Your Wishlist

ฮูหยินข้า...ท่านอย่าร้ายนัก (ชีวิตใหม่)

Author: เฌอตฤณ

เพราะสมรสของนางกับเขาเป็นสมรสพระราชทาน อยากจะหย่าก็ไม่ได้เช่นนั้นหรือ ในเมื่อเขาเห็นนางเป็นเพียงของตาย หย่าขาดจากเขาไม่ได้ก็หนีสิ!!

จำนวนตอน :

ชีวิตใหม่

  • 14/04/2564

 

ชีวิตใหม่

 

 

หลังร่างของชายชราหายไปได้ไม่นานนัก ความทรงจำเกี่ยวข้องกับตัวตนใหม่ของเธอในภพนี้ก็ปรากฏขึ้นเป็นฉาก ๆ เรื่องราวต่าง ๆ ไหลเข้าหา ดั่งสายน้ำไหลสู่ที่ต่ำ

เถียนเมี่ยวถิง ดรุณีน้อยในวัยสิบสองปีเศษ เป็นบุตรสาวคนเล็กของสกุลเถียน บิดามีนามว่ามู่เค่อ รับราชการเป็นขุนนางขั้นสามในราชสำนัก ทั้งยังได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ปั๋ว [1] มารดามีนามว่าหยุนฟาง มาจากสกุลจ้าว เป็นบุตรสาวของอดีตแม่ทัพอุดร และนางยังมีพี่ชายร่วมบิดามารดาหนึ่งคนนามว่า ฉีเล่อ

เถียนเมี่ยวถิงเป็นคนชอบเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าใดนัก แม้แต่กับคนในครอบครัวก็เช่นกัน นางจึงไม่มีสหายวัยเดียวกันเลยสักคน บิดามารดาของนางนั้นเป็นกังวลในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

ครั้นเมื่อหญิงสาวมีอายุเต็มสิบสองปีซึ่งสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงในพระราชวังได้ มารดาของนางจึงตอบรับคำเชิญงานชมดอกไม้ที่อุทยานของวังหลวง แต่ด้วยนิสัยของเถียนเมี่ยวถิงที่คล้ายวางตัวเหนือทุกสิ่งอย่าง ไม่สนใจผู้คนรอบกายโดยสิ้นเชิง จึงถูกสตรีคนอื่นในงานหมั่นไส้จนเกิดการกลั่นแกล้งขึ้น ทำให้ดรุณีน้อยตกลงไปในสระบัวกลางอุทยาน แล้วเกิดล้มป่วยลงทันที และในเวลาต่อมาดวงวิญญาณหลักอย่างเธอก็ได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้ แล้วหลอมรวมกับเสี้ยวดวงวิญญาณที่อยู่ในร่าง

เมื่อเถียนเจียวลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าเป็นยามเช้าของวันใหม่แล้ว แสงของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านม่านตรงหน้าต่างเข้ามาให้เห็นรำไร พอให้เธอคาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นเวลาราวหกโมงกว่าแล้ว

เถียนเจียวกะพริบดวงตาอยู่หลายครั้งเพื่อปรับให้คุ้นเคยกับแสงสว่าง ก่อนจะไล่สายตาสำรวจไปรอบ ๆ ห้องหับแห่งนี้

บริเวณโดยรอบตกแต่งเหมือนบรรยากาศในยุคโบราณที่ผ่านมาหลายสมัยและหลายร้อยปีแล้ว เธอเคยเห็นฉากเหล่านี้ในหนังหรือซีรีส์ย้อนยุคอยู่เป็นประจำ

 

เถียนเจียวขยับกายลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอนชั่วครู่ ก่อนเดินไปยืนหน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเตียงนอนนัก

อย่างแรกก็เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวของเธอนั้นมิใช่เพียงความฝัน อีกอย่างก็เพื่อยืนยันว่าเธอกลายเป็นคนใหม่แล้ว

ยืนอยู่ไม่นาน เถียนเจียวก็ตัดสินใจนั่งลงบนเก้าอี้หน้ากระจก

“สวัสดีชีวิตใหม่ จากวินาทีนี้เป็นต้นไป ข้าคือเถียนเมี่ยวถิง” หลังเอ่ยทักทายเงาในกระจกทองเหลืองเสร็จ เถียนเมี่ยวถิงก็ยกยิ้มให้กำลังใจตนเองอีกครั้ง ตัวของนางในภพนี้มีหน้าตางดงามยิ่งนัก ผิวพรรณก็ผ่องใส ฐานะทางบ้านร่ำรวย บิดามารดายังรักใคร่กันหาที่ใดเปรียบ ส่วนผู้เป็นพี่ชายอย่างเถียนฉีเล่อก็หลงใหลน้องสาวตัวน้อยเช่นนางยิ่ง

จากวันนี้เป็นต้นไปนางจะได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการเสียที!!

 

“คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ดีเหลือเกินเจ้าค่ะ” แม่นมโจวที่เดินถืออ่างน้ำเข้ามาในห้องเอ่ยทักขึ้นทันที เมื่อเห็นร่างเล็กของผู้เป็นนายนั่งอยู่ที่หน้ากระจก จากนั้นก็หลั่งน้ำตาดุจสร้อยไข่มุกหลุดขาด ไม่นานนักความวุ่นวายก็เกิดขึ้น

“ไป รีบไปตามท่านปั๋วกับฮูหยินมาที่เรือนคุณหนูเร็วเข้า” หญิงชราเอ่ยสั่งความสาวใช้ในเรือนอย่างร้อนรน แล้วตนจึงรีบเดินเข้ามาหาผู้เป็นนายที่นั่งมองด้วยท่าทีงุนงง คล้ายคนหลงลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นประจำ

เถียนเมี่ยวถิงนั้นสะดุ้งจนเสียกิริยา เหตุเพราะตกใจกับประโยคคำถามของแม่นมโจว จากนั้นก็นั่งนิ่งเป็นไก่ไม้ เพราะไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใดเป็นอันดับแรก

โถ่เอ๊ย! คนกำลังปรับการใช้ชีวิตอยู่แท้ ๆ เชียว แม่นม ท่านทำข้าตกใจหมดแล้วนะเจ้าคะ เถียนเมี่ยวถิงบ่นพึมพำในใจ นางปรับลมหายใจให้สงบ ก่อนจะตอบแม่นมโจวไปพร้อมรอยยิ้มเก้อ ๆ

“เอ่อ... เพิ่งตื่นเมื่อครู่นี้เองเจ้าค่ะ” หลังตอบคำถาม เถียนเมี่ยวถิงก็ได้แต่นั่งมองผู้คนวิ่งไปวิ่งมาในเรือน แทบแยกไม่ออกว่าตกใจหรือดีใจกันแน่ ถึงจะรู้ว่าที่พวกเขาทำไปนั้น เพราะเป็นห่วงตัวนางเองก็ตาม แต่คนเพิ่งฟื้นนะ เพิ่งฟื้น ขอเวลาให้ทำใจสักนิดเถิดหนา.....

“คุณหนู มานั่งรอท่านปั๋วกับฮูหยินที่เตียงก่อนเจ้าค่ะ ท่านอย่าเพิ่งใช้ร่างกายให้มากเลย คนเพิ่งฟื้นได้ไม่นาน ร่างกายยังไม่แข็งแรงนัก ประเดี๋ยวล้มป่วยลงอีกครั้งจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ” แม่นมโจวเข้ามาประคองเถียนเมี่ยวถิงเดินกลับไปยังเตียงนอน พลางพร่ำบ่นด้วยความเป็นห่วง

เถียนเมี่ยวถิงนั่งลงอย่างว่าง่าย นางอยากจะบอกเหลือเกินว่าตอนนี้ร่างกายของนางนั้นแข็งแรงดีมาก แต่ถ้าเอ่ยเช่นนั้นออกไป ไม่แน่ว่าคนเหล่านี้คงจะมองนางด้วยสายตาแปลก ๆ เป็นแน่

 

 

“เมี่ยวเอ๋อร์ เมี่ยวเอ๋อร์ลูกแม่” สตรีผู้หนึ่งวิ่งร้องไห้เข้ามาทางประตูห้อง ก่อนจะพุ่งเข้ากอดร่างของนางแน่ จนแทบจะสิงร่าง

“ปะ...ปล่อยก่อนเจ้าค่ะ” เถียนเมี่ยวถิงพยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนของมารดา ตอนนี้นางแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว มารดาของนางแข็งแกร่งยิ่ง!

“ฮูหยิน เจ้าใจเย็นลงสักหน่อยเถิด ดูหน้าลูกตอนนี้สิ เมี่ยวเอ๋อร์จะล้มป่วยลงอีกครั้งก็เพราะเจ้ากอดรัดนางแน่นเกินไปนี่แหละ” เถียนมู่เค่อที่เดินตามหลังเข้ามา เอ่ยบอกผู้เป็นภรรยาอย่างอ่อนใจ

เถียนฮูหยินคลายอ้อมแขนจากร่างของบุตรสาว ก่อนตวัดสายตามองผู้เป็นสามีอย่างขุ่นเคือง

“นี่ท่านพี่หาว่าข้าเป็นต้นเหตุให้เมี่ยวเอ๋อร์ต้องล้มป่วยเช่นนั้นหรือเจ้าคะ”

เถียนมู่เค่อไม่กล้าตอบคำถามของภรรยา ทว่าบนใบหน้าของเขานั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ‘เมื่อครู่นี้ข้าพูดว่าอย่างนั้นหรือ?’

เถียนฮูหยินเมินสามี หันมากล่าวกับบุตรสาวอย่างอ่อนโยน

“เมี่ยวเอ๋อร์ ลูกเป็นอย่างไร อาการดีขึ้นบ้างหรือไม่ หากยังเจ็บปวดที่ใดอยู่ก็ให้รีบบอกแม่ แม่จะให้คนไปตามท่านหมอมาตรวจเจ้าเสียเดี๋ยวนี้”

“เมี่ยวเอ๋อร์ลูกเป็นอะไรไปแล้ว ทำไมไม่ตอบท่านแม่ของลูกเล่า ลูกไม่สบายตัวอีกแล้วหรือ” เห็นอาการเหม่อลอยของบุตรสาว เถียนมู่เค่อก็ถามขึ้นอย่างเป็นกังวล หรืออาการของบุตรสาวเขายังไม่ดีขึ้นจริง ๆ ไม่ได้การแล้ว!

“ตามหมอ ให้คนไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้!”

สิ้นคำสั่งนั้น ความวุ่นวายพลันเกิดขึ้นอีกหน เถียนเมี่ยวถิงอยากจะร้องห้าม แต่ก็ไม่ทันการณ์แล้ว คนที่วิ่งออกไปก็ช่างรวดเร็วจนน่าตกใจเหลือเกิน

“ปะ เปล่าเจ้าค่ะ ลูกรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”

นางเพียงเหม่อลอยไปชั่วขณะเท่านั้น เพราะไม่คิดว่าบิดามารดาของตนจะหน้าตาดีขนาดนี้ นี่มันบ้านของดาราฮอลลีวูดหรือ?

ดูเหมือนว่าตอนนี้นางจะเวียนหัวขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว หรือนางจะป่วยอย่างที่พวกเขาว่าเอาไว้แล้วจริง ๆ

“จะอย่างไรก็ให้ท่านหมอมาตรวจอาการอีกครั้งก่อนเถิด ไม่เช่นนั้นแม่ก็ไม่อาจวางใจได้” เถียนฮูหยินเอ่ยขัด

เถียนเมี่ยวถิงพยักหน้า “เจ้าค่ะ”

“แม่นมโจวเจ้าคะ รบกวนท่านรินน้ำเปล่าในกาให้ข้าสักถ้วยเถิด ตั้งแต่ตื่นเมี่ยวเอ๋อร์คงยังไม่ได้ดื่มน้ำเลยกระมัง”

“นี่เจ้าค่ะ”

เถียนฮูหยินรับถ้วยชาที่ใส่น้ำเปล่าต้มสุกมาจากแม่นมโจว แล้วยื่นให้ผู้เป็นบุตรสาว “เมี่ยวเอ๋อร์ เจ้าดื่มน้ำต้มสุกนี้สักหน่อยก่อน อีกเพียงครู่ท่านหมอก็มาแล้ว” หลังเห็นบุตรสาวดื่มต้มสุกจนหมดถ้วย เถียนฮูหยินจึงเอ่ยถามอีกครั้ง

“ยังต้องการอีกหรือไม่”

“เจ้าค่ะ” เถียนเจียวตอบรับคำเสียงแผ่ว แม้จะยังงุนงงกับสถานการณ์และกิริยาของคนรอบกาย แต่ตนก็รู้สึกหิวน้ำอยู่มากจริง ๆ และดูเหมือนว่าจะหิวข้าวแล้วด้วย

เถียนเมี่ยวถิงเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าเอ่ยบอกความต้องการของตน ด้วยยังคงรู้สึกขัดเขินอยู่เล็กน้อย อีกทั้งไม่รู้จะพูดคุยกับพวกเขาด้วยภาษาไหนดี ฟังจากบทสนทนาที่ผ่านเหล่านั้น พวกเขาใช้ภาษาที่ดูคล้ายจะโบราณ ถึงนางจะเข้าใจได้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด

แม้การศึกษาของประเทศจะบังคับให้เรียนอักษรจีนตัวเต็มและเขียนเรียงความจากอักษร รวมไปถึงสำนวนต่าง ๆ เหล่านั้น ทว่าคำบางคำที่พวกเขาพูดคุยกัน นางเพียงคุ้นเคยอยู่บ้าง ไม่นับว่าเชี่ยวชาญแต่อย่างใด อีกอย่าง เสี้ยวดวงวิญญาณของนางไม่ค่อยสนิทกับครอบครัวเท่าใดนัก เพราะมีนิสัยชอบเก็บตัวเสียส่วนมาก

 

 

รอเพียงไม่นาน ร่างของผู้เฒ่าที่มีอายุราวห้าสิบหกสิบปีก็เดินเข้ามาในเรือนนอนของนาง พร้อมกับสาวใช้อีกคนด้วยท่าทีเร่งรีบ

“คารวะท่านปั๋ว คารวะฮูหยิน”

“ท่านหมอหานอย่าได้มากพิธีเลยเจ้าค่ะ เป็นทางเราที่ต้องขอโทษท่านเสียอีก ด้วยเพราะตามให้มาตรวจคนเป็นการเร่งด่วนเช่นนี้” เถียนฮูหยินกล่าวพลางช่วยประคองหมอผู้เฒ่ายืนขึ้น

“ถ้าเช่นนั้นขอข้าตรวจอาการคุณหนูสักหน่อยเถิดขอรับ”

“เชิญท่านหมอ” เถียนมู่เค่อผายมือเชื้อเชิญอย่างสุภาพ

 

หมอหานลงมือตรวจอาการของเถียนเมี่ยวถิงด้วยการจับชีพจร รอเพียงชั่วครู่ก็ยกนิ้วออก

“อาการของคุณหนูรองนั้นดีขึ้นเป็นอย่างมาก พวกท่านทั้งสองไม่ต้องเป็นกังวลแล้วขอรับ ความเย็นที่ได้รับจากการตกลงไปในสระบัวก็หลงเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ไม่กระทบกับร่างกายของคุณหนูรองในอนาคตอย่างแน่นอน เดี๋ยวข้าจะจัดยาให้คุณหนูรองดื่มต่ออีกสักสี่ห้าเทียบ อาการที่เป็นอยู่ในตอนนี้น่าจะหายไป”

“ขอบคุณท่านหมอหานมากเจ้าค่ะ” เถียนฮูหยินกล่าวอย่างจริงใจ “แม่นมโจวรบกวนท่านส่งท่านหมอหานแทนข้าทีนะเจ้าคะ ส่วนซินฉายให้คนติดตามท่านหมอหานไปรับยากลับมาด้วยนะจ๊ะ”

“เจ้าค่ะ ฮูหยิน” บ่าวรับใช้ทั้งสองรับคำ ก่อนปลีกตัวไปทำตามคำสั่ง

 

ภายหลังหมอหานออกจากห้องได้ไม่นาน เถียนมู่เค่อและเถียนฮูหยินก็เดินเข้ามาหาบุตรสาวที่ด้านข้างเตียงนอน

เถียนฉูหยินนั่งลงข้างกายบุตรสาวคนเล็ก ยกมือเรียวขึ้นลูบไปตามขมับของนางอย่างเอ็นดูและสงสาร “หิวหรือยังลูก แม่จะได้สั่งคนทำอาหารมาให้ หลังกินเสร็จ จะได้กินยาแล้วพักผ่อนต่ออีกสักหน่อย ร่างกายของเจ้ายังไม่หายดี ฝืนตื่นนาน ๆ เช่นนี้แม่ไม่เห็นด้วยเท่าใดนัก”

เถียนเมี่ยวถิงพยักหน้ารับคำ ในหัวใจของนางอุ่นวาบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อถูกคนในครอบครัวปฏิบัติต่อตนเองอย่างดีก็อดที่จะน้ำตาซึมไม่ได้

นางไม่เคยมีบิดามารดามาก่อน ในภพภูมิเก่านั้น ตั้งแต่จำความได้ นางก็อาศัยอยู่กับคุณย่าที่หมู่บ้านในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ติดกันกับเขตการปกครองตนเองมองโกเลียใน ในทางภาคเหนือตอนบนของประเทศจีน คุณย่าไม่ได้มีอาชีพหรือมีที่ดินเป็นของตัวเอง บ้านที่ทั้งสองอาศัยอยู่นั้น ก็เป็นที่ดินของทางการ ซึ่งเจ้าหน้าที่เป็นผู้จัดสรรให้อาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้น

ด้วยฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน กอปรกับการดูแลตัวเองได้ไม่ดีพอ เมื่อนางมีอายุได้สิบสองปีคุณย่าก็จากไป ท่านได้ทิ้งเงินประกันเอาไว้ให้นางหนึ่งก้อน และเงินก้อนนั้นเองที่ช่วยให้นางได้ร่ำเรียนจนจบปริญญาตรี

หญิงสาวยังคงซาบซึ้งต่อคุณย่าของตนอยู่มิห่าง ทว่าตนกลับไม่มีแม้แต่โอกาสได้ตอบแทนบุญคุณของท่านเลยสักนิด ในใจยังรู้สึกผิดอยู่ตลอด

เถียนเมี่ยวถิงทานข้าวต้มไก่ฉีกเสร็จได้ไม่นาน แม่นมโจวก็ยกถ้วยยาลายดอกไห่ถังสีชมพูอ่อนช้อยเข้ามาให้ห้องทันที ทว่าสีของยาต้มภายในถ้วยนั้นกลับไม่น่าดื่มยิ่ง นางอยากจะบอกเหลือเกินว่าตอนนี้ตนเองไม่ได้ป่วยเลยสักนิด แต่พอเจอสายตาห่วงใยของมารดา ที่มองมาอย่างคาดหวัง เถียนเมี่ยวถิงพลันลืมถ้อยคำที่จะปฏิเสธตั้งแต่แรกไป ก่อนจะรับถ้วยยาจากแม่นมโจมมาดื่มแต่โดยดี

อืม... รสชาติแย่ใช้ได้เลย!

เถียนฮูหยินเห็นบุตรสาวดื่มยาลงไปจึงวางใจในที่สุด

“ดื่มยาแล้วก็พักผ่อนเถิด ตอนเย็นโน่นแหละพี่ชายของลูกจึงจะกลับมา ฝ่ายนั้นน่ะ พอทราบว่าลูกฟื้นก็จะทิ้งงานที่ทำอยู่กลับจวนในทันที โตเสียเปล่า ช่างไม่รู้ความเสียจริง”

เถียนเมี่ยวถิงขำให้กับคำกล่าวของมารดา นางจดจำได้จากความทรงจำเก่าว่า ผู้เป็นพี่ชายอย่างเถียนฉีเล่อนั้นหลงใหลน้องสาวอย่างนางมากเพียงใด เพียงแต่อีกฝ่ายไม่กล้าที่จะเข้าหานางเท่านั้น แต่ก็ไม่คิดว่ามารดานางจะตำหนิผู้เป็นพี่ชายให้ตนฟังเช่นนี้

“เจ้าค่ะ” หญิงสาวรับปากมารดาอย่างว่าง่าย

 

หลังดื่มยาลงไปได้ไม่นาน เถียนเมี่ยวถิงก็ผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยา

 

 

 

 

 

 


[1] ปั๋ว / ป๋อ (伯) หมายถึง ตำแหน่งขุนนางบรรดาศักดิ์ในยุคจีนสมัยศักดินา แบ่งเป็น 公 (กง) 侯 (โหว) 伯 (ปั๋ว/ป๋อ) 子 (จื่อ) 男 (หนาน) ตามลำดับสูงไปต่ำ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป