ชายผู้เปรียบดั่งแม่ทัพ องอาจห้าวหาญ ศัตรูทุกผู้เหล่าต่างหวั่นเกรง แต่หนนี้หลังจากจบศึก ผลกลับกลายเป็นแพ้สงครามถูกจับตัวเป็นเชลยศึก ถูกบุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นถึงอ๋องจอมมารย่ำยี ข้าหรือจะยอมมีชีวิตทนต่อไปได้ ถ้าไม่หนีก็ขอตายเสียดีกว่า!!
ชายผู้เปรียบดั่งแม่ทัพ องอาจห้าวหาญ ศัตรูทุกผู้เหล่าต่างหวั่นเกรง แต่หนนี้หลังจากจบศึก ผลกลับกลายเป็นแพ้สงครามถูกจับตัวเป็นเชลยศึก ถูกบุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นถึงอ๋องจอมมารย่ำยี ข้าหรือจะยอมมีชีวิตทนต่อไปได้ ถ้าไม่หนีก็ขอตายเสียดีกว่า!!
แคว้นเหวินฉิน
ณ ชายแดนทางทิศตะวันตก
บริเวณรอบด้านมีหุบเขาลูกเล็ก ลูกใหญ่สลับกัน ท้องนภาเต็มไปเสียงของเหล่าวิหคที่กำลังส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วอันไพเราะทั่วท้องนภา แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่งลงมายังผืนหญ้า เหล่ามวลบุปผชาติเบ่งบานกลีบดอกแรกแย้มส่งกลิ่นหอมหวนยั่วยวนใจ ล่อลวงให้เหล่าหมู่ผีเสื้อ ผึ้งตัวผู้ ต่างโบยบินเข้ามาหวังได้เชยชม และบรรยากาศของที่นี่ช่างเงียบสงบทำให้คาดคิดเลยว่าที่นี่เคยเกิดศึกสงคราม ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก
ชายแดนทางทิศตะวันตกแห่งนี้เป็นที่ตั้งค่ายกองกำลังทหารของกองทัพพยัคฆ์ขาว แห่งแคว้นเหวินฉิน เพื่อเป็นที่ดักซุ่มการโจมตีจากข้าศึกที่หวังจะเข้ามาบุกโจมตี และยังเป็นฐานกำลังสำคัญในการป้องกันการเล็ดลอด ไม่ให้ข้าศึกแอบเข้าไปถึงเมืองหลวงได้ง่าย
ในค่ำคืนที่เงียบสงบ บริเวณโดยรอบเหล่าทหารที่ต่างเหน็ดเหนื่อยจากการเก็บของเตรียมออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น ต่างหลับไหลเข้าสู่ห้วงนิทรา ทหารยามบางส่วนทำหน้าที่เฝ้าเวรยามอยู่โดยรอบ ท่ามกลางค่ำคืนยามเงียบสงบแห่งนี้
ถัดมาคือกระโจมที่พักของท่านแม่ทัพพยัคฆ์ขาว บนที่นอนมีร่างของชายหนุ่มใบหน้าเรียวงามกำลังหลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทรา ในห้วงความฝันอันยาวไกลนั้น แม่ทัพหนุ่มผู้นี้กำลังย้อนความหลังห้วงนิทรากลับไปสู่อดีตอันวัยเยาว์ที่ลืมเลือนไปยาวนาน
ร่างของเด็กหนุ่มร่างหนา เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เนื้อตัวเต็มไปด้วยคมดาบที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด หายใจหอบโรยรา อยู่บนผืนหญ้า ในมืออีกด้านกำถือดาบ เอนเอียงร่างอันไร้แรงพละกำลัง พนักพิงหลังอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ พร้อมกับรำพึงในใจ 'ใครก็ได้...ช่วยข้าที' รวมทั้งพยายามส่งเสียงอันอ่อนแรง แทบจะไม่มีเสียง เพื่อหวังขอความช่วยเหลือ ยิ่งพยายามส่งเสียงเปล่งวาจาร้องกลับยิ่งทำให้ตนสำลักเลือดไหลออกทางริมฝีปากออกมามากขึ้น
ก่อนหน้านี้ตนนึกสนุกแอบหนีออกมานอกวัง โดยให้เสด็จพ่อทรงทราบพร้อมกับองครักษ์คนสนิททั้งสามคน โดยมิได้ระแวงเลยว่า ตนเองจะถูกหนึ่งในองครักษ์ตนไว้ใจ หลอกให้ออกมานอกแคว้น หวังมาลอบทำร้ายปลิดชีพตนเสีย องครักษ์คนสนิทอีกสองคนที่ติดตามมาด้วยก็ถูกสังหารอย่างเลือดเย็น ตนเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ดีที่พอมีฝีมืออยู่บ้าง พอหลบได้บางกระบวนท่า อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายพลาดพลั้ง จึงหาทางวิ่งหลบหนีเข้ามาหาที่หลบซ่อนตัว ท่ามกลางป่าเขาลูกนี้ที่มองไม่เห็นสิ่งมีชีวิต หรือผู้คนจะเดินผ่านเข้ามา ในขณะที่เด็กหนุ่มร่างหนากำลังคำนึงว่าตนอาจจะไม่รอดชีวิตเสียแล้ว ก็ได้ยินเสียงที่คิดว่าตนเองอาจหูฝาดไป พร้อมกับใบหน้าของคนผู้หนึ่งที่ช่างงดงามดั่งเทพธิดาจับจ้องมองทางตนแต่น้ำเสียงที่เปล่งวาจาออกมากลับหาได้เข้ากับใบหน้างดงามนั้นไม่
'ข้าคงตายแล้วสินะ ถึงเห็นเทพธิดาบนสวรรค์ตรงหน้า'
"ข้า....ตาย...แค่กๆ ๆ อ๊อกๆ " เด็กหนุ่มร่างหนากล่าวด้วยเสียงแหบแห้งได้ไม่ทันไร ก็สำลักเลือดออกมาอีกรอบ
"นี่ เจ้าพูดว่าอะไรนะ...อย่าพึ่งพูดเลย" เด็กหนุ่มร่างบางใบหน้าเรียวงาม ได้ยินที่กล่าวของอีกฝ่ายไม่ชัดจึงถามย้ำ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายสำลักออกมาเป็นเลือดจึงกล่าวห้าม
"......"
"ไม่ได้การ ข้าต้องพาเจ้าไปหาท่านหมอ" เด็กหนุ่มร่างบางใบหน้าเรียวงาม กล่าวออกมาพร้อมกับวางสัมภาระที่สะพายหลังลง แล้วฉีกผ้าที่เสื้อของตนออกมา พร้อมกับนำร่างของเด็กหนุ่มร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลและเปียกชุ่มด้วยเลือด แบกขึ้นหลังของตน และนำผ้าที่ถูกฉีกมาพันร่างของคนเจ็บเพื่อห้ามเลือด และผ้าอีกผืนนำมาพันที่ร่างของตนกับคนเจ็บพร้อมนำมาผูกคาดเอว และนำสัมภาระที่แบกมาไว้ด้านหน้า ก่อนออกแรงแบกไปด้วยความลำบาก
เมื่อเดินทางมาใกล้ถึงหัวเมืองแห่งแคว้นเหวินฉิง เด็กหนุ่มร่างบางใบหน้าเรียวงาม หรือก็คือ ซิ่นหลิ่งเฟย ก็หยุดพักเดิน เพื่อสูดลมหายใจลึกเข้าปอดอึกใหญ่ พร้อมกับก้าวเท้าออกเดินทางเข้าสู่หัวเมืองแห่งแคว้นเหวินฉิง มุ่งตรงไปยังร้านยาแห่งหนึ่ง
ณ โรงหมอฉิวเสวี่ยจิง
โรงหมอฉิวเสวี่ยจิงแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแห่งแคว้นเหวินฉิง ที่แห่งนี้ได้รับยกย่องและการกล่าวขนานการรักษาที่ผู้ใดไม่สบายหนักแค่ไหน เมื่อได้รับการรักษาและยาก็หายเป็นปลิดทิ้ง ทำให้ผู้คนที่เจ็บไข้ได้ป่วยต่างสัญจรไม่ขาดสาย ด้วยเหตุนี้ส่วนหนึ่งเพราะท่านหมอผู้หนึ่งในโรงหมอแห่งนี้ เป็นถึงหมอหลวงแห่งแคว้นเหวินฉิง ด้วยความสามารถด้านความรู้ทางการแพทย์ ที่ไม่อาจหาผู้ใดเทียบเคียงได้ หมอหลวงผู้นี้มีชื่อว่า 'ฉิวเสวี่ยจิง' จึงได้รับสมญานามว่า 'หมอเทวาแห่งแคว้นเหวินฉิง'
"ท่านหมอเสวี่ยจิง ช่วยด้วยขอรับ"
"......"
"ท่านหมอเสวี่ยจิง ช่วยข้าด้วยขอรับ"
"หลิ่งเฟย เจ้าส่งเสียงร้องตะโกนดังลั่นทำไมรึ"
"ท่านหมอเสวี่ยจิง ได้โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วยขอรับ"
"แล้วนี่อะไรกัน ข้าใช้ให้เจ้าเข้าป่าไปหาสมุนไพร แล้วเจ้ากลับพาใครกลับมาด้วย"
"ท่านหมอ ช่วยเขาด้วยขอรับ ข้าเห็นร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและกำลังหายใจอ่อนแรง ข้าแบกร่างเขากลับมาหวังให้ท่านหมอเมตตาช่วยรักษาขอรับ"
"หลิ่งเฟย เจ้าอย่าพูดมากเลย พาร่างของเขาไปนอนลงบนเตียงเร็ว"
"ขอรับท่านหมอ"
หลิ่งเฟยนำร่างเด็กหนุ่มร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผล และเปียกชุ่มไปด้วยเลือด นอนลงบนเตียง พร้อมกับเดินไปหยิบอ่างน้ำ เพื่อนำมาเช็ดเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยคราบเลือด ในขณะที่ท่านหมอเสวี่ยจิงกำลังการรักษาบาดแผลตามร่างกาย โดยมีหลิ่งเฟยคอยอยู่ช่วยเป็นลูกมือ
ไม่นานนักท่านหมอเสวี่ยจิงก็ทำการรักษาบาดแผล พร้อมกับเดินออกไป และเดินกลับมาพร้อมกับถุงยาสมุนไพร และยื่นมาให้กับหลิ่งเฟย
"หลิ่งเฟย เจ้าจงนำห่อยานี้ไปต้ม และให้เด็กคนนี้ทานทุกสองชั่วยาม"
"รับทราบขอรับท่านหมอ"
หลิงเฟยเด็กหนุ่มในวัยเยาว์ทำตามคำสั่งท่านหมอเสวี่ยจิงทุกประการ ทุกสองชั่วยามหลิงเฟยจะพยุงร่างของเด็กหนุ่มร่างหนาที่ยังหลับไม่ได้สติขึ้นมาพิงเอนหลังของตน พร้อมกับหยิบช้อนตักยาต้มร้อนขึ้นมาเป่าไล่ความร้อน ก่อนจะค่อยรินยาต้มเข้าปากของเด็กหนุ่มร่างบางช้าๆ จนหมดถ้วย และจึงคอยพยุงร่างคนบาดเจ็บลงนอน พร้อมกับนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดเนื้อตัว
จนเวลาล่วงเลยผ่านไปสองวัน เด็กหนุ่มร่างหนาก็ฟื้นได้สติ เริ่มตาขึ้นมา
"เจ้าฟื้นขึ้นมาแล้วหรือ ยาของท่านหมอได้ผลดีจริง"
"....."
"เจ้ารู้สึกเป็นไงบ้าง? "
"....."
"เดี๋ยวข้ามานะ ข้าจะไปตามท่านหมอ"
"อย่า...ไป อย่าไป"เด็กหนุ่มร่างหนากล่าว พร้อมกับยื่นมือจับไปที่แขนของหลิงเฟยแนบแน่น
.
.
.
ภาพความทรงจำวัยเยาว์อันยาวนานหวนตัดไป เป็นภาพใบหน้าของเด็กหนุ่มคนเดิมที่ร่างกายไม่มีบาดแผลตามเนื้อตัว ไม่มีเลือดโชกตามเนื้อตัว อยู่ในเสื้อผ้าที่อาภรณ์ที่สะอาด พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส มองตรงมาทางหลิงเฟย
"ข้าให้สัญญาข้าจะกลับมาหาเจ้า ข้าจะให้ตำแหน่งที่ดีแก่ใจ"
"เจ้าจะไปไหน? และเจ้าจะให้ตำแหน่งอะไรแก่ข้า? " หลิงเฟยกล่าวถามอย่างงุนงง
"ข้าอยากจะให้เจ้ามาอยู่เคียงข้างข้า เจ้ายินดีจะไปแคว้นชิ่งจิ่นกับข้าไหม? หลิงเฟย " บุคคลตรงหน้ากล่าวถามด้วยแววตาและน้ำเสียงที่มั่นคง
"ไม่ ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น!! ข้าตั้งใจว่าถ้าข้าโตขึ้นข้าจะไปเป็นแม่ทัพแห่งแคว้นเหวินฉิน และข้าจะเป็นแม่ทัพคู่ใจของท่านอ๋องฉิงเทียนซือเท่านั้น!! " หลิงเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงและนัยน์ตาที่หนักแน่น
"ข้าจะกลับมาชิงตัวเจ้ากลับไปและทำให้เจ้ายืนอยู่เคียงข้างข้าให้ได้!! " เด็กหนุ่มคนเดิมพูดด้วยแววตาและน้ำเสียงที่หนักแน่น ประหนึ่งคำมั่นสัญญาที่เขาจะไม่มีวันลืม
"....." หลิงเฟยวัยเยาว์ไม่ได้กล่าวคำใดกลับไป มีเพียงแต่ใบหน้าที่นิ่งอึ้ง มองไปยังบุคคลตรงหน้า
"ข้าจะให้เจ้าเป็นหนึ่ง ไม่มีหญิงใด เทียบเคียงเจ้าได้" เด็กหนุ่มคนเดิมกล่าวด้วยแววตาและน้ำเสียงที่หนักแน่นอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้ามา พร้อมยื่นใบหน้าเรียวคม นัยน์ตาประดุจดั่งพญานกอินทรีเกือบประกบแนบชิดเข้าที่ใบหน้าของตน พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า "ข้าจะให้เจ้าเป็น......"
.
.
.
หลิงเฟยชายหนุ่มร่างบาง สะดุ้งตื่นจากภวังค์ความฝันเมื่อครู่ในค่ำคืนกลางดึก ไร้ซึ่งเสียงของผู้คน มีเพียงแสงจากพระจันทร์เต็มดวงที่สาดส่องลงมากระทบเข้าที่บนใบหน้าเรียวงามที่มีเหงื่อขึ้นผุดเต็ม เสื้อสีขาวบางที่สวมใส่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลย้อน ทำให้เห็นผิวเนื้อด้านใน ริมฝีปากเรียวบางกำลังหอบหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ
"มันเป็นแค่ความฝัน" หลิงเฟยบ่นพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับนึกถึงใบหน้าของเด็กชายผู้นั้น ที่ตนลืมเลือนคนผู้นั้นไปนานมากแล้ว
Facebook & Twitter :: @mc27761
Tag . #เล่ห์รักดวงหทัย