Your Wishlist

ฮูหยินข้า...ท่านอย่าร้ายนัก (ข้ามภพ)

Author: เฌอตฤณ

เพราะสมรสของนางกับเขาเป็นสมรสพระราชทาน อยากจะหย่าก็ไม่ได้เช่นนั้นหรือ ในเมื่อเขาเห็นนางเป็นเพียงของตาย หย่าขาดจากเขาไม่ได้ก็หนีสิ!!

จำนวนตอน :

ข้ามภพ

  • 14/04/2564

 

 

ข้ามภพ

 

 

 

“นังหนู นังหนูสนใจดูดวงกับผู้เฒ่ามั้ย”

ในระหว่างที่เถียนเจียวเดินอยู่ในพระอารามบนเขาสูงที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งหนึ่ง พลันได้ยินเสียงร้องเรียกอยู่ทางด้านหลัง

“คุณตาเรียกหนูเหรอคะ?” เถียนเจียวถามอย่างสงสัย พลางชี้นิ้วหันเข้าหาตัวเองด้วยหน้าตางุนงง

“ข้าผู้เฒ่าพูดกับเจ้านั่นล่ะ สนใจดูดวงหรือไม่ล่ะ ผู้เฒ่าคิดไม่แพงหรอก ยังมีเครื่องรางแถมให้อีกด้วยนะ สนใจมั้ย”

“เอ่อ...” เถียนเจียนพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเอ่ยต่อ

“ไม่หรอกค่ะ หนูไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้น่ะค่ะ อีกอย่างที่หนูมาอารามแห่งนี้เพราะเพื่อนชวนมาเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจมาเลยสักนิด”

“จะดูไว้ก็ไม่เสียหลายหรอกนะ ชะตาคนเราน่ะคาดเดาไม่ได้เหตุเพราะสวรรค์ท่านกำหนดลงมาแล้ว”

“หึ ๆ” เถียนเจียวกลั้นเสียงหัวเราะอยู่ในลำคออย่างขบขัน ด้วยเพราะกลัวเสียมารยาทต่อหน้าผู้อาวุโส

“ทำไมเราต้องคอยให้สวรรค์กำหนดชีวิตของเราด้วยละคะ หนูไม่เห็นว่าการใช้ชีวิต หรือการกำหนดโชคชะตาจะเกี่ยวข้องกับเทพหรือสวรรค์ตรงไหนเลย เงินเราก็ทำงานหามาได้ ข้าวปลาอาหารเราก็ใช้เงินที่เราทำงานซื้อมากินเพื่อประทังชีวิต หรือเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเราเองทั้งนั้น สวรรค์ไม่ได้ให้เงินหนูมาซื้อข้าวกินอิ่มท้องสักหน่อย”

“เรื่องพวกนี้เชื่อเอาไว้สักนิดก็ไม่เสีย มีแต่ได้ ไม่แน่ว่าอนาคตเจ้าอาจจะต้องทำ หรือมีสิ่งใดเกิดขึ้น โดยที่เราเองก็ไม่คาดคิดก็ได้นะ ดวงชะตาของคนเราน่ะ มันไม่เหมือนกันหรอก ถึงแม้ว่าชีวิตเราจะมีส่วนกำหนดเองอยู่บ้าง แต่ก่อนที่เราจะมีความสามารถนั้นล้วนเป็นสวรรค์ท่านมอบมาให้ก่อนแล้ว” คุณตายังคงพูดเกลี้ยกล่อมเธอต่อไปอย่างไม่ลดล่ะ

เถียนเจียวถอนหายใจ แล้วกล่าวกับผู้เฒ่า

“เฮ้อ... ก็ได้ค่ะ ใช้เวลาไม่นานใช่มั้ยคะ เพราะเพื่อนของหนูรออยู่บนเจดีย์มาได้สักพักแล้ว พอดีหนูลงมาเข้าห้องน้ำ”

“ไม่นาน ๆ” ผู้เฒ่าเห็นหญิงสาวตกลงรับคำก็ยกกยิ้มอย่างดีใจ หลังจากนั้นเถียนเจียวก็เดินตามคุณตาไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในบริเวณของพระอาราม ใต้ต้นไม้นั้นมีโต๊ะและเก้าอี้สองตัววางเตรียมเอาไว้อยู่แล้ว

“นั่งลงสิ” ผู้เฒ่าเอ่ย พร้อมผายมือเชื้อเชิญ

เถียนเจียวนั่งลงอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยขึ้นทันทีที่เธอนั่งลงเรียบร้อยแล้ว “ขอบคุณค่ะ เริ่มเลยมั้ยคะ”

“ส่งมือของเจ้ามา” หลังคำพูดของคุณตา เถียนเจียวก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบตัวนั้นเปลี่ยนไป จากที่ร้อนจนแทบตัวไหม้ ก็คล้ายว่าอากาศจะเย็นขึ้นอยู่สักหน่อย หรือว่าเธอคิดไปเองกัน?

“อืม... ดวงดีนี่ แต่อายุขัยนั้นสั้นนัก เมื่อเกิดใหม่อีกครั้งถึงจะหมดกรรมเก่า”

“ที่ว่าหนูอายุสั้นนี่คือกี่ปีกันคะ” เถียนเจียวถามขึ้นอย่างสงสัย

“ตอนนี้”

“เอ๋...” เถียนเจียวกล่าววาจาได้เพียงเท่านั้น สติของเธอดับวูบไป

“ขอให้โชคดีนะนังหนู ภพนี้ไม่ใช่ที่อยู่ของเจ้าตั้งแต่แรก เจ้าจากเขามานาน ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องกลับไปแล้ว”

 

 

 

ในห้วงฝัน

 

เถียนเจียวรู้สึกตัวแล้ว แม้จะมึนงงอยู่บ้าง แต่ไม่นานก็เริ่มปรับตัวได้ และเธอยังได้พบกับคุณตาคนนั้นอีกครั้ง จึงเอ่ยสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่โดยทันที

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่คะคุณตา?” หญิงสาวเอ่ยถามออกไป คนตกใจจะตายอยู่แล้ว!

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนังหนู เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเจ้าในวันนี้นั้น ล้วนเป็นเพราะโชคชะตาของเจ้าเองทั้งสิ้น”

“โชคชะตาอะไรกันคะ” เถียนเจียวเอ่ยถามอย่างงุนงงหนักกว่าเก่า คุณตาคนนี้ยังจะบอกให้เธอเชื่อเรื่องโชคชะตาบ้าบอเหล่านี้อีกเหรอ?

ตลกแล้ว!

 

“เดิมเจ้าก็ไม่ควรไปอยู่สถานที่แห่งนั้นตั้งแต่แรก เพียงแต่เกิดเรื่องผิดพลาดจากเบื้องบน เจ้าเลยต้องไปเกิดยังภพภูมินั้น ส่วนภพภูมินี้คือชีวิตที่แท้จริงของเจ้า” ผู้เฒ่าตอบคำถาม

ได้ฟังคำบอกเล่าจากคุณตา เถียนเจียวพลันขมวดคิ้วมุ่น

“สรุปว่าหนูตายแล้วเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถาม พร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เธอตายได้อย่างไรกัน แล้วยังเกิดเพราะความผิดพลาดจากเบื้องบนอะไรสักอย่างอีกด้วย

“จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ถูกอีกเช่นกัน ในภพภูมินั้นเจ้าไม่ได้มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว ดวงจิตในร่างที่อยู่ภพภูมินี้คือเสี้ยวหนึ่งที่ถูกแบ่งออกมาจากดวงจิตหลัก เมื่อเจ้ากลับมาแล้วดวงจิตทั้งสองก็จะหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง แต่เดิมข้าคิดรอให้สิ้นอายุขัยของเจ้าจากภพเก่าจึงค่อยพาดวงจิตหลักของเจ้ากลับมายังภพภูมินี้ ทว่าลิขิตสวรรค์ไม่ยินยอม ข้าจำเป็นต้องลบตัวตนของเจ้าจากภพนั้นเสีย”

คำอธิบายยาวเหยียด ทำให้เถียนเจียวได้แต่ทอดถอนใจ สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ รู้แค่เพียงว่าเธอไม่สามารถกลับไปยังสถานที่แห่งนั้นได้อีกแล้ว ยังดีที่เธอไม่มีอะไรต้องให้ห่วงหาในทางนั้น

ฉับพลันหญิงสาวก็นึกถึงเรื่องหนี่งขึ้นมาได้ เอ่ยถามอย่างดีใจว่า “โอ้! คุณตาคงไม่ใช่เทพที่คอยให้พรระหว่างที่ตัวละครเอกข้ามภพในนวนิยายที่เคยหนูอ่านมาก่อนใช่มั้ยคะ?”

โป๊ก!

“มันเจ็บนะคะ” เถียนเจียวซูดปาก ยกมือลูบหน้าผากปอย ๆ

“เจ้าอย่ามาแกล้งทำเสียให้ยาก ข้าผู้เฒ่าอยู่มาหลายพันปี ลูกไม้เล็กน้อยเพียงเท่านี้ของเจ้า ข้าผู้เฒ่าเจอมาหมดแล้ว”

“โถ่... คุณตาก็ มันจริงมั้ยละคะที่คุณตาเป็นเทพเหมือนในนิยายย้อนอดีตเหล่านั้นน่ะ แล้วหนูจะได้พรกี่ข้อกัน ขอพรแบบเทพ ๆ เลยนะคะ”

“ในหัวของเจ้าช่างมีแต่เรื่องเพ้อฝันจริง ๆ ข้ามิได้เป็นเทพในนิยายอะไรที่เจ้าเคยอ่านทั้งนั้น แต่ข้าเป็นผู้ส่งวิญญาณจากเบื้องบน ตามกฎของสวรรค์ ข้าผู้เฒ่าไม่สามารถให้พรที่เจ้าต้องการได้หรอก”

“ไอหยา! ถ้าอย่างนั้นหนูก็เสียเปรียบแย่น่ะสิคะ อุตส่าห์ข้ามภพมาทั้งที พรดี ๆ ดันไม่ได้กับเขาสักข้อ” ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ว่าจะหาวิธีกอบโกยเงินให้ได้มาก ๆ สักหน่อย....

“เจ้าก็ลองขอกับเง็กเซียนฮ่องเต้เอาเองสิ”

“มันจะได้ผลจริง ๆ มั้ยคะ หนูจะได้ขอตอนนี้เลย”

“ไม่ได้หรอก แต่เจ้ายังสามารถจดจำเรื่องราวในภพเก่าได้ นี่ก็ไม่ถือว่าเป็นพรแล้วหรอกหรือ?”

“อ่า... แล้วร่างนี้มีชื่อว่าอะไรเหรอคะ ครอบครัวมีมั้ย ร่ำรวยหรือเปล่า”

“แซ่เถียน นามเมี่ยวถิง เป็นบุตรสาวคนเล็กของสกุลเถียน”

“เถียนเมี่ยวถิง ชื่อดี ๆ อักษรเมี่ยวที่หมายถึงยอดเยี่ยม อักษรถิงที่หมายถึงงามระหง ใช่มั้ยคะ” เธอขอเอ่ยเข้าข้างเรื่องชื่อของร่างนี้สักหน่อยแล้วกัน

“อืม... ความรู้เรื่องภาษาโบราณของเจ้าก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว เอาล่ะเสียเวลาข้ามากแล้ว จงจำเอาไว้ว่า ต่อจากนี้ไปเจ้าคือเถียนเมี่ยวถิง มิใช่เถียนเจียว ขอให้โชคดีนะนังหนู หวังว่าเร็ว ๆ นี้เราจะไม่ได้เจอกันอีก” สิ้นประโยค ร่างของชายชราก็สลายกลายเป็นควันขาว เถียนเจียวได้แต่ตะโกนไล่หลัง ทว่ากลับมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นที่รับฟัง

“เอ๋... คุณตา คุณตาคะ หนูยังถามไม่หมดเลย ช่างเป็นตาแก่ที่ขี้งกจริง ๆ”

 

 

 

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนถัดไป