Your Wishlist

บุปผาสวรรค์นางร้ายข้ามภพ (วังหลัง ห้ามโลกสวย)

Author: หนิงเซียน

ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ❤️ นี้คือเรื่องราวของภพชาติใหม่ที่ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ในความใกล้ชิด สายสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ซ้อนเร้น พี่ชายแท้ๆชอบน้องสาว และอีกสองบุรุษ กวนเพื่อนรักที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ความทรงจำอาจจะเลือนลางเเต่มันจะไม่มีทางหายไป ด้วยว่าการกระทำ และนิสัยของนางหลุดจากกรอบของสังคมปัจจุบันไปมาก บุรุษเพื่อนซี้ทั้งสามคนนั้นมองนางด้วยสายตาที่หลากหลาย ในใจก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป

จำนวนตอน :

วังหลัง ห้ามโลกสวย

  • 19/04/2564

ตำหนักเหยียนซีกง (ทรงสำราญ)

ที่ประทับของ พระสนม”เฉินกุ้ยเฟย” ภายในห้องพระ ขันที่คนสนิดรีบรุดมาแจ้งข่าว เฉินกุ้ยเฟย ค่อยๆลืมตา ขนตาสั้นไหว แววตาสงบนิ่งไร้ระลอกคลื่น นางนั้นสูดหายใจยาว วางลูกประคำ เอ่ยว่า”ไปกันเถอะ” ก่อนจะลุกขึ้นไปที่ตำหนักข้าง

ตำหนักเหม่ยอวี้ (หยกงาม)

ชุดฉลองพระองค์ตอนนี้ มีจุดดำแปดเปื้อน อยู่หลายจุด จ้าวกงกงเข้ามารายงาน “ฮุยตาอิ้ง ที่เป็นผู้ต้องสงสัย ผู้คอตาย ในที่พักนางกำนัลคนสนิดของฮุยตาอิ้ง ก็มีชุดผู้ชายในตู้ผ้าและผงยาพิษอีกเล็กน้อย ชิงฆ่าตัวตายตามไปแล้ว” เสียง หึ ดังลอดออกมาจากลำคอ ขณะที่กำลังจะเอ่ย ก็ได้ยินเสียงขันที่หน้าตำหนักรายงาน “พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเสด็จ”

“ถวายพระพรฮ่องเต้เพคะ” หวังฮ่องเต้เอื่อมมือไปประคองให้ลุกขึ้น “ไม่ต้องมากพิธี” พาเฉินกุ้ยเฟยมานั้งที่เก้าอี้ก่อนจะกล่าว

 “หนิงเอ๋อร์เป็นยังไงบ้างเพคะ” นางพูดไปดวงตาก็รื่นขึ้น น้ำเสียงบ่งบอกถึงความห่วงใย ช้อนตามองแล้วกล่าวตัดพ้อฮ่องเต้ “หม่อมฉันเป็นหวงหนิงเอ๋อร์มากจนไม่เป็นอันทำอะไร หักห้ามใจสวดมนต์ขอพรให้นางฟื้น หม่อมฉันรู้ว่าทำอะไรไม่ได้มาก...แต่หม่อมฉันบอกให้ท่านพ่อช่วยหายาบำรุงชั้นเลิศเข้ามาในวังอาจจะช่วยได้อีกแรงก็ได้นะเพคะ” พูดไปก็เหมื่อนจะมีน้ำตาไหลออกมา

หวังฮ่องเต้กุมมือเฉินกุ้ยเฟย ยิ้มไปก็เอ่ยว่า“เราให้หมอหลวงรักษาแล้วเพิ่มยาสงบใจแล้ว นางคงจะหลับไปซักพักหนึ่ง เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล” มืออีกข้างก็ลูบข้างแก้มของนาง เฉินกุ้ยเฟยมองฮ่องเต้ก่อนจะหลบสายตาแก้มแดงระเรื่อยขึ้น เอ่ยเสียงหวานว่า “ฝ่าบาท ลูกยังป่วยอยู่นะเพคะ ไม่รู้นางตกน้ำไปได้ยังไง เห็นว่าเดินอยู่ดีๆนางก็ตกน้ำไป แล้วฉลองพระองค์เปื้อนอะไร เดียวหม่อมฉันเช็ดให้นะเพคะ” ก่อนจะยิ้มละมุน ฮ่องเต้รับคำยิ้มให้อย่างอ่อนโยน กล่าวว่า “ไม่เป็นไร เจ้าเขาไปดูนางก่อนเถอะ เดียวเราจะกลับตำหนักก่อน” กล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป “น้อมส่งเสด็จฮ่องเต้เพคะ ” เฉินกุ้ยเฟยย่อตัวหลุบตาต่ำ ก่อนจะเดินไปในภายในห้องนอน

ตำหนักเฉียนชิง

ฮ่องเต้เรียกองค์รักษ์คนสนิด หลี่ฉุน มาสั่งการ “ไปทีสำนักร้อยพิษเชิญเจ้าพิษมารักษานาง” พร้อมกับยื่นป้ายหยกดอกมู่หลาน* ซองจดหมายและผงพิษบางส่วนที่รับมาจาก จ้าวกงกง ก่อนจะหลับตาลงหลังหลังจากเหน็ดเหนื่อยติดต่อกันมาหลายวัน

หลายวันผ่านไป หลังจากการรักษา

ตำหนักเหม่ยอวี้

เมื่อลืมตาขึ้น มองไปยังม่านมุ้งที่เตียงนอน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันยังไม่ตื่นจากฝันอีก ลุกขึ้นเดินไปสำรวจรอบห้อง จับนู้นนี้อยู่ครู่หนึ่ง ก็มาหยุดยืนที่หน้ากระจก หมุนซ้าย ขวา พิสูจน์ตัวเองก็รู้ทันที่นี้คือฉัน แต่อยู่ในร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันอายุ 29 ปี ชื่อเหม่ยอวี้ โสด (มาแล้วหลายปี) พนักงานบัญชี (ธรรมดาทั่วไป) แต่จำได้ว่ากำลังเทียวอยู่กับกวนเพื่อนสาว ระหว่าที่กำลังคิดทบทวน..จู่มีเสียงเรียกของนางกำนัลที่หน้าห้องเอ่ยเรียก “องค์หญิง บ่าวจะเข้าปรนนิบัติรับใช้นะเพคะ” ฉันมองไปตามเสียงนั้นไป ตั้งสติคิดครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “เข้ามา”

นางกำนัลรับใช้ ฮุ่ยจื่อ (ดอกฮุ่ยจื่อ/ดอกกล้วยไม้จีน) /ม่อหลัน (ดอกม่อหลัน/ดอกกล้วยไม้จีน) เด็กสองคนนี้ รุ่นราวคราวเดียวกันอายุ13-14 ปี ฉันเห็นแล้วอดยิ้มมองประเมินไม่ได้ สองคนนี้เป็นนางกำนัลรับใช้ ลำดับที่1และ2 ตามลำดับ พาฉันไปทำกิจวัตยามเช้าปกติ ฉันก็ทำตามอย่างว่าง่าย คอยพูดคุยเป็นเพื่อนฉัน สอบถามอาการป่วยของตัวเองแล้วก็ถามเรื่องทั่วไปเป็นวงกว้างๆ เช่น ที่นี้ที่ไหน รัชศกอะไร แล้วก็ต้องสรุปได้ดังนี้

ร่างนี้ แซ่ไป๋ ชื่อหนิงเซียน อายุ 8 ขวบ รัชศกเฉิงฮว่า สมัยราชวงศ์หมิง เท่าที่ฉันจำได้สมัยนั้นเป็นงานศิลปะล้ำค่าในบรรดาเครื่องเคลือบดั้งเดิมของจีน ถือเป็นจอกสุราส่วนพระองค์ของจักรพรรดิเฉิงฮว่าแห่งราชวงศ์หมิง และมีถ้วยใบหนึ่งที่ได้เป็นกระแส กลายเป็นที่กล่าวถึงบนโซเชียล ออกข่าวด้วยเช่นกัน ถ้วยใบนั้นก็คือ ถ้วยสีลายไก่ชนที่ทำขึ้นในรัชศกเฉิงฮว่า สมัยราชวงศ์หมิง ชาวเน็ตต่างพูดกันว่านี่คือชามตราไก่ที่มีชื่อเสียงของลำปางไม่ใช่เหรอ? ความจริงแล้ว ประมาณปี ค.ศ.1937 ถ้วยสีลายไก่ชนดังกล่าว เป็นของที่ชาวจีนซึ่งอพยพมาเมืองไทยนำมายังประเทศไทย และได้กลายเป็นของขึ้นชื่อในท้องที่ ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างไทยกับจีน และเพราะมันเคยสร้างเป็นหนังอยู่บ่อยครั้งฉันก็เลยจำได้

ส่วนที่ฉันมาในวังได้ยังไงก็เพราะว่า หวังฮ่องเต้ หรือนามเดิมคือ จู หยุ่นหวัง ฝันร้ายว่าตัวเองตาย ในความฝันมีเทพนำเด็กมามอบให้ ทั้งยังตั้งชื่อเด็กคนนี้เหมือนในความฝันว่า ไป๋หนิงเซียน จะเจอเด็กในทิศมงคล โหรหลวงแก้เคล็ดตามคำทำนาย กลับร้ายให้เป็นดี มาต่ออายุก็เลยเก็บฉันที่เป็นเด็กกำพร้ามาเลี้ยงอยู่ในวัง ยกฉันให้เฉินกุ้ยเฟยเป็นผู้ดูแล คงคล้ายกับตัวนำโชคอะไรซักอย่าง เพราะตอนที่ฉันป่วย ฮุ่ยจื่อ /ม่อหลัน ก็เล่าว่า หวังฮ่องเต้ พาฉันไปรักษาถึงตำหนักเฉียนชิงของตัวเองเลยที่เดียว เพราะที่นั้นเป็นที่อยู่มังกร มีแต่กลิ่นอายมงคล ส่วนอาการป่วยเหล่านั้นพวกหมอหลวงบอกว่า เป็นโรคความจำเสือม ตอนตกน้ำหัวคงไปกระแทกอะไรเข้า อาจจำอะไรไม่ได้ซักระยะหนึ่ง คงต้องใช้เวลา ส่วนโรคอื่นๆก็ไม่ต้องเป็นห่วง กินยาอีก3-4 เทียบ ก็หายดีแล้ว ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดมากค่อยๆ ปรับตัว เรียนรู้ และไปในที่ๆคุ้นเคย ความจำก็จะกลับมาเอง

ฉันได้แต่พยักหน้ารับ และเดินสำรวจไปทั่วตัวตำหนักจนมาเงยหน้าเห็นชื่อตำหนัก! “เหม่ยอวี้” รำพึงเบาๆ ก่อนจะหันหลังไปถามม่อหลัน “ป้ายนี้ เจ้าอ่านว่าอะไร” หัวคิ้วนั้นขมวดเข้าหากัน “เหม่ยอวี้เพคะ ก็ตำหนักเหม่ยอวี้นี้เพคะ” ฉันเริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา ก่อนจะถามว่า “ข้าความจำเสื่อม เรื่องนี้พวกเจ้าก็รู้ คนอื่นล่ะรู้หรือไม่? ” ฮุ่ยจื่อ และม่อหลัน พยัคหน้ารับ ”เพคะ/เพคะ” ฉันเริ่มใจไม่ดีนี้ก็ถ้านับตามจริงฉันก็ฝันมาหลายวันมากแล้ว ถามต่อไปว่า “เฉินกุ้ยเฟย ที่ดูแลข้าๆต้องเรียกนางว่าอะไร แม่ ท่านแม่ หรือเสด็จแม่ หรืออย่างอื่น? ” ฮุ่ยจื่อรีบอธิบายทันที่ “พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเรียก ท่านแม่ เจ้าค่ะ ฮองเฮาเรียก เสด็จแม่ ไทเฮาเรียก เสด็จย่า ฮ่องเต้เรียก เสด็จพ่อ องค์หญิงทรงจำได้ไหมเพคะ” ฉันพยักหน้า

เดินออกไปนั่งที่ศาลาเล็กข้างตำหนัก

ถึงกับไปไม่ถูกเลยที่เดียว ไม่รู้จะทำอะไรต่อ ได้แต่เหมอมองออกไปข้างนอกอยู่พักใหญ่ๆ

ในวังหลวง เป็นสถานที่น่ากลัว ห้ามโลกสวย นางสนมปะทะวาจา ขุนนางประชันไหวพริบ

บทสรุปของหนังแนววังหลัง คือ อ่อนแอ่ก็แพ้ไป

ทุกเรื่องก็มักจะมีจุดที่คล้ายคลึงกัน ถ้ายังอยากอยู่รอด ปลอดภัย คงต้องจับจุดให้ได้เสียก่อน อาจเลียนแบบขันที่ ที่จับสังเกตุสีหน้าคนอะไรแบบนั้นล่ะมั้ง พอใจเริ่มสงบก็เรียบเรียงความคิด ”ใคร? ทำอะไร? ที่ไหน? อย่างไร? ” รำพึงเบาๆกับตัวเอง

คงต้องเริ่มเตรียมการวางแผนรับมือ กับภัยในอนาคต และหาหนังสือกฏระเบียบวังหลัง ตำรากฏหมายในยุคนี้ กับตําราพิชัยสงคราม ดึงเอาข้อดีของหนังที่เคยดูมาทั้งชีวิตเพื่อเอาตัวรอดในยุคโบราณ จะความจริง หรือความฝัน ก็ต้องเอาตัวเองให้รอด แถมร่างนี้ก็แค่ 8 ขวบ จะไปสู้รบปรบมือกับใครได้ที่ไหน? ส่วนหนังสือที่อยากได้ จะต้องไปหาจากที่ไหน?

----------

*1*ดอกแมกโนเลียหรือในภาษาจีนจะเรียกว่าดอกมู่หลาน (木兰) มีความหมายใช้แทนตัวหญิงสาวที่มีความอ่อนโยนและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป