Your Wishlist

บุปผาสวรรค์นางร้ายข้ามภพ (ลูกสาวบุญธรรมของฮ่องเต้)

Author: หนิงเซียน

ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ❤️ นี้คือเรื่องราวของภพชาติใหม่ที่ดวงดอกท้อผลิตบานพร้อมกันถึง 3 ดอก ในความใกล้ชิด สายสัมพันธ์ที่ซับซ้อน ซ้อนเร้น พี่ชายแท้ๆชอบน้องสาว และอีกสองบุรุษ กวนเพื่อนรักที่ชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ความทรงจำอาจจะเลือนลางเเต่มันจะไม่มีทางหายไป ด้วยว่าการกระทำ และนิสัยของนางหลุดจากกรอบของสังคมปัจจุบันไปมาก บุรุษเพื่อนซี้ทั้งสามคนนั้นมองนางด้วยสายตาที่หลากหลาย ในใจก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป

จำนวนตอน :

ลูกสาวบุญธรรมของฮ่องเต้

  • 19/04/2564

ปี พ.ศ.25xx

ในวันที่เกิดปรากฏการณ์พระจันทร์สีเลือดล่าสุด ฉันกำลังขับรถออกไปร้านอาหารริมทะเล ทริปนี้จัดยากจะนัดเจอยากกันทุกคนเพราะทุกคนหลังจากเรียนจบ ก็มีหน้าที่เป็นของตัวเอง ทำงาน แต่งงาน มีลูกสาวหรือหลานสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มของพวกเรา เพื่อนสาวในกลุ่มที่เรียนมาด้วยกัน กลุ่มเล็กๆแค่6คน และโสดซ่ะ5 คน ทริปนี้มีรถ2คัน มาที่ไหหลำ หาดซันญ่า จุดใต้สุดของจีนบนเกาะไหหลำ พวกเรามา 3 วัน 2 คืน ก่อนกลับไปสู้ชีวิตจริง กลับไปทำงานตามปกติของสาวบัญชี ในอ๊อฟฟิต และวันนี้ก็เป็นช่วงค่ำของวันที่ 2 ของทริป ระหว่างทางที่จะถึงร้านที่นัดไว้ก็เห็นบรรยากาศข้างทางครึกครืนแล้วก็อยากเดินดูแล้ว หลังจากพวกเรากินอาหารที่ร้านเสร็จก็ชักช่วนกันมาเดินย่อยกันที่ตลาดคนเดินใกล้ๆร้านอาหาร พวกเรานั้นมาเดินมาหยุดอยู่ตรงโซนใหม่เปิดเป็นอาหารญี่ปุ่นหลายร้านพอดี และระหว่างที่กิน ซูชิหน้าปลาเนื้อขาว อยู่นั้นก็เป็นลมล้มภาพ ตัดไป..

ไม่นานทีวีก็ออกข่าวสั้น

“มีหญิงสาว เสียชีวิตจากปลาเนื่อปักเป๋า เพราะช่างแร่ปลานั้นคิดว่าเอาพิษออกหมดแล้ว เขาบังเอิญได้มา3ตัวและลองมาทำดูครั้งแรกตามคลิปแร่ปลาในยูทูป ก็เลยลองเอามาขายตามปกติคนอื่นก็ไม่เป็นอ่ะไร แต่สุดท้ายก็มีคนเสียชีวิต”

ภายในตำหนัก

ฉันนั้นหลังจากที่สังเกตุเหตุการณ์รอบๆห้อง ก็สะดุดเจอกับผู้ชายคนหนึ่งในชุดสีเหลืองทอง ด้านหน้าปักปราณีตด้วยลวดลายมังกร ฮ่องเต้ หรอ!?

หวังฮ่องเต้นั้นมองลูกสาวอยู่ตลอด เขานั้นสบตากับนาง และเอื้อมกุมมือของนางไว้

“ไม่เป็นไรนะหนิงเอ๋อร์ ”

ฉันนั้นถึงกับรู้สึกแปลกๆ มองไปมือนั้น มือที่สัมผัสมานั้น เย็นเฉียบ! เมื่อเงยหน้ามองไปที่ชายชุดสีเหลืองทอง ก็ต้องเห็นแววตา ที่ห่วงหาอาทรและรอยดำคล้ำใต้ตา ฉันได้แต่พยักหน้าให้เขา ไม่ได้เอ่ยอ่ะไร อยู่เงียบๆรอดูคนที่เดินวุ่นวายในห้องและยาต้ม กับน้ำขิง พอมือจับถ้วยน้ำขิงก็ต้องขมวดคิ้ว กับกลิ่นก่อนเพื่อน ก่อนจะกลั้นใจดื่มลวดเดียวหมดไปอีกแก้ว

เมื่อหวังฮ่องเต้นั้นเมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่เป็นไรแล้วก็ยืนขึ้นเต็มความสูง แต่กลับเซ่ จะหน้ามืดล้มลง ฉันเห็นแล้วก็ตกใจ รีบคว้ามือเขาเอาไว้แต่ได้แค่ ชายเสื้อดึงเข้าหาตัวเท่านั้น รีบเอ๋ยถาม  “คุณไม่เป็นไรนะ”

เสียงที่เปล่งออกมานั้นทำให้ฉันต้องประหลาดใจ นิมันเหมื่อนไม่ใช่เสียงของตัวเอง ตอนที่กำลังจะคิดเรื่องเสียงก็สบสายตากับหวังฮ่องเต้เสียก่อน

หวังฮ่องเต้นั้น เหลียวหลังมองลูกสาวด้วยความฉงน ส่งสายตาถามคำถามมา ไม่ได้เอ๋ยอะไร ได้แต่มองนิ่ง

ฉันเห็นอาการของเขาแล้วก็ต้อง ถามอีกรอบ “ขอโทษค่ะ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม” สายตาเขานั้นเข้มขึ้น หันไปมองหน้าของหัวหน้าหมอหลวง ฉันตอบคำถามที่หมอหลวงถามอาการแค่ “อ่าๆ/อื้อๆ/สายหน้า/พยักหน้า” ระหว่าที่คณะหมอหลวงประชุมกัน ฉันก็ชำลืงดูหน้าฮ่องเต้ที่ใส่ชุดเหลืองทองเด่นอยู่ในห้อง เห็นเขากำลังมองดูฉันอยู่ก็ยิ้มแหย่ๆให้เขาที่หนึ่ง กระพริบตาปริบๆ เส่หันมองไปทางอื่น ก่อนจะตัดสินใจ หันมาที่เขาแล้ว จิ้มๆที่แขนของฮ่องเต้ ถามว่า “ที่นี้ ที่ไหนหรอค่ะ” ในใจก็มีคำตอบตัวโตๆก็ วังหลวงไง มีฮ่องเต้ มาหนึ่งแล้วก็ต้องมี ฮองเฮา สนม วังหลวงไง ก็นี้ หมอหลวงอยู่ทนโถ่ แถมไว้เคายาว สีขาวๆอีกต่างหาก เหมื่อนในหนังเลยยกเว้นความอาวุโส ที่มีตีกาบ่งบอกถึงประสบการณ์ชีวิตก็เท่านั้น แต่ฉันก็ยังอยากได้ยิน ยังอยากให้ใครซักคนมายืนยัน

หวังฮ่องเต้มองฉันนิ่ง สีหน้าเขาไม่เปลียนสี ค่อยๆนั้งลงด้านของฉัน กุมมือ แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร ที่นี้คือวังหลวง บ้านของเจ้า” ฉันนั้นได้ยินแล้วก็ต้อง อึ้ง! ไป ถึงจะเตรียมใจไวแล้วก็เถอะ เอาเข้าจริงก็ยังอดอึ้งไม่ได้ ฉันนั้นมองเขาอีกรอบตั้งแต่หัว จรดเท้า ผู้ชายอายุราวๆ 30 กว่าๆ ผิวขาว ตาคม ขนตายาว จมูกเป็นสันโดง ใบหน้าหล่อเหล่าในชุดสีเหลืองทอง อึ้ม..ก็.. หล่อจริงล่ะเป็นนายแบบได้เลย ฉันนั้นมองมาที่มือที่กำลังกุมมือของฉันไว้อยู่ หลังมือนั้นมีเส้นเลือดขึ้นมา ถึงแม้จะเย็นแต่ก็ไม่ได้เย็นเหมือนที่เขาสัมผัสในครั้งแรก ฉันพยัคหน้าลงเล็กน้อย ว่าเข้าใจ

“จำได้ไหม ว่าเราเป็นใคร” เขาเอ๋ยขึ้น กระชับมือของฉันแน่นขึ้น

ฉันพยัคหน้า “ฮ่องเต้” เขาจองนิ่งๆ มาอีกแล้วฉันก็พูดให้ดังขึ้นอีก “ฮ่องเต้! ” เขาก็ยังเหมือนเดิม แต่รอบข้างในห้องนั้นเงียบไป จนฉันเริ่มขมวดคิ้ว ไม่ถูกหรอก็ชุดเหลืองๆ มังกรแบบนี้ ในหนังก็เป็น ฮ่องเต้ทุกคน ผิดตรงไหน?

เขานั้นมองลูกสาวตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นมาจนถึงตอนนี้ ดรุณีตัวน้อยของเขา สายตาเต็มไปด้วยความงุง งง? และสับสน แม้ว่าจะทำสีหน้าให้สงบนิ่งก็ปกปิดไม่มิด คำถามแต่ล่ะคำถามของลูกสาวเขา ก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องขึ้น

ก็เอ๋ยเสียงเรียบเรื่อยว่า “เราเป็นเสด็จพ่อ ของเจ้า..หนิงเอ๋อร์ จำได้ไหม?? ”

ลูกสาวเขาดวงตาเบิกโตอย่างตกตะลึง จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปกลางห้องหมุนตัวเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง จากนั้นก็เดินตรงไปหาคันฉอง ยกมันสำรวจทั้วตัว และหันหน้ามามองเขาและคนในห้องครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินรีไปที่ประตู และเริ่มวิ่ง..ออกไปจากตำหนักเฉียนชิง

สายลมปะทะใบหน้า สองขาวิ่งออกไปไร้จุดหมายพร้อมสติที่ยังไม่อยากจะเชื่อ ฉันรู้ ฉันรู้ว่าฝันไป ฉันมักจะฝันแปลกๆเป็นเรื่องปกติ ทั้งฝันซ้อนฝัน ทั้งยังเคยฝันว่าวิ่งหนี้ผี รึแม้แต่ฝันว่าตกหน้าผาจนลืมตาเบิกโผล่งน้ำตาก็ยังไม่หยุดไหล ซักพักต้องไปเข้าห้องน้ำและค่อยออกมานอนต่อ ในความฝันเมื่อเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ ทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นในฝันเป็นของจริง ถ้าตบหน้าพิสูจน์ก็เจ็บจนน้ำตาเล็ด หรือแม้แต่ของกิน รสชาติก็ของจริง กลิ่นธรรมชาติป่าเขา และทะเลของจริงเป็นกลิ่นเฉพาะของมันเอง ครั้งหนึ่งฉันเคยฝันว่ามีงูมารัดตัวตั้งแต่คอจนถึงลำตัว เสียงงูลำตัวใหญ่กำลังขดตัวดังอยู่ข้างหูฉันกลัวจนแทบไม่กล้าขยับตัวไปช่วงหนึ่ง ถึงตื่นมาก็ยังรู้สึกได้ถึงความกลัวในตอนนั้นจับใจ รึแม้แต่เดจาวูก็เคยเกิดขึ้น2-3ครั้ง ฉันไม่สามารถแยกออกได้ และมันก็เป็นแบบนี้ตลอด ฉันไม่ได้คิดอะไรมากมันก็แค่ความฝันหนึ่ง หากรู้สึกไม่ดีจริงก็ไปขอนอนด้วยคนในห้องของป๊า-ม๊าก็จบ สิ่งที่ช่วยฉันบ่อยคือเสียงนาฬิกาปลุก

ฉันวิ่งออกไกลจนเริ่มเห็น โครงสร้างตึก ไม่ใช่สิ! มัน..คือตำหนัก ที่เห็นหลังคามาแต่ไกล ฉันหยุดอยู่ด้านนอกหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง ที่แบบนี้นี้มัน! ฉันนั้นกำลังตกตะลึง หมุนตัวไปรอบตัว เสียงในหัวนั้นดังขึ้น กู้กง พระราชวังต้องห้าม ฉันเคยมาที่นี้ แค่ 2 เท่านั้น ตอนนี้ด้านในพระราชวัง ยิ่งใหญ่อลังการมากกว่าที่ฉันเคยเห็นที่สุดในชีวิตเสียอีก มีคนเดินมาเป็นขบวนยาว 2แถว สวนมาข้างหน้าฉัน พวกเขาหยุดทำความเคารพ ฉันนั้นได้แต่มองพวกเขาอย่างตื่นตะลึง ทั้งทรงผมโบราณ เสื้อผ้า รองเท้า และขันที ฉันนั้นกลั้นหายใจ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว และหมุนตัวไปทางเดิม ก่อนจะเดินเบี้ยงตัวไปทางต้นไม้ใหญ่ ต้นหนึ่งที่ไม่ไกลออกไปนัก ก่อนจะทรุดตัวนั้งลงใต้ต้นไม้ใหญ่

เมื่อฉันนั่งจนหายเหนือยแล้วก็เริ่มสำรวจตนเอง สองมือนั้นลูบเนื้อลูบตัว ทั้งหน้าตา ลำตัว และมาจบอยู่ที่ศรีษะ มือนั้นลูบไล่ไปที่เส้นผมสัมผัสนั้นกระด้างเหลือเกิน จนฉันต้องยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก อ่า! ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ

สิ่งที่ฉันรู้ในตอนนี้ก็คือ ไม่มีรองเท้า วิ่งด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า และมีฮ่องเต้ ที่บอกว่าเป็นพ่ออีก กับพระราชวังต้องห้าม ที่นี้ในใบปลิวแนะนำเทียว ที่แห่งนี้เป็นพระราชวังหลวง อาคาร 800 หลัง มีห้องทั้งหมด 9,999 ห้อง ถือว่าเป็นพระราชวังที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มันเป็นเลขมงคลฉันก็เลยจำได้ กับ เอ๋อร์..เอ๋อร์..อ่ะไรเอ๋อร์ๆนี้ล่ะ

ฉันนั้นสูดหายใจลึกๆพูดกับตัวเอง “ตื่น ตื่นสิ ตื่นๆ” ในระหว่างที่กำลังพูดซ้ำไป ซ้ำมา จู่ๆก็มีมือๆหนึ่งนั้นมาจับบ่า ฉันนั้นตกใจจนสะดุงโหย่ง หันไปมองหน้าผู้มาใหม่ เด็กน้อย2คน อายุ 13-14 ปี หน้าตาจิ้มลิ้มเขาโครงความหล่อส่อแววมาแต่ไกลตั้งแต่ยังเด็กๆ คนข้างหน้านั้น หน้าสวยเป็นเอกลักษ์ ปากอมชมพูฟันขาว ดูสุภาพอ่อนโยน คนข้างหลังนั้น หน้าคม ดวงตาหงส์ ยังไม่ทันได้พูออะไรก็มีเสียงของเด็กข้างหน้าก็ดังขึ้น “อยู่ทางนี้” ฉันนั้นได้ยินแล้วต้องขมวดคิ้ว เมื่อมองออกไปนอกพุ่มไม้ก็ต้องตกใจ กับนางกำนัลหลายคนกำลังเดินมาทางนี้ จนฉันต้องยิ้มออกมาอย่างจนใจไม่ได้

เด็กคนข้างหลังก็ทันเห็นรอยยิ้มนั้นของเด็กสาว แต่เป็นรอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตา ก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้

ครู่หนึ่งเสียงแหลมสูงของขันที่นำทางก็ดังขึ้น “ฮ่องเต้เสร็จ”

นางกำนัล ขันที่ ต่างพากันหลบทางย่อตัวทำความเคารพ ขบวนใหญ่ของฮ่องเต้ปิดท้ายด้วยหมอหลวง กำลังเดินตรงมาทางนี้ ฉันรู้สึกถึงความอลังการงานสร้างของควมฝันของตัวเอง ก็อดระคายคอไม่ได้ ไอออกมาก็ยังคงมีเลือด ดำคล้ำออกมามากกว่าเมื่อครู่เสียอีก ไอหลายครั้งจนรู้สึกแสบร้อนที่หน้าอก หวังฮ่องเต้เห็นท่าไม่ดีก็รีบก้าวเท้ายาวขึ้น ช้อนตัวอุ้มลูกสาวขึ้นมาแนบอก และหมุนตัวเตรียมไป ตำหนักเหม่ยอวี้

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป