Your Wishlist

ปล้นรักนางฟ้าร้าย (คำขอร้องของพ่อ)

Author: ฐาสุมิณญ์

จากการเข้าใจผิดคิดว่าอัสมานเป็นคนขับรถของโรงแรมที่เขานั้นเป็นเจ้าของพอเห็นหน้าสวยๆเขาจึงปลอมตัวเป็นคนขับรถซะอย่างนั้นอัสมานได้ลักพาตัวพริซเซียร่าไปปล้นสวาทสั่งสอนแต่กลับเป็นเขาเองที่หลงเธอหัวปักหัวปำ

จำนวนตอน : 31

คำขอร้องของพ่อ

  • 12/04/2564

พริซเซียร่านั่งอิงแอบเอนกายไปบนโซฟาหรูสีครีมอย่างเหน็ดเหนื่อย เธอผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงครั้งแล้วครั้งเล่า มือเรียวยกกดรีโมทปรับแอร์ให้อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าเย็นสดชื่น ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องต่ำกว่า 25 องศา อากาศภายในห้องของพริซเซียร่าตอนนี้เริ่มเย็นขึ้น        แต่อารมณ์ของพริซเซียร่ากลับไม่ได้เย็นตามไปด้วย เธอลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันนี้จะไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยหรือ ก็จะไม่ให้   พริซเซียร่าอารมณ์เสียได้อย่างไร ในเมื่อคุณพ่อของเธอ ท่านประธานออสติน เบรน เวสสัน ชายลูกครึ่งเยอรมัน-อาหรับ เขาต้องการให้ลูกสาวหรือพริซเซียร่านั้นไปบริหารงานของทางบริษัทที่เขาได้ร่วมหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่งกับบริส จอนท์ โต่เน่ เพื่อนชาวอเมริกัน นั้นคือ บริษัท ฮัสเบรนพริซ          ซึ่งตอนนี้บริส จอนท์โต่เน่ ได้ขายหุ้นส่วนของเขาให้กับนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งดูไบ อัสมาน จัสติน อิสลุน  เนื่องจากบริส จอนท์โต่เน่ต้องการจะไปบริหารจัดการบริษัทที่ออสเตรเลียและให้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่นั่นเอง ซึ่งบริษัทในดูไบแห่งนี้พริซเซียร่าต้องร่วมกันบริหารบริษัทกับ      อัสมาน แต่ทว่า พริซเซียร่า ไม่ต้องการที่จะไปอยู่ในประเทศแห่งทะเลทรายเลยสักนิด  เธอไม่ชอบอากาศที่ร้อนอบอ้าวเฉกเช่นดูไบที่ร้อนเสียยิ่งกว่าเมืองไทยเป็นไหน ๆ ถึงหน้าหนาวก็หนาวเป็นวักเป็นเวน อีกทั้งไม่ได้มี     ฤดูฝนที่ให้ความชุ่มฉ่ำแต่อย่างใด ซึ่งพริซเซียร่าได้พยายามที่จะพูดกับ คุณพ่อของเธอแล้วแต่ท่านกลับไม่สนับสนุน  เพียงแต่บอกว่ากับพริซเซียร่าว่า

 

“พ่อไม่เคยขัดใจอะไรลูกเลย แต่ครั้งนี้พ่อขอนะลูก พ่ออยากให้ลูกไปบริหารงานของบริษัทฮัสเบรน พริซ ซึ่งพ่อมั่นใจว่ามันต้องไปได้ดี        อีกอย่างอาบริส จอนท์โต่เน่เขาได้ขายหุ้นไปจนหมด แล้วขายให้กับ         นักธุรกิจที่เราไม่ได้สนิทอะไรด้วย ถ้าลูกไม่ไปพ่อเกรงว่าเราจะเสียเปรียบเขา ซึ่งพ่อไม่สามารถจะอยู่ดูแลลูกได้ตลอดนะพริซ”       ประธานออสติน เบรน เวสสัน พยายามที่จะพูดให้พริซเซียร่ายินยอมที่จะไปศึกษาดูงานของบริษัทฮัสเบรนพริซ พริซเซียร่ามองผู้เป็นพ่อพลางสายหน้าไปมาพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มนวล

 

“พริซไม่ไปนะคะคุณพ่อ....พริซไม่ไป...” พริซเซียร่าเสียงกร้าวยืนกำมือแน่นจนข้อนิ้วเรียวเป็นจ้ำสีขาวสลับกับสีแดงระเรื่อ บ่งบอกว่าเธอไม่ต้องการที่จะทำตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อแม้แต่น้อย

 

“แต่ลูกต้องไป.....พ่อขอสั่งให้ลูกไป....พ่อยอมลูกมามากจนเคยตัวแต่ครั้งนี้พ่อไม่ยอม...ลูกต้องไปดูไบ”  ผู้เป็นพ่อกล่าวเสียงเข้มท่าทางดุดันออกไป

 

“พริซเกลียด......เกลียดคุณพ่อ...ฮือๆๆๆๆ”  พริซเซียร่ายกมือทั้งสองปิดหน้าแล้วร่ำไห้ออกมาอย่างเสียใจ

 

“พริซ....นี่ลูก...โอะโอ้ย” ประธานออสติน เบรน เวสสัน ทรุดกาย    ล้มตัวลงกับพื้น เขาเอามือกุมหน้าอกด้านซ้ายของตนเองเอาไว้ ดิ้นทุรนทุรายไปมากับพื้นใบหน้าเหยเกบิดเบี้ยวผิดรูปทรงเนื่องจากทรมานกับอาการ     ที่ได้เกิดขึ้น พริซเซียร่าถึงกับเอามือปิดปากของตนเองเอาไว้อย่างตกใจสุดขีด

 

“คุณพ่อ”   พริซเซียร่ากรีดร้องออกมา แต่พอรวบรวมสติได้จึงรีบเรียกคนให้มาช่วยพาคุณพ่อของเธอส่งโรงพยาบาล

 

“คุณพ่อ....คุณพ่อขาพริซขอโทษค่ะคุณพ่อ...ฮือๆๆๆ...คุณพ่อ    อย่าเป็นอะไรนะคะ พริซจะไปค่ะ พริซจะไป...คุณพ่อต้องหายนะคะ....   อย่าทิ้งพริซไปนะคะคุณพ่อ” ตลอดทางพริซเซียร่าคร่ำครวญออกมาอย่างรู้สึกผิดที่พูดจาไม่ดีกับผู้เป็นพ่อจนท่านเกิดอาการโรคหัวใจกำเริบ ซึ่งพ่อของพริซเซียร่านั้นเป็นโรคหัวใจมานานแล้ว  แต่ทว่าท่านได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจไปแล้วเมื่อสองปีก่อนซึ่งหลังจากนั้นมาพ่อของ พริซเซียร่าก็ไม่ได้มีอาการใด ๆ ที่น่าเป็นห่วงอีก หากแต่พ่อของเธออาจจะมีอาการใดแทรกซ้อนขึ้นมากระทันหันจากความกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง  คำพูดที่เธอพูดว่า ‘เกลียดพ่อ’ คงทำให้ท่านเสียใจอย่างรุนแรงจนกระทั้งเกิดอาการกำเริบขึ้นมาอีกจนได้ คิดได้ดังนั้นแล้วพริซเซียร่า       ก็รู้สึกผิดยิ่งนัก

 

“คุณพ่อเป็นยังไงบ้างคะอาหมอ...” พริซเซียร่าถามหมอพัชระเพื่อนสนิทของพ่อเธอซึ่งเป็นหมอเจ้าของไข้และยังเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งนี้อีกด้วย

 

“แค่หัวใจเต้นผิดจังหวะน่ะพริซ....ยังไงก็อย่าขัดใจคนแก่นักล่ะ...  ไม่ต้องห่วงนะ.....” หมอพัชระลูบศรีษะของพริซเซียร่าอย่างเอ็นดู           “เดี๋ยวอาขอตัวไปดูคนไข้ก่อนนะหลานรัก...”

 

“ค่ะ”  พริซเซียร่าตอบรับเสียงเครือพลางปาดน้ำตาอย่างลวก ๆ ก่อนที่จะรีบเข้าไปในห้องผู้ป่วยที่พ่อของเธอพักรักษาตัวอยู่

 

เมื่อก้าวเข้ามายังห้อง พริซเซียร่าพบว่าพ่อของเธอนอนให้ออกซิเจนอยู่ก็ถึงกับเข่าอ่อนรีบเข้าไปจับแขนของผู้เป็นพ่อพลางออกแรงเขย่าเบาๆ

 

“พริซขอโทษค่ะคุณพ่อ.....พริซรักคุณพ่อมากนะคะ...อย่าเป็นอะไรนะคะคุณพ่อขา...”พริซเซียร่ากุมมือที่เหี่ยวย่นชายชราด้วยสีหน้ารู้สึกผิดในการกระทำของตัวเองเป็นอย่างมาก

 

“พ่อไม่โกรธลูกหรอกพริซ”  ชายชราค่อยลืมตานิดมองดูพริซเซียร่า ที่กุมมือเขาร้องไห้อยู่พลางกล่าวออกมาด้วยเสียงแหบพร่าแต่ช่างอ่อนโยนพร้อมกับมองพริซเซียร่าอย่างรักใคร่

 

“พริซจะไม่ขัดใจคุณพ่ออีกแล้วค่ะ.....พริซจะไปดูไบค่ะ”  พริซเซียร่าสบตาผู้เป็นพ่อก่อนกล่าวออกมาอย่างลังเลในตอนแรกแต่ก็เน้นเสียงหนักแน่นในตอนท้าย “พริซจะช่วยคุณพ่อทำงานคุณพ่อจะได้ไม่เหนื่อย”      พริซเซียร่าเคลื่อนมือของชายชราเลื่อนขึ้นมาแนบกับแก้มขาวอย่างจะให้ท่านได้ทราบว่าหล่อนรักและเป็นห่วงท่านเพียงใด

 

“พ่อดีใจที่พริซตัดสินใจอย่างนี้นะลูก  แล้วไม่ต้องห่วงพ่อนะพริซ  พ่อไม่ได้เป็นอะไรมาก” ชายชรายิ้มให้พริซเซียร่าอย่างอ่อนโยน

 

และนี่คือเหตุผลที่ทำไมพริซเซียร่าจึงมานั่งหมดอาลัยตายอยาก   ในห้องแบบนี้ เมื่อเธอได้นึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เหตุการณ์ที่เหมือนกับว่าเป็นการบีบบังคับให้เธอต้องตกปากรับคำผู้เป็นพ่อไปอย่างเสียไม่ได้  ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ของพริซเซียร่าก็ดังขึ้นทำลายความเงียบลงไปซะในทันที พริซเซียร่าหยุดความคิดไว้เท่านั้นก่อนจะเคลื่อนนิ้วเรียวมากดรับสาย

 

“ฮัลโหล...พริซเซียร่าพูดสายค่ะ...ไม่ทราบใครโทรมาคะ”  พริซเซียร่ากรอกเสียงไปตามสายและเน้นคำลงท้ายหนัก ๆ อย่างขัดอารมณ์        ปลายสายสังเกตจากน้ำเสียงว่าพริซเซียร่าคงกำลังอารมณ์บูดอยู่เป็นแน่จึงพยายามพูดอย่างนุ่มนวลเป็นที่สุด

 

“พริซครับ....มาร์คเอง...อารมณ์ไม่ดีเหรอครับ...ดาร์ลิงค์” มาร์คหรือมาตินชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เพื่อนชายคนสนิทของพริซเซียร่า

 

“อ้าวมาร์คเหรอค่ะ....เอาเบอร์ใครโทรมาหาพริซค่ะ...ไม่คุ้นเลย...ทำไมคุณไม่เอาเบอร์คุณโทรมาล่ะค่ะมาร์ค..ดีนะที่พริซไม่ได้วีนใส่คุณน่ะ”  พริซเซียร่าถามมาร์คเสียงหวานผิดกับเมื่อครู่

 

“ขนาดพริซยังไม่ได้วีนนะเนี่ย....ผมยังได้รับรังสีอัมหิตเลย” มาตินพูดแซวทีเล่นทีจริงกับพริซเซียร่าอย่างอารมณ์ดีทำให้คนที่อารมณ์บูดเมื่อตะกี้คลี่ยิ้มออกมาได้

 

“ดูพูดเข้าพริซแค่ไม่สบายใจนิดหน่อยค่ะมาร์คคุณโทรมาพอดีเลย พริซมีเรื่องต้องคุยกับคุณค่ะ...มาเจอพริซได้หรือเปล่าค่ะมาร์ค...      พริซต้องการพบคุณค่ะ”  มาตินรู้สึกไม่ดีเลยที่พริซเซียร่าพูดเปรย ๆ        มาเช่นนี้แต่เขาก็พร้อมรับฟังพริซเซียร่าเสมอ

 

“ครับ...พริซแต่งตัวรอมาร์คได้เลยครับอีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวมาร์ค     ไปรับ” พริซเซียร่ายิ้มออกมาได้ มาตินไม่เคยขัดใจเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว  เขาเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างเธอเข้าใจเธอ แม้ว่าในสายตาของคนอื่นพริซเซียร่าจะเปรียบเสมือนนางมารร้ายในละครทีวีก็ตาม มาตินเป็นชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน หล่อคมเข้มแบบฝรั่ง  ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสันยาว รับกับริมฝีปากบางยักสวยได้รูป  และยังเป็นลูกชายคนเดียวของนายแพทย์พัชระ กิตติกรณ์นรงค์ เพื่อนสนิทของคุณพ่อของเธอ  เธอและ มาตินรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งมาตินจะเป็นคนเดียวที่สามารถเล่นกับ      พริซเซียร่าได้โดยที่พริซเซียร่าไม่ถือตัวใด ๆ กับเขาทั้งสิ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่พริซเซียร่าคิดว่านั่นคือความรักหรือไม่

 

“นี่!....ป้าแจ่ม!...หนูนา!......ใครก็ได้เอาน้ำมาให้ฉันหน่อย......นี่ฉันเรียกไม่ได้ยินหรือไง.....หูหนวกกันหมดหรือไงห๊ะ....เดี๋ยวฉันไล่ออกหมดเลยนี่....” ป้าแจ่มกับหนูนารีบกูรีกูจอวิ่งหน้าตั้งเอาน้ำมาเสิร์ฟให้กับพริซเซียร่าอย่างเหนื่อยหอบ

 

“ป้าแจ่ม..หนูนาไม่ได้ยินที่ฉันเรียกเหรอไง....มัวทำอะไรกันอยู่อยากโดนไล่ออกหรือไงห๊ะ”  พริซเซียร่าถามออกไปอย่างหัวเสีย

 

“ป้าขอโทษค่ะคุณหนูพริซ...คือป้าล้างจานอยู่ในครัว...นังหนูนามันก็ไปถางหญ้าหน้าบ้านน่ะค่ะคุณหนู เลยไม่ได้ยินที่คุณหนูเรียกใช้”         ป้าแจ่มตอบอย่างใจเย็นสุด ๆ ทั้งที่ในใจนั้นร้อนเป็นไฟไปแล้วคนอะไร    เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด

 

“เอาหล่ะ...เดี๋ยวมาร์คจะมาแล้วยังไงก็อยู่แถว ๆ นี้ก่อนแล้วกันนะ....เวลามาร์คมาก็เอาน้ำมาเสิร์ฟด้วยล่ะหนูนา...ส่วนป้าแจ่มมีอะไรก็ไปทำก่อนเถอะ...ให้หนูนามันอยู่แถวนี้ไปแล้วกัน”  หนูนาผู้หญิงที่สติไม่ค่อยสมประกอบมองพริซเซียร่าแล้วยิ้มออกมาอย่างไม่มีเหตุผลทำให้          พริซเซียร่าบริภาษสายตามองอย่างไม่สบอารมณ์

 

“นี่หนูนา...เธอยิ้มอะไรของเธอกันเนี่ย....บ้าหรือเปล่าห๊ะ.....เออฉันลืมไปว่าเธอบ้า”  พริซเซียร่าพูดออกไปอย่างขำ ๆ แต่หนูนากลับร้องโวยวายใส่พริซเซียร่า

 

“หนูนาไม่ได้บ้า...คุณพริซแหละที่บ้า....หมาบ้า”  พริซเซียร่าได้ยินดังนั้นก็ควันออกหูทันทีตรงเข้ากระชากผมรุงรังของหนูนาไว้แล้วเงือมมือเพื่อหวังจะตบสั่งสอนหนูนาแต่ทว่า

 

“พริซ...ทำอะไรน่ะ...”  มาตินตรงเข้ามาห้ามพริซเซียร่าไว้  แล้วบอกให้หนูนารีบออกไปจากตรงนั้นโดยเร็ว ส่วนหนูนาก็รีบวิ่งแจ้นออกไปโดยทันที

 

มาตินหันกลับมามองพริซเซียร่าอย่างหัวเสีย สายหัวไปมาอย่างไม่เข้าใจเหตุผลที่พริซเซียร่าจะไปทำร้ายคนไม่สมประกอบอย่างหนูนา

 

“พริซหนูนา...เขาไม่สมประกอบทำไมพริซทำแบบนั้นละครับ”     พริซเซียร่าทำหน้าบูดบึ้งแสดงถึงอาการขัดใจอย่างเห็นได้ชัด

 

“ก็นังหนูนามันมาว่าพริซว่าเป็นหมาบ้านี่ค่ะมาร์ค.....พริซโมโห      ก็เลย...”  พริซเซียร่าพอจะรู้ตัวว่าตนเองนั้นทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ แต่ก็ไม่ยอมรับผิดแต่โดยดี

 

“เอาเถอะพริซ....อย่างสนใจเลยครับเรื่องนี้น่ะ”  มาตินรีบพูดตัดบทเสียก่อนที่พริซเซียร่าจะพูดแก้ตัวแบบหัวชนฝา ซึ่งข้อนี้เขาเองก็รู้ดีไม่ว่า พริซเซียร่าจะผิดหรือถูกเธอก็จะไม่ยอมรับใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีคำว่าขอโทษหลุดออกมาจากปากของพริซเซียร่าแน่นอนเพราะในชีวิตของพริซเซียร่าคนที่เธอเคยกล่าวขอโทษและจะขอโทษเมื่อตนเองทำผิดมีเพียงพ่อ แม่      หมอวัชระแล้วก็มาตินเท่านั้น

 

“น้ำค่ะคุณมาร์ค”  หนูนาเสริฟน้ำให้กับมาตินแล้วยิ้มอย่าง       เอียงอายให้กับคนหล่อตรงหน้า ซึ่งเธอเองลืมเรื่องที่พริซเซียร่ากล่าวโทษเธอไปเสียหมดแล้ว

 

“เห็นไหมพริซ....โบราณเขาบอกว่าอย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา”    มาตินกล่าวพร้อมมองหนูนาอย่างเหนื่อยใจซึ่งตัวพริซเซียร่าเองก็         พยักเพยิดหน้ารับอย่างเห็นด้วยว่าเธอไม่ควรจะไปถือสาหนูนามันเลย

 

“ไปกันเถอะมาร์ค” พริซเซียร่าควงแขนมาตนิทำท่าจะเดินออกจากบ้าน

 

“เที่ยวให้สนุกนะคะคุณพริซ”   หนูนากล่าวพร้อมทั้งโบกไม้โบกมือให้กับพริซเซียร่ากับมาร์คอย่างยิ้มแย้มอารมณ์ดี

 

“แล้วจะซื้อขนมมาฝากนะหนูนา”  พริซเซียร่าบอกก่อนจะเดินควงแขนมาตินออกไปขึ้นไปรถหรูที่จอดเทียบอยู่หน้าประตูบ้าน ร่างสูงเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งตรงข้ามคนขับให้กับพริซเซียร่า หญิงสาวก้าวขึ้นรถหรู     เข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้วมาตินก็จัดการปิดประตูรถอย่างรู้งานจากนั้นเขาก็เดินกลับมาเปิดประตูฝั่งคนขับก้าวขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว

กลับหน้าหลัก ตอนถัดไป