชันฝีมือก็ใช้มันด้วย ไว้ข้าโตกว่านี้แล้วจะไปเอาคืน ได้หรือไม่ท่านพี่มู่หรงหยวน”อาหนิงยิ้มแป้น เอ่ยรวบรัด

มู่หรงหยวน นั้นเอ่ยอย่างแปลกใจ“เจ้าจะฝากข้าหรือ? ”

อาหนิงพยัคหน้าหงึกๆ “ใช่แล้ว ม้าในวังแม้จะสง่างาม อ้วนพี แต่เอาเข้าจริง มันวิ่งจริงจัง ระยะไกลๆไม่ได้เพราะมันไม่เคย อีกอย่างขี่ไม่เป็นต้องไปเรียนก่อน เลยฝากท่านพี่พามันไปวิ่งในท้องทุ่งกว้าง จะได้ฝึกฝนมันอีกด้วย”

จือจือถามอย่างสงสัย “เจ้าคิดออกแล้วหรือว่าจะให้มันชื่ออะไร เมื่อวานพวกเราตั้งไปตั้งหลายชื่ออาหนิงก็เอาแต่บอกว่ามันไม่ผ่าน”

ถังถังเห็นด้วย เอ่ยว่า“รึว่า พวกเราจะช่วยกัน อยู่ตั้งหลายคนมาช่วยกันตั้งชื่อให้ดีไหม”

อาหนิงพยัคหน้า และก็สายหน้าเอ่ยว่า“ใช้ชื่อ ชุนหลัน ที่แปลว่า ดอกชุนหลัน/ดอกกล้วยไม้จีน ดีไหม มันสีขาว ถึงจะเป็นตัวผู้ แต่ถ้าหากมันโตขึ้นไปเวลาอยู่กับฝูงม้ามันก็นุ่มนวลที่สุดด้วย ดูน่ารักดี” ฮุ่ยจื่อ และม่อหลัน ได้ยินแล้วก็ต้องอมยิ้มชื่อของพวกนางที่องค์หญิงตั้งให้ ก็ล้วนแต่เป็นตระกูลดอกกล้วยไม้จีน จือจือ และถังถังได้ยินแล้วก็อดมองมาที่ฮุ่ยจื่อ และม่อหลันไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยว่า ”ม้าเจ้าช่างนุ่มนวลเหลือเกิน ต่อไปมันต้องอยู่กับฟ้าคำราม และเจ้าเพลิงแล้ว” ก่อนจะสายหน้าและหัวเราะออกมากัน ช่วงบ่ายๆก็มีนางรำมากลุ่มหนึ่งมาร่ายรำในงานวันเกิด

หน้าประตูเมืองฉางอัน

(ตอน ความเศร้าใจของ เด็กหญิงถังถัง)

วันนี้ข้าต้องจากกับพี่ใหญ่ จึงไม่มีแรงไปเรียน เมื่อวานจือจือ และอาหนิง ก็บอกว่าจะพากันโดดเรียนไปที่หน้าประตูเมืองเพื่อส่งพี่ใหญ่ กับท่านพี่มู่หรงหยวนด้วย ข้าขี่ม้าขนาบข้างพี่ใหญ่ แม้ใจจะเศร้าแต่ข้าก็เข้าใจ สักวันข้าก็จะเป็นแม่ทัพเหมื่อนท่านแม่ จะได้อยู่ด้วยกันที่ค่ายชายแดนทางเหนือ  ตอนที่ข้ากับพี่ใหญ่มาถึงที่หน้าประตูเมืองก็เห็นจือจือ ก็กอดท่านพี่มู่หรงหยวนเหมื่อนเด็ก แล้วที่ด้านข้างก็มีอาหนิงกับเจ้าชุนหลัน  (ลูกม้าเหงื่อโลหิต) ก็อยู่ที่นั้นด้วย ข้าเห็นแล้วก็อดยิ้มอย่าจนใจไม่ได้ ก่อนจะมองหน้าพี่ใหญ่อีกครั้ง ช่วงนี้ข้ามักทะเลาะกับย่ารอง ที่เป็นคนของตระกูลฉู่สายรองเพราะข้าไม่ชอบพวกนาง ลับหลังที่ชอบนินทาว่าร้ายข้าจับได้ตลอดแต่เบื่อที่จะพูดแล้ว ข้าเขียนจดหมายเล่าให้ท่านแม่ฟังโชคดีท่านแม่ที่เข้าใจว่าข้าทนไม่ได้มีหวังได้พังจวนแน่ ก็เขียนจดหมายบอกท่านป้าขอให้ข้าอยู่ด้วย และท่านป้าก็อนุญาติ ที่จะให้ข้าพักอยู่ด้วยเช่นกันเป็นเรื่องที่ดีมาก เพื่อมาส่งพี่ใหญ่ และท่านพี่มู่หรงหยวน ไปค่ายทหารที่ชายแดนทางเหนือเพื่อฝึกตน มีแต่คนกันเองทั้งนั้นยกเว้นรัชทายาทหยางหมิงไม่ได้มาแต่มาเลี้ยงส่งตั้งแต่เมื่อวานแล้ว องค์ชาย 5 หยางหลานก็มาด้วย ท่านพี่ฝูเหยี้ยนอวี้ ลูกชายคนรองเจ้ากรมอากรก็มาส่งและคนในครอบครัวมู่หรงกับคนตระกูลฉู่สายรองด้วยเช่นกัน ข้าคิดไป คิดมาหลายครั้ง อีกนานกว่าจะได้เจอพี่ใหญ่ ข้านั้นกลั้นหายใจก่อนจะโผไปกอดพี่ใหญ่ ไม่นานขบวนก็เคลื่อนตัวออกจากประตูเมือง มุ่งขึ้นทางเหนือ ข้ากับจือจือ และอาหนิง ยิ้มแป้น โบกมือลาที่หน้าประตูเมือง รอจนพี่ใหญ่หายลับไปจากสายตา อาหนิงก็ยื่นมือมาจับมือข้าและจือจือคนล่ะข้าง ตอนที่ข้าหันไปมองนาง นางกลับยิ้มแป้นตาหยีใส่ ข้าและจือจือ นางบอกว่า “ถังถัง จือจือ พวกเจ้ายังมีข้าอีกคนนะ ข้ารักพวกเจ้า พวกเจ้ารู้ใช่ไหม” เอ่ยเสร็จนางก็รังพวกข้าเข้าหาตัวและโถมตัวกอดข้ากับจือจือ คำๆนี้ทำให้ข้าร้องไห้ออกเหมื่อนทำนบแตก ข้าไม่เคยรู้สึกอ่อนแอขนาดนี้มาก่อนจนท่านป้าก็มากอดข้าอีกคน ข้าใช้เวลาซักพักกว่าจะสงบใจได้และเอ่ยลาอาหนิง ก่อนจะขอแยกตัวกลับจวนมู่หรงไปกลับท่านป้า

 

4 ปีต่อมา

 

หอเหวินหนิง

อาหนิงกำลังนั่งเท้าคางเหม่อมองจองหน้าด้านข้างของหยางหยาง บนโต๊ะก็มีกองบัญชีที่แบ่งกันตรวจคนล่ะครึ่งกับหยางหยาง จะว่าไปแล้วฉันกับหยางหยางและหลงจู้เหยาก็ใช้เวลา 2ปี ในการใช้หนี้ 100,000 ตำลึง ได้ตามเป้าและใน 2 ปีนี้ ก็ทำให้หอเหวินหนิงเป็นร้านชื่อดัง ในเมืองหลวงฉางอัน ตอนนี้นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมากสำหรับเด็ก 14 ขวบ ทำอะไรก็ง่าย คิดเมนูก็ราบรื่น สงสัยอะไรก็วิ่งไปถามที่ห้องเครื่อง ไม่มีมาเฟีย หรือนักเลงมาหาเรื่องในร้านเลยซักครั้ง ตอนที่หมดหนี้แล้วฉันก็เข้าครัวแล้วลากหยางหยางมาในครัวด้วย

ชวนคุยไปเรื่อยๆจนเข้าเรื่อง “หยางหยางข้ามีอะไรจะสารภาพกับเจ้า”หยางหยางเงยหน้าขึ้นละมือจากการแกะเปลื้อกกุ้ง “ขอรับคุณหนู”

ฉันนั้นส่งเสียงในลำคอ“อึ้ม..เจ้าอยู่กับข้ามานานแล้ว และไม่เคยถามที่มา ที่ไปของข้าตรงนี้ข้าชอบมาก ที่เจ้าไม่บังคับ กับคำถามที่ข้าไม่อยากตอบ ในตอนที่ไม่พร้อม” หยางหยางส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ “ขอรับคุณหนู”

ฉันเห็นท่าทางแบบนั้นแล้วก็แก้มป๋อง เตะไปที่ขาของเขาอย่างหมั่นใส้“ต้องสัญญาก่อน ไม่ว่าข้าเป็นใคร ข้าทำอะไร เจ้าเป็นของข้า ข้าเป็นคุณหนูของเจ้า” หยางหยางเหยียดหลังตรงตั้งใจฟังยกยิ้มอ่อนโยนมาให้ “ขอรับคุณหนู”

ฉันมองเขานิ่ง “ข้าแซ่ไป๋ ชื่อหนิงเซียน เป็นเด็กกำพร้า แต่มีคนใจดีเก็บข้าไปเลี้ยงให้ข้าได้เรียนหนังสือ ข้าคือองค์หญิง องค์หญิงหนิงเซียน และเจ้าของเงินกู้ที่พวกเราเพิ่งจ่ายหมดกันไปคือฮ่องเต้” ฉันนั้นเห็นอารมณ์ที่หลากหลายบนใบหน้าของเขาได้ชัดเจน เริ่มจากนิ่งอึ้ง ไปจนขาว และขมวดคิ้วสับสนและขาวซีดมองมาที่ฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อ ฉันหมุนตัวอย่างพึงพอใจ ก็ปกติหยาหยางนั้นมีแต่สีหน้ายิ้มแย้มแบบที่ใช้รับแขกอยู่บ่อยๆน้อยครั้งที่จะยิ้มจากใจจริงและอ่อนโยนเหมื่อนตอนที่อยู่ต่อหน้าฉัน หยางหยางชอบคิดเสมือนลูกค้าเป็นพระเจ้าตลอด แต่ตรงนี้ก็โทษเขาไม่ได้จริงๆ คว้าช้อนตักกับข้าวในกะทะ แล้วยื่นไปข้างหน้าในหยางหยางชิม“ชิมหน่อย ใช่ได้รึยัง”ก่อนจะยกยิ้มอย่างอ่อนหวาน หยางหยางตั้งสติได้ครู่หนึ่งแล้วก็คว้าช้อนไปชิมแล้วพยัคหน้าให้ “อร่อยแล้วขอรับคุณหนู” แล้วส่งสายตามคำถามกลับมาให้ ฉันนั้นยิ้มอย่างขบขัน แล้วพยัคหน้าหงึกๆให้เขาและเอ่ยว่า “ป่ะกินข้าวกัน” แล้วก็เดินนำขึ้นห้องรับรอง ที่ฮุ่ยจือ และม่อหลันรออยู่ หยางหยางนั้นเดินตามมาติดๆ ตั้งแต่วันนั้นที่เขารู้ความจริง ฉันก็บังคับให้เขาเหมื่อนเดิม บอกว่าถ้าเปลียนแปลงไปจะไม่สบายใจ และจะไม่มาอีกแล้ว ปกติที่มาที่นี้ก็เพราะชอบและสบายใจ หลังจากนั้นหยางหยางก็ทำเหมื่อนเดิมเพิ่มเติมคือเวลานี้มีคนงานที่เป็นวรยุทธเข้ามาเพื่อดูแลความปลอดภัยในหอช่วงเช้าและทุกอย่างก็ปกติ

หยางหยางตอนนี้เป็น 1 ในหลงจู้ ที่หาตัวจับได้ยากในสายการค้า ทั้งเก่งกาจและดูหล่อเหล่า อายุแค่ 20 ปี ก็ดูแลหอเหวินหนิงที่กิจการใหญ่โต และวุ่นวายในช่วงเช้าได้เป็นอย่างดี บ่อยครั้งต้องรับมือกับเด็กสาว ทั้งสาวน้อย สาวใหญ่มาตามจีบ ส่วนหลงจู้เหยาตอนนี้ก็ 50 แล้วฉันมักส่งยาบำรุงบังคับให้เขากินเสมอ แม้จะไม่ป่วยก็ตาม หลงจู้เหยาไม่มีอะไรต้องห่วงนอกจากสุขภาพ เพราะเขาเป็นผู้เชียวชาญอยู่แล้ว

เช้าวันหนึ่ง

และแล้ววันนี้มันก็เกิดขึ้น “วันแดงเดือด” สิ่งที่แปลกใหม่สำหรับฉัน คือในยุคนี้ ผ้าอนามัย เขากันมีไหม? และปกติคนยุคนี้แก้ปัญหายังไง? เช้านี้ฉันนั้นตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกชื้นๆที่กางเกงขาสั้น พอเอามือเอื่อมไปแตาะและยกมาดูก็พบว่ามันคือเลือด!! เอ่อ..ฉันนั้นถึงกับไปไม่เป็นเลย ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันฉันแค่เดินไปหยิบผ้าอนามัย และไปที่ห้องน้ำก็จบแล้ว แต่กับที่นี้..จะยังไงดี..

ฉันตัดสินใจตะโกนเรียกฮุ่ยจื่อ และม่อหลันให้เข้ามาในห้องนอน เอ่ยขอความช่วยเหลือเอ่ยด้วยเสียงที่ร้อนรนว่า“ฮุ่ยจื่อ ม่อหลัน คือ..คือว่า เช้านี้มันมาแล้ว มันเรียกว่าอะไร คือข้าโตแล้ว ข้ามีเลือด เลือดที่ผู้หญิงทุกคนต้องเป็นกันทุกเดือน! ”สีหน้าฉันเหย่เก่อธิบายไม่ถูก คำว่าประจำเดือน ก็ไม่รู้ว่าที่นี้เขาเรียกกันว่าอะไร ฮุ่ยจื่อ และม่อหลัน งุนงง? อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะร้องเสียงสูง “อ้อ" มองหน้ากันแล้วก็ยิ้มออกมา ม่อหลันถอยออกไปจากห้อง ฮุ่ยจื่อนั้นเดินเข้ามาปลอบใจเอ่ยว่า“ไม่เป็นไรเพคะ ม่อหลันออกไปเอาแล้ว ตอนนี้องค์หญิงโตเป็นสาวแล้วนะเพคะ” ฉันนั้นถอนหายใจยาว ยังดีที่พวกนางเข้าใจอะไรกันง่ายๆ ฮุ่ยจื่อพาฉันไปทำความสะอาด ก็พอดีกับที่ม่อหลันเอาผ้ารอบเดือนมาให้ วิธีใส่ก็เหมื่อนกับปัจจุบัน ทำให้ฉันได้รู้ว่า ผ้าอนามัย ของสตรีสมัยโบราณ เรียกว่า “ผ้ารอบเดือน” ซึ่งนำไปซักแล้วใช้ไหม่ได้ จะเก็บอย่างมิดชิด ม่อหลันอธิบายว่าผ้ารอบเดือนแบบนี้ห้ามให้ใครเห็น แม้โตขึ้นไปมีสามีแล้วก็ห้ามไม่ให้เห็น ส่วนประจำเดือนก็เรียกว่า "ระดู"..ช่วงนี้จึงหยุดไปยาวๆ6-7วัน ที่ไม่ได้ไปเรียน

รัชศกเฉิงฮว่าปีที่ 58

กลางปีนี้ในช่วงฤดูร้อน ที่ร้อนอบอ้าวกว่าทุกปี พี่ชายของถังถัง และจือจือก็จะเดินทางกลับมาเมืองหลวงแล้ว ช่วงนี้ถังถังนั้นอารมณ์ดีมากกว่าปกติเสียอีก ตั้งแต่จดหมายเมื่อหลายเดื่อนก่อนส่งมาว่า พ่อ และแม่ของถังถังจะกลับมาด้วย เข้ามารายงานประจำปีให้กับทางวังหลวงทราบ ในทุกๆ 3 ปีจะได้กลับมาช่วงหนึ่งเท่านั้น ที่ได้เข้ามาในเมืองหลวง และอยู่พักอยู่ที่นี้ได้ไม่นาน มากสุดไม่เกิน 4 เดือนแต่ปีนี้ขอลาหยุดพิเศษไว้ถึง1ปี 4เดือน เพื่ออยู่เป็นเพื่อนลูกสาวที่กำลังจะเข้าสู้วัยปักปิ่น และอาจจะหาคู่หมายให้ลูกสาวเลยคราวเดียว หวังฮ่องเต้อนุญาติจึงโยกให้ แม่ทัพหลี่หงส์เฉิน เข้าไปดูแลชั้วคราวที่ค่ายทหารแถบชายแดนโชคดีที่ช่วงนี้ไม่มีสงครามใหญ่กับพวกซงหนู มีแต่ปะทะยิบย่อยเป็นกลุ่มกองโจรเล็กๆก็เท่านั้น

ฉันไม่เข้าไปคาราวะที่จวนสกุลฉู่ ไม่อยากไปรบกวนเวลาอันมีค่า (ออดอ้อน) ของถังถัง คิดว่ารอให้ซัก2อาทิตย์แล้วค่อยไป ช่วงนี้จึงได้แต่ส่งขนมหวาน และอาหารคาวที่ทำเองไปฝากให้ชิมเท่านั้น ทุกครั้งที่พวกท่านเข้ามาในเมืองหลวงแม้จะไม่กี่เดือนก็ได้เจอกันบ้างที่หอเหวินหนิงช่วงหลังเลิกเรียน แต่ปีนี้ได้ยินว่าจะมาอยู่ยาวเป็นปีๆ แถมปีนี้ยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกด้วยจึงไม่อยากไปรบกวน เว้นไว้ซักหน่อยแล้วค่อยไป ต้นปีหน้าก็จะจบปีการศึกษาแล้ว เด็กรุ่นนี้ก็เข้าสู้อายุ15 ปี พร้อมออกเรื่อน แม้แต่ตอนนี้ในห้องที่เรียน ก็เริ่มมีคู่หมั่น คู่หมายกันบ้างแล้ว

จวนสกุลฉู่

ในจวนเพราะถังถังเริ่มโตเป็นสาววันพรุ่งนี้ก็กำลังจะเข้าสู้เข้าพิธีปักปิ่น บ่าวไพร่ในเรือนกำลังวุ่นวายดูแลจวนกับงานใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ อาหนิงนั่งเล่นในศาลาดอกโบตั๋นที่จวนสกุลฉู่กับจือจือ จือจือนั้นผ่านพิธีปักปิ่นไปเมื่อ ครึ่งเดือนก่อนแล้ว และตอนนี้กำลังส่งสายตากรุ้มกริมล้อเลียนมาให้ ถังถัง กัน เนื่องจากเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่า ผู้ใหญ่กำลังคิดจะหาคู่หมายให้เลยภายในปีนี้ ก่อนกลับไปประจำที่ชายแดน

จือจือยิ้มแย้ม“เจ้าชอบพอใครบ้างหรือไม่ พวกข้าจะช่วยดูให้” ฉันก็รีบกล่าวเสริมกันที่ “ถังถังชอบแบบไหน สูง ขาว ฉลาด เรียนเก่ง หรือสายบู้ ที่กำยำ รักการผจญภัย มีใครเข้าตาเจ้าบ้างถังถัง” ถังถังได้ยินแล้วก็ต้องหน้าแดง เอ่ยเสียงสูง อย่างหมายมาดว่า“นิ! นิพวกเจ้าสองคนแกล้งข้าหรือ!! ไว้คราวของพวกเจ้าสองคนบ้าง คอยดู!! ” เสียงหัวเราะสดใสร่าเริงของเด็กสาวทั้งสามคน ทำให้ผู้มาใหม่ที่เพิ่งเข้าจวนมานั้นหยุดเดิน หันมองไปยังทิศทางของเสียง.

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป