Your Wishlist

ทางใครทางมัน! เราหย่ากันแล้ว! [สามบุพเพสกุลซือ] (6:รสมือของเซียวหลินหลิง)

Author: หานยวี่

#จบแล้วจ้า ข้าจะไม่คิดแค้น...ข้าจะไม่โกรธเคือง..สิ่งที่ท่านทำ ข้าจะไม่เก็บมาเป็นเพลิงสุมใจ ขอให้ระหว่างเรา 'ท่าน' กับ 'ข้า' เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันนับจากนี้...และตลอดไป...

จำนวนตอน : N/A

6:รสมือของเซียวหลินหลิง

  • 18/04/2564

6

รสมือของเซียวหลินหลิง

 

สักพักก็มีเสียงเปิดประตูตามด้วยเสียงฝีเท้าสองคู่ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของซือหยวนซาจะเดินเข้ามาพร้อมกับจุ้นเผิง

“คารวะคุณชายสามเจ้าค่ะ” เซียวหลินหลิงพูดพลางย่อตัวทำความเคารพ เมื่อชิงปี้เห็นดังนั้นก็ทำตาม

เรียกเช่นนี้แหละจะได้ชิน... ข้าจะได้ไม่เผลอมองว่าท่านเป็นท่านพี่ของข้าอีก

ซือหยวนซานิ่งไปครู่หนึ่ง แววตาเรียบเฉยยากที่จะรู้ได้ว่าคิดอะไรอยู่ภายในใจ

“อืม” หลังจากส่งเสียงตอบรับเบาๆ เขาก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ โดยมีจุ้นเผิงยืนอยู่ข้างหลัง

“จุ้นเผิง” เซียวหลินหลิงเรียกชื่อบ่าวชายคนสนิทของซือหยวนซาเบาๆ

“ขอรับ...”

“เจ้าก็นั่งลงเถิด ข้าได้เตรียมอาหารและที่นั่งให้เจ้าแล้ว เจ้าจะได้กินไปดูแลคุณชายสามไปพร้อมกัน” กล่าวจบก็ผายมือไปยังเบาะรองนั่งที่อยู่ตรงข้ามชิงปี้ เมื่อเห็นท่าทีลังเลของอีกฝ่ายก็พูดต่อ

“ไปเถอะ ไหนๆ ก่อนที่ข้าจะไป ข้าก็อยากให้ทุกคนในจวนได้ลิ้มลองฝีมือข้าอย่างทั่วถึง”

โดยเฉพาะนายของเจ้า!

“อ... เอ่อ...” จุ้นเผิงลังเล ก่อนหันหน้ามาทางคุณชายสาม

“ไปนั่งเถิด” ซือหยวนซาเอ่ย

“มานั่งด้วยกันกับข้านี่มา” ชิงปี้พูดพลางยิ้มให้อีกฝ่าย

“ขอรับ... ขอบพระคุณคุณชายสามกับคุณหนู” จุ้นเผิงกล่าวขอบคุณก่อนเดินไปนั่งตรงข้ามสาวใช้ของเซียวหลินหลิง

“แล้วเจ้าล่ะ...”

ซือหยวนซาเอ่ยพร้อมกับมองมายังเซียวหลินหลิงที่ยืนอยู่

“เมื่อไรจะนั่ง... ข้าจะได้รีบกินรีบกลับ”

“…...” ร่างบางนั่งลงโดยไม่พูดอะไร ทำเพียงเปิดฝาที่ครอบอาหารออก เผยให้เห็นโฉมหน้าของอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ

ก็บอกแล้ว... งานนี้นางทุ่มสุดตัว!

ทั้งเต้าหู้ผัดเผ็ดที่ได้รับสูตรมาจากท่านแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว...

หั่วกัวแบบไม่จุดไฟ ที่นางได้ต้มทุกอย่างใส่หม้อเหล็กเรียบร้อยแล้วทั้งหมู ไก่ แกะ ผัก...

เนื้อปลานึ่ง ที่มีน้ำจิ้มสองแบบแยกไว้ให้... เปรี้ยวหวานกับเผ็ดเค็ม โดยนางดัดแปลงมาจากปลานึ่งราดพริก…

เสี่ยวหลงเปา ที่นางยังคงภูมิใจนำเสนอ แม้คราวที่แล้วจะถูกเขากระทืบจนเละก็ตาม...

อ้อ! คราวนี้นางประยุกต์โดยการใช้แป้งผสมหูหลอปอ[1]และใส่ผงพริก ฮวาเจียว ทำให้สีของแป้งที่ห่อหุ้มไส้ข้างในเป็นสีแดงอมส้ม

และตั้นตั้นเมี่ยน[2]ชามใหญ่ ที่นางเอาเส้นมาแช่น้ำหมึก ทำให้สีของเส้นบะหมี่เปลี่ยนเป็นสีดำ...

ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณชิงปี้จริงๆ ที่ลำบากในการเลือกซื้อทุกอย่างมาให้นาง

ซือหยวนซากวาดตามองอาหารตรงหน้าอย่างเรียบเฉย ดวงตาเรียวสีนิลฉายประกายออกมาวูบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาเย็นชาตามเดิม จากนั้นก็นำเข็มเงินที่ถือติดตัวมาด้วยทดสอบพิษในอาหารบนโต๊ะเพื่อความปลอดภัย โดยมีเซียวหลินหลิงลอบมองด้วยความหมั่นไส้

หากเป็นเกาเชียนจือทำ ท่านคงตักเข้าปากทันทีไม่มีลังเล

เมื่อซือหยวนซาทดสอบอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสองก็เริ่มลงมือทานอาหารบนโต๊ะ ในขณะที่ชิงปี้และจุ้นเผิงที่นั่งอยู่ห่างออกไปพอสมควรพากันกินจนจะหมดแล้ว

อาหารฝีมือคุณหนูเซียวนี่ช่างอร่อยเสียจริง!! แต่น่าเสียดายที่ข้ามีวาสนาได้ลิ้มรสมือคุณหนูแค่ครั้งเดียว จุ้นเผิงนึกในใจอย่างเสียดาย

คราแรกที่เห็นเซียวหลินหลิงคีบเสี่ยวหลงเปาขึ้นมา แวบหนึ่งซือหยวนซาเกิดคิดว่านางจะคีบให้เขาจึงเผลอยื่นจานออกไป แต่เมื่อเห็นสายตางุนงงของอีกฝ่ายก็รีบแก้เก้อ

“พอดีข้ากลัวทำหล่นก่อนจะมาถึงจานน่ะ”

สักพักเขาก็กะว่าจะคีบเนื้อปลาให้นางบ้างอย่างที่สามีภรรยาปกติเขาทำกัน

แม้ความสัมพันธ์ของเขากับนางกำลังจะสิ้นสุดในอีกไม่นานก็เถอะ

แต่นางก็ไม่ได้มีท่าทีหันมาสนใจเขาเลย ซ้ำยังยกจานไปไว้อีกฝั่ง!

ข้าก็นึกว่าเจ้าต้องการ จึงคิดจะช่วยเมตตาสักครั้ง แต่กลับทำเป็นเล่นตัว ต่อไปข้าก็จะไม่สนละกัน กินอย่างเดียวเท่านั้น ถือว่าข้าได้ให้โอกาสเจ้าแล้ว

ก่อนที่ร่างสูงจะตักน้ำแกงหั่วกัวที่มีสีแดงเดือดดั่งเลือดใส่ถ้วยแล้วยกซด เมื่อสัมผัสถึงความเผ็ดร้อนและความซ่าที่สุดแสนจะกลมกล่อมก็ทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไรออกมา มือที่จับตะเกียบนั้นหันไปคีบอย่างอื่นเข้าปาก แต่กลับยิ่งสร้างความแปลกใจให้เขา

นี่นางทำอาหารอร่อยถึงเพียงนี้เลยหรือ แถมยังทำออกมาได้เผ็ดร้อนถูกใจข้ายิ่ง... เนื้อปลานึ่งหาได้คาวแม้แต่น้อย น้ำจิ้มหรือก็มีทั้งแบบเผ็ดกับเปรี้ยวหวาน แป้งของเสี่ยวหลงเปานางก็ช่างเข้าใจคิด ไหนจะเส้นหมี่สีดำอีก หากไม่มีการประยุกต์ดัดแปลงข้าคงนึกสงสัยว่านางใช้ให้ชิงปี้ไปซื้อมาจากเหลาห้าดาวเป็นแน่แท้

วูบหนึ่งก็นึกเสียดายถึงอาหารที่นางเคยพยายามทำให้เขากินตลอดสามปี แต่เขากลับให้คนเอาไปเททิ้ง ทั้งยังตอนที่เทเสี่ยวหลงเปาลงพื้นแล้วเหยียบซ้ำเพื่อหวังจะทำให้นางเสียกำลังใจ จะได้ไม่ต้องทำนั่นทำนี่มาให้เขาอีก

พลันเรื่องราวต่างๆ ในวันวานก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว

“ข้าทำขนมเข่งมาให้เจ้าค่ะ” ร่างบางพูดพร้อมกับยื่นถาดขนมเข่งในมือให้เขา

“ข้าไม่รับ เจ้าเอากลับไปเถิด” ซือหยวนซาพยายามปฏิเสธอย่างนุ่มนวล

“ข้าตั้งใจทำมาให้ท่านก็ต้องให้ท่านสิเจ้าคะ”

“หากข้าเอาไปทิ้งเล่า!?” เซียวหลินหลิงชะงักไปเล็กน้อยก่อนยิ้มแล้วเอ่ยว่า

“นั่นก็เป็นสิทธิ์ของท่านเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้น... จุ้นเผิง... เอาไปเทให้สุนัขกินเสีย...”

“ข้าทำหั่วกัวมาให้เจ้าค่ะ ใส่ฮวาเจียวเยอะเป็นพิเศษด้วย เพราะรู้ว่าท่านชอบกินเผ็ด”

“ข้าเททิ้งไปแล้ว”

“เจ้าเลิกทำนั่นทำนี่มาให้ข้าเสียทีได้หรือไม่...”

“ทำไมหรือเจ้าคะ?”

“หากเจ้าอยากทำเพื่อข้า มีอย่างนึงที่เจ้าทำได้”

“อะไรหรือเจ้าคะ?” เซียวหลินหลิงถามด้วยแววตาใสซื่อ ทว่าซือหยวนซามองว่านางกำลังเสแสร้ง

“ลงนามในหนังสือหย่าให้ข้า ส่วนของคาวของหวานเหล่านั้น ข้ามิต้องการ อย่างอื่นก็เช่นกัน!”

สวรรค์... นี่ข้า...

ครู่หนึ่งซือหยวนซาก็รีบสะบัดหัวไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป

“อาหารเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” เซียวหลินหลิงเอ่ยถามเสียงเรียบ

“ก็พอใช้ได้” ซือหยวนซาตอบ เพราะไม่อยากให้นางได้ใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อโดยไม่มองหน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เหลือบตามองไปข้างๆ ก็เห็นชิงปี้กับจุ้นเผิงเริ่มพากันเก็บจานแล้ว

ก็ใช้ได้... หึ... ดีนะเจ้าคะที่ท่านไม่ตอบว่าห่วยแตก

มิเช่นนั้นหั่วกัวหม้อนี้จะไปราดอยู่บนหัวของท่าน!

ร่างบางคิดพลางยิ้มบางๆ เมื่อเห็นท่าทางของผู้ที่นางกำลังจะตัดสัมพันธ์ 

แล้วก็… ข้าเห็นนะเจ้าคะว่าความจริงท่านคิดอย่างไร เพียงแต่ไม่อยากแสดงออกมา

ช่างปากไม่ตรงกับใจเสียจริง!

มื้อนี้เป็นมื้อที่นางทุ่มสุดตัวทั้งแรงกายและแรงใจ ส่วนเรื่องทรัพย์น่ะหรือ... มิเคยเป็นปัญหาหรอก ตระกูลเซียวของนางร่ำรวยจะตาย ท่านพ่อสุดที่รักก็ส่งเงินมาให้นางใช้ตลอดมิเคยขาด

ทำให้จากปกติที่นางทำอะไรก็อร่อย จากพรสวรรค์และการฝึกฝนที่สะสมมาเป็นสิบๆ ปี

ครานี้เลยอร่อยกว่าเดิมเป็นสิบๆ เท่า!

ข้าบอกแล้วหลังจากข้าจากไป ท่านจะต้องนั่งเสียใจแน่ เพราะไม่รู้จะหาอาหารเหล่านี้และแม่ครัวแสนดีขนาดนี้ได้จากที่ไหนอีกแล้ว! แม่ครัวที่พิถีพิถันถึงขนาดว่าหลังปรุงอาหารเสร็จสรรพ ก็ต้องแบ่งส่วนของท่านออกมาเพื่อเติมพริกเพิ่มให้คนที่ชอบกินเผ็ดเกินมนุษย์มนาเช่นท่าน!

แล้วทั้งคู่ก็นั่งกินข้าวกันต่อไปเงียบๆ ไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆ กระทั่งของคาวหมดลง

“ข้าช่วยนะเจ้าคะคุณหนู”

“ข้าช่วยนะขอรับ”

จุ้นเผิงกับชิงปี้เอ่ยพลางกุลีกุจอเข้ามาช่วยยกถ้วยชามที่ผู้เป็นนายใช้เสร็จแล้วไปล้าง

“มิเป็นไร เดี๋ยวข้าทำเอง” เซียวหลินหลิงเอ่ยพลางลุกขึ้น มิทันคาดคิดกลับถูกฝ่ามือหนาของคนที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกันรั้งข้อมือไว้ สัมผัสอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับมาก่อนทำให้ร่างกายของนางหยุดเคลื่อนไหว และหัวใจถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ

มีดอยู่ไหน ข้าจะเอามาจัดการกับใจที่ไม่รักดีดวงนี้!

“ให้เป็นหน้าที่ของพวกเขาเถิด” ซือหยวนซาเอ่ย

“ปล่อยข้าเจ้าค่ะ!” เซียวหลินหลิงที่ตั้งสติได้กล่าวเสียงแข็งพลางสะบัดมือของอีกฝ่ายออก เมื่อรู้ตัวร่างสูงก็รีบปล่อยมืออย่างไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าทำแบบนั้นทำไม

เมื่อครู่ข้าทำอะไรลงไป...

“นั่งลงก่อน ข้ามีเรื่องอยากพูดกับเจ้า” ร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม แต่ทำให้ร่างบางนึกขันในใจ

พูดคุยหรือ!? หากเป็นเมื่อก่อนข้าคงดีใจแล้วยอมนั่งลงฟังท่าน แต่ตอนนี้ข้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นแล้ว

คิดดังนั้นเซียวหลินหลิงก็เชิดหน้าขึ้นแล้วจะเดินเข้าไปช่วยชิงปี้กับ    จุ้นเผิงจัดการถ้วยชามในครัว แต่ซือหยวนซาก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดไปจากเดิม

“ตลอดสามปีที่ผ่านมา ขอบคุณสำหรับความพยายามทุกอย่างของเจ้า และขอโทษด้วยที่ข้ามิอาจตอบรับเจ้าได้...”

ด้วยอยู่ๆ เขาก็รู้สึกผิดและคิดว่าควรจะพูดกับนางดีๆ สักหน่อย ก่อนจะจากกัน แม้หนังสือหย่าที่นางลงนามอาจจะเป็นแผนการก็ตาม แต่อย่างไรเขาก็ได้มันมาอยู่ในมือแล้ว

“เจ้าค่ะ” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ท่านจะมาพูดดีอะไรกับข้าตอนนี้กัน!? เซียวหลินหลิงคิด แล้วซือหยวนซาก็กล่าวต่อ

“หากตัดข้อเสียทุกอย่างของเจ้าออกไป เจ้าก็นับว่าเป็นสตรีที่เพียบ พร้อมผู้หนึ่ง”

เหอะ... พูดเช่นนี้เอาเข็มมาทิ่มใจข้าเลยดีกว่า!

ทุกอย่างที่ว่า… สำหรับท่านมีกี่ข้อล่ะเจ้าคะ!?  

“หากท่านจะใจเย็นๆ แล้วฟังข้าอธิบายสักหน่อย...” เซียวหลินหลิงเริ่มพูดบ้าง แต่ไม่ทันจบประโยค จุ้นเผิงก็พรวดพราดออกมาจากห้องครัวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“คุณชายขอรับ...” เพียงบ่าวชายคนสนิทพูดเท่านี้ ซือหยวนซาก็เข้าใจแล้วว่าเขาต้องการอะไร

“เชิญ” ผู้เป็นนายกล่าวเสียงเรียบ

“ขอบพระคุณขอรับ” จุ้นเผิงที่อยู่ดีๆ ก็ปวดท้องขึ้นมากล่าวแล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไปจากเรือนไป๋หลานฮวาทันที

“เมื่อครู่เจ้าจะพูดอะไรหรือ?” ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับหันมาสนใจสตรีตรงหน้าต่อ

“ไม่มีอะไรแล้วเจ้าค่ะ” ร่างบางตัดบท

ในเมื่ออธิบายไปก็เปล่าประโยชน์ แล้วข้าจะเปลืองน้ำลายไปเพื่ออันใด ไหนๆ ตอนนี้ข้ากับเขาก็หย่ากันแล้ว ถึงจะยังไม่เป็นทางการก็เถอะ

ซือหยวนซาเหลือบตามองอีกฝ่ายพลางคิดในใจ...

แล้วแต่เจ้าละกัน ในเมื่อไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด

หลังจากนั่งเงียบกันมาสักพัก เซียวหลินหลิงที่เพิ่งนึกได้ก็เอ่ยขึ้นว่า

“อ้อ... เกือบลืมไปเลยว่าทำของหวานไว้ให้ท่านด้วย เดี๋ยวข้าจะไปยกมาให้นะเจ้าคะ”

ท่านจะได้รีบกินรีบกลับเรือนไปเสียที... หัวใจของข้าจะได้เลิกหวั่นไหว!

จากนั้นร่างบางก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปในห้องครัว

ของหวานสูตรพิเศษที่ข้าใช้เวลาคิดค้นสูตรเกือบสามเดือน... เพื่อทำให้ท่านกินในวันนี้...

ของหวานที่ท่านจะต้องลืมไม่ลงชั่วชีวิต

ความตั้งใจครั้งสุดท้ายของข้าที่ขอมอบให้ท่าน!

 

 

[1] หูหลอปอ = แครอต

[2] ตั้นตั้นเมี่ยน = บะหมี่คลุกซอสเผ็ด ใส่ผักดอง หมูสับและต้นหอม

 

 

Writerหยวนซา! อร่อยก็บอกอร่อยไม่ได้รึไง เขาอุตส่าห์ทำให้หล่อนกินนะยะ เป็นข้าๆๆ เอาหม้อไฟราดหัวเอ็งละ แล้วก็เลิกล้อเล่นกับหัวใจของน้องได้แล้ว ว่าแต่ขนมที่น้องทำให้หยวนซาคืออะไรกันนะ? อีกสามวันเจอกันเวลาเดิมน้า ><

แอบเห็นหลายคนลองเดาทิศทางของเรื่อง.. จะถูกรึเปล่าน้า เดี๋ยวได้รู้กันค่ะ! แต่ไรท์บอกได้เลยว่าเรื่องนี้มีอะไรในกอไผ่มากกว่าที่ทุกคนคิด 5555 

ร่วมพูดคุยกันได้ที่ Han Yu หานยวี่ น้า ระหว่างนี้ขอฝากนิยายแนวกำลังภายในไว้ให้ไปอ่านเล่นกันพลางๆ เน้อ ยุทธภพไร้ใจ แต่ตัวข้าไม่ไร้รัก (ตอนนี้ก็กำลังเพิ่มเติมเนื้อหาอยู่ แต่แนะนำให้ติดตามนะงับ แล้วทุกคนจะร้องอ๋อเลย ถถถ)

ขอชี้แจงนิดนึงน้า ;w; เรื่องนี้ช็อตสำคัญจะดำเนินเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ มาเรียงๆ ส่วนอันไหนข้ามแล้วไม่มผลในการดำเนินเรื่องก็จะตัดส่วนนั้นออก ชนิดที่ว่ากาลเวลาอาจจะโดดข้ามได้ถึงหนึ่งวันเลยทีเดียว (ไม่ใช่แค่รีดนะ ไรท์ก็อยากให้น้องมีความสุขเร็วๆ เหมือนกัน)

ส่วนที่ว่าหลินหลิงลีลาไม่ยอมหย่าสักที คือหลินหลิงนางคิดว่าความสัมพันธ์จบตั้งแต่เอาหนังสือหย่าให้ต้าวบ้าหยวนซาแล้ว เก็ตมั้ย นางแค่ต้องการกินมื้อเย็นร่วมกันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก่อนแยกทางกันเดิน ถึงนางจะยังรักอาซาก็เถอะ TwT 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป