Your Wishlist

แม่ครัวตัวน้อย (Chapter 2 เจ้าอยากบอกข้าด้วยเรื่องไร้สาระนี้หรือ?)

Author: BuaElla แปล

ซูถังทะลุมิติไปยังดินแดนที่เธอไม่รู้จัก และพบว่าน้องชายร่างผอมของเจ้าของร่างเดิมร้องไห้อยู่ข้างๆ บิดามารดาของสองพี่น้องถึงแก่กรรมและทิ้งร้านอาหารเล็กๆ ไว้ข้างหลัง ในที่สุดเธอก็ได้ก่อร่างสร้างตัวในเมืองหลวงหลังจากที่เข้าร่วมการแข่งขันทำอาหารด้วยทักษะอันโดดเด่น หากมีอาหารเหลือ เธอชอบแจกจ่ายอาหารทุกวันก่อนปิดร้านอาหาร อ๋องที่จู้จี้จุกจิกเรื่องอาหารมาก ไม่รู้ว่าเขากินอาหารฝีมือเธอไปกี่มื้อแล้ว ซูถังค่อยๆ ค้นพบว่ามีคนมาที่ร้านอาหารของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ นายน้อยผู้เอาแต่ใจและนายทหารหนุ่ม ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมากินข้าวที่ร้านเธอทุกวัน ทุกคนที่กินอาหารของเธอต่างชื่นชมการทำอาหารของเธอทั้งนั้น!

จำนวนตอน : 122 ตอน

Chapter 2 เจ้าอยากบอกข้าด้วยเรื่องไร้สาระนี้หรือ?

  • 02/01/2565

“ความหมายของเจ้าคือเรามีเงินอยู่จำนวนน้อยนิดใช่หรือไม่?”

 

น้องชายของเธอพยักหน้าด้วยสีหน้าหม่นหมอง

 

ซูถังพยายามตรวจสอบเงินเก็บเพื่อตัดสินใจว่าจะซื้อส่วนผสมอะไรได้บ้าง เธอพบว่ามีเงินเก็บอยู่เพียงห้าสิบเหรียญเท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะซื้อวัตถุดิบดีๆ อย่างแน่นอน!

 

พรุ่งนี้ต้องไปต้าจี่แล้ว ผู้เข้าแข่งขันต้องเตรียมอุปกรณ์มาเอง มันอาจจะค่อนข้างง่ายสำหรับคนอื่นๆ แต่ครอบครัวของพวกเธอไม่สามารถนำอะไรไปได้

 

ซูถังสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่เธอเริ่มค้นหาไปรอบๆ บ้าน จนถึงตอนนี้เธอพบแต่แป้งและไข่จากครัวเท่านั้น เธอเริ่มคิดว่า 'พรุ่งนี้จะทำผัดหมี่หรือก๋วยเตี๋ยวต้นหอมดี?'

 

ซูถังส่ายศีรษะเบาๆ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้

 

พรุ่งนี้มีผู้เข้าแข่งขันมากกว่าสามร้อยคน แต่มีกรรมการตัดสินเพียงยี่สิบคนเท่านั้น

 

อาหารแต่ละจานต้องรอแถวตัดสินค่อนข้างนาน ด้วยกลุ่มคนจำนวนมากเช่นนี้ การทำก๋วยเตี๋ยวจึงเป็นประเภทอาหารที่เลวร้ายที่สุดในสถานการณ์นี้ เส้นจะอืดหากไม่รีบกินทันที

 

อีกอย่างพวกเธอยังมีน้ำมันเหลืออยู่ในครัวเพียงไม่กี่ขวดเท่านั้น

 

สองพี่น้องก็ต้องซ่อนขวดน้ำมันด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะถูกป้าแย่งชิงไปเช่นกัน

ซูถังเห็นว่าสีของน้ำมันในขวดแตกต่างจากน้ำมันหมูธรรมดา ดังนั้นเธอจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อดมกลิ่น

กลิ่นของมันทำให้เธอประหลาดใจ! ปรากฏว่ามันกลายเป็นน้ำมันงาที่หอมเหมือนน้ำหอม

 

กระบวนการบดงาเป็นน้ำมันในสมัยโบราณนั้นซับซ้อนและมีเอกลักษณ์

 

ซูถังคิดว่า 'นี่เป็นส่วนผสมลับที่พ่อของเธอสร้างขึ้นตอนที่เปิดร้านอาหาร!’

 

“พี่สาว ท่านทำอะไร?” ซูจินฮังถาม เขาคิดว่ามันแปลกที่พี่สาวของเขาถือน้ำมันงาราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า

 

ซูถังยิ้มอย่างมีความสุข “พี่รู้แล้วว่าจะทำอาหารอะไรในวันพรุ่งนี้ และพี่จะต้องได้เข้ารอบแน่”

 

“พี่หมายถึงอะไรเข้ารอบ?” ซูจินฮังถามเพราะเขาไม่เคยได้ยินคำพูดนี้มาก่อน

 

ระดับแรกคือการผ่านการคัดเลือกจากผู้เข้าแข่งขันสามถึงสี่ร้อยคน จากนั้นเธอก็จะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันที่แท้จริงกับหนึ่งร้อยห้าสิบคนสุดท้าย

 

เช้าวันรุ่งขึ้น สองพี่น้องรีบไปตลาด ซูจินฮังยังคงรู้สึกกังวลมากเพราะพี่สาวของเขาใช้เวลาทั้งหมดในการเช็ดขวดน้ำมันงาให้สะอาดเมื่อคืนนี้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน เขาคิดในใจว่า 'น้ำมันงาเป็นเพียงเครื่องปรุงรส แล้วพี่จะใช้มันทำอะไรได้อีก?'

 

ซูถังนำแค่เกลือ น้ำมันงาครึ่งขวด และน้ำส้มสายชูสีขาวติดตัวมาแค่สามอย่างเท่านั้น

 

สิ่งที่เธอนำมาด้วยเล็กน้อยจนดูเหมือนไม่ได้นำมาเพื่อประกอบอาหารอะไรเลย!

 

ระหว่างทางไปต้าจี่ ซูถังหยุดเพื่อเลือกซื้อของพิเศษบางอย่าง เธอพอใจกับต้นหอมสดหนึ่งกำมือที่เธอซื้อเพียงสองเหรียญเท่านั้น เธอยังไปที่ร้านเต้าหู้เพื่อซื้อเต้าหู้เก่า โดยรวมแล้วเธอใช้เงินน้อยกว่าสิบเหรียญ

 

“พี่สาว พี่จะทอดเต้าหู้หรือ? มันจะไม่ง่ายไปหน่อยหรือ?” ซูจินฮังเกาหัวของเขาและคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรอร่อยๆ จากสิ่งเหล่านี้ได้

 

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยจากข้างหลัง

 

“พวกเจ้ากำลังคิดจะมาแข่งขันทำอาหารเพื่อแค่ทอดเต้าหู้งั้นรึ?”

 

ซูถังหันไปมองข้างหลัง เธอเห็นชายร่างกำยำยืนถือผักและอาหารทะเลอยู่ในมือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำอาหารมื้อใหญ่

 

ชายคนนั้นตกใจกับรอยแผลเป็นบนหน้าผากของซูถัง

 

“เจ้ากล้าออกมาเจอผู้คนในสภาพน่าเกลียดเช่นนี้ได้อย่างไร” ชายคนนั้นพึมพำในขณะที่ปิดส่วนผสมของเขาเพื่อเตรียมจะจากไป

 

เขาจ่ายเงินเป็นจำนวนมากสำหรับส่วนผสมของเขา ดังนั้นเขาน่าจะผ่านการแข่งขันทำอาหารอย่างแน่นอน!

 

ซูถังแตะหน้าผากของเธอ อันที่จริงรอยฟกช้ำเกือบจะหายแล้ว แต่เธอจงใจทาสีด้วยบางอย่างเพื่อทำให้ดูน่ากลัวก่อนจะออกจากบ้านในวันนี้

 

“นั่นหอยเป๋าฮื้อหรือ? หอยเป๋าฮื้อตัวนี้ดูซีดและเนื้อก็ขาวแล้ว แสดงว่ามันตายมาระยะหนึ่งแล้ว คนที่กินมันเข้าไปอาจมีอาการท้องร่วงเล็กน้อยและปวดท้องได้ หากรุนแรงก็ต้องถึงขั้นหาหมอเพื่อรักษา ต้องระวัง” ซูถังกระซิบในขณะที่ดึงซูจินฮังจากไป

 

ใบหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาหันกลับมาเพื่อหักล้างคำพูดของเธอ แต่เห็นว่าเธอกำลังเดินจากไปพร้อมกับน้องชายของเธออย่างงดงามผ่าเผย

 

ชายคนนั้นส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว นี่เขาคิดอะไรอยู่? เขาเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้ว อาการบาดเจ็บที่หน้าผากของเธอดูน่าเกลียดมาก ดังนั้นเธอจะดูงดงามได้อย่างไร

 

เมื่อเข้าไปในต้าจี่ ซูถังสังเกตผู้คนโดยรอบ คนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นบุรุษ และมีสตรีเพียงไม่กี่คนที่มีสมาชิกในครอบครัวตามมาคอยดูแลพวกเธอ

 

อาณาจักรชางฉินไม่ได้เข้มงวดเกินไปในความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี แต่นี่ยังคงเป็นสมัยโบราณ

 

ซูถังมากับน้องชายเพียงสองคนเท่านั้น เธอจึงดูหดหู่มาก

 

สตรีที่อยู่ข้างๆ เธอเห็นเข้าจึงพูดขึ้นว่า “หายากสำหรับสตรีที่จะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ เจ้ากล้าหาญมาก”

 

“คุณหนูท่านนี้ต้องล้อข้าเล่นแน่ ท่านเองก็มาร่วมการแข่งขันเหมือนกันมิใช่หรือ?” ซูถังยิ้ม

 

หญิงสาวมองดูเธอ เสื้อผ้าของซูถังซักสะอาดเรียบร้อย แต่ค่อนข้างเก่า การแต่งกายก็เรียบร้อย แต่แผลที่หน้าผากดูน่ากังวลเล็กน้อย

 

“ข้าคงไม่มาอยู่ที่นี่หากท่านพ่อไม่บังคับให้ข้ามา ท่านบอกว่าทักษะการทำอาหารของตระกูลฮวงไม่ควรหายไปในรุ่นของข้า ข้าบอกท่านพ่อว่าพี่ชายของข้าก็เพียงพอแล้วที่จะสืบทอดมรดกของตระกูล” น้ำเสียงของคุณหนูฮวางนุ่มนวลและไร้เดียงสา เธอดูเหมือนหญิงสาวที่ถูกตามใจและไม่ค่อยได้เห็นโลกมากนัก “ข้าชื่อฮวงเยว่ถง เจ้าชื่ออะไร?”

 

ซูถังพยักหน้าและกล่าวว่า “ซูถังยินดีที่ได้รู้จักคุณหนูฮวง”

 

หลังจากที่ทั้งสองทักทายกัน เจ้าหน้าที่จากราชสำนักก็มาถึง พวกเขาประกาศกฎการแข่งขันโดยตรง

 

มีผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมดสามร้อยหกสิบคน ดังนั้นพวกเขาจึงถูกสุ่มแบ่งออกเป็นสิบกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสามสิบหกคนพร้อมกับกรรมการตัดสินสองคน

 

ผู้เข้าแข่งขันแต่ละกลุ่มจะถูกคัดออกมากกว่าครึ่ง

 

ซูถังยืนอยู่ใกล้กับฮวงเยว่ถง ดังนั้นพวกเธอจึงได้อยู่กลุ่มเดียวกัน

 

ซูจินฮังที่ยืนอยู่ข้างๆ ดูกังวล เมื่อเห็นเช่นนั้น ซูถังก็ปลอบโยนเขาว่า “จำที่พี่พูดได้ไหม? แค่คอยดูเวลาและนำสิ่งที่พี่ขอออกมา”

 

เขาพยักหน้า เข้าใจว่าตนต้องทำอะไร

 

ซูถังและฮวงเยว่ถงเดินไปประจำตำแหน่งของใครของมัน พวกเธออยู่ในกลุ่มที่แปดของทั้งสิบกลุ่ม เนื่องจากผู้เข้าแข่งขันนำวัตถุดิบมาเองจึงไม่มีข้อจำกัดในการรังสรรค์อาหาร พวกเขาสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาอยากทำ

 

พ่อครัวคนอื่นๆ ต่างก็นำวัตถุดิบจำนวนมากมาด้วย และดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำอาหารที่น่าตื่นตาตื่นใจ

 

ซูถังมองไปรอบๆ และพบผู้ชายที่มีหอยเป๋าฮื้อคนนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย แต่เขาอยู่ไกลจากเธอ ซูถังส่ายศีรษะเบาๆ หลังจากที่เห็นว่าเขาจัดการกับหอยเป๋าฮื้ออย่างไร

 

เธอยังเห็นเนื้อวัวชิ้นหนึ่งอยู่ข้างๆ ฮวงเยว่ถง เนื้อดูนุ่มมากและสามารถมองเห็นเส้นสีแดง วัตถุดิบดังกล่าวจะต้องมีความสดใหม่ แค่นำมาประกอบเป็นเมนูอาหารง่ายๆ ก็ยังอร่อยได้

 

ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ส่วนใหญ่นำวัตถุดิบแบบเดียวกับฮวงเยว่ถงมาทำอาหาร ซูถังดูเหมือนจะเป็นข้อยกเว้น วัตถุดิบของเธอเต้าหู้และต้นหอม

 

ซูถังไม่ได้ประมาท แต่สายตาของผู้คนจำนวนมากมองข้ามมาที่เธอ และเธอเองก็ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะรู้ว่าเธอใช้ส่วนผสมอะไร

 

มีสตรีเพียงไม่กี่คนในการแข่งขันทำอาหารนี้ สิ่งนี้ทำให้สตรีสองคนในกลุ่มแปดสะดุดตามากขึ้นคือซูถังมีวัตถุดิบเพียงเล็กน้อยในมือ

 

ฮวงเยว่ถงยังสังเกตเห็นสิ่งนี้และกระซิบว่า “ข้าสามารถแบ่งปันวัตถุดิบบางอย่างกับเจ้าได้นะ ข้ายังนำไก่และหมูสันในที่ฆ่ามาสดๆ มาด้วย”

 

“ไม่เป็นไร ขอบคุณ” ซูถังคิดว่าคุณหนูฮวงผู้นี้น่ารัก นี่เป็นการแข่งขันแต่เธอยินดีช่วยเหลือผู้อื่น

 

ซูถังชี้ไปที่เนื้อวัวแล้วกล่าวว่า “การใช้หลังมีดตีเนื้อจะทำให้เนื้อนุ่มขึ้น”

 

“ห้ามพูดในระหว่างการแข่งขัน!” กรรมการตัดสินดุซูถังและฮวงเยว่ถง

 

ฮวงเยว่ถงแลบลิ้นใส่ และเริ่มจัดการกับเนื้อ

 

แซ่ของกรรมการคนนั้นคือ ‘จี้’ และชื่อของเขาคือ ‘จี้ชู’

 

เขาเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นในราชสำนัก แต่ถูกส่งตัวมาเป็นกรรมการตัดสินในการประกวดทำอาหาร เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างน่าหัวเราะนักที่เขาถูกนำตัวมาตัดสินเรื่องอาหาร

 

นอกจากนี้ หากการแข่งขันทำอาหารนี้ผ่านไปด้วยดี งานหนักของพวกเขาก็จะไม่สูญเปล่า

 

 ‘ฮั่วจื่อซิน’ กรรมการอีกคนกลับไม่คิดอย่างนั้น เขาชอบของอร่อย ดังนั้นเขาจึงขอร้องเป็นกรรมการตัดสินงานนี้

 

ซูถังไม่รีบร้อน สิ่งที่เธอจะทำนั้นเรียบง่ายมาก จึงไม่ต้องรีบร้อน

 

เธอวางหม้อต้มน้ำแล้วใส่น้ำส้มสายชูสีขาวสองสามหยดลงไป

 

น้ำต้มเดือดจะไม่นำมาใช้ทันที แต่จะทิ้งให้เย็นไว้ด้านข้างแทน เธอจะใช้เฉพาะน้ำที่อยู่ด้านบนและระบายน้ำออกหนึ่งในสาม จากนั้นน้ำสองในสามที่เหลือจะถูกต้มและกรองด้วยผ้าก๊อซชั้นดี

 

นั่นคือวิธีการทำ 'น้ำใส'

 

"นางกำลังทำอะไรอยู่น่ะ? นางทำอาหารเป็นด้วยหรือ?”

 

ผู้เข้าแข่งขันไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกัน แต่ฝูงชนที่มาดูสามารถพูดคุยกันได้

 

ผู้เข้าแข่งขันรอบตัวเธอบางคนกำลังอบขนม ทำแพนเค้ก และนึ่งปลา กลิ่นอาหารทะลักออกมา แต่เด็กหญิงคนนี้ยังต้มน้ำอยู่!

 

เสียงถกเถียงของประชาชนทำให้กรรมการตัดสินสองคนต้องหันไปดู เมื่อพวกเขาเห็นว่าสตรีนางนี้ยังต้มน้ำอยู่ พวกเขาก็ส่ายศีรษะเบาๆ มันทำให้พวกเขาคิดว่ามีคนประเภทนี้อยู่จริงๆ

 

ณ สถานที่อื่น ‘จื่อติง’ นายพลรุ่นเยาว์ของราชวงศ์ชางฉินดูกังวล เขาพูดอย่างระมัดระวังว่า “ท่านอ๋อง การแข่งขันครั้งนี้ก็เพื่อพระองค์ นั่งรออีกหน่อยก็จะมีอาหารอร่อยส่งมาให้พ่ะย่ะค่ะ”

 

จื่อติงมองขึ้นไปที่อ๋องหนุ่ม แต่ในไม่ช้าก็ก้มศีรษะลงอีกครั้งด้วยความตกใจ

 

ท่านอ๋องมีใบหน้าที่หล่อเหลา คิ้วคมเข้มราวกับดาบและดวงตาสีดำสนิท กลิ่นอายที่ปล่อยออกมาจากร่างทำให้คนกลัวที่จะมองพระพักตร์ตรงๆ  ดวงตาของพระองค์เต็มไปด้วยแรงกดดันและริมฝีปากบางถูกเม้มจนเป็นเส้นตรง แสดงว่าตอนนี้ท่านอ๋องอารมณ์ไม่ใคร่ดีนัก

 

จื่อติงคงยกขาแล้ววิ่งหนีไปแล้วหากไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นบุตรชายของท่านแม่ทัพ

 

“คนผู้นี้จักต้องกินและเจ้าต้องแน่ใจว่ามันจะต้องเกิดขึ้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม! ออกค้นหาเมืองอื่นหากเมืองหลวงไม่มีพ่อครัวที่เขาโปรดปราน” จื่อติงเหงื่อออกเพราะเขาได้รับคำสั่งจากจักรพรรดิและบิดาให้จับตามองอ๋องเว่ยหยวนในขณะที่เขาอยู่ที่การแข่งขันเทพเจ้าแห่งการทำอาหาร

 

ท่านอ๋องเป็นคนจู้จี้จุกจิกเรื่องอาหารการกินมาก เพราะอาหารเกือบทุกอย่างมีรสชาติแย่สำหรับพระองค์ นี่คือสิ่งที่หลายคนรู้

 

ท่านอ๋องคงไม่อยากกินอะไรเลย หากไม่ใช่เพราะมีสุขภาพของพระองค์เป็นเดิมพัน

 

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมการแข่งขันเทพเจ้าแห่งการทำอาหารจึงถูกจัดขึ้น

 

การแข่งขันเพิ่งเริ่มต้นวันนี้ และเขาต้องแน่ใจว่าท่านอ๋องอยู่เฝ้าดู

 

จื่อติงเค้นสมองหาวิธีเพื่อให้ท่นอ๋องสนใจ เขารีบพูดว่า “กระหม่อมได้ยินมาว่ามีสตรีเข้าร่วมแข่งขันอยู่ข้างนอก นางแค่ต้มน้ำในขณะที่คนอื่นทำอาหาร น่าสนใจมากทีเดียว เพราะได้ข่าวว่าต้มน้ำไปสามรอบแล้ว กระหม่อมไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางคิดอะไรอยู่”

 

“เจ้าให้ข้าอยู่ที่นี่เพียงเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระนี้หรือ?” อ๋องเว่ยหยวนกล่าวเบาๆ

 

เห็นได้ชัดว่าท่านอ๋องไม่สนใจ และบรรยากาศโดยรอบก็ยิ่งเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ

 

ซูถังเพิ่งเริ่มทำอาหาร แต่สามสิบคนจากสามสิบหกคนในกลุ่มของเธอทำเสร็จแล้ว

 

ตอนนี้เป็นเวลาของเธอที่จะส่องแสงแล้ว! ซูถังลงมืออย่างรวดเร็วเมื่อเธอลวกเต้าหู้เก่าด้วยน้ำต้ม จากนั้นเธอก็ตั้งให้เดือดอีกสองนาที

 

ซูจินฮังนำอ่างน้ำมาอีกอ่าง และซูถังรีบจุ่มนิ้วลงไปเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิ

 

“ดี น้ำเย็นกำลังดี”

 

น่าเสียดายที่อาหารจานนี้จะอร่อยกว่าด้วยน้ำที่ใส่น้ำแข็ง แต่น้ำเย็นแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

 

ซูถังส่ายหน้าและเริ่มแบ่งน้ำออกเป็นสามส่วน เต้าหู้ที่ต้มแล้วกวนในน้ำเย็นส่วนหนึ่งก่อนที่จะล้างและใส่ลงในอ่างน้ำอีกอ่าง

 

“นั่นนางกำลังทำอะไร?!”

 

“นางแค่กำลังพยายามจะโอ้อวดเท่านั้น ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ”

 

ซูถังมองไปที่ผู้เข้าแข่งขันสองคนที่ซุบซิบเกี่ยวกับเธอ เธอไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อโอ้อวด แต่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอย่างอื่นต่างหาก

 

สามวันครั้ง
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป