Your Wishlist

ปมรักถักทอดวงใจ (Chapter 3 – ในซุปเปอร์มาร์เก็ต)

Author: BuaElla แปล

เขาหล่อเหลา จองหองและรวยมาก ด้วยความตรงไปตรงมาและกล้าหาญ เธอไล่ตามเขาอย่างไร้ยางอาย ส่งของขวัญดอกไม้ให้เขาและพยายามเข้าใกล้เขาทุกครั้งที่มีโอกาส วันหนึ่งเพื่อนร่วมงานของเขาซุบซิบเกี่ยวกับเธอ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจถอยออกมา จากนั้นเขาก็ปฏิเสธเธอ และบอกว่าเธอกับเขาเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น เธอหลบเลี่ยงเขา แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหนก็หนีเขาไม่พ้น

จำนวนตอน : 89

Chapter 3 – ในซุปเปอร์มาร์เก็ต

  • 26/03/2564

ในโลกใบนี้มีเหตุการณ์บังเอิญแปลกๆเกิดขึ้นมากมาย

 

ยกตัวอย่างเช่นตอนที่เธอไล่ตามเหมิงกู้ เธอไม่แน่ใจว่าเธอรู้สึกกับเขาลึกซึ้งมากน้อยแค่ไหน

 

เธอรู้สึกแค่ว่าเขาเป็นคนที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ชายที่ดี เป้าหมายที่ดี ผู้สมัครที่ดี บางทีในตอนนั้นเธอให้ความสำคัญว่าจะต้องทำให้สำเร็จจนมองข้ามความรู้สึกของตัวเองไป

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเธอรู้สึกผิดหวังที่บังคับตัวเองให้ทำสิ่งที่ควรทำ สิ่งแปลกๆก็เริ่มเกิดขึ้น เธอคิดว่าเธอจะเกลียดเหมิงกู้ และคงจะลืมเขาได้ในเร็ววัน

 

แต่ปรากฏว่าไม่ใช่...

 

เธอคิดถึงเขามากกว่าตอนที่เธอไล่ตามจีบเขาเสียอีก

 

เธอไม่เข้าใจว่าหัวใจตัวเองถูกบิดเบือนตั้งแต่เมื่อไหร่? แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เขาได้ซุ่มซ่อนอยู่ในมุมหนึ่งของจิตใจเธออยู่ตลอดเวลา และเขามักจะปรากฏขึ้นในใจของเธอโดยไม่รู้ตัว

 

เธอมักนึกถึงรอยยิ้มของเขาที่มีหลากหลายแบบ รอยยิ้มที่อ่อนโยน รอยยิ้มเยือกเย็น รอยยิ้มซุกซน รอยยิ้มตลก รอยยิ้มไร้อารมณ์ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มเย่อหยิ่ง…รอยยิ้มทั้งหมดของเขามีมากมายและทำให้เขาต่างจากผู้ชายคนอื่น

 

เธอไม่ได้ไปหาเขาอีกเลย เธอหลบซ่อนตัว และทำได้แต่คิดถึงรอยยิ้มของเขา

 

รอยยิ้มของเขาช่างมีเสน่ห์จนหัวใจของเธอเต้นรัวทุกครั้งที่คิดถึง

 

น่าเสียดายที่เธอจำรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาตอนที่คุยกันไม่ได้ เธอคิดว่าสาเหตุที่เธอจำไม่ได้คือ เหมิงกู้ไม่ได้จริงใจต่อเธอ ดังนั้นความทรงจำที่มีรายละเอียดเช่นนั้นจึงไม่สามารถประทับอยู่ในใจเธอได้

 

เธอไม่แน่ใจว่าหัวใจตัวเองรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร แค่คิดถึงผู้ชายคนนี้ทีไร เธอรู้สึกอยู่ไม่เป็นสุข เธอเฝ้าบอกตัวเองว่าก่อนหน้านี้เธอตัดสินใจผิด และการตั้งเป้าหมายไปที่เหมิงกู้เป็นความผิดพลาด ถึงแม้เขาจะหน้าตาดี มีหน้าที่การงานดี นิสัยก็ดูเหมือนจะดี แต่พวกเธอไม่ได้อยู่ในเส้นทางเดียวกัน นั่นเป็นสาเหตุว่าพวกเธอไม่เหมาะสมกัน ผู้หญิงยุคใหม่ต้องอยู่กับความเป็นจริงไม่ใช่ใช้ชีวิตอยู่ในความฝัน

 

เธอไม่ใช่เด็กอีกแล้ว และควรมองหาผู้ชายที่จริงจังและจริงใจ เธอควรมองหาผู้ชายที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบเดียวกันกับเธอ ผู้ชายที่จะอยู่กับเธอและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเธอ

 

วันหนึ่งเฉินโหรวหยูไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต และบังเอิญพบเหมิงกู้ เธอตกใจมาก เธออยู่แถวนี้มานาน และมาซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้นับครั้งไม่ถ้วน เธอไม่เคยเจอเขาที่นี่มาก่อน

 

หลังจากตัดสินใจที่จะไม่เจอเขาอีก ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้? มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ?

 

เฉินโหรวหยูตัดสินใจทำเป็นมองไม่เห็นเขา

 

เธอวางบะหมี่แห้งสองซองลงในรถเข็นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบหันหลัง เข็นรถเข็นไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงิน แม้ว่าเธอจะรีบร้อนแค่ไหน แต่ก็ยังเห็นเหมิงกู้ก้มหน้าเลือกสเต็กเนื้อนำเข้าราคาแพง และในรถเข็นของเขาก็มีไข่พรีเมี่ยมสองกล่อง

 

เธอกับเขามาจากโลกที่ต่างกันจริงๆ

 

เธอไม่เคยซื้อไข่ในซุปเปอร์มาเก็ต ไข่ในซุปเปอร์มีราคาแพงกว่าไข่ที่วางขายในตลาด ส่วนเนื้อสเต็กนำเข้า เธอเคยอ่านฉลากบนห่อพลาสติกอย่างละเอียด สเต็กเนื้อชิ้นบางๆ เท่ากับค่าอาหารของเธอทั้งสัปดาห์

 

เช่นนี้แล้วเธออยากขอบคุณพยาบาลเหล่านั้น ที่ทำให้เธอตาสว่างว่าเธอแตกต่างจากเขามากขนาดไหน และไม่ต้องเปลืองชีวิตวัยสาวและพลังงานไปอย่างไร้ประโยชน์.....

 

ขณะที่เธอกำลังเดินด้วยความมึนงง ดูเหมือนรถเข็นของเธอจะชนอะไรบางอย่าง มีเสียงกระแทกดังขึ้น ขณะที่เฉินโหรวหยูเงยหน้าขึ้นมองอย่างคนโง่งม ม้วนกระดาษชำระที่วางซ้อนกันเหมือนเนินเขาก็ตกลงมาบนศีรษะของเธอ

 

น่าอายจริงๆ!

 

เฉินโหรวหยูไม่ได้สนใจความเจ็บที่ศีรษะ ปฏิกิริยาแรกคือหันหน้าไปมองจุดที่เหมิงกู้อยู่ เป็นไปตามที่เธอคาด เขาได้ยินเสียงของตกและหันมามองตามเสียง

 

เธอก้มหน้างุด หลบเลี่ยงสายตาของเขา เธอทำตัวขายหน้าต่อหน้าเขาหลายต่อหลายครั้งและไม่อยากเพิ่มรายการน่าขายหน้านี้เข้าไปอีก

 

ทุกคนเข้ามาช่วยเธอหยิบม้วนกระดาษชำระขึ้นจากพื้น เธอจึงกลืนไปกับกลุ่มมคนที่เข้ามาช่วย เธอมองไปที่เหมิงกู้อีกครั้งและพบว่าเขาหายไปแล้ว เธอถอนหายใจโล่งอก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ทันเห็นเธอ

 

กองม้วนกระดาษชำระกลับคืนสู่ที่เดิม เธอจึงเข็นรถเข็นไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินเพื่อที่จะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทันใดนั้นเองเธอเห็นเด็กคนหนึ่งกำลังก้มลงเก็บกระดาษชำระที่กลิ้งไปด้านข้าง และกระแทกศีรษะของเขาไปที่เอวของหญิงชราโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

การกระแทกนั้นไม่รุนแรง หญิงชราตัวเล็กแต่เสียงไม่ได้เล็กตามรูปร่าง เธอตวาดเด็กน้อยเสียงดัง เด็กน้อยยืนหน้าซื่อฟังหญิงชราตวาด เฉินโหรวหยูเข็นรถเข็นผ่านพวกเขาไป ไม่อยากเข้าไปยุ่ง เธอไม่เห็นพ่อแม่เด็กอยู่แถวนี้ หญิงชราไม่คลายความโมโหลงแม้แต่น้อย เฉินโหรวหยูเดินไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมา

 

“ป้าคะ ที่ถูกชนเมื่อกี้ยังเจ็บอยู่ไหมคะ?”

 

“พูดอะไรของเธอ ลองถูกชนเองสิ! เด็กไม่มีมารยาท เอาตาของแกไปไว้ไหน ห๊า? ไม่รู้พ่อแม่แกสอนมายังไง เอวของฉันเจ็บไปหมดแล้ว!”

 

“ป้าคะ ป้าคงดูแลตัวเองดีมาก เอวถึงได้นุ่มนิ่มแบบนี้” คำพูดที่เฉินโหรวหยูใช้ทำให้หญิงชรามองเธอด้วยความประหลาดใจ

 

"หนูกลัวว่าเอวของป้าจะฟกช้ำจากการกระแทก คุณป้าอย่าดุเด็กนะคะ ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดูว่าอาการบาดเจ็บนั้นร้ายแรงรึเปล่า ค่าลงทะเบียน 3.50 หยวน หนูจะจ่ายให้ป้าเองค่ะ" ดูสิคนที่สัญจรไปมาคนนี้ใจกว้างมาก เธอเปิดกระเป๋าอย่างจริงจังเพื่อควักเงินออกมา

 

คนในซุปเปอร์มาเก็ตเดินมาดูและเกลี้ยกล่อมหญิงชรา บอกว่าในเมื่อเธอไม่ได้เจ็บอะไรมากก็ไม่ควรทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เมื่อหญิงชราเห็นเฉินโหรวหยูควักเงินออกมาจริงๆ เธอก็ขึงตาใส่ก่อนเดินจากไป

 

เฉินโหรวหยูถอนหายใจและรีบเก็บเงินเข้ากระเป๋า แม้ว่าจำนวนเงินจะไม่มาก แต่การใช้เงินไปกับวิธีการนี้ เธอไม่เต็มใจจริงๆ

 

เมื่อถึงจุดจ่ายเงิน เธอเลือกเคาน์เตอร์จ่ายเงินที่อยู่มุมสุด ขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าเหมิงกู้เลือกซื้อสินค้าระดับไฮเอนด์อะไร ในขณะนี้จู่ๆเอวของเธอก็รัดแน่นขึ้นและมีสัมผัสเบาๆแตะที่เอว

 

เฉินโหรวหยูหันหลังกลับไปมอง เธอเห็นเหมิงกู้ยืนยิ้มอวดฟันขาวสะอาดให้เธออยู่

 

“บังเอิญจังเลยนะครับ”

 

เฉินโหรวหยูพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมการแสดงออกทางสีหน้าและยิ้มให้เขา “ค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะ คุณหมอเหมิงก็มาซื้อของเหรอคะ?”

 

“ครับ ผมมาซื้อของ ไม่ได้มาทำลายกองม้วนกระดาษชำระ”

 

ไอ้ลูกหมานี่ เขาเห็นทุกอย่างสินะ

 

ใบหน้าของเฉินโหรวหยูแข็งทื่อ เธอไม่อยากต่อกรกับความเจ้าเล่ห์ของเขาจึงหันหลังกลับ แสร้งทำเป็นตั้งใจต่อคิวจ่ายเงิน

 

เธอรู้สึกหนักๆที่เอวอีกครั้ง “เฉินโหรวหยู เอวของคุณแข็งจัง”

 

เธอไม่ได้หันกลับไปมองเขา แต่พูดขึ้นว่า “เอวแข็งก็ดีแล้วนี่คะ”

 

“สุขภาพของคุณดีขึ้นแล้วสินะ นานแล้วที่ไม่เห็นคุณไปที่โรงพยาบาล”

 

“ค่ะ จุดเหรินและเส้นลมปราณของฉันไม่ได้ถูกบล็อกแล้ว สุขภาพของฉันก็เลยดีขึ้น เลยไม่ต้องไปอีกแล้วค่ะ”

 

“ทำไมครั้งก่อนผมไม่รู้เลยว่าคุณเป็นคนตลกขนาดนี้?”

 

เธอหันกลับมาปั้นหน้าส่งยิ้มให้เขา และอยากจะถามเขาจริงๆว่าเขาสามารถเงียบสักพักได้ไหม เธอไม่ต้องการคุยกับเขา

 

แต่เหมิงกู้ก็มิได้นำพายังพูดต่อไปว่า “ถ้าวันไหนคุณรู้สึกไม่สบาย อย่าลืมไปหาผมนะ”

 

“ไม่จำเป็นค่ะ ถึงฉันจะไปโรงพยาบาลแต่จะไม่ไปคลินิกผู้ป่วยนอก ฉันจะไปตรวจสมองแทน”

 

“ทำไมล่ะ?” จากน้ำเสียงของเขายากที่จะบอกได้ว่ากำลังประหลาดใจ หรือกำลังหัวเราะ

 

“ฉันมีปัญหาที่สมองค่ะ แน่นอนย่อมต้องไปตรวจสมอง” เฉินโหรวหยูตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา ฮึ ถ้าเธอจะไปหาเขา สมองเธอคงตายไปแล้วแน่ๆ

 

เหมิงกู้ระเบิดเสียงหัวเราะ เฉินโหรวหยูถลึงตาใส่เขา

 

ถึงคิวเธอต้องจ่ายเงินแล้ว เธอรีบหยิบของและจ่ายเงินเสร็จสรรพ จากนั้นหันกลับมาพูดกับเหมิงกู้ว่า “ลาก่อนค่ะคุณหมอเหมิง” จากนั้นก็สะบัดตูดรีบวิ่งออกไปอย่างลืมหายใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงเหมิงกู้ลอยตามมาด้านหลัง

 

“เฉินโหรวหยู”

 

เธอแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ขาของเธอสั้นและก้าวของเธอก็ไม่เร็วพอ

 

เดินไปได้สองสามก้าว เหมิงกู้ก็เดินมาขนาบข้างเธอแล้ว เขายิ้มให้เธอและพูดว่า “เฉินโหรวหยู ผมอยากบอกอะไรคุณหน่อย ถ้าคุณต้องไปตรวจสมองที่โรงพยาบาล มีสองแผนก แผนกแรกคือแผนกศัลยกรรมสมอง และแผนกสองคือแผนกประสาทวิทยา แต่คุณบอกว่าสมองของคุณมีปัญหา คุณควรจะไปอีกที่ นั่นก็คือแผนกจิตเวช ค่าลงทะเบียน 3.50 หยวนผมจะจ่ายให้คุณเอง คุณคิดว่าไง”

 

คิดว่าไงงั้นเหรอ? สิ่งที่เธอคิดคืออยากฟาดหน้าและรอยยิ้มของเขาด้วยบะหมี่ที่ซื้อมา ว่ายังไงล่ะ!!

 

วันนั้นที่ซุปเปอร์มาเก็ตของเฉินโหรวหยูก็จบลงด้วยความวุ่นวายประการฉะนี้

 

เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และเอาแต่คิดถึงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเหมิงกู้ตลอดทั้งวัน เธอไม่สามารถเข้าใจได้ว่าผู้ชายคนหนึ่งจะหัวเราะอย่างหยิ่งผยองและหล่อเหลาในเวลาเดียวกันได้ยังไง

 

ไอ้คนเลว! เธออยากฟาดหน้าเขาจริงๆ

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป