ลูกไก่ ที่กำลังเดินข้ามถนนอยู่ดีๆก็โดนรถชนจนได้ไปเกิดใหม่ในร่างเด็กน้อย อายุสิบขวบปีแถมยังมีครอบครัวที่น่ารักอีก ใครจะไปคิดว่าจะได้ย้อนยุค
ลูกไก่ ที่กำลังเดินข้ามถนนอยู่ดีๆก็โดนรถชนจนได้ไปเกิดใหม่ในร่างเด็กน้อย อายุสิบขวบปีแถมยังมีครอบครัวที่น่ารักอีก ใครจะไปคิดว่าจะได้ย้อนยุค
ยามเว่ย (13.00 - 14.59 น.) มู่หลันฮวาได้เรียกให้ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ให้มาที่เรือน เพราะมู่หลันฮวาตั้งใจจะสร้างตระกูลมู่ขึ้นมาใหม่ในหมู่บ้านซานเป่ยแห่งนี้
“หลันเอ๋อร์เจ้ามีเรื่องอะไรหรือถึงได้เรียกทุกคนมาเช่นนี้” มู่เหยียนชิงมีท่าทีเคร่งขรึมทันทีเมื่อดูว่ามู่หลันฮวานั้นมีท่าทีที่จริงจัง
“ท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ข้ามีเรื่องจะมาปรึกษาเจ้าค่ะ” มู่หลันฮวานั้นได้คิดมาอย่างดีแล้ว
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นรึหลันเอ๋อร์ เจ้าถึงได้ดูจริงจังขนาดนี้” มู่เหยียนชิงถามมู่หลันฮวาอย่างกังวล
“ข้าว่าเราควรที่จะเริ่มสร้างบ้านและฟื้นฟูตระกูลมู่ขึ้นมาใหม่นะเจ้าค่ะ ในเมื่อเงินเราก็มีอยู่จำนวนนึงแล้วท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่เองก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน แล้วอีกไม่กี่วันข้าก็จะนำโอสถทะลวงปราณเข้าไปประมูลที่โรงประมูลหยางไป๋อีกโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าเราจะไม่มีเงินมาก่อตั้งตระกูลเลย และที่สำคัญท่านพ่อท่านอย่าลืมสิเจ้าค่ะว่าคนพวกนั้นทำอะไรไว้กับท่านพ่อบ้าง ไหนจะจ้างคนมาสังหารท่านทั้งขับไล่ท่านออกจากตระกูล ข้ายอมไม่ได้เจ้าค่ะท่านพ่อ” มู่หลันฮวากล่าวออกมาเสียงดัง
มู่เหยียนชิงหลังจากที่ได้ฟังมู่หลันฮวาผู้เป็นลูกสาวพูดออกมานั้นได้ทำให้มู่เหยียนชิงคิดย้อนไปถึงอดีตที่แสนจะขมขื่น ในตอนนั้นมู่เหยียนชิงในวัย 15 ปี เขาบังเอิญไปรู้เรื่องที่ไม่สมควรจะได้รู้เลย ว่าการตายของท่านแม่นั้นสาเหตุที่แท้จริงมาจากการโดนแม่รองหรือมู่จื่อผิงวางยาพิษ และยาพิษตัวนั้นคือยาพิษสลายวิญญาณ มันจะทำให้ผู้ที่โดนพิษเข้านั้นจะค่อยๆ ไร้เรี่ยวแรง อวัยวะภายในโดนกัดกินทำให้ทรมานอย่างช้าๆ เป็นดั่งเช่นเขาว่าอยู่ไม่สู้ตาย มันค่อยๆ พรากลมหายใจของผู้โดนพิษเข้าไปทีละนิดพร้อมกับความเจ็บปวดแสนทรมาน แต่ความลับของแม่รองนั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้เพราะมู่เหยียนชิงได้รู้มาอีกว่าแม่รองนั้นได้เป็นชู้กับมู่ซ่งหลินผู้เป็นท่านลุงของเขา แม่รองนั้นได้สวมหมวกเขียวให้ผู้เป็นบิดาของมู่เหยียนชิงเป็นเวลานับสิบๆ ปี และท่านลุงซ่งหลินเองก็จับได้ว่ามู่เหยียนชิงได้รู้เรื่องที่มู่ซ่งหลินเป็นชู้กับมู่จื่อผิงจึงหาได้หาเรื่องขับไล่มู่เหยียนชิงออกจากตระกูลมู่และพยายามส่งนักฆ่าฝีมือดีตามฆ่ามู่เหยียนชิงตลอด เพื่อให้มู่เหยียนชิงได้ตายไปกับความลับนี้ เขาโดนท่านลุงซ่งหลินและแม่รองร่วมมือขับไล่ออกมาจากตระกูลมู่โดยที่มู่เสวี่ยซานผู้เป็นบิดาของมู่เหยียนชิงไม่รู้เรื่องนี้จึงมีแต่ครอบครัวของมู่เหยียนชิงเท่านั้นที่ทราบเรื่อง
“ท่านพ่อ ท่านพ่อเจ้าค่ะ” มู่หลันฮวาเมื่อเห็นมู่เหยียนชิงผู้เป็นบิดานิ่งเงียบไปจึงได้ส่งเสียงเรียก
“หืม.. ว่ายังไงหลันเอ๋อร์ เจ้าเรียกพ่อมีอะไรงั้นรึ” มู่เหยียนชิงที่ได้ยินเสียงมู่หลันฮวาเรียกจึงได้หลุดออกจากภวัง
“ก็เรื่องที่เราจะทำบ้านใหม่ยังไงละเจ้าค่ะ”
“ได้สิ เดี๋ยวพ่อจะเป็นคนไปจัดการคุยเรื่องสร้างบ้านกับท่านหยวนหลางเอง” มู่เหยียนชิงเมื่อได้พูดคุยกับมู่หลันฮวาเสร็จเรียบร้อยจึงได้เข้าไปที่ตัวเมือง
“ท่านแม่เจ้าค่ะ ที่ท่านพ่อเงียบไปเมื่อสักครู่นั้น…” มู่หลันฮวาได้หันไปถามมูหลันจิงผู้เป็นแม่ทันที
“อย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละหลันเอ๋อร์ ท่านพ่อเจ้าคงจะเสียใจไม่น้อย” เฮ้อ มู่หลันจิงได้แต่ถอนหายใจที่ตัวนางเองไม่สามารถช่วยอะไรผู้เป็นสามีได้เลย ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นใบหน้าที่โศกเศร้าเสียใจของสามีนางก็พานจะทำน้ำตาไหล
“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องเสียใจไปหรอกเจ้าค่ะรอแก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ตัวข้ามู่หลันฮวาผู้นี้จะไม่ปล่อยให้คนพวกนั้นสุขสบายได้นานหรอกเจ้าค่ะ ท่านแม่ได้โปรดเชื่อลูกคนนี้" หึ คนพวกมันต้องได้ชดใช้ในสิ่งที่พวกมันทำกับท่านพ่อและท่านย่าของนางแน่
“จ๊ะ แม่คนนี้เชื่อหลันเอ๋อร์อยู่แล้ว”
>.<
“อ้อ จริงสิหลันเอ๋อร์ เรื่องที่ลูกเป็นผู้ใชมิติลูกห้ามให้ผู้ใดรู้เด็ดขาดนะ ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้” มู่หลันฮวานางไม่คิดจะบอกใครอยู่แล้วนอกจากคนในครอบครัว
“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะบอกแค่คนในครอบครัวของเราเท่านั้น ที่มีแค่ท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ใหญ่”
“ดีมากหลันเอ๋อร์ของแม่” มู่หลันจิงพูดออกไปพร้อมกอดบุตรสาวด้วยความรัก
วันรุ่งขึ้นมู่เหยียนชิงได้เดินไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อขอซื้อที่ดินบริเวณรอบๆ บ้านเพิ่มเติมมาอีกห้าสิบหมู่ (1 หมู่ เท่ากับ 2 ตำลึงทอง) จึงทำให้ได้พื้นที่กว้างขวางจนสามารถสร้างบ้านได้สี่ถึงห้าหลังเลยทีเดียว ส่วนเรื่องสร้างบ้านนั้นมู่เหยียนชิงได้ตัดสินใจแล้วว่าจะจ้างท่านหยวนหลางเป็นคนสร้างบ้านแทน
“พรุ่งนี้ยามอู่ท่านหยวนหลางและคนงานจะเข้ามาดูบ้านและพื้นที่ของเรานะ”
“ทำไมรวดเร็วดีจังเจ้าค่ะท่านพ่อ”
“ก็ท่านหยวนหลางว่างอยู่พอดี จึงได้ตกลงสร้างบ้านหลังใหม่ให้เราเลย ภายภาคหน้าเมื่อพี่ใหญ่ของเจ้าแต่งงานจะได้มีพื้นที่ของครอบครัวแยกออกมาได้”
“ท่านพี่ซื้อที่ดินมามากมายขนาดนี้จะไม่เป็นอะไรหรือเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกน้องหญิงเจ้าไม่ต้องกังวล ที่ดินตรงนี้เป็นของเมืองเยว่ชาง ยังมีที่ว่างอีกมากที่ยังไม่มีผู้ใดจับจอง”
“ท่านพ่อเจ้าค่ะถ้าลูกต้องการซื้อที่ดินเพิ่มอีกจะได้หรือไม่เจ้าค่ะ”
“ได้สิหลันเอ๋อร์พ่อแล้วแต่เจ้าอยู่แล้ว แล้วนี่พี่ใหญ่เจ้าหายไปไหน” มู่เหยียนชิงถามเมื่อไม่เห็นผู้เป็นบุตรชาย
“อยู่นี่ขอรับท่านพ่อ ข้าไปเก็บผิงกั่วมาให้ท่านพ่อ ท่านแม่ และหลันเอ๋อร์กินขอรับ”
วันรุ่งขึ้นยามอู่มู่หลันฮวาและมู่เฟยชิงออกมานั่งขุดหลุมเพื่อที่จะทำแปลงปลูกผักกาดขาวจึงได้ยินเสียงเอะอะอยู่หน้าบ้าน
“นี่ใช่บ้านของท่านมู่เหยียนชิงหรือไม่ พวกข้ามาดูพื้นที่สร้างบ้านขอรับ” มู่เฟยชิงมองกลุ่มชายตัวใหญ่ที่ดูท่าทางน่ากลัวจึงได้ให้มู่หลันฮวาไปตามบิดาทันที
“อ้าว พวกท่านมากันแล้วรึ เชิญเข้ามาดื่มน้ำกันก่อนสิขอรับ”
“มิเป็นไรขอรับท่านมู่เหยียนชิง พวกข้ามาเพื่อดูพื้นที่สร้างบ้านเท่านั้นแล้วกลับไปเตรียมเครื่องมือในการสร้างบ้านให้ท่าน” มู่เหยียนชิงจึงเดินพาพวกเขาเดินไปยังจุดที่จะสร้างบ้านพร้อมกับชี้แจงให้พวกเขาฟังถึงรูปแบบบ้านที่อยากได้ ดีหน่อยที่นายช่างพวกนี้มีฝีมือและรับสร้างบ้านมาเป็นระยะเวลาที่นานแล้ว เพียงแค่รับฟังและอธิบายนิดๆ หน่อยๆ ก็สามารถมองออกเป็นฉากๆ ได้ทันที
“พอจะทำได้หรือไม่นายช่าง และข้าอยากให้นายช่างทำรั้วสูงๆ ล้อมรอบ”
“สบายมากขอรับ ส่วนไม้ที่จะทำบ้านท่านจะให้ทางเราจัดหามาเลยรึไม่”
“ถ้าเช่นต้องรบกวนนายช่างจัดหามาให้เลยนะขอรับ”
“ได้ขอรับ ส่วนค่าแรงเราเอาตามที่ตกลงคุยกันไว้ เดี๋ยวพวกข้าจะเป็นคนจัดหาไม้สำหรับสร้างบ้านไว้เอง แล้วจะให้ทางร้านส่งไม้มาไว้ที่บ้านของท่าน ส่วนเงินค่าไม้ท่านก็จ่ายกับทางนั้นเลย”
“เอาตามที่นายช่างว่าเลยขอรับ ขอคุณท่านมาก” หลังจากพูดคุยตกลงกันเรียบร้อยพวกนายช่างก็เดินไปวัดพื้นที่ไม่นานก็กลับไปทันที
“เราจะมีบ้านหลังใหญ่ๆ แล้วใช่หรือไม่ขอรับท่านพ่อ”
“ใช่แล้วเฟยเอ๋อร์ ต่อไปพวกลูกๆ ก็จะมีห้องนอนเป็นของตนเองเสียที ดีใจหรือไม่”
หลังจากนั้นผ่านไปไม่กี่วัน ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีกลายเป็นว่ามีบ้านหลังใหญ่พร้อมกับรั้วกำแพงเถาวัลย์ขนาดสูงที่มู่หลันฮวาใช้พลังธาตุพฤกษาสร้างขึ้นมาเพื่อกันไม่ให้คนด้านนอกมองเข้ามาข้างในได้ และในที่สุดบ้านตระกูลมู่ก็ได้สร้างขึ้นมาแล้ว
“ท่านพี่ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมีวันนี้อีกหลังจากที่เราโดนขับไล่ออกมากที่นั่น” มู่หลันจิงอดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้เพราะที่ผ่านมาทุกคนได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนเก็บความขมขื่น ความคับแค้นใจเอาไว้
“พี่เองก็ไม่คาดคิดเช่นกันน้องหญิงว่าเราจะมีวันนี้ วันที่ครอบครัวของเราสร้างตระกูลมู่ขึ้นมาเองได้”
“ข้าเองก็ดีใจมากเช่นกันขอรับ ที่เรามีได้แบบนี้ต้องขอบใจหลันเอ๋อร์” มู่เฟยชิงพูดออกมาด้วยความตื้นตันใจ
มู่เหยียนชิงและมู่หลันจิงได้เดินเข้ามาแล้วโอบกอดบุตรสาวและบุตรชายด้วยความรักพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสายแต่เป็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากความสุขไม่ใช่จากความเสียใจ