“เฉินโหรวหยู ผมไม่สบาย”
“ยินดีด้วยค่ะ คุณหมอเหมิงกู้”
“มาทำอะไรให้กินหน่อยสิ”
“ลาก่อนค่ะ คุณหมอเหมิงกู้”
เฉินโหรวหยูวางสายอย่างรวดเร็วและพอใจกับความสงบนิ่งและความมั่นใจของตนเอง เธอต้องไม่ปล่อยให้อีตาหมอน่าตายคนนี้คิดว่าเธอจะไปหาเขาทันทีที่เขากวักมือเรียก และโบกมือบ๊ายบายทันทีที่อยากไป
เฉินโหรวหยูเก็บมือถือใส่กระเป๋า ในใจได้แต่หวังว่าจะสามารถโยนความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างเธอกับเหมิงกู้ไปให้ไกลๆ
โทรศัพท์เริ่มดังอีกครั้งและหมายเลขผู้โทรก็แสดงชื่อเหมิงกู้ เฉินโหรวหยูถือมือถือในมือและมองมันอีกครั้ง เธอลังเลว่าจะรับดีหรือไม่ แต่ทันทีที่เสียงดังขึ้นอีกครั้งเธอก็กดรับอย่างช่วยไม่ได้
“เฉินโหรวหยู มาหาผมเดี๋ยวนี้ และทำกับข้าวให้กินด้วยไม่อย่างนั้นคุณก็ต้องมาเก็บศพผมแล้ว แน่นอนคุณมีทางเลือกที่สอง นั่นคือถ้าโชคร้ายผมหายป่วย คุณแค่รอผมไปเก็บศพคุณ”
บ้าเอ้ย!
ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเช่นนี้ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ตายง่ายๆ! ภัยพิบัติที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงหนึ่งพันปีสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานพอที่จะเก็บศพของเธอได้
เฉินโหรวหยูรู้สึกกลัวเล็กน้อย
เธอกลัวอะไรนั้นตัวเธอก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นศพได้และไม่มีทางใช้ความรุนแรงกับเธอ แต่ทุกครั้งที่เขาข่มขู่เธอแบบนี้ เธอก็อดเสียวสันหลังไม่ได้
เฉินโหรวหยูถอนหายใจ.....เธอต่างหากที่เป็นคนป่วยตัวจริง!
แน่นอนว่าผู้ชายคนนั้น ‘เหมิงกู้’ ไม่ธรรมดาเช่นกัน!
อ่า......ต้องเป็นแบบนั้นแน่ เธอกลัวเขาเพราะว่าเขาเป็นโรคประสาท!
***#*#*#*#*#*#*#*#*#*#***
เฉินโหรวหยูถือของสด ยืนขมวดคิ้วพลางกดกริ่งประตูบ้านเหมิงกู้ หลังจากที่รอนานมากจนเธอคิดว่าต้องได้เก็บศพของเขาแล้วแน่ๆ ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกช้าๆ
เหมิงกู้เดินมาเปิดประตูโดยไม่สวมเสื้อ เขาสวมเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ เฉินโหรวหยูไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้มองเรือนร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาได้ หน้าของเขาแดงก่ำดูอ่อนเพลีย เขาป่วยจริงๆอย่างที่ว่านั่นแหละ
“นี่คุณไข้สูงแบบนี้ได้ไงเนี่ย?” เฉินโหรวหยูเดินเข้าไปในบ้านและเอามือแตะหน้าผากของเขา
เหมิงกู้ถือโอกาสพิงตัวเธอและกอดเอวเธอไว้ ขณะที่พูดว่า “คิดว่าผมโกหกคุณงั้นเหรอ?”
“ก็ตอนโทรศัพท์ เสียงของคุณก็ฟังดูสบายดีนี่นา”
“ผมใช้แรงทั้งหมดในการโทรหาคุณ คุณควรขอบคุณพระเจ้าดีกว่า”
คนพาลนี่ไม่สมควรเห็นใจเลยจริงๆ
เฉินโหรวหยูผลักเขาออกและวางของสดที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ จากนั้นก็จูงเขาไปที่ห้องนอน
“คุณไข้ขึ้นสูงแบบนี้ก็ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยอีกนะ”
“ทำไมผมต้องใส่เสื้อผ้าตอนนอน แถมเหงื่อยังออกขนาดนี้ด้วย? ถ้าไม่ใช่ต้องมาเปิดประตูให้คุณ ผมไม่ใส่บ๊อกเซอร์ด้วยซ้ำ”
นี่เขากำลังพูดยั่วเธออยู่รึเปล่า? ไม่มีทาง!
เฉินโหรวหยูหน้าแดงและผลักเขานอนลงบนเตียงอย่างลวกๆและห่มผ้าให้เขา ทำไมเขาไม่ถูกผ้าห่มทับจนหายใจไม่ออกตายไปเลยนะ
“คุณกำลังมีความคิดแผลงๆกับผมใช่ไหม?” เหมิงกู้ยังมีแรงแซวเธอ “แต่ผมต้องขอพูดตรงๆว่าอย่าคิดเกินเลยกับผมเชียว แม้ว่าวันนี้ผมจะดูเซ็กซี่ไปหน่อย อาจทำให้คุณอดใจกับผมไม่ไหว แต่ร่างกายและจิตวิญญาณของผมตอนนี้ไม่พร้อมจริงๆ”
เฉินโหรวหยูดึงมือกลับและรีบถอยหลังไปสองก้าว เธออยากจะปาหมอนใส่ศีรษะผู้ชายที่ชั่วช้าคนนี้และข่วนหน้าเขาให้สาแก่ใจ
“คุณไม่ต้องผิดหวังไปหรอก” เหมิงกู้โบกมือไล่เธอ “รีบไปทำกับข้าวเร็วเข้า ผมจะได้กินยาหลังจากนอนหลับและกินข้าว บางทีอาจใช้มันได้
ใช้มันได้? ใช้อะไรยะ!
เฉินโหรวหยูหันหน้าหนีและรีบเดินไปที่ห้องครัว เธอรู้....เธอรู้ว่าการมาที่นี่เป็นเรื่องผิดพลาด แล้วทำไมเธอยังล้างข้าวและต้มโจ๊กให้เขา? ใช่ เขาสมควรถูกปล่อยให้ตาย ต่อให้ไม่ได้ป่วยตายอย่างน้อยก็ต้องหิวตาย และถ้าไม่ได้หิวตายอย่างน้อยก็ต้องโกรธจนตาย
ผลลัพธ์ล่ะ? ผลลัพธ์ตอนนี้คือเธอกำลังจะตาย! ไม่ใช่เขา!
ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่อาภัพนัก!
เฉินโหรวหยูหยิบต้นหอมขึ้นมาแล้วสับมันบนเขียงอย่างบ้าคลั่ง
แล้วเธอไปเกี่ยวข้องกับคนชั่วคนนี้ได้ยังไง? เธอเข้าใจและตระหนักถึงสถานการณ์ได้ว่าควรอยู่ให้ห่างจากเขา ทุกครั้งที่เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะอยู่ให้ห่าง ทำไมเธอถึงหันกลับมาวนเป็นวงกลม และจบลงด้วยความสัมพันธ์ที่สับสนนี้กับเขาทุกครั้ง
และยิ่งสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ!