ลูกไก่ ที่กำลังเดินข้ามถนนอยู่ดีๆก็โดนรถชนจนได้ไปเกิดใหม่ในร่างเด็กน้อย อายุสิบขวบปีแถมยังมีครอบครัวที่น่ารักอีก ใครจะไปคิดว่าจะได้ย้อนยุค
ลูกไก่ ที่กำลังเดินข้ามถนนอยู่ดีๆก็โดนรถชนจนได้ไปเกิดใหม่ในร่างเด็กน้อย อายุสิบขวบปีแถมยังมีครอบครัวที่น่ารักอีก ใครจะไปคิดว่าจะได้ย้อนยุค
“หลันเอ๋อร์ ไปตามท่านแม่ของลูกมาหาพ่อ เดี๋ยวพ่อกับพี่ใหญ่ของเจ้าจะไปรอในบ้าน” มู่เหยียนชิงกล่าวอย่างเร่งรีบเพราะจำนวนเงินที่ได้รับมานั้น ทำเอามือของมู่เหยียนชิงสั่นไม่หยุด ตอนที่อยู่ตระกูลมู่แม้ว่าจะหาเงินได้จำนวนเยอะแต่เขาก็ยังไม่เคยได้จับเงินจำนวนขนาดนี้มาก่อน
“ท่านพ่อ ข้าตามท่านแม่มาให้แล้วเจ้าค่ะ ทำไมท่านพ่อกับพี่ใหญ่ถึงทำตัวกันแปลกๆ อย่างนี้เจ้าค่ะ” มู่หลันฮวาถามอย่างสงสัย
“นั่นสิท่านพี่ ทำไมทำตัวแปลกๆ เหมือนที่หลันเอ๋อร์บอก” มู่หลันจิงก็สงสัยไม่ต่างจากบุตรสาว
“ท่านแม่ ท่านทำใจดีๆ ไว้นะขอรับ” มู่เฟยชิงบอกกล่าว
“ไหนบอกแม่มาซิ เฟยเอ๋อร์ ทำไมลูกกับท่านพ่อของลูกเป็นแบบนี้”
มู่เหยียนชิงไม่รอช้านำเงินจำนวน สองหมื่นห้าพันเหรียญทองออกมาตั้งตรงหน้าให้ภรรยาและลูกๆ ดู มู่หลังจิงเมื่อได้เห็นจำนวนเงินที่เยอะขนาดนั้นจึงได้เป็นลมล้มพับไป
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดูแม่ของพวกเจ้าเป็นยิ่งกว่าพ่ออีกถึงขั้นเป็นลมล้มพับกันเลยทีเดียว” มู่เหยียนชิงทั้งขำและเห็นใจภรรยาไปพร้อมๆ กัน
“ขายได้เงินเยอะขนาดเลยรึเจ้าค่ะ” มู่หลันฮวาถามออกไปอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
“ใช่หลันเอ๋อร์ ตอนที่พี่กับท่านพ่อรู้ราคาโสมพวกนี้ ก็ตกใจไม่น้อย” มู่เฟยชิงรีบเอ่ยบอกน้องสาวทันที
“หลันเอ๋อร์โสมพวกนี้ที่ลูกให้พ่อมามันมีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีเลยราคาจึงอยู่ที่หัวละห้าพันเหรียญทอง”
หลังจากที่มู่หลันฮวารู้ราคาของโสมพวกนี้เข้าก็ยกยิ้มดีใจ ในที่สุดครอบครัวของนางจะไม่ยากจนอีกต่อจะทำการก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้ามีความสุขจริงๆ เลย ร่ำรวย ร่ำรวย
“ท่านพ่อ” มู่หลันฮวาเอ่ยเรียกมู่เหยียนชิง
“ท่านเหมือนจะหลงลืมอะไรไปหรือเปล่าเจ้าค่ะ”
“ท่านพ่อลืมอะไรรึหลันเอ๋อร์” มู่เฟยชิงเองก็สงสัยที่น้องสาวเอ่ยถาม
“นั่นสิทำไมลูกถามแบบนั้นหละหลันเอ๋อร์” มู่เหยียนชิงก็สงสัยไม่ต่างจากลูกชาย
“ก็ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ลืมท่านแม่ยังไงละเจ้าค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” มู่หลันฮวากล่าวจบก็หัวเราะออกมาไม่หยุด นี่ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ของนางถึงขั้นหลงลืมท่านแม่ของนางไปเลยรึ
“นั่นสิหลันเอ๋อร์ คงมีแต่ลูกที่ยังไม่ลืมแม่คนนี้ ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ของเจ้าช่างใจร้ายกับแม่เสียจริงเชียวมันน่าน้อยใจนัก” มู่หลันจิงจึงแกล้งเอ่ยอย่างงอนๆ ผู้เป็นสามีและลูกชาย
“โถ่น้องหญิง เจ้าอย่างอนพี่นะ พี่แค่ดีใจไปหน่อยเท่านั้นเอง” มู่เหยียนชิงรีบกล่าวกลัวว่าผู้เป็นภรรยาจะเสียใจจริงๆ
“ใช่ๆ ท่านพ่อข้ากับท่านจะลืมท่านแม่ได้เช่นไร” มู่เฟยชิงก็ไม่น้อยหน้ากลัวว่าผู้เป็นมารดาจะเสียใจจริงเหมือนที่ท่านพ่อคิด
มู่หลันจิงพอได้ฟังจากที่สองพ่อลูกกล่าวนั่นจึงไปขยิบตาให้มู่หลันฮวาผู้เป็นลูกสาวนางทันที ฮ่า ฮ่า ฮ่า มู่หลันฮวาพอได้เห็นมารดาขยิบตาส่งมาให้ก็ถึงกับกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ มารดาของนางช่างน่ารักเสียจริงถึงขนาดทำให้ท่านพ่อและพี่ใหญ่ทำตัวกันไม่ถูก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
มู่เหยียนชิงและมู่เฟยชิงที่เห็นมู่หลันฮวาหัวเราะเสียงดังจึงได้รู้ว่าพวกตนทั้งสองโดนผู้เป็นภรรยาและท่านแม่แกล้งเข้าให้เสียแล้ว พวกเขาทั้งหมดจึงหัวเราะขึ้นทันที นี่สินะคำว่าครอบครัวที่แท้จริงที่นางต้องการมาตลอด
ตกเย็นวันนั้นหลังจากพวกเขากินข้าวกันเสร็จแล้วจึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน มู่หลันฮวาจึงนอนทบทวนเหมือนนางจะหลงลืมอะไรไปสักอย่าง
“จริงสิ ข้าลืมไปได้ยังไงว่าข้าได้ขอพรกับท่านตาไว้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าสามารถฝึกฝนพลังปราณและพลังธาตุได้แถมยังเป็นผู้ครอบครองมิติอีก โอ้เย้ โอ้เย้ โอ้โอ้เย้ มาซะเป็นเพลงเชียว” มาต่อๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็ลองหลับตาแล้วนึกถึงมิติของนาง ไม่นานนางก็ได้เข้ามาอยู่ภายในมิติแห่งนี้แล้ว ภายในมิติของนางนั้นไกลสุดลูกหูลูกตา มีสวนสมุนไพรที่หายากเต็มไปหมด ไหนจะบ่อน้ำทิพย์สวรรค์ที่สามารถดื่มกิน อาบแช่ตัว ทั้งยังช่วยในการเพิ่มขั้นพลังปราณอีก และถ้ำสำหรับฝึกพลังปราณ พลังธาตุ ปรุงโอสถ และฝึกยุทธิ์ต่างๆ ไหนจะมีบ้านที่ตั้งอยู่ตรงหน้านางที่ขนาดไม่ได้เล็กเลย แถมในมิติแห่งยังมีพลังปราณที่หนาแน่นและบริสุทธิ์อีกด้วย เมื่อนางเดินสำรวจบริเวณรอบนอกจนพอใจจึงเดินเข้ามาภายในตัวบ้าน โอ้ยยย มีแต่สมบัติล้ำค่าทั้งนั้นเลย ไหนจะหนังสือที่เกี่ยวกับการฝึกปราณและพลังธาตุอีก งานนี้เห็นทีนางมีแต่ได้กับได้ เห็นทีนางต้องขอบคุณตาเป็นการใหญ่เสียแล้วที่มอบของพวกนี้ให้นางเยอะแยะไปหมด พูดได้คำเดียว รวยแน่ๆ รวยสุดๆ
เมื่อนางสำรวจและมองจนพอใจแล้วนางจึงออกมาจากมิติ มู่หลันฮวาจึงทราบว่าเวลาภายในมิติของนางนั้น 1 ปี เท่ากับเวลาภายนอก 1 เดือน จากนั้นนางจึงนอนหลับพักผ่อนเอาแรงเพื่อที่จะเอาเรื่องที่นางคิดไว้ไปปรึกษาและสอบถามท่านพ่อของนาง
วันต่อมา
ยามซื่อ (09.00 - 10.59 น.) มู่หลันฮวาจึงเดินไปหาท่านพ่อเพื่อที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการฝึกฝนปราณและพลังธาตุ เพราะการที่นางได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้จึงได้รู้ว่าทุกคนในบ้านนั้นเป็นผู้มีปราณและพลังธาตุไม่เว้นแต่ตัวนางเอง แต่มู่หลันฮวานางยังมีเรื่องที่สงสัยและข้องใจเกี่ยวกับครอบครัวของนางในตอนนี้ ทำไมท่านพ่อและท่านแม่ของนางนั้นไม่สามารถเลื่อนขั้นพลังปราณ
มู่หลันฮวาจึงได้มองข้ามไปก่อน รอให้นางฝึกฝนและแข็งแกร่งกว่านี้ก่อน นางจะทำให้ครอบครัวของนางแข็งแกร่งและเป็นที่ยำเกรงให้ได้เพื่อที่จะไม่มีใครมารังแกข่มเหงและเอาเปรียบครอบครัวนาง
“ท่านพ่อเจ้าคะ ลูกอยากรู้เรื่องระดับปราณและธาตุต่างๆ เจ้าค่ะ”
“ได้สิหลันเอ๋อร์ มานั่งข้างๆ พ่อมา พ่อจะอธิบายให้เจ้าฟัง” แม้มู่เหยียนชิงจะอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมหลันเอ๋อร์ตัวน้อยของเขาถึงได้เปลี่ยนราวกับว่าเป็นคนละคน ถึงจะเปลี่ยนไปอย่างไรนางก็ยังเป็นลูกสาวตัวน้อยที่เขารักที่สุด
“พลังธาตุนั้นมี 6 ธาตุ ซึ่งแยกเป็น 2 ประเภท
พลังธาตุทั่วไปมี 4 ธาตุ ได้แก่
-ธาตุดิน
-ธาตุน้ำ
-ธาตุลม
-ธาตุไฟ
ส่วนพลังธาตุพิเศษนั้นมี 2 ประเภท
-ธาตุไม้หรือธาตุพฤกษา (นักหลอมโอสถ)
-ธาตุแสง (ผู้ใช้อักขระ)
และยังมีอีกอย่างหนึ่งที่หายากยิ่งกว่าธาตุไม้และธาตุแสงนั้นก็คือธาตุมิติหรือว่าผู้ใช้มิตินั่นเอง ผู้ที่ได้ครอบครองมิตินั้นหายากยิ่งกว่าสิ่งใดแม้แต่ในราชสำนักยังมีเพียงแค่เดียว
ส่วนพลังปราณนั้นมี 5 ระดับ
-ปราณระดับ 1 เรียกว่า ปราณก่อกำเนิด
-ปราณระดับ 2 เรียกว่า ปราณยุทธ
-ปราณระดับ 3 เรียกว่า ปราณราชัน
-ปราณระดับ 4 เรียกว่า ปราณจักรพรรดิ
-ปราณระดับ 5 เรียกว่า ปราณเทวะ
และที่อยู่สูงกว่าทุกปราณนั้นเรียกว่าปราณมหาเทวะหรืออีกชื่อเรียกว่าบรรลุขั้นเซียนหากผู้ใดบรรลุปราณมหาเทวะได้นั้นก็จะทำให้ไม่แก่มีอายุยืนยาวดั่งเช่นพวกเซียน แม้ว่าในยุทธภพนั้นจะมีไม่มากแต่คนล้วนเร้นกายหายไปยังที่ห่างไกลทั้งนั้นเพื่อไปใช้ชีวิตที่เรียบง่าย
ระดับของปราณแต่ละรับแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
-ระดับต่ำ
-ระดับกลาง
-ระดับสูง
นักหลอมโอสถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
-ระดับ 1 นักปรุงโอสถ (ระดับต่ำ)
-ระดับ 2 นักหลอมโอสถ (ระดับกลาง)
-ระดับ 3 ท่านผู้อาวุโส (ระดับสูง)
โอสถแบ่งออกเป็น 10 ระดับ
-1-5 เรียกว่า โอสถระดับต่ำ
-6-8 เรียกว่า โอสถระดับกลาง
-9-10 เรียกว่า โอสถระดับสูง"
หลังจากที่มู่หลันฮวานั้นได้ฟังที่ท่านพ่อบอกมาก็รู้สึกว่าการที่ตัวนางนั้นมีมิติเป็นเรื่องที่โชคดีมาก แต่ก็อาจจะเป็นอันตรายกับนางได้หากมีคนอื่นล่วงรู้เหมือนกับดาบสองคมดีๆ นั่นเอง ดังนั้นนางจึงได้ตัดสินใจที่จะบอกเรื่องธาตุมิติของนางให้ท่านพ่อได้รู้เพื่อความปลอดภัยของตัวนางและครอบครัว เพื่อหาทางป้องกัน