จากการเข้าใจผิดคิดว่าอัสมานเป็นคนขับรถของโรงแรมที่เขานั้นเป็นเจ้าของพอเห็นหน้าสวยๆเขาจึงปลอมตัวเป็นคนขับรถซะอย่างนั้นอัสมานได้ลักพาตัวพริซเซียร่าไปปล้นสวาทสั่งสอนแต่กลับเป็นเขาเองที่หลงเธอหัวปักหัวปำ
จากการเข้าใจผิดคิดว่าอัสมานเป็นคนขับรถของโรงแรมที่เขานั้นเป็นเจ้าของพอเห็นหน้าสวยๆเขาจึงปลอมตัวเป็นคนขับรถซะอย่างนั้นอัสมานได้ลักพาตัวพริซเซียร่าไปปล้นสวาทสั่งสอนแต่กลับเป็นเขาเองที่หลงเธอหัวปักหัวปำ
“ไปไหนดีครับคุณผู้หญิง” มาตินพยายามบีบเสียงตัวเองล้อเลียนหญิงสาวอย่างอารมณ์ดี
“ไปไหนก็ได้ค่ะ...ที่เอ่อ...หรูๆ....แพงๆ...และก็มีอาหารอร่อย ๆบรรยากาศดีๆ” มาตินก้มศรีษะลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการรับทราบคำสั่งของหญิงสาวตรงหน้าทำให้พริซเซียร่าอดที่จะขำไม่ได้ในท่าทีของคนขับรถจำเป็นคนนี้ไม่ได้
“รับทราบครับผม” จากนั้นมาตินและพริซเซียร่าก็หัวเราะร่วนออกมาพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง
รถหรูขับเคลื่อนผ่านตึกราที่สูงตระหง่านฟ้าของเมืองกรุงเทพมหานครอากาศที่ร้อนอบอ้าวและปัญหารถติดทำให้พริซเซียร่าอดที่จะอารมณ์เสียไปซะไม่ได้เมื่อรถหรูเคลื่อนชะลอตัวและจอดนิ่งสนิท เมื่อติดสัญญานไฟจราจรที่กระพริบเตือนจากสีเหลืองเลื่อนมาเป็นสีแดงรถทุกคันยังติดคันเร่งเพื่อเตรียมจะออกตัว มาตินเองก็จับจ้องดวงไฟข้างหน้าว่าเมื่อไหร่มันจะเปลี่ยนสัญลักษณ์ไปยังสีเขียวสักทีการนับเวลาถอยหลังบนป้ายขนาดใหญ่ว่าการจราจรที่ติดหนึบอยู่นั้นกำลังจะได้รับอิสรภาพภายในไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขาเฝ้ามองและนับตามอย่างใจจดใจจอ พลางขยับนิ้วชี้ขึ้นลงอย่างทำสมาธิแล้วสัญญานไฟก็สว่างพล่าไปยังช่อง สีเขียวไม่รอช้ามาตินกดเหยียบคันเร่งรถยนต์ให้เคลื่อนตัวออกมาจากพื้นที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็วใน ไม่ช้าเขาและพริซเซียร่าก็มาถึงร้านอาหารจีนสุดหรูแถว ๆ ตึกใบหยกนั่นเอง มาตินเคลื่อนตัวรถมาจอดยังลานกว้างซึ่งทางภัตคารจัดเตรียมไว้ให้สำหรับลูกค้าระดับวีไอพีเท่านั้น
“เชิญครับ” พนักงานต้อนรับโค้งคำนับอย่างนอบน้อมพร้อมเปิดประตูให้กับมาตินและพริซเซียร่าได้เข้ามาภายในภัตคารหรู
“สองที่เหรอครับ” พนักงานชายถามออกมาเสียงนุ่มนวลน่าฟัง
“ใช่....” มาตินตอบออกไปดังนั้นแล้วพนักงานหนุ่มจึงเดินนำทั้งสองมายังห้องรับประทานอาหารส่วนตัวซึ่งเป็นห้องที่หรูที่สุดและแพงที่สุดด้วย
“เชิญครับ....สักครู่จะมีพนักงานนำเมนูอาหารมาให้นะครับกรุณารอสักครู่” กล่าวจบพนักงานหนุ่มก็โค้งคำนับอีกครั้งก่อนหันหลังเดินไป
“พริซ....เชิญนั่งครับ” มาตินเลื่อนแถบเก้าอี้ออกมาเล็กน้อยพอที่พริซเซียร่าจะก้าวเข้าไปนั่งได้จากนั้นเขาก็เดินไปเลื่อนแถบเก้าอี้ออกเพื่อที่ตนเองจะได้นั่งตามเขานั่งฝั่งตรงกันข้ามกับพริซเซียร่า
“ที่นี่หรูดีนะคะมาร์ค...และก็ส่วนตัวดี” พริซเซียร่ายิ้มอ่อนหวานให้กับมาติน รอยยิ้มนี้จะมีสักกี่คนที่จะได้เห็นมันรอยยิ้มที่หวานซะจนคนมองอดจะยิ้มตามเสียไม่ได้
“ครับ...ที่สำคัญอาหารอร่อยมาก” มาตินลากเสียงยาวเพื่อบ่งบอกว่ามันคืนความจริงแท้แน่นอน
“ค่ะเชื่อแล้ว....ไม่ต้องเน้นขนาดนั้นก็ได้ค่ะ” พริซเซียร่าหัวเราะร่วนออกมาเมื่อเห็นสีหน้าสีตาของมาติน บ่งบอกถึงความจริงจังในคำพูด
“เมนูครับ” พนักงานรับออเดอร์นำเมนูมายื่นส่งให้มาตินและ พริซเซียร่า ทั้งสองคนเปิดหน้าเมนูและจัดการสั่งอาหารกับพนักงานทันที
“ส่วนฉันเอาติ่มซำเนื้อปูและก็ผัดเห็ดเป๋าฮื้อใส่ผักหวาน”พริซเซียร่าพูดไทยสำเนียงชัดกว่ามาตินมากเนื่องจากแม่ของเธอต้องการให้พูดได้ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษจึงให้พริซเซียร่าเรียนโรงเรียนไทยตอนชั้นประถม
“และเครื่องดื่มละครับรับเป็นอะไรดี” พนักงานสอบถามออกมาเนื่องจากยังไม่เห็นทั้งคู่สั่งเครื่องดื่ม
“ฉันเอาน้ำเปล่า” พริซเซียร่าหันมองมาตินแล้วพยักเพยิดหน้าเป็นการถามว่าจะเอาอะไร
“ผมขอน้ำเปล่าด้วย” มาตินหันไปสั่งพนักงานด้วยอีกคน
“ทวนรายการนะครับ มีเป็ดปักกิ่งหนึ่งที่ หูฉลามหนึ่งที่ ติ่มซำเนื้อปูหนึ่งที่และก็ผัดเห็ดเป๋าฮื้อใส่ผักหวานหนึ่งที่ เครื่องดื่มรับเป็นน้ำเปล่านะครับ.....รอสักครู่นะครับ” พนักงานรับออเดอร์โค้งคำนับอีกครั้งแล้วนำรายการเมนูอาหารเก็บกลับไปแล้วรีบเร่งเดินออกไปจากห้องทันที
“พริซ...ว่าแต่ว่ามีเรื่องอะไรเหรอครับ” มาตินเอ่ยถามออกมาจนได้หลังจากที่เขาลังเลอยู่นานว่าจะถามหรือไม่ถามดี
“มาร์คค่ะ.....พริซต้องไปดูไบค่ะ” พริซเซียร่ากล่าวออกมาพร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกถึงความไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัดสายตาของเธอ เว้าวอนให้เขาช่วยคิดหาหนทางที่จะทำให้เธอไม่ต้องไป แต่นั้นก็คงจะไม่มีความหมายใด ๆ เสียแล้วในเมื่อเธอตกปากรับคำคุณพ่อเอาไว้เสียดิบดี
“ทำไมพริซต้องไปด้วยครับ” มาตินถามออกมาอย่างอดที่จะสงสัยเสียไม่ได้
“คุณพ่อให้พริซไปศึกษาดูงานที่นั่นค่ะแล้วพริซก็รับปากคุณพ่อไปแล้วด้วย” พริซเซียร่าก้มหน้าหงุดอย่างคนที่ท้อแท้หรือหมดอาลัยตายอยากก็ไม่ปาน
“พริซคุณต้องไปจริง ๆ เหรอครับผมไม่อยากให้คุณไปเลยนะ..... ผมคงคิดถึงคุณมาก” มาตินบอกเสียงสั่นเครือเล็กน้อยนี่เขาต้องห่างไกลกับพริซเซียร่าจริง ๆ หรือนี่
“ค่ะ” พริซเซียร่าตอบเสียงแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงนั้นเสียด้วยซ้ำ หยดน้ำใส ๆ เริ่มคลออยู่ที่ดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้มันสั่นระริกอยู่ในที ยังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ พนักงานเสิร์ฟก็นำอาหารต่าง ๆ เข้ามาเสริฟเป็นการใหญ่ อีกทั้งยังจัดการรินน้ำใส่แก้วจีระไนเนื้อใสที่มีน้ำแข็งใส่อยู่เต็มแก้วไม่นานนักก็มีเกร็ดน้ำเกาะอยู่รอบ ๆ แก้วเนื้อดีนั้น
“ขอให้รับประทานอาหารให้อร่อยนะครับ” พนักงานเสิร์ฟโค้งคำนับเป็นการขอบคุณอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป
“เราไม่น่าพูดเรื่องนี้ก่อนทานอะไรเลยนะคะมาร์ค....พริซเริ่มทาน ไม่ลงซะแล้วสิ” พริซเซียร่ามีใบหน้าเศร้าระคนทุกข์ออกมาอย่างชัดเจน
“เอาเถอะพริซ....ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมจะรีบเคลียงานและก็จะบินตามไปเยี่ยมคุณเอง” มาตินจัดการตักอาหารใส่จานให้กับพริซเซียร่าเป็นการบังคับในตัวว่าเธอควรทานมัน
หลังจากพริซเซียร่าและมาตินรับประทานอาหารเสร็จแล้วนั้น พริซเซียร่าก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้อของฝากเพื่อนำไปฝากเหล่าคนงานและ สาวใช้ภายในบ้าน อันที่จริงในความร้ายกาจของพริซเซียร่าเองก็มีความดีมีน้ำใจที่แฝงอยู่เช่นกัน ข้อนี้มาตินเองมองเห็นมันอย่างชัดเจนแต่แรก เขาจึงเข้าใจพริซเซียร่าเป็นอย่างดี อาจเป็นด้วยพริซเซียร่าให้ความสนิทสนมกับเขามากที่สุดเขาจึงเป็นคนเดียวที่เห็นนิสัยที่แท้จริงของเธอ
“ขอบคุณค่ะมาร์ค....วันนี้พริซสนุกมากค่ะ” พริซเซียร่ายกเรียวแขนสวยคล้องไปที่วงคอของมาตินแล้วค่อย ๆ โน้มศรีษะของแขามาอยู่ที่ระดับเดียวกับเธอจากนั้นจึงจูบที่แก้มสากเพื่อเป็นการของคุณ การจูบนี้เป็นเพียงแค่ธรรมเนียมการทักทายหรือการบอกลาแบบฝรั่งไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งหรือพิเศษเกินกว่านั้น
“ไม่เป็นไรครับพริซ....แล้วเจอกันครับที่รัก” มาตินเลื่อนใบหน้าหล่อมาจูบที่แก้มของพริซเซียร่ากลับเช่นกัน การกระทำนี้เหล่าสาวใช้ภายในบ้านต่างก็แอบดูอย่างสอดรู้สอดเห็น เพราะคิดว่าการกระทำเช่นนี้ในเมืองไทยเป็นเรื่องที่โจ่งแจ้งเกินไปไม่ได้คิดถึงทำเนียมฝรั่งบ้าบออะไรด้วย
“หนูนา....มารับของไปเร็วฉันหนัก” พริซเซียร่าเร่งเสียงให้พอดังเพื่อให้หนูนามารับของฝากจากเธอ
“คุณพริซซื้อมาฝากหนูนาเหรอค่ะ” หนูนาตาเหลือกวาวกับของฝากมากมายตรงหน้า
“ใช่...เอาไปแบ่งกันนะอย่าอุ๊บไว้คนเดียวล่ะ” พริซเซียร่ายื่นส่งถุงของฝากให้ หนูนารีบรับไว้แล้ววิ่งตะโกนก้องไปทั่ว
“ป้า.....คุณพริซซื้อของมาฝาก....ฮ่าๆๆๆดีใจจัง....แย้ๆๆๆๆ” หนูนากระโดดโลดเต้นไปมาอย่างดีใจ พริซเซียร่าเห็นเช่นนั้นก็สายหัวไปมาอย่างระเอ็ดระอาใจ
กระเป๋าเดินทางหลุยส์วิตตองสีน้ำตาลลายโมโนแกรมใบใหญ่สุดหรูเคลื่อนตัวอยู่บนรถเข็นของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังเครื่องลำเลียงและตรวจสอบหาวัตถุระเบิด พริซเซียร่าเดินกลับมายังบริเวณที่พักผู้โดยสารขาออกหล่อนนั่งมองเที่ยวบินบนหน้าจอมินิเตอร์ที่ทางสนามบินติดตั้งเอาไว้ มันบ่งบอกว่าอีกสองชั่วโมงเศษเครื่องจึงจะมาลงจอดรับผู้โดยสาร เธอเลือกใช้บริการของสายการบินเอมิเรตส์ กระนั้นพริซเซียร่าพยายามชะเง้อคองามระหงมองหามาตินชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่นัดกับเธอว่าจะมาส่งแต่นี่ก็ยังไม่มีวี่แววของคนนัดสักนิด พริซเซียร่าลอบถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้
“เฮ....พริซ” เสียงของใครคนหนึ่งตะโกนก้องเรียกชื่อเธอ
“มาร์ค” พริซเซียร่าโบกไม้โบกมือเป็นการใหญ่เพื่อให้เขาทราบว่า ที่เห็นนั้นคือหล่อนจริงๆ
“ขอโทษที่รักที่ให้รอ...รถมันติดจริง ๆ ครับ” มาตินกุมมือหญิงสาวเอาไว้แนบอกอย่างอ้อน ๆ
“ค่ะ...รถติด” พริซเซียร่าเมินหน้าหนีเล็กน้อยเป็นเชิงบอกว่าน้อยใจนิด ๆ
“โถที่รัก....อย่างอนไปเลยครับคุณจะไปอยู่แล้วนะ” มาตินเว้าวอน พริซเซียร่าเป็นการใหญ่
“มาร์คค่ะ...พริซฝากช่วยดูแลคุณพ่อให้ด้วยเป็นห่วงท่านจริง ๆ” พริซเซียร่าสบตามาตินเป็นเชิงขอร้อง
“โถพริซพ่อคุณกับคุณพ่อผมเป็นเพื่อนรักกัน.....ท่านไม่ปล่อยให้พ่อคุณเป็นอะไรไปหรอกครับวางใจเถอะ....แล้วผมจะโทรหาคุณบ่อย ๆ นะครับ” พริซเซียร่ายิ้มออกมาได้หลังจากที่กังวลใจอยู่นานจากนั้นทั้งคู่พากันเดินมานั่งในร้านค๊อฟฟี่ช้อปหรูแห่งหนึ่งในบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพูดคุยหย่อกล้อกันตามประสาหนุ่มสาวจวนเจียนเวลาที่เครื่องจะลงจอดเต็มทีแล้ว
“มาร์คคะ....พริซต้องไปแล้วค่ะ” พริซเซียร่าหน้าสลดลงในทันที
“พริซอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...เดี๋ยวผมก็ตามคุณไป” มาตินลูบไล้มือเรียวเล็กของเธออย่างปลอบใจ
“ขอบคุณค่ะมาร์ค....ไม่มีใครดีกับฉันไปกว่าคุณอีกแล้ว” พริซเซียร่าจูบแก้มที่ปกคลุมไปด้วยไลหนวดเคลาเขียวครึ้มที่ผ่านการโกนมาแล้วเป็นอย่างดี
“แล้วเจอกันที่รัก...บายครับ” มาตินยกมือขึ้นเพื่อเป็นการบอกลา พริซเซียร่าหันมามองทางมาตินอีกครั้งก่อนเดินจากไปยังช่องที่พักผู้โดยสารขาออก พนักงานทำการตรวจเอกสารต่าง ๆ ของพริซเซียร่าจากนั้นพริซเซียร่าก้าวเดินขึ้นไปยังตัวเครื่องที่หล่อนจองในระดับ เฟิรส์คลาสแน่นอนว่าการบริการย่อมเป็นไปในระดับที่ดีมากถึงมากที่สุด เจ้านกยักษ์เร่งตัวเคลื่อนสู่ท้องฟ้าผ่านเมฆหมอกหนามุ่งหน้าสู่ประเทศแห่งความมั่งคั่ง ร่ำรวยติดอันดับของโลกสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี มีพื้นที่ประมาณ 83,600 ตารางกิโลเมตร สภาพที่ตั้งทางภูมิศาสตร์อยู่ระหว่างเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ประกอบด้วย รัฐต่าง ๆ 7 รัฐ ได้แก่ อาบูดาบี ดูไบ ชาร์จาห์ อัจมาน ราสอัลไคมาห์ ฟูไจราห์ และอูมอัลไคเวน ล้วนตั้งอยู่ริมทะเลและเป็นแหล่งขนถ่ายและส่งต่อสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค รายได้หลักของยูเออีขึ้นอยู่กับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก