ตอนที่ 305 ผมไม่ชอบเขา
เมื่อเห็นเลิ่งเชาถิงไม่พอใจ กู้หนิงก็รู้สึกโกรธขึ้นมาบ้างและพยายามปกป้องเขา “ฉันคิดว่าฉันต้องการมิตรที่แตกต่างกันที่ทำงานในสาขาที่แตกต่างกันซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของฉัน คุณว่าไหมคะ?” กล่าวอีกนัยหนึ่งเธอต้องการความช่วยเหลือจากผู้คนที่แตกต่างกันแทนที่จะเป็นซื่อตู้เย่เพียงอย่างเดียว
ได้ยินเช่นนั้นเลิ่งเชาถิงก็รู้สึกดีขึ้นมา แต่ซื่อตู้เย่ยิ้มเจื่อนๆ
ไม่นานอาหารก็ถูกเสิร์ฟวางบนโต๊ะ
ระหว่างรับประทานอาหาร เลิ่งเชาถิงก็คอยคีบอาหารใส่จานของกู้หนิงอย่างเช่นที่เคยทำ แม้ว่าซื่อตู้เย่จะรู้สึกขัดหูขัดตา เขาก็ยังรักษามารยาท ราวกับว่าเขาไม่สังเกตเห็นอะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อไหร่ที่เขามีโอกาสพูดกับกู้หนิง เขาก็ยึดการสนทนากับกู้หนิงไว้เพียงผู้เดียวไม่ปล่อยช่องว่างให้เลิ่งเชาถิงเข้ามาแทรก
“ผมคิดว่าธุรกิจจิวเวอรี่ของคุณค่อนข้างทำกำไรได้ดีในช่วงนี้ เมื่อไหร่คุณจะเปิดสาขาใหม่ล่ะ?” ซื่อตู้เย่ถามกู้หนิง
“ฉันวางแผนที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง ดังนั้นขั้นตอนต่อไปของฉันคือย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่เมืองหลวงค่ะ และฉันจะหาผู้จัดการที่น่าเชื่อถือมาจัดการและดูแลสาขาต่างๆ” กู้หนิงกล่าว
“คุณเจอสถานที่เช่าดีๆรึยัง? ผมมีห้องว่างหลายห้อง ถ้าคุณต้องการ ผมช่วยได้นะ” ซื่อตู้เย่กล่าว ไม่มีผู้ชายคนไหนต้านทานเสน่ห์ของหญิงสาวได้ และซื่อตู้เย่จะทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะใจกู้หนิง
“ไม่ต้อง ขอบคุณ” เลิ่งเชาถิงเป็นคนเปิดปากพูด ต่อให้เขาไม่พูด กู้หนิงก็คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว เพราะเธอตัดสินใจให้เลิ่งเชาถิงช่วยเธอเรื่องนี้แล้ว ซื่อตู้เย่ไม่สนใจเลิ่งเชาถิง และมองกู้หนิงรอฟังคำตอบจากเธอ
“คุณซื่อตู้ ขอบคุณสำหรับน้ำใจคุณมากค่ะ ฉันจะจัดการเรื่องหาสถานที่ด้วยตัวเองค่ะ ถ้าฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ไว้ฉันจะโทรหาคุณนะคะ” เปรียบกับเลิ่งเชาถิงแล้ว กู้หนิงปฏิเสธซื่อตู้เย่ได้นิ่มนวลกว่า เธอไม่ต้องการเสียเพื่อนอย่างซื่อตู้เย่ไป ระหว่างเธอกับเขาไม่มีเรื่องบาดหมางระหว่างกัน ไม่จำเป็นที่เธอจะต้องเว้นระยะห่างจากเขา แม้ว่าเขาจะต้องการบางสิ่งบางอย่างจากเธอ แต่เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไร
“ได้สิ ถ้าคุณต้องการอะไร โทรหาผมได้เลย” ไม่ใช่คำตอบที่เหนือความคาดหมาย ดังนั้นซื่อตู้เย่จึงไม่ได้รู้สึกผิดหวัง เขากลับมั่นใจว่ากู้หนิงต้องการความช่วยเหลือจากเขาแน่นอน
จากนั้นบรรยาการรับประทานอาหารก็ดูเหมือนจะสงบ ซื่อตู้เย่ไม่สนใจเลิ่งเชาถิงและเอาแต่คุยกับกู้หนิง แต่เขาก็ไม่ลืมมารยาทหรือทะเลาะกับเลิ่งเชาถิง กู้หนิงตระหนักดีว่าเขาได้รับการอบรมมาอย่างดี ถึงแม้เขาจะชื่นชอบเธอ ก็ไม่ได้เอ่ยถามความสัมพันธ์ของเธอกับเลิ่งเชาถิงให้อึดอัด
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เลิ่งเชาถิงก็หาข้ออ้างและจูงมือกู้หนิงเดินออกไปอย่างไว ทิ้งซื่อตู้เย่ไว้คนเดียว
ซื่อตู้เย่ไม่ได้รั้งพวกเขาเอาไว้ เขาเฝ้ามองทั้งสองเดินหายลับไปจากสายตาด้วยสายตาครุ่นคิด
เลิ่งเชาถิงขับรถพากู้หนิงไปบ้านของเขา เขาเอาแต่เงียบตลอดทาง “คุณโกรธหรอคะ?” กู้หนิงเอ่ยถาม
“เปล่า” เลิ่งเชาถิงตอบ แต่น้ำเสียงของเขาทรยศเขา
“คุณโกหก” เธอไม่เชื่อเขาแม้แต่น้อย
“ผมแค่ไม่ชอบเขา” แน่นอนว่าเขาหมายถึงซื่อตู้เย่
กู้หนิงอยากจะหัวเราะ แต่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “ถ้าคุณไม่ชอบผู้ชายทุกคนที่ชอบฉัน ฉันคิดว่าคุณคงต้องโมโหบ่อยๆเลยล่ะ”
กู้หนิงไม่ใช่คนหลงตัวเองแต่กำลังพูดความจริง ด้วยรูปลักษณ์และความสามารถที่โดดเด่นของเธอทำให้มีคนชื่นชอบมากมาย ในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากที่เธอเกิดใหม่ เธอได้พบกับฉินอี้ฟานและซื่อตู้เย่ ทั้งสองคนเป็นผู้ชายที่ดี แม้ว่าพวกเขาจะเทียบกับเลิ่งเชาถิงไม่ได้ ไม่สำคัญว่าคนไหนจะเป็นแฟนของเธอ เธอก็จะมีชีวิตที่ดี อย่างไรก็ตามในที่สุดเธอก็เลือกเลิ่งเชาถิง
“เทียบกับฉันแล้ว คุณทั้งหน้าตาดีและมาจากครอบครัวทรงอิทธิพล มีผู้หญิงหลายคนที่ชื่นชอบคุณมากกว่าผู้ชายที่ชื่นชอบฉัน ช่างเถอะ ประเด็นคือคุณตั้งใจจะอยู่กับฉันคนเดียวไม่ว่าคุณจะมีคนชื่นชมมากแค่ไหนก็ตาม”
กู้หนิงรู้สึกไม่พอใจที่มีผู้หญิงคนอื่นมองผู้ชายของเธอ แต่ตราบใดที่เลิ่งเชาถิงรักเธอคนเดียว เธอก็จะไม่โกรธเขา ที่จริงเธอไม่สนใจผู้ชายคนอื่นเพราะเธอมีเลิ่งเชาถิงเป็นแฟนอยู่แล้ว แต่เลิ่งเชาถิงทนไม่ได้ที่ผู้ชายคนอื่นยังพยายามทำให้เธอพอใจเมื่อเขาอยู่ด้วย
เลิ่งเชาถิงหยุดรถที่ริมถนนทันทีและมองไปที่กู้ด้วยความรักใคร่ “ผมไม่สนใจว่ามีผู้หญิงกี่คนที่ชอบผม ผมสนคุณแค่คนเดียวและคุณคือรักเดียวของผม และผมจะรักคุณตลอดไป”
“ใช่! ฉันเองก็ไม่สนใจว่าจะมีผู้ชายกี่คนที่ชอบฉันและฉันจะไม่ให้โอกาสพวกเขา เพราะฉะนั้นอย่าทำหน้าบึ้งอยู่เลยค่ะ!” กู้หนิงบ่น
เลิ่งเชาถิงนิ่งไป เขาเห็นด้วยกับเธอ เขาไม่ควรโกรธเธอเลยจริงๆ แต่เขามักจะแสดงสีหน้าโกรธต่อหน้าเธอเมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง “ผมขอโทษ หนิงหนิง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่โทษคุณหรอก ไปกันต่อเถอะค่ะ”
เลิ่งเชาถิงพลันสบายใจขึ้น
ภายในเวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงย่านที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี เลิ่งเชาถิงจอดรถหน้าบ้านที่มีสวน กู้หนิงมองเข้าไป บ้านหลังนี้มีขนาดใหญ่และมีขนาดประมาณ 200 ตารางเมตรพร้อมสวนขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตร
ในเมืองหลวงราคาบ้านสูงมากและมีเพียงคนรวยระดับสูงเท่านั้นที่สามารถซื้อบ้านหลังใหญ่พร้อมสวนกลางแจ้งที่นี่ได้ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจสำหรับเลิ่งเชาถิง
ตอนที่ 306 ทำไมถึงไม่สะดวก?
“ผมอยู่ที่นี่แค่ช่วงเวลาสั้นๆ และนี่คือที่ที่ผมอาศัยอยู่ตอนที่อยู่เมืองหลวง บ้านหลังนี้ได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำดังนั้นเราสามารถอาศัยอยู่ได้ตลอดเวลา” เลิ่งเชาถิงกล่าว
หลังจากนั้นเลิ่งเชาถิงก็จูงมือกู้หนิงเดินเข้าไปในบ้าน
ไฟเปิดสว่าง กู้หนิงมองสำรวจไปรอบๆ การตกแต่งเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความหรูหราซึ่งเข้ากับบุคลิกของเลิ่งเชาถิง แม้ว่าบ้านจะตกแต่งด้วยสิ่งของจำเป็นที่เรียบง่ายที่สุด แต่ก็มีทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการ
“ถ้าคุณยุ่งก็ไปเถอะค่ะ ฉันอยู่ที่นี่ได้” เลิ่งเชาถิงต้องกลับไปที่บ้านตระกูลเลิ่ง ดังนั้นเธอจึงไม่อยากทำให้เขาเสียเวลา
เลิ่งเชาถิงกอดกู้หนิง กดหน้าซบกับผมของเธอ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการจากไป ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็เอ่ยว่า “รอผมนะ ผมจะรีบกลับมา”
“ค่ะ” กู้หนิงตอบ
จากนั้นเลิ่งเชาถิงก็จูบเบาๆที่หน้าผากของกู้หนิงก่อนจะผละจากไป
บ้านตระกูลเลิ่งเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ สร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 20 ได้รับการปรับปรุงใหม่และซ่อมแซมบางส่วน แต่ยังคงไว้ซึ่งสไตล์คลาสสิก สมาชิกทุกคนของตระกูลเลิ่งอาศัยอยู่ที่นี่
ภายในห้องโถง เจียงซูหยวน ป้าคนที่สองของเลิ่งเชาถิง กำลังวิพากษ์วิจารณ์เลิ่งเชาเจี๋ยที่เอาแต่ลอยชายไปมาตลอดครึ่งปีหลังจากที่สำเร็จการศึกษา อย่างไรก็ตามเลิ่งเชาเจี๋ย ไม่สนใจว่าแม่ของเธอกำลังดุด่าว่าอะไร เธอนั่งดูทีวีพร้อมหยิบขนมขึ้นมากินอย่างสบายอารมณ์
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับคุณชายเลิ่ง”
เสียงประหลาดใจของพ่อบ้านดังขึ้นซึ่งทำให้ทั้งเจียงซูหยวนและเลิ่งเชาเจี๋ยชะงักไปชั่ววินาที เลิ่งเชาถิงกลับมาแล้ว? เจียงซูหยวนและเลิ่งเชาเจี๋ยไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดหลังจากได้ยินว่าเลิ่งเชาถิงกลับมาแล้ว
เลิ่งเชาถิงโดดเด่นมากเกินไปในรุ่นหนุ่มสาวของตระกูลเลิ่ง เขาจึงมีแนวโน้มที่จะสืบทอดสมบัติของตระกูลเลิ่ง ดังนั้นเจียงซูหยวนและเลิ่งเชาเจี๋ยจึงอิจฉาเขา เพราะเลิ่งเชาถิง ลูกชายของเจียงซูหยวน ‘เลิ่งเชาหมินอาจไม่ได้สืบทอดสมบัติของตระกูลเลิ่ง
แม้ว่าเลิ่งเชาถิงจะเป็นหลานชายคนโตของนายท่านเลิ่ง และด้วยเหตุผลนี้ก็มีเหตุผลพอสมควรที่เขาจะเป็นผู้สืบทอดของนายท่านเลิ่ง แต่สมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลเลิ่งกลับมีความคิดเห็นที่ตรงกันข้ามเพราะพ่อแม่ของเลิ่งเชาถิงเสียชีวิตไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตามไม่มีสมาชิกคนใดในตระกูลเลิ่งที่ชัดเจนเกี่ยวกับความสามารถและอิทธิพลของเลิ่งเชาถิงแม้แต่นายท่านเลิ่งก็ไม่ได้รู้มากกว่าคนอื่นๆในตระกูล นายท่านเลิ่งรู้แค่ว่าเลิ่งเชาถิงมีทรัพย์สินภายใต้ชื่อของเขาเอง คนอื่นๆในตระกูลเลิ่งเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นนายพลในกองทัพ เขายังเป็นนายพลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยวัยเพียง 25 ปีซึ่งเพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถที่โดดเด่นของเขา
ก่อนหน้านี้เลิ่งเชาถิงเพิ่งบอกกู้หนิงว่าเขาสนใจเฉพาะปู่ของเขาเพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นๆในตระกูลล้วนไม่สำคัญ
พ่อบ้านมีชื่อว่าเลิ่งฉางจื่อ เขาเป็นญาติห่างๆของตระกูลเลิ่งและกลายมาเป็นคนสนิทของเลิ้งเว่ยหัวดังนั้นเขาจึงเป็นมิตรกับเลิ่งเชาถิงและเลิ่งเชาถิงก็เคารพเขาเช่นกัน
“ลุงเลิ่ง” เลิ่งเชาถิงเรียกเขา
“นายท่านอยู่ที่ห้องหนังสือครับ” เลิ่งฉางจื่อยิ้มสุภาพ
“ครับ ผมจะไปพบคุณปู่เดี๋ยวนี้” เลิ่งเชาถิงเอ่ย จากนั้นก็เดินเข้ามาข้างใน
“สวัสดีจ้ะ เชาถิง” ถึงแม้ว่าเจียงซูหยวนจะไม่ชอบเลิ่งเชาถิง เธอก็ยังจำเป็นต้องมีมารยาท
“สวัสดีครับ ป้าเจียง” เลิ่งเชาถิงทักตอบอย่างเย็นชา
เลิ่งเชาเจี๋ยไม่สนใจเลิ่งเชาถิง เลิ่งเชาถิงก็ไม่สนใจเธอเช่นกัน เขาเดินขึ้นบันไดไป
ภายในห้องหนังสือชั้นสอง นายท่านเลิ่งยังคงนั่งอยู่หลังโต๊ะอ่านหนังสือพิมพ์ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เขาก็เปิดปากพูดว่า “เข้ามา”
เลิ่งเชาถิงผลักประตู เดินเข้าไปข้างใน
เมื่อเห็นเลิ่งเชาถิง นายท่านเลิ่งก็วางหนังสือพิมพ์ลงทันทีและบ่นว่า “ทำไมถึงมาช้า? ปู่รอแกอยู่ตั้งนาน!”
“ผมอยากจะมาช้ากว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ผมคิดว่าผมจะกลับออกไปได้เร็วถ้าผมมาเร็วกว่านี้” เลิ่งเชาถิงกล่าวโดยมีจุดประสงค์
นายท่านเลิ่งชักจะโกรธขึ้นมา “อะไรนะ? แกเพิ่งมาถึงเมืองหลวง แล้วแกจะไปไหนต่ออีก?”
“บ้านของผม” เลิ่งเชาถิงตอบ
“แกแทบจะไม่กลับมา ค้างที่นี่สักคืนไม่ได้เหรอ” นายท่านเลิ่งหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดถึงหลานชายคนโตของเขามาก แต่ดูเหมือนว่าหลานชายคนโตของเขาจะไม่สนใจความรู้สึกของเขาเลย ปกติเลิ่งเชาถิงยุ่งและเข้าใจได้ว่าเขาจะไม่กลับบ้าน แต่ตอนนี้เขาอยู่บ้านแล้วแต่ทำไมถึงอยู่ไม่ได้?
“ไม่สะดวกครับ” เลิ่งเชาถิงอยากอยู่กับกู้หนิงมากกว่า
“ทำไมถึงไม่สะดวก? นี่เป็นบ้านของแก!” นายท่านเลิ่งเกือบควบคุมอามณ์ตัวเองไม่ได้
“ผมมีแฟนแล้ว” เลิ่งเชาถิงไม่ปิดบังความจริง
“อะไรนะ?” ได้ยินเช่นนั้น นายท่านเลิ่งก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ และแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “แกพูดว่าไงนะ? พูดอีกทีสิ”
“ผมมีแฟนแล้ว” เลิ่งเชาถิงตอบด้วยความอดทน
นายท่านเลิ่งผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาประหลาดใจมาก “จริงรึ? นี่แกมีแฟนแล้วจริงๆรึ?”
“ครับ” เลิ่งเชาถิงยืนยันคำตอบของเขาอีกครั้งพร้อมกับพยักหน้า
ตอนนี้นายท่านเลิ่งยิ่งกว่าดีใจ ในที่สุดหลานชายของเขาก็มีแฟนแล้ว! เลิ่งเชาถิงทั้งหล่อและมีเสน่ห์ แต่ไม่เคยใกล้ชิดผู้หญิงมาก่อน นายท่านเลิ่งถึงกับสงสัยรสนิยมทางเพศของหลานชายซึ่งพิสูจน์ในภายหลังแล้วว่าไม่จริง อย่างไรก็ตามไม่ว่านายท่านเลิ่งจะโน้มน้าวให้เลิ่งเชาถิงออกเดทหรือมีแฟนมากแค่ไหนก็ตาม เลิ่งเชาถิงก็ปฏิเสธเสียงแข็งโดยไม่ลังเล ถึงแม้เลิ่งเชาถิงจะยังหนุ่มยังแน่นและยังไม่ต้องรีบร้อนแต่งงานในตอนนี้ นายท่านเลิ่งก็ยังกังวลว่าหลานชายคนโตจะเป็นโสดตลอดไป
นายท่านเลิ่งไม่สนใจพื้นหลังครอบครัวก็จริง แต่คงดีกว่าถ้าเลิ่งเชาถิงตกหลุมรักผู้หญิงที่มีพื้นฐานครอบครัวใกล้เคียงกัน แต่ไม่ว่ายังไงนายท่านเลิ่งก็ยังคงสนับสนุนเลิ่งเชาถิงถึงแม้เขาจะเลือกผู้หญิงจากครอบครัวธรรมดาๆ นายท่านเลิ่งหวังเพียงว่าหลานชายของเขาจะมีความสุขแค่นั้นเอง ดังนั้นนายท่านเลิ่งจึงไม่ได้ถามถึงครอบครัวแฟนของหลานชายเพราะเขาเชื่อใจเลิ่งเชาถิง “แฟนแกเป็นคนที่ไหน? เมื่อไหร่จะพามาพบปู่?” นายท่านเลิ่งถามอย่างตื่นเต้น
“เธอเป็นคนเมือง F เธอจะไม่มาเจอคุณปู่จนกว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในเมืองหลวงได้” กู้หนิงบอกเขาว่าเธอยังไม่พร้อม ดังนั้นเธอจึงยังไม่เต็มใจพบกับคุณปู่ของเขาในตอนนี้ แค่การที่เขาบอกว่าเขามีแฟนแล้วถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของเธอ
“สอบเข้ามหาวิทยาลัย? แฟนแกอายุเท่าไหร่กัน?” นายท่านเลิ่งตกใจ