#จบแล้วจ้า ข้าจะไม่คิดแค้น...ข้าจะไม่โกรธเคือง..สิ่งที่ท่านทำ ข้าจะไม่เก็บมาเป็นเพลิงสุมใจ ขอให้ระหว่างเรา 'ท่าน' กับ 'ข้า' เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันนับจากนี้...และตลอดไป...
#จบแล้วจ้า ข้าจะไม่คิดแค้น...ข้าจะไม่โกรธเคือง..สิ่งที่ท่านทำ ข้าจะไม่เก็บมาเป็นเพลิงสุมใจ ขอให้ระหว่างเรา 'ท่าน' กับ 'ข้า' เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันนับจากนี้...และตลอดไป...
6
รสมือของเซียวหลินหลิง
สักพักก็มีเสียงเปิดประตูตามด้วยเสียงฝีเท้าสองคู่ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของซือหยวนซาจะเดินเข้ามาพร้อมกับจุ้นเผิง
“คารวะคุณชายสามเจ้าค่ะ” เซียวหลินหลิงพูดพลางย่อตัวทำความเคารพ เมื่อชิงปี้เห็นดังนั้นก็ทำตาม
เรียกเช่นนี้แหละจะได้ชิน... ข้าจะได้ไม่เผลอมองว่าท่านเป็นท่านพี่ของข้าอีก
ซือหยวนซานิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาเรียบเฉยยากที่จะรู้ได้ว่าคิดอะไรอยู่ภายในใจ
“อืม” หลังจากส่งเสียงตอบรับเบาๆ เขาก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ โดยมีจุ้นเผิงยืนอยู่ข้างหลัง
“จุ้นเผิง” เซียวหลินหลิงเรียกชื่อบ่าวชายคนสนิทของซือหยวนซาเบาๆ
“ขอรับ...”
“เจ้าก็นั่งลงเถิด ข้าได้เตรียมอาหารและที่นั่งให้เจ้าแล้ว เจ้าจะได้กินไปดูแลคุณชายสามไปพร้อมกัน” กล่าวจบก็ผายมือไปยังเบาะรองนั่งที่อยู่ตรงข้ามชิงปี้ เมื่อเห็นท่าทีลังเลของอีกฝ่ายก็พูดต่อ
“ไปเถอะ ไหนๆ ก่อนที่ข้าจะไป ข้าก็อยากให้ทุกคนในจวนได้ลิ้มลองฝีมือข้าอย่างทั่วถึง”
โดยเฉพาะนายของเจ้า!
“อ... เอ่อ...” จุ้นเผิงลังเล ก่อนหันหน้ามาทางคุณชายสาม
“ไปนั่งเถิด” ซือหยวนซาเอ่ย
“มานั่งด้วยกันกับข้านี่มา” ชิงปี้พูดพลางยิ้มให้อีกฝ่าย
“ขอรับ... ขอบพระคุณคุณชายสามกับคุณหนู” จุ้นเผิงกล่าวขอบคุณก่อนเดินไปนั่งตรงข้ามสาวใช้ของเซียวหลินหลิง
“แล้วเจ้าล่ะ...”
ซือหยวนซาเอ่ยพร้อมกับมองมายังเซียวหลินหลิงที่ยืนอยู่
“เมื่อไรจะนั่ง... ข้าจะได้รีบกินรีบกลับ”
“…...” ร่างบางนั่งลงโดยไม่พูดอะไร ทำเพียงเปิดฝาที่ครอบอาหารออก เผยให้เห็นโฉมหน้าของอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
ก็บอกแล้ว... งานนี้นางทุ่มสุดตัว!
ทั้งเต้าหู้ผัดเผ็ดที่ได้รับสูตรมาจากท่านแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว...
หั่วกัวแบบไม่จุดไฟ ที่นางได้ต้มทุกอย่างใส่หม้อเหล็กเรียบร้อยแล้วทั้งหมู ไก่ แกะ ผัก...
เนื้อปลานึ่ง ที่มีน้ำจิ้มสองแบบแยกไว้ให้... เปรี้ยวหวานกับเผ็ดเค็ม โดยนางดัดแปลงมาจากปลานึ่งราดพริก…
เสี่ยวหลงเปา ที่นางยังคงภูมิใจนำเสนอ แม้คราวที่แล้วจะถูกเขากระทืบจนเละก็ตาม...
อ้อ! คราวนี้นางประยุกต์โดยการใช้แป้งผสมหูหลอปอ[1]และใส่ผงพริก ฮวาเจียว ทำให้สีของแป้งที่ห่อหุ้มไส้ข้างในเป็นสีแดงอมส้ม
และตั้นตั้นเมี่ยน[2]ชามใหญ่ ที่นางเอาเส้นมาแช่น้ำหมึก ทำให้สีของเส้นบะหมี่เปลี่ยนเป็นสีดำ...
ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณชิงปี้จริงๆ ที่ลำบากในการเลือกซื้อทุกอย่างมาให้นาง
ซือหยวนซากวาดตามองอาหารตรงหน้าอย่างเรียบเฉย ดวงตาเรียวสีนิลฉายประกายออกมาวูบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเย็นชาตามเดิม จากนั้นก็นำเข็มเงินที่ถือติดตัวมาด้วยทดสอบพิษในอาหารบนโต๊ะเพื่อความปลอดภัย โดยมีเซียวหลินหลิงลอบมองด้วยความหมั่นไส้
หากเป็นเกาเชียนจือทำ ท่านคงตักเข้าปากทันทีไม่มีลังเล
เมื่อซือหยวนซาทดสอบอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสองก็เริ่มลงมือทานอาหารบนโต๊ะ ในขณะที่ชิงปี้และจุ้นเผิงที่นั่งอยู่ห่างออกไปพอสมควรพากันกินจนจะหมดแล้ว
อาหารฝีมือคุณหนูเซียวนี่ช่างอร่อยเสียจริง!! แต่น่าเสียดายที่ข้ามีวาสนาได้ลิ้มรสมือคุณหนูแค่ครั้งเดียว จุ้นเผิงนึกในใจอย่างเสียดาย
คราแรกที่เห็นเซียวหลินหลิงคีบเสี่ยวหลงเปาขึ้นมา แวบหนึ่งซือหยวนซาเกิดคิดว่านางจะคีบให้เขาจึงเผลอยื่นจานออกไป แต่เมื่อเห็นสายตางุนงงของอีกฝ่ายก็รีบแก้เก้อ
“พอดีข้ากลัวทำหล่นก่อนจะมาถึงจานน่ะ”
สักพักเขาก็กะว่าจะคีบเนื้อปลาให้นางบ้างอย่างที่สามีภรรยาปกติเขาทำกัน
แม้ความสัมพันธ์ของเขากับนางกำลังจะสิ้นสุดในอีกไม่นานก็เถอะ
แต่นางก็ไม่ได้มีท่าทีหันมาสนใจเขาเลย ซ้ำยังยกจานไปไว้อีกฝั่ง!
ข้าก็นึกว่าเจ้าต้องการ จึงคิดจะช่วยเมตตาสักครั้ง แต่กลับทำเป็นเล่นตัว ต่อไปข้าก็จะไม่สนละกัน กินอย่างเดียวเท่านั้น ถือว่าข้าได้ให้โอกาสเจ้าแล้ว
ก่อนที่ร่างสูงจะตักน้ำแกงหั่วกัวที่มีสีแดงเดือดดั่งเลือดใส่ถ้วยแล้วยกซด เมื่อสัมผัสถึงความเผ็ดร้อนและความซ่าที่สุดแสนจะกลมกล่อมก็ทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไรออกมา มือที่จับตะเกียบนั้นหันไปคีบอย่างอื่นเข้าปาก แต่กลับยิ่งสร้างความแปลกใจให้เขา
นี่นางทำอาหารอร่อยถึงเพียงนี้เลยหรือ แถมยังทำออกมาได้เผ็ดร้อนถูกใจข้ายิ่ง... เนื้อปลานึ่งหาได้คาวแม้แต่น้อย น้ำจิ้มหรือก็มีทั้งแบบเผ็ดกับเปรี้ยวหวาน แป้งของเสี่ยวหลงเปานางก็ช่างเข้าใจคิด ไหนจะเส้นหมี่สีดำอีก หากไม่มีการประยุกต์ดัดแปลงข้าคงนึกสงสัยว่านางใช้ให้ชิงปี้ไปซื้อมาจากเหลาห้าดาวเป็นแน่แท้
วูบหนึ่งก็นึกเสียดายถึงอาหารที่นางเคยพยายามทำให้เขากินตลอดสามปี แต่เขากลับให้คนเอาไปเททิ้ง ทั้งยังตอนที่เทเสี่ยวหลงเปาลงพื้นแล้วเหยียบซ้ำเพื่อหวังจะทำให้นางเสียกำลังใจ จะได้ไม่ต้องทำนั่นทำนี่มาให้เขาอีก
พลันเรื่องราวต่างๆ ในวันวานก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว
“ข้าทำขนมเข่งมาให้เจ้าค่ะ” ร่างบางพูดพร้อมกับยื่นถาดขนมเข่งในมือให้เขา
“ข้าไม่รับ เจ้าเอากลับไปเถิด” ซือหยวนซาพยายามปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“ข้าตั้งใจทำมาให้ท่านก็ต้องให้ท่านสิเจ้าคะ”
“หากข้าเอาไปทิ้งเล่า!?” เซียวหลินหลิงชะงักไปเล็กน้อยก่อนยิ้มแล้วเอ่ยว่า
“นั่นก็เป็นสิทธิ์ของท่านเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้น... จุ้นเผิง... เอาไปเทให้สุนัขกินเสีย...”
…
“ข้าทำหั่วกัวมาให้เจ้าค่ะ ใส่ฮวาเจียวเยอะเป็นพิเศษด้วย เพราะรู้ว่าท่านชอบกินเผ็ด”
“ข้าเททิ้งไปแล้ว”
…
“เจ้าเลิกทำนั่นทำนี่มาให้ข้าเสียทีได้หรือไม่...”
“ทำไมหรือเจ้าคะ?”
“หากเจ้าอยากทำเพื่อข้า มีอย่างนึงที่เจ้าทำได้”
“อะไรหรือเจ้าคะ?” เซียวหลินหลิงถามด้วยแววตาใสซื่อ ทว่าซือหยวนซามองว่านางกำลังเสแสร้ง
“ลงนามในหนังสือหย่าให้ข้า ส่วนของคาวของหวานเหล่านั้น ข้ามิต้องการ อย่างอื่นก็เช่นกัน!”
…
สวรรค์... นี่ข้า...
ครู่หนึ่งซือหยวนซาก็รีบสะบัดหัวไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป
“อาหารเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” เซียวหลินหลิงเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ก็พอใช้ได้” ซือหยวนซาตอบ เพราะไม่อยากให้นางได้ใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เหลือบตามองไปข้างๆ ก็เห็นชิงปี้กับจุ้นเผิงเริ่มพากันเก็บจานแล้ว
ก็ใช้ได้... หึ... ดีนะเจ้าคะที่ท่านไม่ตอบว่าห่วยแตก
มิเช่นนั้นหั่วกัวหม้อนี้จะไปราดอยู่บนหัวของท่าน!
ร่างบางคิดพลางยิ้มบางๆ เมื่อเห็นท่าทางของผู้ที่นางกำลังจะตัดสัมพันธ์
แล้วก็… ข้าเห็นนะเจ้าคะว่าความจริงท่านคิดอย่างไร เพียงแต่ไม่อยากแสดงออกมา
ช่างปากไม่ตรงกับใจเสียจริง!
มื้อนี้เป็นมื้อที่นางทุ่มสุดตัวทั้งแรงกายและแรงใจ ส่วนเรื่องทรัพย์น่ะหรือ... มิเคยเป็นปัญหาหรอก ตระกูลเซียวของนางร่ำรวยจะตาย ท่านพ่อสุดที่รักก็ส่งเงินมาให้นางใช้ตลอดมิเคยขาด
ทำให้จากปกติที่นางทำอะไรก็อร่อย จากพรสวรรค์และการฝึกฝนที่สะสมมาเป็นสิบๆ ปี
ครานี้เลยอร่อยกว่าเดิมเป็นสิบๆ เท่า!
ข้าบอกแล้วหลังจากข้าจากไป ท่านจะต้องนั่งเสียใจแน่ เพราะไม่รู้จะหาอาหารเหล่านี้และแม่ครัวแสนดีขนาดนี้ได้จากที่ไหนอีกแล้ว! แม่ครัวที่พิถีพิถันถึงขนาดว่าหลังปรุงอาหารเสร็จสรรพ ก็ต้องแบ่งส่วนของท่านออกมาเพื่อเติมพริกเพิ่มให้คนที่ชอบกินเผ็ดเกินมนุษย์มนาเช่นท่าน!
แล้วทั้งคู่ก็นั่งกินข้าวกันต่อไปเงียบๆ ไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆ กระทั่งของคาวหมดลง
“ข้าช่วยนะเจ้าคะคุณหนู”
“ข้าช่วยนะขอรับ”
จุ้นเผิงกับชิงปี้เอ่ยพลางกุลีกุจอเข้ามาช่วยยกถ้วยชามที่ผู้เป็นนายใช้เสร็จแล้วไปล้าง
“มิเป็นไร เดี๋ยวข้าทำเอง” เซียวหลินหลิงเอ่ยพลางลุกขึ้น มิทันคาดคิดกลับถูกฝ่ามือหนาของคนที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันรั้งข้อมือไว้ สัมผัสอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับมาก่อนทำให้ร่างกายของนางหยุดเคลื่อนไหว และหัวใจถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ
มีดอยู่ไหน ข้าจะเอามาจัดการกับใจที่ไม่รักดีดวงนี้!
“ให้เป็นหน้าที่ของพวกเขาเถิด” ซือหยวนซาเอ่ย
“ปล่อยข้าเจ้าค่ะ!” เซียวหลินหลิงที่ตั้งสติได้กล่าวเสียงแข็งพลางสะบัดมือของอีกฝ่ายออก เมื่อรู้ตัวร่างสูงก็รีบปล่อยมืออย่างไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าทำแบบนั้นทำไม
เมื่อครู่ข้าทำอะไรลงไป...
“นั่งลงก่อน ข้ามีเรื่องอยากพูดกับเจ้า” ร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม แต่ทำให้ร่างบางนึกขันในใจ
พูดคุยหรือ!? หากเป็นเมื่อก่อนข้าคงดีใจแล้วยอมนั่งลงฟังท่าน แต่ตอนนี้ข้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นแล้ว
คิดดังนั้นเซียวหลินหลิงก็เชิดหน้าขึ้นแล้วจะเดินเข้าไปช่วยชิงปี้กับ จุ้นเผิงจัดการถ้วยชามในครัว แต่ซือหยวนซาก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดไปจากเดิม
“ตลอดสามปีที่ผ่านมา ขอบคุณสำหรับความพยายามทุกอย่างของเจ้า และขอโทษด้วยที่ข้ามิอาจตอบรับเจ้าได้...”
ด้วยอยู่ๆ เขาก็รู้สึกผิดและคิดว่าควรจะพูดกับนางดีๆ สักหน่อย ก่อนจะจากกัน แม้หนังสือหย่าที่นางลงนามอาจจะเป็นแผนการก็ตาม แต่อย่างไรเขาก็ได้มันมาอยู่ในมือแล้ว
“เจ้าค่ะ” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ท่านจะมาพูดดีอะไรกับข้าตอนนี้กัน!? เซียวหลินหลิงคิด แล้วซือหยวนซาก็กล่าวต่อ
“หากตัดข้อเสียทุกอย่างของเจ้าออกไป เจ้าก็นับว่าเป็นสตรีที่เพียบ พร้อมผู้หนึ่ง”
เหอะ... พูดเช่นนี้เอาเข็มมาทิ่มใจข้าเลยดีกว่า!
ทุกอย่างที่ว่า… สำหรับท่านมีกี่ข้อล่ะเจ้าคะ!?
“หากท่านจะใจเย็นๆ แล้วฟังข้าอธิบายสักหน่อย...” เซียวหลินหลิงเริ่มพูดบ้าง แต่ไม่ทันจบประโยค จุ้นเผิงก็พรวดพราดออกมาจากห้องครัวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“คุณชายขอรับ...” เพียงบ่าวชายคนสนิทพูดเท่านี้ ซือหยวนซาก็เข้าใจแล้วว่าเขาต้องการอะไร
“เชิญ” ผู้เป็นนายกล่าวเสียงเรียบ
“ขอบพระคุณขอรับ” จุ้นเผิงที่อยู่ดีๆ ก็ปวดท้องขึ้นมากล่าวแล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไปจากเรือนไป๋หลานฮวาทันที
“เมื่อครู่เจ้าจะพูดอะไรหรือ?” ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับหันมาสนใจสตรีตรงหน้าต่อ
“ไม่มีอะไรแล้วเจ้าค่ะ” ร่างบางตัดบท
ในเมื่ออธิบายไปก็เปล่าประโยชน์ แล้วข้าจะเปลืองน้ำลายไปเพื่ออันใด ไหนๆ ตอนนี้ข้ากับเขาก็หย่ากันแล้ว ถึงจะยังไม่เป็นทางการก็เถอะ
ซือหยวนซาเหลือบตามองอีกฝ่ายพลางคิดในใจ...
แล้วแต่เจ้าละกัน ในเมื่อไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด
หลังจากนั่งเงียบกันมาสักพัก เซียวหลินหลิงที่เพิ่งนึกได้ก็เอ่ยขึ้นว่า
“อ้อ... เกือบลืมไปเลยว่าทำของหวานไว้ให้ท่านด้วย เดี๋ยวข้าจะไปยกมาให้นะเจ้าคะ”
ท่านจะได้รีบกินรีบกลับเรือนไปเสียที... หัวใจของข้าจะได้เลิกหวั่นไหว!
จากนั้นร่างบางก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปในห้องครัว
ของหวานสูตรพิเศษที่ข้าใช้เวลาคิดค้นสูตรเกือบสามเดือน... เพื่อทำให้ท่านกินในวันนี้...
ของหวานที่ท่านจะต้องลืมไม่ลงชั่วชีวิต
ความตั้งใจครั้งสุดท้ายของข้าที่ขอมอบให้ท่าน!
Writerหยวนซา! อร่อยก็บอกอร่อยไม่ได้รึไง เขาอุตส่าห์ทำให้หล่อนกินนะยะ เป็นข้าๆๆ เอาหม้อไฟราดหัวเอ็งละ แล้วก็เลิกล้อเล่นกับหัวใจของน้องได้แล้ว ว่าแต่ขนมที่น้องทำให้หยวนซาคืออะไรกันนะ? อีกสามวันเจอกันเวลาเดิมน้า ><
แอบเห็นหลายคนลองเดาทิศทางของเรื่อง.. จะถูกรึเปล่าน้า เดี๋ยวได้รู้กันค่ะ! แต่ไรท์บอกได้เลยว่าเรื่องนี้มีอะไรในกอไผ่มากกว่าที่ทุกคนคิด 5555
ร่วมพูดคุยกันได้ที่ Han Yu หานยวี่ น้า ระหว่างนี้ขอฝากนิยายแนวกำลังภายในไว้ให้ไปอ่านเล่นกันพลางๆ เน้อ ยุทธภพไร้ใจ แต่ตัวข้าไม่ไร้รัก (ตอนนี้ก็กำลังเพิ่มเติมเนื้อหาอยู่ แต่แนะนำให้ติดตามนะงับ แล้วทุกคนจะร้องอ๋อเลย ถถถ)
ขอชี้แจงนิดนึงน้า ;w; เรื่องนี้ช็อตสำคัญจะดำเนินเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ มาเรียงๆ ส่วนอันไหนข้ามแล้วไม่มผลในการดำเนินเรื่องก็จะตัดส่วนนั้นออก ชนิดที่ว่ากาลเวลาอาจจะโดดข้ามได้ถึงหนึ่งวันเลยทีเดียว (ไม่ใช่แค่รีดนะ ไรท์ก็อยากให้น้องมีความสุขเร็วๆ เหมือนกัน)
ส่วนที่ว่าหลินหลิงลีลาไม่ยอมหย่าสักที คือหลินหลิงนางคิดว่าความสัมพันธ์จบตั้งแต่เอาหนังสือหย่าให้ต้าวบ้าหยวนซาแล้ว เก็ตมั้ย นางแค่ต้องการกินมื้อเย็นร่วมกันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก่อนแยกทางกันเดิน ถึงนางจะยังรักอาซาก็เถอะ TwT