Your Wishlist

ทางใครทางมัน! เราหย่ากันแล้ว! [สามบุพเพสกุลซือ] (2:ความผิดของเซียวหลินหลิง)

Author: หานยวี่

#จบแล้วจ้า ข้าจะไม่คิดแค้น...ข้าจะไม่โกรธเคือง..สิ่งที่ท่านทำ ข้าจะไม่เก็บมาเป็นเพลิงสุมใจ ขอให้ระหว่างเรา 'ท่าน' กับ 'ข้า' เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันนับจากนี้...และตลอดไป...

จำนวนตอน : N/A

2:ความผิดของเซียวหลินหลิง

  • 14/04/2564

2

ความผิดของเซียวหลินหลิง

 

“บ… บ่าวผิดไปแล้ว... ขอรับ”

“ช... ใช่... ขอรับ ข... ขอ คุณชายสาม… ป… โปรดลงโทษ”

บ่าวชายสองคนที่กำลังหมอบลงเบื้องหน้าของผู้เป็นนายเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก

“ในเมื่อรู้ตัวว่าผิด ไยจึงกล้าทำ?” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ

หรือสองคนนี้จะถูกนางมารผู้นั้นบังคับ! ? เพราะเป็นที่รู้กันว่าใครก็ตามที่เป็นเวรเฝ้าหน้าเรือนว่านโซ่วจวี๋ หน้าที่สำคัญมีเพียงอย่างเดียวคือ...

ห้ามไม่ให้เซียวหลินหลิงย่างกรายเข้ามาในอาณาบริเวณ 1 จั้ง [1] ของเรือนว่านโซ่วจวี๋โดยเด็ดขาด!! ผู้ใดปล่อยปะละเลยถือว่ามีความผิดมหันต์!!!

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่จำเป็นต้องจัดหาคนมาเฝ้าให้วุ่นวายเลย แต่เพราะเขาถูกสตรีร้ายกาจที่ได้ชื่อว่าเป็นฮูหยินตามกฎหมายมาหาที่เรือนแทบทุกวัน ทำให้ซือหยวนซามิอาจจะทานทนต่อไปได้อีก!

ตอนแรกที่หลายคนในจวนรู้เรื่องนี้ ต่างก็พากันตกใจกับท่าทางจริงจังของคุณชายสามผู้อ่อนโยน เป็นมิตรกับทุกคนแม้แต่บ่าวไพร่ แต่พอได้รู้ฤทธิ์เดชของสตรีผู้นั้น ก็เข้าใจและพากันทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด แต่มิทราบว่าครานี้คนทั้งสองตรงหน้าคิดเห็นอันใด จึงกล้าปล่อยให้นางเข้ามาหาเขาถึงในตัวเรือน!

 

หนึ่งในสองนั้นตอบว่า

“พ... เพราะว่า... คุณหนู... บ… บอกว่า... จะเอา... หนังสือหย่า… ม... มาส่งให้คุณชาย... ขอรับ และ…ขอเป็นคนเอา… ไปให้เอง พ... เพื่อเป็นการ... ส... แสดงความจริงใจ… ข… ขอรับ” สิ้นคำพูดของบ่าวคนแรก อีกคนก็กล่าวเสริม

“ใช่ ข... ขอรับ พ... พวกบ่าว ค... คิดว่าเป็น… ว... เวลาที่... ค… คุณชายรอมานาน… จึงคิดว่า… คุณชาย... น่าจะดีใจ… ขอรับ”

ที่ทั้งสองคนใช้สรรพนามแทนตัวหลินหลิงว่าคุณหนู เพราะเป็น ซือหยวนซาอีกนั่นแหละที่ห้ามทุกคนเรียกนางว่าฮูหยินน้อย แค่คำว่าคุณหนูก็เป็นการให้เกียรติมากเกินพอแล้ว!

“เอาเถอะ...” ซือหยวนซาถอนหายใจเบาๆ อย่างน้อยนางก็เอาหนังสือหย่ามาให้เขาจริงๆ

“ครานี้ข้าไม่เอาโทษพวกเจ้าละกัน...”

“ขอบพระคุณมากขอรับ พวกบ่าวสาบานว่าจะไม่มีรอบหน้าอีกแล้ว”

บ่าวทั้งสองเอ่ยพลางเอาศีรษะโขกพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนซือหยวนซาต้องบอกให้หยุด

“มีอะไรต้องทำก็ไปทำเถิด”

“ขอรับ” บ่าวทั้งสองคนรับคำก่อนรีบออกไปจากเรือน…

 

------------------------------------------------------------------------

แม้บ่าวชายทั้งสองคนจะออกไปนานแล้ว แต่ซือหยวนซาก็ไม่เป็นอันทำอะไร นอกจากเอาแต่นั่งจ้องหนังสือหย่าในมือของตนด้วยท่าทางครุ่นคิด จน ‘จุ้นเผิง’ บ่าวชายคนสนิทรู้สึกประหลาดใจ

ตอนที่มองแผ่นหลังของร่างบางที่เดินลับไปนั้น ซือหยวนซาก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองจนต้องเอามือมาขยี้ตาหลายรอบ

ท่าทางและแววตาของนางแปลกไป… น้ำเสียงและคำพูดที่ใช้ก็สั้นกระชับ ไม่มีลูกอ้อนเหมือนที่เคย ถ้าจะพูดให้ถูก วันนี้เป็นวันที่นางเอ่ยวาจากับเขาน้อยที่สุดตั้งแต่นางย้ายมาอยู่จวนสกุลซือ น้อยจนนับได้ว่ามีกี่คำ...

 

พลันคำพูดของนางก็แว่วเข้ามาในหู

ก่อนที่คุณชายสามจะไม่ใช่ท่านพี่ของข้าอีกต่อไปเจ้าค่ะ งั้นหรือ…

นี่ใช่คำพูดที่ออกมาจากปากของสตรีที่เฝ้าบอกรักเขามาตลอดสามปีหรือไม่! ?

อ้อ... ไม่ใช่สามปีสิ...

รวมกับเวลาก่อนที่นางจะใช้แผนสกปรกจนได้เข้ามาอยู่ที่นี่ก็สิบกว่าปีเห็นจะได้...

นางยังปกติดีหรือเปล่า! ?

แต่เพียงครู่หนึ่ง เขาก็สะบัดหัวไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป

แล้วข้าจะมานั่งคิดมากทำไม นางจะลงนามเพราะผีเข้าหรืออะไรก็เรื่องของนางสิ

ตอนนี้ข้าก็ได้หนังสือหย่ามาเรียบร้อย ต้องดีใจสิถึงจะถูก!

“จุ้นเผิง” ร่างสูงหันไปออกคำสั่งกับบ่าวชายคนสนิท

“ขอรับ”

“ไปบอกคนเตรียมรถม้า... ไม่สิ! ไม่ต้องแล้ว” หลังจากเอ่ยไปได้ครึ่งประโยค ซือหยวนซาก็เปลี่ยนใจ ด้วยเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก

“สรุปไม่ต้องเตรียมนะขอรับ”

“ใช่... ข้ายังวางใจไม่ได้ การที่นางจงใจลงนามในหนังสือหย่าแล้วเอามาให้ข้า อาจจะเป็นแผนการที่นางวางไว้ก็ได้”

ตัวเขาก็เกือบจะลืมไปแล้วว่าเซียวหลินหลิงน่ะเสแสร้งเก่งขนาดไหน กิริยาที่เปลี่ยนไปของนางในวันนี้ จะเป็นอะไรไปได้อีก...

นอกจากมารยาสาไถยของนาง ที่ทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขามากกว่า

 

งิ้วของเจ้าพลาดแล้วล่ะหลินหลิง...

ข้าคนนี้จะไม่โง่ตกหลุมพรางของเจ้าเป็นรอบที่สองหรอก

เจ้าวางแผนอะไรไว้ก็ตามสบาย ข้าหาได้สนใจไม่ ขอแค่ข้ามีหนังสือฉบับนี้อยู่ในมือ ทันทีที่ส่งเจ้าถึงจวนสกุลเก่าเมื่อใด ข้าก็จะเอามันไปแจ้งทางการเพื่อตัดพันธะของเราทันที!

แม้จะเรียกสิ่งที่ข้าต้องสูญเสียไปไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าที่ข้าต้องทนอยู่กับนางมารน่ารังเกียจเช่นเจ้าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง!

“………” เมื่อเห็นจุ้นเผิงนิ่งไป ซือหยวนซาจึงพูดต่อ

“พิษสงของนางเจ้าก็รู้มิใช่หรือ? นอกจากหน้าตาแล้ว อย่างอื่นที่นางมีในตัวก็ดี... ดีในทางเสื่อมน่ะสิ... ปากดี ทำร้ายบ่าวไพร่ เสแสร้งเก่งทั้งสีหน้าและท่าทาง เจ้าเล่ห์เพทุบาย พูดปดก็ไม่น้อยหน้า งานบ้านงานเรือนไม่แตะ แบบนี้จะให้ข้าเรียกว่าอะไร หากไม่ใช่นางมาร”

“……...” จุ้นเผิงไม่พูดอะไรนอกจากรับฟังเงียบๆ อย่างไรคนที่อีกฝ่ายกล่าวถึงก็มีศักดิ์เป็นนาย ส่วนเขาเป็นเพียงแค่บ่าว ไม่ออกความเห็นจะดีที่สุด แม้ในใจจะทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณชายสามเอ่ยก็ตาม

“เจ้าคิดว่ามื้อค่ำคืนนี้จะมีอะไรแอบแฝงหรือไม่! ?”

“ข้าน้อยมิอาจทราบได้ขอรับ” จุ้นเผิงตอบเสียงเบา

“อืม... อย่างไรในเมื่อข้ารับปากนางไว้แล้ว ข้าก็ควรไปใช่หรือไม่!?” ตรงท้ายประโยคเหมือนซือหยวนซาจะพูดกับตนเองเสียมากกว่า

“ใช่ข้าควรไป... ไม่งั้นข้าก็ไม่ต่างอะไรกับนาง”

“......”

“แต่ข้าว่าข้าก็ควรหาทางป้องกันเสียหน่อย” แล้วร่างสูงก็หันมาพูดกับบ่าวชายคนสนิท

“จุ้นเผิง ข้าอยากได้สมุนไพรต้านยาปลุกกำหนัด เจ้าให้คนไปหามาให้ข้าหน่อย”

แผนการร้ายของนางที่เขาคิดได้ก็มีเรื่องนี้แหละ กันไว้ดีกว่าแก้...

“ขอรับ เช่นนั้นตัวข้าจะเป็นผู้จัดหามาให้ท่านด้วยตนเอง รอสักครู่นะขอรับ” จุ้นเผิงเอ่ย

“เดี๋ยวก่อน!” พลันซือหยวนซาที่เพิ่งนึกเรื่องสำคัญได้ก็เอ่ยขึ้นมา

“อะไรหรือขอรับ”

“ส่งข่าวไปแจ้งแก่สกุลเซียวด้วย ว่าอีกสองวัน ข้าจะให้คนพาเซียวหลินหลิงไปส่งที่จวน”

“ขอรับ” จุ้นเผิงรับคำแล้วเดินออกไป…

ส่วนซือหยวนซาก็พยายามรวบรวมสมาธิให้กลับมาจดจ่ออยู่กับการวาดภาพที่ยังค้างคา...

 

-----------------------------------------------------------

ข้าขอพูดให้ชัดๆ อีกทีละกัน!

เซียวหลินหลิงคนนี้ก็ยังคงเป็นเซียวหลินหลิงคนเดิม!

ไม่มีผีร้ายเข้าสิง! ไม่ได้หัวกระแทก! ไม่ได้มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ทะลุมิติมาอาศัยร่างทั้งนั้นแหละ!

อ้อ... แต่ร่างข้ายังบริสุทธิ์นะ!!

ที่ยอมลงนามในหนังสือหย่าให้เพราะสำนึกผิดในสิ่งที่ทำทั้งต่อตนเองและต่อสกุลซือ ทั้งยังทำหน้าที่ที่ตนตั้งใจไว้เสร็จสิ้นแล้ว...

ขอโทษที่ต้องย้อนความอีกรอบ พอนึกถึงสีหน้าของคุณชายสามกับบ่าวชายประจำตัวที่ทำราวกับมองเห็นผีตอนที่นางเอาหนังสือหย่าไปยื่นให้แล้ว ก็อดมิได้จริงๆ ในสายตาพวกเขา นางดูเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือ! ?

แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง หากจะพูดถึงเรื่องกิตติศัพท์ความร้ายกาจ เสแสร้ง มารยาของนางที่มีคนตั้งสมญานามให้แล้ว

เซียวหลินหลิงก็นั่งคิดมานานแล้วนะ แต่อย่างไรก็นึกมิออกอยู่ดีว่าตัวเองไปทำอย่างที่คนเขาลือกันตอนไหน ยิ่งเรื่องที่ว่านางกลั่นแกล้งและตบตีบ่าวไพร่นี่ไปเอามาจากไหนกัน

นางออกจะใจดีกับทุกคน ไม่เชื่อไปถามบ่าวไพร่ที่จวนสกุลเซียวได้เลย!

ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมาอยู่เรือนไป๋หลานฮวาในจวนสกุลซือนั้น มีแค่ช่วงแรกๆ ที่นางทำขนมไปแจกเพื่อผูกมิตร

แต่ก็ล้มเหลว... สงสัยขนมของนางจะไม่ถูกปากพวกเขากระมัง

ทำให้หลังจากนั้นนางก็มิกล้ายุ่งกับใครเลย...

ส่วนตอนที่นางพยายามทำของคาวของหวานไปให้คุณชายสาม ฮูหยินใหญ่และท่านประมุข ผู้เป็นพ่อแม่สามี นั่นนางก็ทำด้วยใจหาได้เสแสร้งไม่ ไยมองว่านางแกล้งทำ…

เรื่องคนในตลาดที่ไม่ยอมค้าขายกับนาง เพราะมองว่านางเป็นสตรีปากร้ายเจ้ามารยาอีก...

ฟังดูแล้วข้าคงเหมือนคนที่มองข้ามความผิดตัวเอง ทำอะไรไว้ก็ลืม แต่ตัวข้าเซียวหลินหลิงกล้าสาบานต่อหน้าฟ้าดินเลยนะ!

ข้าคนนี้ทำอะไรไปกล้าทำกล้ารับ ทว่าหากมิได้ทำก็จะปฏิเสธหัวชนฝา...

ซึ่งมีความผิดเพียงอย่างเดียวที่ข้ายอมรับว่าเป็นคนทำ...

ความผิดที่ผิดมหันต์ และเป็นจุดเริ่มต้นของความมึนตึงในจวนแห่งนี้...

 

ย้อนไปเมื่อสามปีก่อน

ณ งานเลี้ยงสังสรรค์ประจำปีของสมาคมคหบดีพ่อค้าวาณิชแคว้นจ้าว ที่จัดอยู่เรือนตู้เจวียน [2] ของสกุลซือ ซึ่งเป็นเจ้าภาพประจำปีนี้

ข้าเซียวหลินหลิง วัยสิบหกหนาว ผู้ที่ติดตามท่านพ่อไปร่วมงาน ได้กระทำการอุกอาจต่ำช้าไร้ยางอายที่สุด… สร้างความเสื่อมเสียให้แก่ครอบครัวเป็นอย่างมาก

ด้วยการวางยาบุรุษที่ชอบจนได้ร่วมเตียงกันและอีกฝ่ายต้องรับผิดชอบแต่งข้าเข้าจวน!

หากมิใช่เพราะท่านพ่อรักข้ามาก คงสั่งลงโทษอย่างหนัก อาจถึงขั้นตัดสัมพันธ์ไปแล้ว ทว่าตอนรู้ว่าเกิดเรื่องกลับเอ่ยกับนางเพียง...

ข้าเชื่อใจในตัวบุตรีของข้า อะไรที่เจ้าได้ทำลงไป ข้ามั่นใจว่าเจ้าไตร่ตรองดีแล้ว

ช่างเป็นบิดาที่ประเสริฐโดยแท้! ท่านแม่ที่อยู่บนสวรรค์เจ้าคะ ท่านรักคนมิผิดจริงๆ

ว่าแต่เหตุการณ์ตอนนั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไรน่ะหรือ…

ก็งานเลี้ยงรื่นเริงนั้นจัดขึ้นทั้งหมดสามราตรี และราตรีที่สาม ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายที่ทุกคนจะดื่มฉลองกัน ก่อนจะแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้านของตนในวันรุ่งขึ้น ตัวข้าได้ก่อเหตุวางยาในสุราของบุตรชายคนสุดท้องตระกูลซือ

ซือหยวนซา...

บุรุษที่ข้าปักใจรักมานานกว่าสิบปี...

เพียงโผล่หน้าไปหา แล้วหลอกให้บุรุษผู้นั้นดื่มสุราที่มียานอนหลับผสมอยู่ จากนั้นก็จัดฉากให้ทุกคนคิดว่าพวกเราได้เสียกัน…

เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย!

ผลที่เกิดขึ้นทำให้ซือหยวนซาต้องแต่งข้าเข้าจวนทั้งที่ไม่เต็มใจ ทั้งยังได้รับความอับอายต่อคนรอบข้างและตัวเองอีก ด้วยเขาเป็นคนที่ยึดมั่นในธรรมเนียมที่ว่าตนเองเป็นบุตรชายคนสุดท้อง จึงจะรอแต่งงานหลังพี่ใหญ่และพี่รอง

(ช่างย้อนแย้งกับอาชีพจิตรกรดีแท้)

ซึ่งข้ากล้าบอกเลยว่าถ้าเป็นเช่นนั้นกว่าเขาจะได้แต่งก็อีกนานเลยล่ะ เพราะพี่ชายทั้งสองเป็นพวกรักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน ในขณะที่ซือหยวนซาหาคนรักได้แล้ว

บุตรสาวสกุลเกาที่เป็นถึงเจ้าของกิจการอัญมณี อยู่เมืองเป่ยพูเหมือนกับสกุลซือ พวกเขาเลยได้พบกันบ่อย

...ตัดภาพมาที่สกุลเซียวของข้า ซึ่งอยู่เมืองลี้รัว แม้ไม่ได้ไกลจากเมืองนี้มาก มีเพียงแค่ป่าไม้เล็กๆ และภูเขาเตี้ยๆ กั้นไว้ แต่ก็นับเป็นอุปสรรคในการทำคะแนนของข้าพอสมควร

นามของสตรีนางนั้นคือ...

‘เกาเชียนจือ’ เจ้าของใบหน้างามล่มเมือง งามกว่าข้าหลายส่วน

ทั้งกิริยามารยาทต่างๆ ก็อ่อนหวานเรียบร้อยกว่าข้าหลายเท่า...

เทียบกับนางที่เรียบร้อยประดุจผ้าที่พับไว้แล้ว ข้าก็คือผ้าที่ถูกคลี่ออกมาจนยับยู่ยี่

ซึ่งนางนั้นได้เดินทางมาร่วมงานนี้ด้วย และข้าก็ได้ยินแว่วๆ ว่าอาทิตย์หน้าพวกเขาจะหมั้นกัน ข้าจึงต้องใช้แผนการนี้ไงเล่า!!

ในเมื่อสวรรค์ลำเอียง... ใช้เล่ห์ไม่ได้ผลต้องตามด้วยกล

ถ้ากลเอาไม่อยู่พึ่งมนตร์ แต่... สำหรับคุณชายสามแค่เล่ห์ก็พอแล้วล่ะ

โดนฤทธิ์ผงยานอนหลับไป ถึงกับสลบไม่รู้เรื่องเลยทีเดียว!

 


[1] จั้ง= หน่วยความยาวจีนโบราณ 1 จั้ง มีค่าประมาณ 3.3 เมตร

[2] ตู้เจวียน = ดอกอะซาเลีย

 

Writer:น้องทำผิด แต่น้องก็สำนึกแล้ววว สามปีที่ผ่านมาไถ่โทษขนาดนี้ ไอ้ต้าวบ้าหยวนซาจะไม่ใจอ่อนหน่อยเหรอ ;w;

อีก 1 อาทิตย์เจอกันแบบอัพยาวๆ ต่อเนื่อง 3 วัน 1 ตอนเลยน้าคะ

ขอฝากแนวท่องยุทธภพให้ไปอ่านเล่นกันพลางๆ นะคะ ยุทธภพไร้ใจ แต่ตัวข้าไม่ไร้รัก

ร่วมพูดคุยติดตามเม้าท์มอยได้หมดยกเว้นขอสปอยล์กันได้ที่ Han Yu หานยวี่

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป