Your Wishlist

กำเนิดใหม่สาวนักเรียนเซียนธุรกิจ (ตอนที่ 311 - 312: คุยกับลู่เจิน, เข้าสู่วงการบันเทิง)

Author: BuaElla แปล

เธอเปรียบดั่งหุ่นเชิดของตระกูล เป็นสายลับและนักฆ่า เธอถูกหักหลังและตกลงไปในทะเล เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา เธอกลายเป็นเด็กสาวมัธยมธรรมดาๆ เนื่องจากเกิดมาไม่มีพ่อ เธอจึงถูกญาติของเธอถากถางมาตั้งแต่เด็กจนโต และถูกรังแกจากเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาวอีกแล้ว ใครกล้าทำร้ายเธอ เธอจะหักกระดูกพวกมัน !

จำนวนตอน : ยังไม่จบ

ตอนที่ 311 - 312: คุยกับลู่เจิน, เข้าสู่วงการบันเทิง

  • 19/05/2564

ตอนที่ 311 คุยกับลู่เจิน

 

หลังจากวางสายจากต้วนลี่ซิน กู้หนิงก็บอกเลิ่งเชาถิงว่าเธอจะไปคุยธุรกิจกับต้วนลี่ซินที่โรงแรมจินหลิน และเขาไม่ต้องไปเป็นเพื่อนเธอหากเขาไม่ว่าง ได้ยินแบบนั้นเลิ่งเชาถิงก็ไม่พอใจ เพราะเหมือนกับว่าเขากำลังทิ้งเธอ “วันนี้ผมไม่ยุ่ง”  หรืออีกความหมายหนึ่งเขาจะไปเป็นเพื่อนเธอถ้าเธอต้องการให้เขาไปด้วย

 

“ไหนคุณบอกว่าจะช่วยฉันหาเบอร์โทรของลู่เจินและช่วยหาออฟฟิศดีๆให้ฉันคะ?” กู้หนิงถาม เธอไม่ได้คิดจะไม่ให้เขาไปด้วย แต่กลัวว่าเขาจะลืมเรื่องสำคัญ

 

ตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเลิ่งเชาถิงก็ดังขึ้นและมีข้อความเด้งเข้ามา เขามองดูมันและยื่นโทรศัพท์ของเขาให้กู้หนิงดู “ผมได้เบอร์เขามาเรียบร้อยแล้ว”

 

หมายเลขโทรศัพท์ของลู่เจินอยู่ในข้อความพร้อมกับคำอธิบายว่าทำไมลู่เจินถึงถูกโยนออกจากวงการบันเทิง ถิงปิงเสิ่นเป็นคนโยนลู่เจินออกไป เมื่ออ่านชื่ถังปิงเสิ่น กู้หนิงรู้สึกประหม่าและสัมผัสของความเกลียดชังที่ฉายผ่านดวงตาของเธอเพราะถังปิงเสิ่นไเป็นพ่อของถังอันหนิงในชาติที่แล้ว

 

“เป็นอะไรไป?” เลิ่งเชาถิงถามเมื่อสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันของกู้หนิง “ไม่มีอะไรค่ะ” กู้หนิงตอบ แต่ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม เลิ่งเชาถิงก็ไม่ถามอะไรต่ออีกเช่นกัน แต่รู้สึกกังวลเพราะเขาเห็นความเกลียดชังที่ชัดเจนในสายตาของเธอแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าแววตานี้หมายถึงใคร

 

เมื่อสองปีก่อนลู่เจินได้วางแผนที่จะถ่ายทำละครทีวีที่ตระกูลถังเป็นผู้ลงทุน แต่อยู่ๆตระกูลถังก็ได้ตัดสินใจกะทันหันเปลี่ยนตัวนักแสดงนำเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่มีทักษะการแสดงใด ๆ ลู่เจินซึ่งมีมาตรฐานสูงในด้านคุณภาพผลงานมาโดยตลอดปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง และหลังจากนั้นเขาก็ถูกบังคับให้ออกจากวงการบันเทิง

 

ไม่นานกู้หนิงก็ปรับอารมณ์และสงบลง เธอมองไปที่เลิ่งเชาถิงและกล่าวชมเขาว่า “ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลที่รวดเร็ว!”

 

เลิ่งเชาถิงมีความสุขที่ได้รับคำชมจากกู้หนิงและกล่าวว่า “ผมได้ส่งคนไปหาร้านค้าและอาคารสำนักงานที่มีทำเลดีเยี่ยมแล้ว แต่ต้องใช้เวลาหน่อย” ไม่ว่ากู้หนิงต้องการอะไร เขาจะช่วยเธอทำทันที การหาหมายเลขโทรศัพท์ของใครบางคนเป็นเรื่องง่ายแต่ต้องใช้เวลาในการค้นหา

 

กู้หนิงยิ้มอย่างอ่อนใจ “โอเคค่ะ งั้นไปที่โรงแรมกันเถอะ!” เลิ่งเชาถิงต้องการใช้เวลาทุกวินาทีกับกู้หนิงซึ่งบางครั้งก็น่ารำคาญเล็กน้อย

 

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงก็ออกไปด้วยกัน

 

เมื่อทั้งสองพากันมาถึงโรงแรมจินหลิน  เธอได้อ่านเรื่องย่อของนิยายต้วนลี่ซิน กู้หนิงไม่ใช่มืออาชีพ แต่เธอสามารถแยกแยะสิ่งที่ดีออกจากสิ่งที่ไม่ดีได้ เธอต้องยอมรับว่านี่เป็นนิยายที่ยอดเยี่ยม

 

หลังจากอ่านเรื่องย่อแล้ว กู้หนิงก็อ่านบทแรกของนิยายเรื่องนี้ มันเต็มไปด้วยความแปลกใหม่และกู้หนิงคิดว่ามันน่าจะเป็นที่นิยม “ฉันคิดว่านี่เป็นนิยายที่ดีจริงๆ  มันจะเป็นที่นิยมอย่างแน่นอนค่ะ” กู้หนิงชมเชย

 

ต้วนลี่ซินตื่นเต้นที่กู้หนิงชอบนิยายของเธอ

 

“อย่างไรก็ตามฉันคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าผู้กำกับชอบมันด้วย ผู้กำกับจะอยากถ่ายทำก็ต่อเมื่อเขาสนใจเรื่องราวจริงๆ” แม้ว่ากู้หนิงจะเป็นคนลงทุน แต่เธอก็ไม่ใช่เผด็จการ เมื่อได้ยินสิ่งที่กู้หนิงพูด ต้วนลี่ซินก็รู้สึกประหม่าอีกครั้ง เธอไม่สามารถตกลงกับกู้หนิงได้มากกว่านี้เพราะโดยปกติแล้วผู้กำกับจะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องบท

 

“ปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว คุณกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านกับครอบครัวคุณก่อน แล้วเราจะคุยรายละเอียดกันอีกทีหลังปีใหม่ ฉันจะติดต่อคุนไปเองค่ะ ไม่ต้องกังวล” กู้หนิงกล่าว

 

“ค่ะ ฉันเชื่อใจคุณค่ะ คุณกู้” ถึงแม้ต้วนลี่ซินจะกังวลใจ แต่เธอเลือกเชื่อกู้หนิง

 

หลังจากนั้นกู้หนิงและเลิ่งเชาถิงก็ออกจากโรงแรม กู้หนิงโทรหาลู่เจิน

 

ลู่เจินอยู่ในร้านกาแฟ เอนกายพิงโซฟาถอนหายใจด้วยความเศร้า เขาเพิ่งคุยกับกรรมการคนอื่นเสร็จ แต่กลับไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ ผู้กำกับต้องการให้เขาเป็นผู้กำกับร่วม แต่ชื่อของเขาจะไม่ปรากฏบนหน้าจอ เพราะไม่ต้องการให้บุคคลที่มีอำนาจที่ไล่ลู่เจินออกจากวงการบันเทิงล่วงรู้ นอกจากนี้เขาจะได้รับเงินเดือนพื้นฐานโดยไม่มีโบนัสซึ่งเป็นการเอาเปรียบกันชัดๆ! อย่างไรก็ตามหากเขาไม่เห็นด้วย เขาไม่เห็นว่ามีงานอื่นเหมาะสมมากกว่านี้

 

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลก

 

“สวัสดีครับ”

 

“คุณลู่ ฉันกู้หนิงค่ะ พวกเราเคยเจอกันแล้วบนเครื่องบิน ฉันต้องขอโทษด้วยที่ได้เบอร์คุณมาโดยไม่ได้รับอนุญาตแต่ฉันต้องการคุยกับคุณเกี่ยวกับความร่วมมือการผลิตละครทีวี คุณสะดวกมาพบฉันไหมคะ?” กู้หนิงถามอย่างสุภาพ

 

ลู่เจินไม่รู้จักชื่อของกู้หนิงแต่เขาจำเสียงของเธอได้ เขาแปลกใจมากที่เธอโทรหาเขา กู้หนิงขอโทษในตอนแรกเพราะเธอแอบไปหาเบอร์โทรของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เขาไม่ได้ว่าอะไร และเห็นได้ชัดว่าเธอรู้ว่าเขาเป็นผู้กำกับเพราะเธอต้องการคุยกับเขาเกี่ยวกับละครทีวี สำหรับคำเชิญของกู้หนิง ลู่เจินไม่รู้ว่าเธอจะจ้างเขา เขาคิดว่าเธอน่าจะเป็นนักเรียนที่เรียนวิชาเอกภาพยนตร์และต้องการเรียนรู้บางอย่างจากเขา

 

“ได้สิ ตอนนี้ผมว่าง” ลู่เจินยินดีไปพบเธอ กู้หนิงถือว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขา

 

“ดีค่ะ ตอนนี้คุณอยู่ไหนคะ?” กู้หนิงถาม

 

“ผมอยู่ที่แคลิฟอเนียคาเฟ่ โต๊ะ 8”

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงก็มาถึงคาเฟ่ที่เขาอยู่ เมื่อเห็นกู้หนิงและเลิ่งเชาถิง ลู่เจินก็ลุกขึ้นต้อนรับพวกเขา “ยินดีที่พบ! เชิญนั่งๆ”

 

“คุณอยากดื่มอะไร?” ลู่เจินถาม

 

“มอคค่า 2 แก้วค่ะ” กู้หนิงตอบโดยไม่เปิดดูเมนู

 

“ได้ครับ กรุณารอสักครู่” พนักงานเอ่ย

 

"ผมถามได้ไหม? ทำไมคุณถึงต้องการพูดคุยเกี่ยวกับรายการทีวีและภาพยนตร์?” ลู่เจินถาม เมื่อพูดถึงงานเขาก็แสดงสีหน้าจริงจังทันทีซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นมืออาชีพจริงๆ

 

“ฉันอ่านข่าวเกี่ยวกับคุณและได้ยินมาว่าคุณถูกบังคับให้ออกจากวงการบันเทิงด้วยบุคคลที่มีอำนาจจนถึงตอนนี้”

 

“เป็นความจริง”

 

กู้หนิงยิ้มและถามว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณอยากกลับมาไหมคะ? คุณอยากมีชื่อเสียงอีกครั้งและมากกว่าเมื่อสองปีก่อนไหมคะ?”

 

ตอนที่ 312 เข้าสู่วงการบันเทิง

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นลู่เจินก็มองไปที่กู้หนิงด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจสิ่งที่กู้หนิงพูดแต่เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงพูดขึ้นมา เธอสามารถช่วยเขาได้งั้นเหรอ? “แน่นอนว่าผมอยาก”

 

เขาทำงานในวงการบันเทิงมากว่าครึ่งชีวิตและมันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงมีมาตรฐานสูงสำหรับผลงานของเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงรำคาญพวกคนมีอิทธิพลและเขาก็ถูกปิดตายจนถึงตอนนี้

 

“ถ้าคุณไว้ใจฉัน คุณสามารถร่วมงานกับฉันได้ค่ะ” กู้หนิงเอ่ย

 

“กับคุณ?” ลู่เจินทั้งประหลาดใจและสงสัย

 

กู้หนิงเอ่ยต่อว่า “ฉันรู้ค่ะว่าฉันยังเด็กและคุณคงสงสัยความสามารถของฉัน เพราะหลายคนเคยสงสัยแบบเดียวกัน แต่ในที่สุดพวกเขาก็เปลี่ยนใจ คุณไม่สามารถตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกได้ ฉันเป็นนักธุรกิจ ฉันอยากมีส่วนร่วมในวงการบันเทิงมาโดยตลอดและฉันคิดว่าคุณเป็นตัวเลือกที่ดีในการเป็นผู้อำนวยการทั่วไปในบริษัทของฉัน คุณมีความคิดเห็นว่ายังไงคะ?"

 

ลู่เจินตะลึง อะไรนะ? เด็กสาวคนนี้อยากมีส่วนร่วมในวงการบันเทิง?

 

แน่นอนว่าลู่เจินสงสัยในความสามารถของกู้หนิงเพราะเธออายุยังน้อย อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับที่กู้หนิงกล่าวไว้ ไม่ควรตัดสินบุคคลจากรูปลักษณ์ภายนอก เขาได้พบกับผู้คนหลากหลายประเภทในวงการบันเทิงและเขาสามารถแสดงความคิดเห็นที่ถูกต้องของบุคคลได้ตั้งแต่แรกเห็น เมื่อเห็นกู้หนิงจริงจังและจริงใจพร้อมกับความเป็นผู้ใหญ่ของเธอ ลู่เจินเชื่อว่าเธอไม่ได้โกหกและเธอไม่มีเหตุผลที่จะหลอกลวงเขา อย่างไรก็ตามสิ่งที่ ลู่เจินกังวลคือความจริงที่ว่ากู้หนิงจะได้รับผลกระทบเพราะเขา

 

“คุณกู้ ผมมีเรื่องกับคนที่มีอิทธิพลมาก มากจนสามารถไม่ให้ผมทำงานในวงการบันเทิงได้ แม้ว่าผมจะถ่ายทำรายการทีวีหรือภาพยนตร์แต่ก็ไม่ผ่านการเซ็นเซอร์” ลู่เจินกล่าว แม้ว่าตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือมาก แต่เขาก็ไม่ต้องการทำลายอาชีพของใคร

 

“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น” คราวนี้เลิ่งเชาถิงเป็นฝ่ายพูด ตระกูลถังไม่อยากอยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย

 

ลู่เจินประหลาดใจ พวกเขามีอำนาจมากขนาดนั้นเลยเหรอ? ลู่เจินไม่ใช่คนโง่ และเขาสัมผัสได้ว่าเลิ่งเชาถิงมีอำนาจมากกว่าที่เขาจะคาดถึง อีกอย่างเลิ่งเชาถิงมีบรรยากาศของผู้มีอำนาจ

 

“ผู้กำกับลู่ อย่ากังวลเรื่องนั้นเลยค่ะ ในเมื่อฉันมาหาคุณเอง นั่นหมายความว่าฉันไม่สนใจคนที่กีดกันคุณ” กู้หนิงเอ่ยสำทับเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลู่เจิน

 

ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการช่วยลู่เจินจริงๆ “คุณรู้ไหมว่าใครที่แบนผม?” ลู่เจินถาม

 

กู้หนิงหัวเราะเบาๆและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตระกูลถัง”

 

ไม่ใช่คำตอบที่น่าแปลกใจสำหรับลู่เจิน เขาครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนเอ่ยปากอีกครั้งว่า “คุณกู้ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมาก ในเมื่อคุณรู้จักผมอยู่แล้ว คุณต้องรู้วิธีการทำงานของผม ผมค่อนข้างเข้มงวดกับการคัดเลือกนักแสดงโดยเฉพาะนักแสดงนำ ผมไม่ได้ต้องการคนมีชื่อเสียงมาก แต่คนๆนั้นต้องมีทักษะการแสดงที่ดีมาก”

 

ลู่เจินยังกล่าวต่อไปว่า “สำหรับบทละคร ผมต้องมีส่วนร่วมด้วย ผมจะใช้บทที่ผมสนใจเท่านั้น แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือความพึงพอใจของคนดู แต่ผมไม่รับประกันว่าผลงานของผมจะประสบความสำเร็จทุกครั้ง แต่ผมสัญญาว่าผมจะทำออกมาให้ดีที่สุด” ลู่เจินคิดว่าการกางหน้าไพ่ให้อีกฝ่ายรับรู้จัส่งผลดีต่อการทำงานร่วมกันในอนาคต

 

กู้หนิงยิ้ม “ค่ะ ฉันเองก็ให้ความสำคัญกับคุณภาพเช่นเดียวกัน”

 

ลู่เจินยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกาย “งั้นผมคิดว่านี่เป็นการร่วมงานกันที่ดีมาก!” พวกเขามีเป้าหมายแบบเดียวกัน ดังนั้นจึงน่าจะทำงานด้วยกันได้ง่าย\

 

“ฉันกำลังมองหาอาคารสำนักงานที่เหมาะสมสำหรับบริษัทในขณะนี้และฉันจะไม่จดทะเบียนบริษัท ใหม่จนกว่าอาคารสำนักงานจะเสร็จสิ้น ดังนั้นเราจะเริ่มทำงานหลังเทศกาลปีใหม่” กู้หนิงกล่าว .

 

“ได้” ลู่เจินตอบ เขาไม่สบายใจนิดหน่อยที่บริษัทยังไม่ได้จัดตั้ง แต่สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือรอ

 

“ส่วนนักแสดงกับบท คุณจัดการได้เลยเต็มที่ในฐานะผู้กำกับ” กู้หนิงอนุญาตลู่เจินตัดสินใจด้วยตนเอง แต่จะมีผู้กำกับมากกว่าหนึ่งคนในบริษัทของเธอ

 

 “ฉันพบนิยายที่น่าสนใจเกี่ยวกับละครแนวจักรพรรดิ – ฮาเร็ม คุณลองอ่านเรื่องย่อเรื่องนี้ก่อนได้ ถ้าคุณสนใจเรื่องนี้ เราสามารถถ่ายทำก่อนบริษัทก่อตั้งได้ แต่ถ้าคุณไม่สนใจฉันจะจ้างผู้กำกับคนอื่นมาถ่ายเรื่องนี้ และคุณสามารถเตรียมบทละครของคุณเองได้” กู้หนิงกล่าว

 

“ได้ๆ ผมจะลองอ่านดู” กู้หนิงหยิบเรื่องย่อสองสามแผ่นให้ลู่เจิน

 

ลู่เจินอ่านเรื่องราวและดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาชอบมันเช่นกัน หลังจากอ่านจบลู่เจินก็ชมเรื่องนี้ “ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก! มันแตกต่างจากเรื่องก่อนๆมาก” ลู่เจินพอใจแต่เขายังไม่ได้อ่านนิยายทั้งเล่ม ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่ารายละเอียดของเรื่องนี้น่าสนใจหรือไม่

 

“ไว้ฉันจะส่งนิยายให้คุณ ถ้าคุณสนใจเราสามารถซื้อ IP นี้ได้ ฉันจ้างนักเขียนมาเป็นคนเขียนบทใน บริษัทของเราแล้ว คุณสามารถพูดคุยกับเธอได้หลังเทศกาลปีใหม่” กู้หนิงกล่าว

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป