Your Wishlist

บุปผาสวรรค์นางร้ายข้ามภพ (หอเหวินหนิง)

Author: หนิงเซียน

ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ❤️ นี้คือเรื่องราวของภพชาติใหม่ที่ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ในความใกล้ชิด สายสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ซ้อนเร้น พี่ชายแท้ๆชอบน้องสาว และอีกสองบุรุษ กวนเพื่อนรักที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ความทรงจำอาจจะเลือนลางเเต่มันจะไม่มีทางหายไป ด้วยว่าการกระทำ และนิสัยของนางหลุดจากกรอบของสังคมปัจจุบันไปมาก บุรุษเพื่อนซี้ทั้งสามคนนั้นมองนางด้วยสายตาที่หลากหลาย ในใจก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป

จำนวนตอน :

หอเหวินหนิง

  • 19/04/2564

ร้านซาลาเปา ลุงใบ้

ผ่านไป 1 เดือนหลังจากที่คุณหนูทิ้งให้เขาอยู่ช่วยงานที่ร้านของลุงใบ้ แม้คุณหนูจะมาหาเป็นช่วงๆหลังเลิกเรียน ก็มักจะทดสอบเขาด้วยประโยคยาวๆ เขาก็เข้าใจได้ แต่ที่ยากคือลุงใบ้มักจะสือสารภาษามือตลอดเวลา ใหม่ๆก็ยังพูดบ้างแต่หลังๆ เริ่มให้เขารับลูกค้าๆมีมาไม่เยอะแต่ก็มีมาเรื่อย คุณหนูบอกว่าได้ร้านแล้วดีกว่าที่คิดไว้มาก แต่ก็เป็นหนี้จำนวนมากด้วยเช่นกัน 100,000 ตำลึง เขาไม่เคยคิดว่าคุณหนูจะใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ 100,000 ตำลึงเชียวนะ บอกว่าไปกู้ยืมมาเปิดร้านที่จะให้เขามาเป็นหลงจู้นั้นล่ะ แถมต้องใช้ให้หมดภายใน 2 ปีเขานั้นแทบไม่อยากจะเชื่อ คุณหนูของเขาอายุแค่ 8 ขวบแต่เป็นหนี้มากถึง 100,000 ตำลึง แถมยังบอกว่าให้เขาช่วยใช้หนี้ด้วยคนเพราะเขาก็เลยมีหนี้เกิดขึ้น ถึงเขาจะว่าคุณหนูแปลกๆแต่ก็อธิบายไม่ถูก นางก็ยังกินอิ่ม และไปเรียนหนังสือตามปกติ และอีกไม่กี่วันเขาจะย้ายไปร้านที่คุณหนูซื้อไว้แล้ว

หอเหวินหนิง

หยางหยางไม่ถามเรื่องส่วนตัวของคุณหนู แม้รู้ว่าต้องช่วยคุณหนูหาเงินใช้หนี้ แต่ได้เงิน 100,000 ตำลึง มาซื้อร้านใหญ่โตขนาดนี้ ได้ทั้งที่ดิน คนงาน แม่ครัว หลงจู้ อุปกรณ์และข้าวของครบครั่น แถมทำเลที่ตั้งร้านก็ดีขนาดนี้ เงิน 100,000 ตำลึง ถือว่าคุ้มค่ามาก เดิมที่นี้ก็ขายดีอยู่แล้ว ถ้าเพิ่มความคิดของคุณหนูลงไปลูกค้าเด็กก็จะเข้าร้านช่วงเช้าได้ด้วย แถมจัดเวลากลางคืนเป็นหอสุราเต็มตัว อาจจะจ้างนางรำมาร่ายรำ และหาคนเพิ่มอีกทำงานเป็นกะ หมุนเวียนทั้งกลางวัน กลางคืน หนี้ก็จะค่อยๆหมดไปเอง

ร้านเก่าถูกเปลียนชื่อเป็น หอเหวินหนิง หยางหยางเริ่มมาเรียนรู้งานเป็นหลงจู้เต็มตัว เดินตามหลงจู้เหยาเป็นเงาตามตัว ด้วยอายุยังน้อยแค่ 14 ปี คนในร้านจึงเรียก หลงจู้น้อย กินอยู่พักในหอเหวินหนิง ที่ห้องเก็บของเก่าตอนนี้ก็ปรับเป็นห้องเขาแทน และจะได้เฝ้าร้านไปในตัว เขานั้นหยิบจับเช็คปิดร้านทุกคืนก่อนกลับไปนอน การปรับโครงสร้างตัวของหอเหวินหนิง ทั้งขยายโรงครัว และจ้างพ่อครัวเพิ่มอีกทั้งคนแดนบูรพา*ญี่ปุ่น คนแดนตะวันตก*อังกฤษ ที่มีฝีมือ อาหนิงจะเขียนสมุดเมนูรายการอาหารของที่ร้าน เวลาลูกค้าน้อย จะต้องให้พ่อครัว เปลียนโหมดมาเป็นครูสอนภาษา ทั้งญี่ปุ่น และอังกฤษทุกวัน ไม่ว่าหยางหยาง หรือหลงจู้เหยา รวมถึงเสียวเอ๋อร์และคนในร้าน ที่ต้องสลับเวรมาเรียน วันล่ะ 2 ชั่วยาม โดยที่ 2 อาทิตย์แรกจะมีล่ามมาให้ ส่วนใหญ่จะเป็นประโยคคำพูดง่ายๆที่ใช้ประจำในร้านอาหาร และครูสอนภาษาก็จะได้ภาษาจีนไปด้วยในตัว แรกๆจะลำบากมากไปหน่อยแต่พอผ่านมา 3 เดือน ก็ค่อยๆปรับตัวได้ ครบ 1 ปี การเรียนก็เริ่มยุติการเรียนการสอน

ลูกค้าต่างชาติเข้าออกไม่ขาดสายจนเป็นเรื่องปกติ หอเหวินหนิง มีชื่อมากทันสมัยที่สุดในเมืองหลวง อาหารที่นี้รสชาติอร่อย กินแล้วต้องติดใจ แถมยังมีให้เลืกมากมาย หลากหลายแปลกตาไม่ว่าอาหารดังเดิม หรืออาหารแดนบูรพา (ญี่ปุ่น) กับแดนตะวันตก (อังกฤษ) และแดนตะวันออก (ไทย) ก็มีให้เลือก ด้านบนก็เป็นห้องรับรอง แต่ล่ะห้องถูกตกแต่งใหม่ ให้แตกต่างกันออกไป

ศาลาป่าไผ่ ในสำนักศึกษาสตรี

วันนี้หลังเลิกเรียน จือจือ ก็ช่วนไปที่จวนไปช่วยกันตั้งชื่อลูกม้าตัวใหม่ที่คลอดออกมาเมื่อวาน อาหนิงตั้งแต่อยู่ที่นี้ก็ได้แต่นั่งรถม้าอย่างเดียว ยังไม่เคยเห็นคอกม้าขนาดใหญ่ๆที่จือจือเล่าให้ฟังเลย ยิ่งลูกม้า กับขี่ม้า ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไม่มีเวลาเรียน วันนี้พวกเราจึงไปจวนมู่หรง ไปดูม้าแล้วไปทำการบ้านที่นั้นต่อเลย

ตระกลูมู่หรง

การเยี่ยมบ้านเพื่อนนี้ก็เป็นครั้งแรกของฉันสำหรับยุคนี้ ถังถังนั้นเป็นแขกประจำของจวนมู่หรง จือจือพาพวกเราเข้ามาในจวนก่อนอื่นก็ตรงไปหาฮูหยินมู่หรง

นี้เป็นช่วงเวลาใกล้จะเย็นที่คนในจวนมู่หรงจะกลับมา ฮูหยินมู่หรงจึงอยู่ในโรงครัว ตอนที่ฉันมาก็เห็นฮูหยินมู่หรงกำลังผัดกับข้าว เสร็จไปหลายจานแล้ว จือจือเข้าไปกอดฮูหยินมู่หรงด้านหลัง ถังถังนั้นยิ้มร่าเอ่ยเรียกอย่างคุ้นเคย “ท่านป้า ข้าขอมาฝากท้องด้วยคน” ฮูหยินมู่หรงไม่ได้หันหลังกลับมามอง ส่งเสียงในลำคอ “อึม วันนี้กลับมาเร็วนะ พวกเจ้าก็ช่วยยกคนล่ะจาน สองจาน จัดเตรียมโต๊ะเถอะ เอานี้ จือจือ ส่งจานมาให้แม่ทีสิ” ฮูหยินมู่หรง ยืนมือออกมารอรับ จือจือนั้นรีบหยิบจานทันที่ “หอมจังเลยท่านแม่” ฮูหยินมู่หรงจัดการตักใส่จานเสร็จก็หมุนตัวกลับมา แล้วก็ต้องแปลกใจเมือเห็นผู้มาใหม่ตัวน้อย 

ฉันนั้นยิ้มหวานให้ฮูหยินมู่หรง ก่อนจะคาราวะ และแนะนำตัวเองในห้องครัว “ขอคาราวะฮูหยินมู่หรงเจ้าคะ ข้าน้อยอาหนิงเป็นเพื่อนกับจือจือ และถังถังที่สำนักศึกษาหงส์อี ให้ข้าน้อยช่วยทำกับข้าวไหมเจ้าคะ”เอ่ยจบก็ยกยิ้มตายี ไม่รอให้ฮูหยินมู่หรงนั้นเอ่ยอะไร จือจือก็กวักมือเรียก “นี้ๆมีคะน้า กับกุ้ง อาหนิงเจ้าพอเอามาทำกุ้งแช่น้ำปลาได้หรือไม ข้าอยากกินมาตั้งแต่เทียงแล้ว” ฉันนั้นพยัคหน้ารับ เดินเข้าไปดูกุ้ง กับกวาดตามองดูของที่เหลือจะเอามาทำน้ำจิ้ม ก่อนจะแบ่งหน้าที่ให้ถังถัง กับจือจือช่วยกันแกะเปลือกกุ้ง ฮูหยินมู่หรงมองดูเด็กสาวทั้งสามลงมือแกะเปลือกกุ้งคนล่ะไม้ล่ะมือ อีกคนก็ลงมือสับคะน้า เอามาต้ม ไม่ให้บ่าวช่วยซักคน ก็โปกมือให้บ่าวยกอาหารไปตั้งสำรับมือเย็นได้ ก่อนจะมาอยู่เป็นเพื่อนเด็กๆ ครู่หนึ่งกุ้งแช่น้ำปลาก็เสร็จแต่ต้องเอาไปแช่ที่ห้องเย็น เมื่อถึงเวลาอาหารค่อยเอาออกมาตั้งโต๊ะอีกที

ก่อนจะพากันไปที่คอกม้าด้านหลังจวน ถังถังจูงมือาหนิงวิ่งนำไปแล้ว จือจือจับมือฮูหยินมู่หรงแกว่งไปมาแล้วเอ่ยว่า “ท่านแม่ๆ อาหนิงยังไม่เคยเห็นลูกม้าเลย วันนี้พวกเราก็เลยพาอาหนิงมาดูลูกม้าล่ะเจ้าค่ะ แล้วก็จะช่วยกันตั้งชื่อให้มันด้วย” ฮูหยินมู่หรงยิ้ม พยัคหน้าให้ลูกสาว “เด็กคนนี้ใช่คนที่เจ้าเคยพูดถึงบ่อยๆใช่หรือไม่ จือเอ๋อร์ที่ว่าเขาป่วย และพวกเจ้าต้องช่วยสอนการบ้านให้ด้วย” จือจือนั้นพยัคหน้า “เจ้าคะใช่ๆ ที่ลูกเคยเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้อาหนิงยุ่งมากเพราะต้องไปช่วยงานที่ร้านด้วย แต่วันนี้มาจวนเราก็คงไม่ได้ไปช่วยงานที่ร้านแล้ว” ฮูหยินมู่หรงยิ้มเอ็นดู “อึ้ม..นางที่บ้านนางขายของ ก็ต้องไปช่วยงานที่ร้าน ส่วนเจ้าก็ต้องฝึกงานฝีมือไว้บ้าง ผ้าที่แม่สั่งให้ปักนะเสร็จรึยังจะโตเป็นสาวแล้วนะ” จือจือเมื่อรู้สึกว่าเรื่องวกมาหาที่ตัวก็รีบปล่อยมือฮูหยินมู่หรงแล้ววิ่งตรงไปที่คอกม้าหาถังถัง และอาหนิง ลูกม้าตัวนี้สีน้ำตาลแดง จือจือ กับถังถัง รายยาวมาหลายชื่อ จนมาสรุปที่ชื่อสั้นๆเรียกง่ายๆ จึงตั้งชื่อว่า เจ้าเฟิง เล่นกับเจ้าเฟิงอยู่พักใหญ่ ก็เป็นเวลาที่คนในครอบครัวตระกลูมู่หรงกินข้าวมือเย็น

อาหนิงนั้นขอตัวกลับไปก่อนที่จะเย็นกว่านี้ ฮูหยินมู่หรงพาจือเอ๋อร์ และถังถัง มาที่ห้องกินข้าว ภายในห้องกินข้าว แม่ทัพมู่หรงนั่งค่อยรออยู่ก่อนแล้ว กับแม่ทัพน้อยมู่หรงเฉิน (คนโต) มู่หรงหยวน (คนรอง) และแขกประจำบ้าน 2พี่น้องสกุลฉู่ ฉู่อู่เว่ย (คนโต) ฉู่เหวินถัง (ถังถัง) เห็นพี่ชายก็รีบ คาราวะแม่ทัพมู่หรงก่อนไปนั่งข้างๆพี่ชาย ลูกสะใภ้คนโตหลี่ซิ่น หรือ หลี่ซือ รีบเข้ามาประคองแม่สามีให้นั่งลง ด้วยความที่สนิดสนมเป็นกันเองของบ้านสายบู้ เวลากินข้าวจึงพูดคุยกันบ้าง จือจือรีบเล่า “ท่านพ่อที่จวนมีลูกม้าคลอดมาใหม่ ข้าตั้งชื่อให้แล้วนะเจ้าค่ะชื่อ เจ้าเฟิง เพราะหรือไม่ แต่ข้าชอบนะ” แม่ทัพมู่หรงพยัคหน้า “เห็นพ่อบ้านบอกว่าเจ้าพาเพื่อนมาด้วย ไม่เห็นมีใครมาเลยเล่า” ยิ้มให้ลูกสาวอย่างเอ็นดู

ถังถัง สายหน้า“อาหนิงกลับไปแล้วล่ะเจ้าคะท่านลุง กลับเย็นมากไม่ได้ เดียวจะเข้าวังไม่ได้พอดี” ฮูหยินมู่หลงได้ยินท่อนท้ายก็ชะงักไป

ฉู่อู่เว่ยเอ่ยถามน้องสาว“อาหนิงมาที่นี้หรือ” ถังถังพยักหน้างึกๆ “อึ้ม อาหนิงยังไม่เคยเห็นลูกม้าเลย ก็เลยชวนมาดูด้วยกัน”

จือจือ เอ่ยต่อไปว่า “อย่าว่าแต่ลูกม้าเลย แม้แต่ขี่ม้าของง่ายๆยังขี่เป็นเลย น่าเป็นห่วงมาก”ถังถังพยักหน้างึกๆ เห็นด้วยเต็มที

ฮูหยินมู่หรงขมวดคิ้ว เอ่ยอย่าสงสัย“เดียวนะ จือเอ๋อร์ ถังถัง อาหนิงที่มาบ้านเรา นางไม่ได้เป็นลูกสาวพ่อค้าหรือ”

จือจือ และสายหน้าเอ่ยพร้อมกันว่า “ไม่ใช่เจ้าคะ” มู่หรงหยวนเห็นท่านแม่สงสัยก็รีบเอ่ยอธิบาย “ท่านแม่หมายถึง อาหนิงเพื่อนของ จือเอ๋อร์ กับถังถัง ใช่ไหมขอรับ”ฮูหยินมู่หรงพยัคหน้า “ใช่ลูก เจ้าก็รู้จักหรือ”

มู่หรงหยวนยิ้มแล้วเอ่ยว่า“นางเป็นองค์หญิงขอรับท่านแม่ องค์หญิงหนิงเซียน พวกเราเคยเจอกันเวลามีงานประชัน กับเวลาเข้าวังไปเรียนเป็นเพื่อนรัชทายาท”ฮูหยินมู่หรงพยัคหน้า ก่อนจะชำเลืองมองดูหน้าของสามีเห็นเขามีสีหน้าปกติก็ยิ้มให้เด็กๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “แต่จือเอ๋อร์บอกว่านางทำงานที่ร้าน จะใช่คนเดียวกันหรือ”

จือเอ๋อร์วางตะเกียบลงเอ่ยว่า “ก็ร้านที่พี่ใหญ่ไปดื่มบ่อยๆไงล่ะเจ้าค่ะ ที่หอเหวินหนิง ร้านนั้นเป็นของอาหนิง อ้อ แล้วก็” จือเอ๋อร์หันไปบอกคนสนิด “ไปเอากุ้งแช่น้ำปลาจากห้องเย็นมาเร็ว กับสุราผลไม้เกือบลืมเลย นิก็เป็นเมนูที่อาหนิงไปหามา นางบอกว่าจะกินเล่นก็ได้ หรือจะกินเป็นกับแกล้มก็อร่อยดีเจ้าค่ะ” ฮูหยินมู่หรงส่งเสียง”อึม”ในลำคอ

มู่หรงเฉินเอ่ยอย่างอดแปลกใจไม่ได้“จริงหรือ? นางน่าจะอายุ 8-9ปี พอๆกับพวกเจ้า แถมยังเป็นองค์หญิงจะไปเปิดร้านอาหารได้หรือ? ” ถังถังนั้นทำยู้ปาก ก่อนจะเล่าว่า “ก็กู้เงินกับฮ่องเต้มาสิท่านพี่ 100,000ตำลึงเลยนะร้านนั้นนะ อาหนิงเล่าว่าตั้งใจจะจ่ายให้หมดภายใน 2 ปีนี้คือเป้าหมาย” ภายในห้องนั้นเงียบลง ถังถังเห็นว่าเงียบกันไปก็รู้สึกว่าทุกคนไม่เชื่อ “จริงๆนะเจ้าคะ ขนาดบัญชีที่หอเหวินหนิงนางยังเอามาทำตอนเทียงเลย บอกว่าไม่มีเวลา”

ลูกสะใภ้หลี่ซือเอ่ยถาม“เรื่องพวกนี้นางก็เล่าให้ฟังหรือ”จือจือตอบแบบไม่ใส่ใจเอ่ยว่า ”เจ้าคะ ปกติมีอะไรก็เล่าให้กันฟัง” ถังถังเห็นสีหน้าของหลี่ซือแล้ว ก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าเข้าใจท่าน! พี่สะใภ้หลี่ซือ เมื่อก่อนพวกข้าสองคนก็คิด! ..แต่พอได้รู้จักนาง นางไม่ใช่แบบที่คิดเลย แม้ตัวนางเป็นเด็กกำพร้า แต่ว่านางก็เติบโตทำกลางราชวงค์ นิสัยของนางเองก็ดี พูดคุยคบหาด้วยง่าย ทั้งที่นางอายุเท่ากับข้า แต่นางก็คิดหางานทำแล้ว มิได้จมอยู่กับการแก่งแย่งชิงดีเลียนแบบสตรีในวังหลังพวกนั้น” จือจือได้ยินแล้วก็เอ่ยอย่างจริงจังว่า“นางจริงใจต่อพวกข้าเห็นพวกข้าเป็นสหาย นิสัยดีแถมยังขี้สงสารมากไปหน่อยอีกด้วย จนบางครั้งพวกข้าก็อดเป็นห่วงไม่ได้สงสัยเหลือเกิน ว่านางรอดมาจากในวังหลังได้ยังไง? ” แม่ทัพมู่หรงกระแอมไอในลำคอ ”นางคงโชคดี กินข้าวเถอะ“

 

2 ปีผ่านไป

 

ตำหนักเหม่ยอวี้

แล้วก็ถึงงานวันเกิด 10 ขวบ ขององค์หญิงหนิงเซียน จากเด็กน้อยเมื่อก่อนก็เปลียนแปลงไปเป็นสาวน้อยแรกรุ่น ส่วนที่ควรเว้าก็เว้า ส่วนที่ควรโค้งก็โค้ง ทรวงอกนู้นเด่นชัดขัดกับอายุ รูปร่างอรชรอ่อนแอ่น มีใครบ้างที่เห็นแล้วไม่ชอบ อดเอ็นดูไม่ได้ งานนี้จัดเล็กๆพอเป็นพิธี ที่อุทยานหลวง ริมน้ำในช่วงบ่ายๆ ชวนแค่คนสนิดไม่กี่คนเข้ามาในวังเท่านั้น ช่วงเช้านอกจากไปคาราวะตามทำเนียมกับ ฮ่องเต้ ไทเฮา ฮองเฮา และเฉินกุ้ยเฟย ก็หมดเวลาแล้ว

อาหนิงชวน จือจือ กับถังถัง เข้ามาในวัง แม้ได้รับอานิสงค์จากกลุ่มเพื่อนเรียนขององค์ชายมาช่วยเพิ่มจำนวนคนให้แล้วนั้น ฉันก็ว่ามันยังน้อยเกินไป อาจเพราะพื้นที่มันกว้างด้วยก็ได้ ฉันเลยให้สัญญาไว้ว่า พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ไปเลี้ยงอีกรอบที่หอเหวินหนิง รัชทายาทหยางหมิง และองค์ชายห้าหยางหลาน ฝูเหยียนอวี้ มู่หรงหยวน และฉู่อู่เว่ย ก็ตกลงว่าจะไปด้วย พวกเรารอให้ของพระราชทานหมดไปก่อนค่อยแยกย้ายกัน ระว่างวันก็คนสนิดของตำหนักต่างๆก็ทะยอยเอาของมามอบให้

ฮ่องเต้พระราชทาน ลูกม้าเหงื่อโลหิต เป็นของขวัญปีนี้ ไทเฮา ฮองเฮาและเฉินกุ้ยเฟยก็คล้ายๆกัน แตกต่างที่วัสดุจัดทำ พระราชาทาน ปิ่นประดับ กับต่างหู ก็เป็นแพรพรรณหลายพับ  ไทเฮาใจดีมากหน่อยมอบ 8,888 ตำลึง ไม่มากไม่น้อยให้เป็นเงินขวัญถุง ครู่ใหญ่พวกเราก็แยกย้าย อาหนิงพาจือจือ กับถังถัง มานั่งเล่นที่ตำหนักเหม่ยอวี้.

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป