#จบแล้วจ้า ข้าจะไม่คิดแค้น...ข้าจะไม่โกรธเคือง..สิ่งที่ท่านทำ ข้าจะไม่เก็บมาเป็นเพลิงสุมใจ ขอให้ระหว่างเรา 'ท่าน' กับ 'ข้า' เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันนับจากนี้...และตลอดไป...
#จบแล้วจ้า ข้าจะไม่คิดแค้น...ข้าจะไม่โกรธเคือง..สิ่งที่ท่านทำ ข้าจะไม่เก็บมาเป็นเพลิงสุมใจ ขอให้ระหว่างเรา 'ท่าน' กับ 'ข้า' เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันนับจากนี้...และตลอดไป...
“คุณหนูเซียว คุณชายสามล่ะขอรับ!?” จุ้นเผิงที่เพิ่งเสร็จภารกิจเดินเข้ามาถามเซียวหลินหลิงที่กำลังเดินออกมาจากเรือน ทว่าเมื่อเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายก็ชะงักไป
ร้อยวันพันปีเพิ่งจะได้เห็นคุณหนูเซียวร้องไห้ก็วันนี้... เกิดอะไรขึ้นกัน!?
จะว่าไป...
นี่ข้าถามอะไรที่ไม่ควรถามใช่หรือไม่... จุ้นเผิงคิดพลางอยากตบปากตัวเองนัก!
“เอ่อ...” เซียวหลินหลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
“อยู่ในเรือนน่ะ เจ้ามาก็ดีแล้ว ช่วยลากเขากลับเรือนที ข้าจะได้กลับไปเก็บข้าวของ”
“แล้วนี่คุณหนูกำลังจะไปไหนขอรับ?” จุ้นเผิงถามต่อด้วยความสงสัย
“ข้าจะไปที่ชอบๆ” เอ่ยแค่นั้น เซียวหลินหลิงก็เดินเลี่ยงไป...
------------------------------------------------------------------------------------------
เรือนเหลียนฮวา
“มีอะไรหรือชิงปี้?” ซือเหลียนฮวาเอ่ยถาม เมื่อเห็นท่าทางกระวนกระวายของชิงปี้ ผู้ที่ตนให้รั่วเหวินไปรับตัวมาปรนนิบัติรับใช้ รวมถึงสอนวิชาการฝีมือให้
“บ... บ่าว... เป็นห่วงคุณหนูเจ้าค่ะ”
“คุณหนูของเจ้ามีอะไรน่าเป็นห่วงด้วยหรือ!?” ซือเหลียนฮวาถามด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม
“บ่าวกลัวคุณหนูจะนอนไม่หลับเจ้าค่ะ... หากไม่มีบ่าว”
สิ้นคำพูดของชิงปี้ ซือเหลียนฮวาก็ปรายตามองไปที่นางด้วยความชื่นชม
เซียวหลินหลิง เจ้าทำบุญด้วยอะไร ถึงมีบ่าวที่จงรักภักดีต่อเจ้าขนาดนี้!?
แม้นางจะไม่ชอบใจเซียวหลินหลิง ทว่าชอบใจในตัวชิงปี้อย่างยิ่ง ผู้ที่มองเผินๆ แล้วเหมือนจะเป็นแค่สาวใช้ธรรมดา แต่ซือเหลียนฮวานั้นมองเห็นกิริยามารยาทที่ดูงามสง่าราวกับคุณหนูผู้ดีมีตระกูลที่ซ่อนอยู่ในตัวนาง
ซ้ำยังรู้มาว่าต้องทนเป็นที่รองรับอารมณ์ของสตรีร้ายกาจผู้เป็นสะใภ้สาม ก็ยิ่งทำให้ซือเหลียนฮวานึกเอ็นดูและเมตตาชิงปี้นัก
หากชิงปี้มีวาสนาได้เกิดในตระกูลที่ดีมิใช่เป็นเพียงแค่สาวใช้ก็คงดี
ซือเหลียนฮวาจะได้ให้ซือหยวนซาแต่งเข้าจวนในฐานะฮูหยิน
แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มากสุดชิงปี้ก็เป็นได้แค่เพียงอนุ...
------------------------------------------------------------------------------------------
“คุณชายสาม!! ท่านกำลังทำอะไรน่ะขอรับ!?” จุ้นเผิงเอ่ยถามด้วยความตกใจ เมื่อเห็นผู้เป็นนายกำลังจัดการเอาอาภรณ์ทั้งหมดของคุณหนูเซียวหลิน หลิงออกมาจากตู้เสื้อผ้า แล้วพับลงกระเป๋าหนังใบใหญ่
“ข้ากำลังซักผ้าอยู่กระมัง! เจ้ามาก็ดีแล้วจุ้นเผิง มาช่วยข้าหน่อย เหลือเก็บของพวกนั้นก็เสร็จแล้ว” ซือหยวนซาพูดพลางปรายตามองไปยังหีบไม้ใบเล็กๆ สามสี่ใบที่กองอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
ของของนางข้าจะจัดการเก็บให้หมด นางจะได้ไม่มีข้ออ้างขออยู่ต่อ!
แม้นางบอกว่าพรุ่งนี้จะไป แต่ข้าขอไม่เชื่อคำพูดของนางอีกต่อไปแล้ว!
“...ให้ข้าน้อยยุ่งกับของของคุณหนูเซียวจะดีหรือขอรับ!?”
“มีสิ่งใดไม่ดีกัน?” ร่างสูงถามกลับ ฝ่ายจุ้นเผิงก็ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ
“ข้า...”
นางเป็นสตรีนะขอรับ แถมข้าก็เป็นบ่าวชายด้วย
“งั้นก็รออยู่เฉยๆ ละกัน”
ซือหยวนซาตัดบท พลันก็เผลอทำอาภรณ์ผ้าโปร่งสีม่วงอ่อนที่ถืออยู่หล่นใส่หน้าตนเอง
กลิ่นนี้... แล้วร่างสูงก็เผลอนึกไปถึงตอนที่ยากำลังออกฤทธิ์ได้ที่...
แม้เขาจะทำไปโดยไร้สติ แต่ก็พอจำความรู้สึกต่างๆ ได้รางๆ ทั้งกลิ่นกายหอมๆ และสัมผัสนุ่มนิ่มจากเรือนร่างของนาง
“หอมจริงๆ เหมือนดอกไม้ยามวสันต์” ซือหยวนซาเผลอพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อเห็นจุ้นเผิงมองมาด้วยความงุนงงก็เปลี่ยนเรื่อง
“จะว่าไป... เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง!?”
“ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้วขอรับ ขอบพระคุณคุณชายสามที่เป็นห่วงและขออภัยที่หายไปนาน... พอดีข้าแวะไปขอน้ำเกลือผสมน้ำตาลจากโรงครัวมาดื่ม เพื่อบรรเทาอาการน่ะขอรับ...”
“มิเป็นไร ของแบบนั้นมันห้ามได้ที่ไหนกัน...” แล้วซือหยวนซาก็ถามต่อ
“ว่าแต่... เจ้าเห็นเซียวหลินหลิงบ้างหรือไม่?”
“เห็นขอรับ...”
“นางเป็นอย่างไรบ้าง!?”
ข้าอยากจะรู้นักว่าครานี้เจ้าจะไปเรียกคะแนนสงสารจากใคร เพราะตอนนี้ทั้งพี่ใหญ่พี่รองก็ไม่มีใครอยู่
“เดินน้ำตาไหลพรากมาเลยขอรับ” จุ้นเผิงตอบตามความจริง
“อืม ก็สมควรแล้ว” ซือหยวนซาพูด แต่ท้ายประโยคคล้ายจะปลอบใจตัวเองเสียมากกว่า
“แล้วก็…”
“อะไรหรือ?”
“ข้าถามคุณหนูเซียวว่าจะไปไหน... นางบอกว่าจะไปที่ชอบๆ ขอรับ” คำพูดของจุ้นเผิงทำให้ซือหยวนซาชะงักไป
หรือนางจะคิดสั้น!?
มิได้การแล้ว...
คิดพลางวางมือจากการพับผ้า ก่อนจะพรวดพราดออกไปจากเรือนไป๋หลานฮวาทันที...
------------------------------------------------------------------------------------------
ลมตรงศาลาใกล้เรือนเซี่ยงรื่อขุย[1]ของพี่ใหญ่นี้ช่างเย็นสบายนัก...
เซียวหลินหลิงที่เดินร้องไห้มาตลอดทางคิดในใจพลางหยุดสะอื้น แล้วหันมาดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้า กะว่านั่งกินลมอยู่ตรงนี้อีกสักสองสามเค่อ[2]พอให้บุรุษผู้นั้นมีสติแล้วลากสังขารกลับเรือนตนเอง นางจึงค่อยกลับเรือนของนาง
แต่ไปๆ มาๆ คงเพราะอากาศน่านอน ทำให้ร่างบางที่เอนตัวนอนหงายแหงนหน้าดูดาวบนท้องฟ้าผล็อยหลับไป...
“เอาอย่างไรดีขอรับคุณชายสาม!?” จุ้นเผิงเอ่ยถามซือหยวนซาที่เดินมาตามหาคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะกลัวว่าจะทำให้คุณหนูเซียวตื่น
“….” ร่างสูงนิ่งไปสักพัก ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ ก็เห็นร่างบางกำลังนอนทอดกายอยู่บนที่นั่งหินยาวในศาลาผ่านแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา ใบหน้างามที่เปรอะไปด้วยคราบน้ำตานอนหลับตาพริ้ม ดูไร้เดียงสา ไม่มีพิษภัยใดๆ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมา
ทว่าใจหนึ่งก็คิดว่าอาจจะเป็นงิ้วอีกฉากของนางก็ได้...
อย่าลืมสิหยวนซา! เมื่อครู่นางเพิ่งวางยาเจ้านะ ครานี้อาจจะมีลูกไม้อะไรอีกก็ได้!
“นางอยากนอนอยู่ตรงนี้ก็ปล่อยนางเถิด อยากนอนตากลมหนาวยามราตรีจนแข็งตายก็ตามสบาย” ซือหยวนซาจงใจเอ่ยเสียงดัง จากนั้นก็เดินออกจากศาลาด้วยท่าทีเรียบเฉย เมื่อจุ้นเผิงเห็นดังนั้นก็หันไปมองคุณหนูเซียวแล้วมีท่าทีลังเลเล็กน้อย ก่อนจะรีบตามคุณชายของตนไป
แต่ก้าวเท้าตามแผ่นหลังของผู้เป็นนายไปได้ไม่กี่ก้าว คาดมิถึงว่าซือ หยวนซาจะหยุดเดิน พร้อมกับหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ทำให้จุ้นเผิงเกือบชนกับอีกฝ่าย
“เฮ้อ!” ร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจออกมาแรงๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะรีบสาวเท้ากลับไปที่เดิม เล่นเอาผู้เป็นบ่าวปรับตัวตามแทบไม่ทัน
แล้วภาพตรงหน้าที่จุ้นเผิงเห็นก็คือคุณชายสามกำลังตะโกนเสียงดังใส่เซียวหลินหลิงที่นอนหลับอยู่
“หากเจ้าอยากจะหนาวตาย ก็กลับไปทำเช่นนี้ที่จวนสกุลเซียวของเจ้า! สกุลซือของข้าจะได้ไม่แปดเปื้อน!”
“เลิกทำหูทวนลมได้แล้ว! เจ้าจะหน้าด้านไปถึงไหนกัน!?”
ไยข้าถึงรู้สึกว่าคุณชายของข้าดูเป็นคนพาลที่กำลังหาเรื่องคนนอนหลับ... จุ้นเผิงคิดพลางยกมือเขกหัวตัวเองที่คิดเช่นนี้กับคุณชายของตน
“หนึ่ง...”
“สอง...”
“สาม...”
“เซียวหลินหลิง!! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!!”
ซือหยวนซาตะโกนจนตนเองรู้สึกเหนื่อย แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอของคนที่กำลังนอนหลับสนิทเท่านั้น ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย
หากนี่เป็นงิ้ว ข้ายอมรับว่าเจ้าเล่นได้สมจริงยิ่ง!
ด้วยความหมั่นไส้ ซือหยวนซาจึงใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มเนียนๆ ทีหนึ่ง
“งืมมม” ร่างบางส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ ท่าทีของนางทำให้ร่างสูงหลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู โดยที่เขาไม่รู้ตัว มีเพียงจุ้นเผิงเท่านั้นที่เห็นแล้วอุทานขึ้นมาในใจ
สวรรค์! เมื่อครู่ข้าตาฝาดไปใช่หรือไม่... ที่เห็นคุณชายสามจิ้มแก้มคุณหนูเซียวแล้วยิ้ม...
หลังจากยืนชั่งใจสักพัก ซือหยวนซาก็ตัดสินใจช้อนร่างของเซียวหลิน หลิงขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
สวรรค์! ครานี้คุณชายสามอุ้มคุณหนูเซียว!
ตาข้ามิได้ฝาดหรอก แต่ข้ากำลังฝันอยู่ต่างหาก!!
“มองอะไรหรือจุ้นเผิง!?” ร่างสูงถามเมื่อเห็นท่าทางตกใจของบ่าวคนสนิท
“เปล่าขอรับ” จุ้นเผิงเอ่ยพลางรีบหลบตา
“ข้าก็แค่ไม่อยากให้นางมาหนาวตายในจวนสกุลซือของท่านพ่อท่านแม่ข้าก็เท่านั้น” ซือหยวนซาเอ่ยเสียงเรียบ เมื่อเห็นจุ้นเผิงดูจะยังไม่หายแคลงใจจึงแกล้งถามว่า
“หรือเจ้าจะเป็นคนอุ้มนางเอง!?”
“ข้ามิบังอาจขอรับ!” ผู้เป็นบ่าวรีบปฏิเสธ
“รีบพานางไปส่งเรือนแล้วกลับกันเถอะ” ซือหยวนซาเปลี่ยนเรื่องจากนั้นก็เดินนำไปทางเรือนไป๋หลานฮวาอย่างรวดเร็ว...
“คุณชายสาม!! รอข้าด้วยขอรับ” จุ้นเผิงกล่าวแล้วรีบจ้ำอ้าวตามหลังผู้เป็นนาย...
Writer: เอ๊ะ..... ที่น้องหลับปุ๋ยชนิดที่ว่าปลุกไม่ตื่นแบบนี้ต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ ใครทำอะไรน้องสารภาพมาซะดีๆ
ส่วนอิตาสามเป็นห่วงน้องก็พูดเถอะลูก! อ้างนั่นอ้างนี่ น่าถีบกว่าเดิม =_=
หยวนซา:ทำไมข้าจะต้องเป็นห่วงคนที่เพิ่งวางยาปลุกกำหนัดข้าด้วยขอรับ?! อย่างที่บอกแค่ไม่อยากให้นางตายอยู่ที่นี่
ไรท์:ไปตามคนอื่นมาทำแทนก็ได้ป่ะ จุ้นเผิงก็อยู่ข้างๆ
หยวนซา:ให้บ่าวชายมาอุ้ม สมควรหรือขอรับ?!
ไรท์:ทีตอนเก็บของให้น้องยังจะให้บ่าวเก็บให้
หยวนซา:เอ่อ..
จุ้นเผิง:สรุปว่าข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ขอรับ?!
ไรท์:ช..
หยวนซา:เงียบไปเลย!
แอบกระซิบบอกแปบ.. ตอนหน้ามีเบาะแสสำคัญ อย่าพลาดนะคะ! //เป็นนิยายสืบสวนไปแล้วเรอะ
เรื่องนี้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนจนอาจจะทำให้หลายๆ คนต้องกุมหัว และการดำเนินเรื่องที่ทำให้หลายๆ คนต้องอุทานว่า.. เมื่อไรจะไปสักที! ถ้าใครชอบเรื่องเบาสมอง น่ารักใสๆ ไม่ปม แนะนำให้อ่าน
[สามพี่น้องตระกูลหาน] แต่งกับเจ้าแล้วไง! ข้าก็ไม่ได้รักเจ้าเสียหน่อย!
คู่นี้สปาร์คกันไวมาก 6 ตอนแต่งเลย ตอนนี้เปิดให้อ่านตอนไฮไลท์ฟรีด้วยน้า ถึงวันที่ 15//ขายตรง55555555
ร่วมพูดคุยกันได้ที่ Han Yu หานยวี่ น้า ระหว่างนี้ขอฝากนิยายแนวกำลังภายในไว้ให้ไปอ่านเล่นกันพลางๆ เน้อ ยุทธภพไร้ใจ แต่ตัวข้าไม่ไร้รัก (ตอนนี้ก็กำลังเพิ่มเติมเนื้อหาอยู่)