เฉินโหรวหยูได้พบกับเหมิงกู้เพราะเพื่อนที่แสนดีของเธอ ‘เกาอูหลาน’ เหมิงกู้เป็นเพื่อนสามีของเกาอูหลาน ‘หยินเซ่อ’
วันหนึ่งหยินเซ่อและเพื่อนของเขามีเรื่องทะเลาะวิวาท และไปโรงพยาบาลที่เหมิงกู้ทำงานอยู่ เฉินโหรวหยูที่ตามพวกเขาไปด้วยก็ได้พบกับคุณหมอเหมิงกู้ ซึ่งไม่ว่าเขาจะชื่ออะไรหรือมีท่าทีอย่างไรก็ดูไม่เหมือนหมอเลยสักนิดเดียว
เขาบอกว่าแซ่พ่อของเขาคือเหมิง ส่วนแซ่ของแม่คือกู้ และชื่อของเขาคือเหมิงกู้
เมื่อเฉินโหรวหยูได้ยินเช่นนั้นก็อยากหัวเราะเพราะคนที่มีชื่อแบบนี้ก็กลายเป็นหมอได้
พอชื่อของเขามารวมกัน เขาจึงถูกเรียกว่า...คุณหมอเหมิงกู้ (ในภาษาจีนหมายความว่าหมอชาวมองโกเลีย)
ความประทับใจแรกต่อคุณหมอมองโกเลียคนนี้คือ.....เขาหล่อมากและตลกมาก
เธอชอบผู้ชายที่มีชีวิตชีวาและมีอารมณ์ขัน เพราะเธอเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสียและไม่คิดเล็กคิดน้อย ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจผู้ชายประเภทที่อ่อนโยนและอ่อนไหวง่าย
แต่เธอทำพลาด เธอไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างคนที่ร่าเริงและมีอารมณ์ขันกับ....คนที่หน้าด้านและปากร้าย
ในตอนนั้นเธออยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญของผู้หญิง เธออยู่ในวัยที่ควรแต่งงาน เธอไม่มีแฟนแถมยังต้องดิ้นรนทำงานคนเดียวในเมืองต่างถิ่น เธอต้องการการดูแลและความรัก
เมื่อมองย้อนกลับไป เธอต้องยอมรับว่าบางครั้งผู้หญิงในช่วงนี้ของชีวิตมักอ่อนไหวง่าย และก็ง่ายมากที่จะทำผิดพลาด ตอนนั้นเธอก็เป็นแบบนี้
เธอทำพลาดที่คิดว่าเขาเป็นคนอารมณ์ขัน จากนั้นชีวิตของเธอก็ถูกห่อหุ้มด้วยความผิดพลาดของเธอเอง
ตอนนั้นเธอมีสองทางเลือก หนึ่งคือเพื่อนที่แสนดีของหยินเซ่อ ‘เล่ยเฟิง’ นายตำรวจหนุ่มที่ใจดีและแสนสุภาพ ส่วนอีกคนคืออีตาหมอมองโกเลีย ‘เหมิงกู้’
แม้ว่าจะบอกว่าเป็นสองทางเลือก แต่ในความเป็นจริงเฉินโหรวหยูไม่ได้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบกับคนใดคนหนึ่ง ตอนนั้นเธอแค่ได้พบกับผู้ชายสองคนที่มีคุณสมบัติที่ดีในเวลานั้นเท่านั้นเอง
เธอเก็บงำความรู้สึกของนักล่าไว้ในใจ มันเป็นปัญหาของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เธอยอมรับว่าเธอมีปัญหามากมาย และเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆ
ช่วงเวลาสั้นๆเฉินโหรวหยูไม่รู้ว่าควรเลือกใคร ดังนั้นเธอจึงทำผิดอีกครั้ง เธอขอให้เพื่อนของเธอเกาอูหลานช่วยหาข้อมูลจากหยินเซ่อเกี่ยวกับผู้ชายสองคน
เธอแค่อยากรู้ว่าพวกเขายังโสดอยู่ไหม มีความสนใจงานอดิเรกอะไรบ้าง บลาๆๆ ในฐานะผู้หญิงยุคใหม่เธอคิดว่าสิ่งนี้จะปลอดภัยมากขึ้น และหลังจากได้รับข้อมูลแล้วเธอถึงตัดสินใจว่าควรไล่ตามใคร
ใช่ เธอไม่สนว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เธอไม่ใช่ผู้หญิงจ๋าหรือเป็นผู้หญิงที่ต้องเชื่อฟังโดยไม่มีคำถาม เธอแค่ต้องการเป็นผู้หญิงธรรมดาที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ชายที่ดี ที่มีงานทำมั่นคงและใช้ชีวิตที่สงบสุข
เธอพยายามอย่างหนักในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และทำงานหนักเพื่องานของเธอ แล้วทำไมไม่พยายามอย่างหนักในการหาคู่ชีวิตตัวเองล่ะ
ดังนั้นหลังจากทราบว่าเล่ยเฟิงมีคู่หมั้นแล้ว เหมิงกู้ก็กลายเป็นเป้าหมายของเฉินโหรวหยูในทันที
นี่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่สุดของเธอ
เมื่อผิดพลาดครั้งหนึ่ง ความผิดพลาดครั้งที่สองที่สามก็ตามมา และตามมาด้วยความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เธอทำผิดโดยการเชื่อในความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อเหมิงกู้ เธอไม่ได้ตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของชายผู้น่ารังเกียจคนนี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความโชคร้ายต่อตัวเธอในอนาคต
เนื่องจากหยินเซ่อรู้ว่าเธอสนใจผู้ชายสองคนในเวลาเดียวกัน ซึ่งนั่นหมายความว่าเหมิงกู้ก็น่าจะรู้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงใช้เรื่องนี้เยาะเย้ยเธอ
ความผิดพลาดครั้งใหญ่สุดของเธอคือการตั้งเป้าหมายผิด วิ่งไปผิดทาง และต่อมาเมื่อเธอต้องการถอยก็พบว่ามันสายไปแล้ว
เฉินโหรวหยูมองไปที่กองต้นหอมบนเขียง จากนั้นเธอก็นึกได้ว่าก่อนที่เธอจะสับต้นหอมเธอลืมล้างมัน เธอจำได้ว่าตอนที่ซื้อมาเธอเห็นโคลนเกาะที่ต้นหอม
ตอนนี้ควรทำไงดี?
แน่ใจได้แค่ไหนว่าหลังจากกินอาหารไม่สะอาดนี้เขาจะไม่ป่วย? แต่สำหรับคนป่วยจริงๆแล้วจะยังมีปัญหาอีกเหรอ?
เฉินโหรวหยูลังเล หรือจะทิ้งต้นหอมให้หมด? แต่เหมิงกู้ชอบกินต้นหอม โจ๊กที่ไม่มีต้นหอมจะยังน่ากินอยู่หรือ?
คิ้วของเธอขมวดเป็นปมและรู้สึกหงุดหงิด เห็นได้ชัดว่านี่เป็นปัญหาเพียงเล็กน้อยแต่ทำไมเธอต้องลังเลด้วยนะ
หัวของเธอรู้สึกร้อน เธอหยิบกะละมังเติมน้ำแล้วใส่ต้นหอมทั้งหมดลงในอ่าง อย่างน้อยก็ถือว่าเธอล้างต้นหอมแล้ว ต้นหอมลอยอยู่ในน้ำและสิ่งสกปรกก็จมลงไปด้านล่าง จากนั้นเธอก็ใช้มือของเธอตักต้นหอมขึ้นมา
โง่จริง!
เธอตบกะลังมังและเสียใจที่ตัวเองเชื่อฟังขนาดนี้
เธอยังโมโหให้เขาอยู่และตัดสินใจไม่สนใจเขา แต่พอเขาโทรมาหา เธอก็มาหาเขาทันที
จริงๆแล้วเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ยังไง? เธอพิงขอบโต๊ะและมองหม้อโจ๊กบนเตา
ตอนนั้นที่เธอตัดสินใจจะไล่ตามจีบเหมิงกู้ เธอวางแผนอย่างจริงจัง
สเต็ปแรก สร้างสถานการณ์พบกันโดยบังเอิญ
สเต็ปที่สองคือปรับให้เข้ากับความชอบของเขาและดึงดูดความสนใจจากเขาให้ได้
สเต็ปที่สามคือการรักษาความสม่ำเสมอและสารภาพความรู้สึก
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ สเต็ปที่สี่คือทะเบียนสมรส แต่งงาน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
และถ้ามันราบรื่นขึ้นอีกหน่อย สเต็ปที่ห้าคือการให้กำเนิดทารกและเธอไม่จำเป็นต้องกังวลสำหรับข้าวของเครื่องใช้ชีวิตประจำวันอีกต่อไป
แล้วดูตอนนี้สิ! นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่าชีวิต
เฉินโหรวหยูคาดไม่ถึงว่าเมื่อเธอทำตามสเต็ปแรก เธอก็พบกับความพ่ายแพ้แล้ว
เหมิงกู้ปฏิบัติหน้าที่ในคลินิกผู้ป่วยนอกหนึ่งวันต่อสัปดาห์ และในบางครั้งเขาก็ปฏิบัติหน้าที่ในหอผู้ป่วยในที่โรงพยาบาล เพื่อที่จะไล่ตามเขา เฉินโหรวหยูคำนวณเวลา ทำทุกวิถีทาง แสร้งทำเป็นป่วยและลงทะเบียนเพื่อรับการรักษาจากนั้นส่งดอกไม้และอาหารให้เขาเพื่อแสดงความขอบคุณ
เธอยังใช้ชื่อเกาอูหลานเพื่อนของเธอ และชื่อหยินเซ่อเป็นข้ออ้างในการออกเดทกับเขา
เธอคิดว่าเธอชัดเจนมาก และเขาต้องรู้ความหมายของเธอ แต่เขาไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ ราวกับว่าไม่เข้าใจสิ่งที่เธอทำ เขาทำตัวไร้เดียงสาและเป็นคนดี
ตอนนั้นเฉินโหรวหยูโง่เขลาและเธอไม่ใช่ทหารผ่านศึกในเกมประเภทนี้ อันที่จริงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมุ่งหน้าไล่ตามจีบผู้ชายคนหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
อาจเป็นเพราะเธอแสดงออกในทางที่ผิด เขาจึงไม่รู้สึกถึงมัน หรือบางทีพวกเธออาจถูกแยกจากกันด้วยความสัมพันธ์ของเกาอูหลานและหยินเซ่อ และเขาไม่คิดที่จะเริ่มสานสัมพันธ์กับเธอ
ในเวลานั้นเธอเป็นคนโง่เขลาคนหนึ่งและรู้สึกขายหน้าอยู่บ้าง แม้ว่าเธอจะเป็นคนขี้อาย จองหองนิดหน่อย ด้วยเหตุผลหลายประการเธอไม่กล้าที่จะแสดงออกอย่างชัดเจนกับเหมิงกู้ แต่ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งกล้าแสดงออก ทุกวันเธอจะคิดหาวิธีแสดงตัวตนให้เมิ่งกูรับรู้ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอบังเอิญได้ยินบทสนทนาของพยาบาลที่โรงพยาบาล
“เธอว่าเฉินโหรวหยูคนนั้นไร้ยางอายขนาดนี้ได้ยังไง คุณหมอเหมิงบอกชัดเจนว่าไม่สนใจเธอ แต่เธอก็ยังทำตัวติดกับเขาอยู่ได้”
“ด้วยคุณสมบัติของเธอ การจะหาแฟนสักคนคงยาก ไม่สวย ทำงานขายประกัน คิดว่าตัวเองรู้จักกับเพื่อนหมอเหมิง และคิดว่าเขาเป็นเป้าหมายที่จับได้ง่าย เธอควรสำเหนียกดูตัวเองว่าเหมาะสมกับคุณหมอรึเปล่า”
“ฉันคิดว่าคุณหมอเหมิงชอบพยาบาลเถียน พวกเขาชอบคุยและหัวเราะด้วยกันบ่อยๆ”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น วันนั้นพยาบาลเถียนก็บ่นกับฉันเกี่ยวกับเฉินโหรวหยู บางทีหมอเหมิงอาจบอกอะไรบางอย่างกับเธอ ฉันไม่สนใจเรื่องซุบซิบหรอก ไม่อย่างนั้นฉันว่าจะคุยกับเฉินโหรวหยูและบอกเธอว่าอย่ามาอีกเลย น่าอายจะตายที่ผู้หญิงวิ่งไล่ตามผู้ชาย และยังทำให้เขาบ่นอย่างขมขื่นกับผู้หญิงอีกคน ที่ไหนในโลกไม่มีหญ้า? ไม่ว่าฝาจะต้องพอดีกับหม้ออะไรก็ตาม เราต้องเข้าใจสถานการณ์เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องขายหน้า เธอไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?”
“จริง ของขวัญที่เธอให้เขา หมอเหมิงไม่เคยเก็บไว้เลย ฉันคิดว่าดอกไม้คงมอบให้พยาบาลเถียน และลูกอมทุเรียนก็แจกจ่ายให้พยาบาลคนอื่นๆ ถ้าฉันเป็นเฉินโหรวหยู คงไม่กล้ามาอีกแล้ว”
เฉินโหรวหยูซ่อนตัวอยู่ที่มุม รับฟังความเห็นอกเห็นใจและความไม่พอใจที่ไม่มีที่สิ้นสุดต่อตัวเธอ เธอไม่มีหน้าจะเดินผ่านพวกเขา เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าและถือลูกอมทุเรียนที่เธอนำมาในครั้งนี้ นี่คือลูกอมที่เธอโปรดปรานและสำหรับเธอมันมีราคาแพงมาก ตอนที่เหมิงกู้ยอมรับลูกอมจากเธอ เขายิ้มให้เธอจนทำให้เธอคิดว่าเขาก็ชอบมันเช่นกัน แต่ความจริงคือเขาไม่ได้ชอบมันเลย
อันที่จริงถ้าเขาไม่ชอบ เขาก็ควรบอกเธอไปตรงๆ ทำไมเขาถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ? ถ้าเขาต้องการที่จะไว้หน้าเธอ เขาควรบอกอะไรเธอบ้าง เธอจะได้เข้าใจ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อหน้าเธอ และหันไปบ่นให้คนอื่นฟัง นี่มันอะไรกัน?
ความคิดของเฉินโหรวหยูว่างเปล่า เธอรู้สึกอายและขายหน้ามากจนไม่สามารถขยับตัวได้ ทันใดนั้นเธอก็รู้ว่าบทสนทนาของพยาบาลหยุดลง และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง เธอก็เห็นพยาบาลเดินมายังมุมที่เธอยืนหลบอยู่
พยาบาลทำหน้าตื่นตกใจ ไม่คิดว่าคนที่เพิ่งเป็นหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่ยืนฟังพวกเธออยู่ ดวงตากลมโตของเฉินโหรวหยูสบเข้ากับดวงตาเล็กๆของนางพยาบาล
นางพยาบาลกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เมื่อเฉินโหรวหยูรวบรวมสติได้ เธอรู้ว่าสีหน้าเธอดูแย่มาก แต่ยังพยักหน้าและกล่าวว่า “ขอบคุณ” จากนั้นก็หมุนตัวเดินหนีไป
ขอบคุณ?!
ความจริงเธอไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงพูดแบบนั้น อย่างไรก็ตามเธอคิดว่าคงไม่ได้เจอเหมิงกู้อีกแล้ว