Your Wishlist

ทำไงดีครับ!สามีผมเป็นพี่น้องกัน(3p) (4)

Author: โดราบงบง

ความผิดพลาดแค่คืนเดียวเพราะความเมา ทำให้ชีวิตของกายนั้นต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลเพราะมีมารเข้ามาในชีวิตถึง2คน! เขาจะเอาชีวิตรอดจากกรงเล็บของเสือทั้งสองตัวได้หรือไม่หรือจะต้องตกเป็นจำเลยของทั้งสองตลอดชีวิต

จำนวนตอน : 53

4

  • 25/12/2564

 คลับTTP

 

 

 

“ ไงไอคุณชาย นึกไงมาที่นี่วะเนี้ย “ พายับเอ่ยทักธีร์ที่เข้ามานั่งทำงานอยู่ที่ห้องทำงานของตัวเอง ธีร์เหลือบตามองพายับนิ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป

 

“ แหน่ะ ทำนิ่งนะครับเพื่อนธีร์แล้วนี่มึงปล่อยให้ไอเชี้ยธารมันอยู่กับคนน่ารักของมึงสองต่อสองอะนะ “ พายับเท้ามือไปกับโต๊ะของธีร์แล้วถามด้วยความสงสัย

 

“ ไม่เสือกจะตายมั้ย “ คำพูดนิ่งๆที่เชือดเฉือนทำให้พายับถึงกับเบะปากมองบนด้วยความหมั่นไส้

 

“ ด่ากูได้ด่ากูดีนะมึง “ พายับพูดพร้อมกับมองขว้างเพื่อนรักไป ธีร์ได้แต่มองเพื่อนตัวเองนิ่งและถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความอ่อนใจ

 

“ เออแล้วพรุ่งนี้มึงจะไปมอ.ตอนบ่ายมั้ยเนี้ย มันมีคุยเกี่ยวกับเรื่องรับน้องอยู่ “ พายับถามอย่างนึกขึ้นได้

 

“ ไป “ ธีร์ตอบสั้นๆแล้วก็หันไปทำงานต่อ พายับเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก

 

 

 

พรึบ!

 

 

 

เสียงเปิดประตูโดยไม่เคาะทำให้ธีร์และพายับหันไปมองทันที

 

“ ไอเชี้ยธาร! “ พายับหันหน้าไปทางประตูและเรียกชื่อธารด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองเปิดประตูแล้วเดินหน้านิ่งเข้ามา ธีร์เองก็มองพี่ตัวเองนิ่งๆ

 

“ เออกูเอง “ ธารพยักหน้าทักทายแล้วเดินไปที่โซฟาที่อยู่ด้านข้างโต๊ะทำงานของธีร์

 

“ เอ้า แล้วคนน่ารักอะมึง นี่พวกมึงได้น้องเขาแล้วมึงจะทิ้งหรอ!? “ พายับถามแล้วทำตาโตขึ้นอย่างตกใจพลางชี้ไปยังเพื่อนรักทั้งสอง

 

“ ทิ้งบ้านป้ามึงอะ แล้วมึงก็ไม่ต้องมามองหน้ากูแบบนั้นเลยนะไอเชี้ยธาร คนตัวเล็กแม่งดื้อฉิบ กูบอกให้พูดดีดีเสือกดื้อไม่ยอมทำตาม แล้วพอกูบอกว่าจะให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันก็ยังจะไม่ยอมอีก จนกูต้องบังคับเนี้ยแม่ง “ ธารพูดกับพายับเสร็จก็หันไปพูดกับธารต่อพร้อมกับอธิบายสิ่งที่เขาได้พูดคุยกับร่างเล็กมาด้วยความโมโหนิดๆที่อีกคนดื้อดึงแบบนี้

 

“ เดี๋ยวๆเดี๋ยวนะมึง มึงกำลังจะบอกกับกูว่า..มึงบังคับน้องเขาให้มาอยู่กับพวกมึง? แล้วแถมยังจะให้พูดกับมึงดีดีอีก..หรอวะ? “ พายับลุกขึ้นเดินมาหาธารแล้วถามทวนในสิ่งที่ตัวเองได้ยินจากเพื่อนเมื่อสักครู่

 

“ เออ “ ธารพยักหน้า

 

“ ไอเชี้ย!! ถ้าเป็นกูกูจะต่อยหน้ามึงไอสัส มีอย่างที่ไหนเสือกไปบังคับเขาแบบนั้น พวกมึงสองคนรุมข่มขื่นเขาแถมยังจะบังคับเขาให้พูดดีดีกับมึงอีก นี่เขาไม่แจ้งตำรวจจับมึงก็ดีแค่ไหนแล้วนะไอห่า “ พายับพูดว่าออกมาเป็นชุด โดยมีธารกรอกตามองบนด้วยความรำคาญเป็นภาพประกอบขณะที่ฟังพายับพูด

 

“ มึงคิดว่าตำรวจจะทำอะไรกูได้รึไงแล้วอีกอย่างนะมึงจะให้กูทำยังไง กูอยากได้ตัวเล็กถึงกูจะได้แล้วก็เหอะเพราะงั้นกูจะไม่ให้ใครทั้งนั้น กูเลยต้องใช้วิธีนี้ “ ธารหันไปพูดกับพายับอย่างเซ็งๆ

 

“ มันอยู่ห้องใช่มั้ย “ ธีร์ถามธารเสียงนิ่ง

 

“ สนใจด้วยรึไงมึง เห็นใช้กำลังกับเขาจัง “ ธารแขวะน้องชายตัวเองเล็กน้อย

 

“ จะตอบกูดีดีมั้ย “ ธีร์พูดพร้อมกับจ้องหน้าธารอย่างเอาเรื่อง

 

“ จิ๊! ก็นอนอยู่ในห้องแหละ จะไปไหนได้ละ กูล็อคห้องด้านนอกแล้วก็ยึดโทรศัพท์ตัวเล็กมาแล้ว นี่ไง “ ธารพูดพร้อมกับชูโทรศัพท์ของคนตัวเล็กที่เขาหยิบมันติดมือมา

 

“ มึงนี่มันเลววววแบบรอบคอบจริงๆ “ พายับแกล้งพูดลากเสียง

 

“ ใครจะดีเหมือนมึงละครับไอคุณชายยับ ดีจนมีสาวๆหนุ่มๆไม่ขาดมือเลยเนี้ยยย “ ธารพูดประชดจนทำให้พายับถึงกับมองขวางกับชื่อที่อีกคนเรียกเขา

 

“ ยับหน้ามึงอะไอสัส กูชื่อพายับเว้ยไอเวร “ พายับบอกอย่างหัวเสีย

 

“ แล้วนี่สรุปพวกมึงจะนอนนี่? “ พายับหันไปถามเพื่อนทั้งสอง

 

“ มึงเอาไง “ ธารหันไปถามน้องชาย ธีร์เองก็มองพี่ชายนิ่งๆ

 

“ นอน “ ธีร์พูดแล้วหันไปทำเอกสารต่อ จนทำให้พายับและธารที่จ้องหน้ากันอยู่นั้นถึงกับส่ายหัวอย่างอ่อนใจ

 

“ เย็นชาสัสๆ “ พายับว่าธีร์เล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนตัวดีเย็นชาจนเหมือนคนที่ไม่รู้สึกอะไร

 

 

 

 

 

 

 

เช้าวันต่อมา

 

7:00น.

 

 

 

กายสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆด้วยความตกใจเพราะคิดว่าทั้งสองคนอาจจะนอนที่นี่กับเขาแต่ก็พบว่าตัวของเขานั้นนอนอยู่ที่ห้องนี้คนเดียว กายนอนลืมตานิ่งๆบนเตียงกว้างเพื่อทบทวนเรื่องราวเมื่อคืนว่าเขากำลังฝันหรือนี่คือเรื่องจริง แต่ภาพห้องนอนที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็เป็นการยืนยันว่าเรื่องทุกอย่างที่เขาเจอมันคือเรื่องจริง รวมทั้งการที่จู่ๆเขาก็มีสามีถึงสองคนในเวลาเดียวกันด้วย

 

“ ดีนะที่มันสองคนยังไม่มา เฮ้อออ จะเอาไงต่อไปดีวะเรา “กายพึมพำกับตัวเองเบาๆแล้วลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงของตัวเอง

 

“ หิววะ ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่าเดี๋ยวถ้ามันสองคนมาเดี๋ยวเราจะไม่มีแรงต่อสู้กับพวกมัน “ พูดกับตัวเองจบกายก็ลุกไปอาบน้ำ  เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วกายก็เดินไปที่ตู้เย็นที่อยู่ด้านนอกเพื่อหาอะไรกิน ชุดที่เขาใส่ในวันนี้ก็เป็นชุดในตู้เสื้อผ้าของทั้งสองคน กายหยิบเสื้อคอกลมสีเทากับกางเกงขาสั้นสีดำมาใส่ ถึงเสื้อมันจะดูหลวมมากไปหน่อยในสายตาของกายเพราะเมื่อเขาสวมมันก็ปรากฎว่าเสื้อนั้นยาวจนคลุมกางเกงขาสั้นจนมิดส่วนชั้นในนั้นกายเองก็ไม่ได้สวมใส่มันด้วยเหตุผลเพราะเขาเองไม่ได้ซื้อเตรียมไว้เพราะมาอยู่ที่นี่โดยไม่ทันตั้งตัวแล้วอีกอย่างกายเองก็ไม่อยากใช้ของแบบนี้ร่วมกับใคร

 

“ สงสัยน่าจะชอบทำอาหารจริงๆแหะ “ กายพูดขึ้นเมื่อเปิดตู้เย็นดูแล้วพบว่ามีของสดมากมายอยู่ในนั้น

 

“ ทำไรกินดีวะ “ กายพึมพำเมื่อเห็นของมากมายจนเขาเองเลือกทำไม่ถูก

 

“ ทำข้าวผัดแฮมกับต้มจืดดีกว่า ว่าแต่..เราต้องทำเผื่อสองคนนั้นมั้ยวะ “ กายคิดหนัก

 

“ เอาวะ ทำก็ทำ มาอยู่ห้องเขาแถมยังใช้ของของเขาอีก ทำเผื่อพวกนั้นไปก็ไม่เป็นไรหรอกถือว่าทำทาน “ กายยักไหล่แล้วหยิบของในตู้เย็นที่จะทำออกมา

 

“ ทำไข่เจียวแล้วก็แกงส้มชะอมไข่เพิ่มแล้วกัน “ กายพูดเมื่อนึกได้ว่ากับข้าวที่จะทำมันน้อยเกินไปสำหรับผู้ชายทั้งสามคนเขาเลยเลือกที่จะทำเพิ่ม

 

 

 

เวลาชั่วโมงครึ่งผ่านไปอาหารทั้งสี่อย่างก็เสร็จทั้งหมด กายยกอาหารทั้งหมดไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวและจัดวางกับข้าวให้เป็นระเบียบ เมื่อเสร็จแล้วกายก็ไปตักข้าวผัดที่ทำไว้มาทั้งหมดสามจานพร้อมกับนำช้อนส้อมมาวางไว้ให้ทั้งสองคน รวมถึงตัวของกายเองด้วย กายมองกับข้าวทุกอย่างที่ถูกวางไว้จนเป็นระเบียบด้วยความภูมิใจเล็กๆ

 

“ คนอะไรวะทั้งหน้าตาดี ทำอาหารอร่อย หาได้ที่ไหนวะเนี้ยแบบนี้ “ กายชมตัวเองยิ้มๆพลางหันไปมองทางประตูนิดๆเพื่อมองดูว่าทั้งสองคนนั้นมารึยัง แต่ก็ยังมีวี่แววว่าทั้งสองคนจะมา อาจจะเป็นเพราะว่านี่มันอาจจะยังเช้าเกินไป

 

“ ช้าขนาดนี้กินก่อนดีมั้ยวะเนี้ย “ กายบ่นพึมพำด้วยสีหน้าบึ้งๆแต่ก็ไม่ได้กินอย่างที่พูดไป เขาเพียงแค่บ่นเล็กน้อยเท่านั้นเพราะรู้สึกหิวขึ้นมาแต่เขาก็คิดว่ายังพอทนไหวจึงตั้งใจที่จะรอชายหนุ่มทั้งสองคน

 

กายนั่งดูนู้นดูนี่ในห้องไปสักพักก็ลุกขึ้นไปจัดเรียงข้าวของให้เป็นระเบียบเพราะเมื่อเขาหันไปมองแล้วเห็นของมันวางระเกะระกะมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่น้อย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะปัดกวาดเช็ดถู

 

 

 

สองชั่วโมงผ่านไป

 

9:00น.

 

 

 

หลังจากที่กายทำทุกอย่างจนหมดแล้วทั้งปัดกวาดเช็ดถูกห้องแล้วก็จัดของให้เข้าที่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าทั้งสองคนจะมา กายจึงไปนั่งที่โซฟาแล้วหาหนังดูเพื่อรอแทน เปลี่ยนหนังดูไปเรื่อยๆจนท้ายที่สุดก็ทนความอ่อนเพรียของร่างกายที่ทำงานมาร่วมสองชั่วโมงก็เริ่มรู้สึกไม่ไหว ร่างกายขาวค่อยๆเอนตัวลงทีละนิด ดวงตาเริ่มค่อยๆปิดลงจนสุดท้ายกายก็นอนฟุบไปกับความยาวของโซฟาเป็นที่เรียบร้อย

 

 

 

 

 

แอดดดด

 

 

 

ธีร์และธารเปิดประตูเข้ามาก็มองเห็นว่าร่างเล็กของกายนั้นนอนหลับพริ้มอยู่ที่โซฟา ทั้งสองคนเดินตรงเข้าไปหาคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ ธารก้มลงไปมองใบหน้าของกายชัดๆพลางยิ้มมุมปากนิดๆเพราะคนน่ารักของเขาเวลาหลับมันช่างน่าฟัดเสียจริง ธีร์เองจู่ๆก็มองว่าอีกคนน่ารักมากกว่าเดิมเสียอีกจากที่น่ารักอยู่แล้ว  ธีร์เงยหน้ามองตรงโต๊ะกินข้าวซึ่งห่างจากโซฟาไม่มากนักแล้วขมวดคิ้วพลางเดินตรงไปเพื่อดูให้ชัดว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นมันจริงหรือเปล่า

 

“ มีอะไรวะธีร์ “ ธารที่เห็นน้องชายเดินไปตรงโต๊ะกินข้าวโดยที่ไม่ได้บอกอะไรจึงถามขึ้นแล้วเดินตามไป

 

“ นี่มัน.. “ ธารชี้ไปที่กับข้าวมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความตะลึงเพราะอาหารมากหน้าหลายตาดูน่ากินมากรวมทั้งยังหอมชวนน้ำลายไหลอีกด้วย

 

“ เชี้ย นี่คนสวยทำรอพวกเราหรอวะ แถมยังไม่ได้กินด้วย ห้องก็ยังสะอาดขึ้นอีก ไอเชี้ยธีร์มึงดู! “ ธารเรียกธีร์อย่างตกใจเมื่อหันไปเห็นชั้นวางของที่ตอนนี้สะอาดเอี่ยมเต็มไปด้วยข้าวของที่ถูกจัดวางเป็นระเบียบ ซึ่งพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้มีเวลาทำมากนักห้องจึงค่อนข้างรกพอสมควร เขาทั้งสองคนจึงจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดอาทิตย์ละวัน ซึ่งตอนนี้เขาคงไม่ต้องจ้างแล้วละมั้ง

 

“ หึ “ ธีร์กระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วเดินไปหากายที่นอนอยู่

 

“ นี่ “ ธีร์จับไปที่แขนของร่างเล็กแล้วเขย่าเบาๆ ธารเองก็เดินเข้ามาหาทั้งคู่ยิ้มๆเมื่อคนที่นอนอยู่ทำตัวน่ารักมากเสียจนเขาอยากจับอีกคนมาฟัดเสียให้เข็ด

 

“ อะ..อื้ออ “ กายค่อยๆขยับตัวน้อยๆและดวงตากลมค่อยๆลืมขึ้นทีละนิดจนกายสามารถเห็นใบหน้าของทั้งสองที่จ้องมองเขาอยู่ ร่างเล็กลืมตาขึ้นทันทีด้วยความตกใจ

 

“ เฮ้ย!!! “ กายตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันทีแล้วถอยหลังหนีอัตโนมัติเพราะความทรงจำเมื่อคืนยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ลึกๆ

 

“ เป็นบ้าอะไร “ ธีร์ขมวดคิ้วมองหน้าคนที่เบิกตากว้างมองพวกเขาอย่างตกใจอยู่

 

“ พะ..พวกมึงมากันตอนไหน ละ..แล้วมาเมื่อไหร่ ทำไมกูไม่รู้เรื่อง “ กายถามออกมาเป็นชุดด้วยความตกใจ

 

“ พวกกูมาเมื่อกี้ นี่ถ้าเป็นโจรจริงๆมึงคงโดนปล้ำไปนานละ นอนหลับไม่รู้เรื่องขนาดนี้ “ ธีร์พูดออกมานิ่งๆ

 

“ ไอธีร์ “ ธารพูดปรามน้องชายตัวเอง พลางส่ายหัวให้กับความชอบต่อล้อต่อเถียงของทั้งสองคน

 

“ โจรมันคงกล้าขึ้นมาหรอก เจ้าที่แรงขนาดนี้ “ กายเถียงออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ ทำให้ธีร์ถลึงตามองอีกคนอย่างดุดุ

 

“ ปากดี “ ธีร์ว่าพลางทำท่าจะเดินเข้ามาหากายที่นั่งอยู่ กายเขยิบหนีทันทีอย่างตกใจ

 

“ ไอเชี้ยธีร์ มึงใจเย็นดิ “ ธารรั้งแขนของธีร์เอาไว้ก่อนที่จะเข้าไปหาเรื่องร่างเล็ก

 

“ หนูคะ หนูเป็นคนทำอาหารบนโต๊ะนั้นใช่มั้ยคะ “ ธารถามด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนซึ่งท่าทางของธารนั้นมันช่างแตกต่างกันมากเหลือเกินในความคิดของกาย

 

“ ใช่ “ กายพยักหน้ารับ ธารกับธีร์หันมองหน้ากันนิ่งๆ

 

“ หึหึหึ ไหนบอกว่าไม่อยากอยู่กับพวกพี่ไงคะ “ ธารพูดยิ้มๆ กายอ้าปากค้างดวงตาเลิ่กลั่กอย่างปิดมิดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาเคยพูดแบบนั้น ซึ่งมันก็คงดูขัดกับการกระทำของเขาจริงๆนั่นแหละ

 

“ กะ..กูทำเพราะอยากตอบแทนเรื่อง..ขะ..ของที่กูจะหยิบมาใช้ทำอาหารนี่ไง แล้วอีกอย่างนะ กูคนดีมีน้ำใจไม่กินของใครฟรีๆหรอก “ กายพูดพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นนิดๆอย่างเหนือกว่า ธีร์เองก็มองกายที่พูดแถด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกอะไร

 

“ หึหึ งั้น..เรามากินกันเลยดีมั้ยคะ “ ธารเอ่ยชวนขึ้น กายกัดปากด้วยความประหม่าเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของทั้งสองที่มองมา ซึ่งรอยยิ้มของธารทำให้กายอายแทบจะมุดแผ่นดินหนี

 

“ อะ..เออ “ กายพูดพร้อมค่อยๆลุกขึ้นจนเผยให้เห็นขาที่เนียนจนน่าลูบไล้ ธารเผลอกลืนน้ำลายลคออย่างไม่รู้ตัว

 

“ พูดดีดีไม่เป็นรึไง “ ธีร์ละสายตาออกจากขาที่เนียนแล้วพูดเสียงดุ

 

“ .... “ กายกัดปากแล้วเงียบ เพราะไม่อยากเถียงอะไรต่อเพราะเขารู้ว่าเถียงไปก็คงไม่ชนะอยู่ดีเลยยอมเงียบดีกว่า

 

“ เอาน่าไอธีร์ มึงรีบเดินไปสักทีเหอะน่า อย่ามาชวนตัวเล็กทะเลาะได้มั้ยวะ ไปๆเดินๆ “ ธารพูดพร้อมกับผลักให้น้องชายเดินนำไปโดยมีธารเดินตามไปด้วยเช่นกัน กายเองก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้วจึงเดินตามชายหนุ่มทั้งสองไป

 

“ โอ้โหหห อาหารน่ากินมากเลยตัวเล็ก ตัวเล็กนี่เก่งมากๆเลยนะครับ “ ธารพูดด้วยรอยยิ้มกว้างพร้อมกับลูบหัวเล็กเบาๆด้วยความเอ็นดู  กายเองก็หน้าขึ้นสีนิดๆเพราะเสียงอีกคนมันช่างดูอ่อนโยนมากเหลือเกินจนเขาเองอดที่จะแอบเขินไม่ได้

 

“ หน้าตาบ้านๆแบบนี้มึงเรียกว่าน่ากินหรอ “ ธีร์พูดแขวะขึ้น ทำให้ธารหันมามองน้อยชายอย่างปลงๆ ส่วนกายนั้นก็ได้แต่อ้าปากค้างกับคำพูดที่เจ็บแสบที่ออกมาจากปากของอีกคน พร้อมกับทำหน้าบึ้งตึงใส่ทันทีด้วยความโมโห อาการเขินอายเมื่อสักครู่หายวับไปทันที

 

“ ปากมึงเนี้ยนะ “ ธารพูดพลางส่ายหัวเล็กน้อย

 

“ กูพูดเรื่องจริง “ ธีร์ยังคงพูดต่อไป แล้วหันไปปมองหน้าเล็กของอีกคนพร้อมกับยักคิ้วใส่นิดๆ

 

“ หน้าตาบ้านๆก็ไม่ต้องกิน! “ กายผลักอกของธีร์ให้ออกห่างจากโต๊ะไปด้วยความโมโห

 

“ นี่! “ ธีร์ถลึงตามองขึ้นอย่างดุดุและทำท่าจะเข้ามาหาเรื่องคนตัวเล็กแต่ติดตรงที่ธารดันอกของธีร์เพื่อห้ามปรามไว้

 

“ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ทั้งสองคนเลย นั่งลง “ ธารพูดเสียงดุและมองทั้งสองคนสลับกันไปมาโดยมีตัวของธารเองที่นั่งคั่นกลาง

 

“ ไอธีร์ นั่ง “ ธารพูดเสียงเข้ม ซึ่งทำให้ธีร์นั่งลงตามที่พี่ชายตัวเองบอก รวมถึงกายเองก็ด้วย ซึ่งธีร์และกายนั้นนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันโดยที่ธารที่นั่งตรงกลางเป็นตัวห้ามทับ

 

“ ทั้งสองคนห้ามทะเลาะกันอีกนะ ถ้ายังทะเลาะกันอีก..โดนแน่ “ ธารชี้หน้าและพูดขู่ทั้งสองคน

 

“ จะทำอะไร “ กายหันมามองทางธารและถามขึ้นพร้อมกับหน้าเชิดนิดๆอย่างไม่นึกกลัว

 

“ สำหรับตัวเล็กพี่จะไม่ทำอะไรมากหรอกครับ แต่จะหอมแก้มทั้งวันแล้วก็จะจับขังอยู่ในห้องไม่ให้ไปไหนเลย “ ธารพูดยิ้มๆพลางหันมามองทางกายด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

 

“ ส่วนมึงไอธีร์ มึงต้องออกไปอยู่ข้างนอกและห้ามกลับมาที่นี่อีกหนึ่งวันเต็ม “ ธารหันไปพูดกับน้องชายเสียงนิ่ง

 

“ บอกเด็กมึงเหอะว่าอย่ามาหาเรื่องกู “ ธีร์พูดและพยักหน้าไปทางกายที่นั่งจ้องหน้าเขาด้วยความอาฆาตอยู่

 

“ กูเห็นมีแต่มึงนี่แหละที่หาเรื่องตัวเล็กของกู พอ จบ กินข้าวกันได้แล้ว “ ธารพูดต่อว่าธีร์ในตอนแรกเสร็จก็หันหน้าไปหากายสลับกับธีร์แล้วพูดเพื่อตัดประโยค ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างชั่งใจสักพักก็ก้มหน้าก้มตาลงมือทานข้าวทันทีโดยมีธารนั่งมองทั้งสองคนด้วยความละอากับอาการที่ทะเลาะกันเป็นเด็กๆแบบนี้

 

คำแรกที่ธารและธีร์ตักเข้าปากนั่นก็คือแกงส้มชะอมไข่ ซึ่งหลังจากที่รสของแกงส้มได้ผ่านเข้าไปยังริมฝีปากของทั้งสองคนแล้วก็เกิดอาการนิ่งสงัดกันทั้งคู่ โดยมีกายที่นั่งมองทั้งสองคนอย่างลุ้นๆ ธารและธีร์มองหน้ากันเพื่อสื่อสารบางอย่างซึ่งทั้งสองคนลงความเห็นผ่านสายตาแล้วว่าแกงส้มถ้วยนี้นั้น..อร่อยมาก เขาทั้งคู่ไม่เคยกินฝีมือที่ไหนที่อร่อยเท่านี้มาก่อน

 

“ นิ่งกันทำไมอะ มัน..ไม่อร่อยหรอ “ กายที่นั่งมองทั้งคู่ที่หยุดนิ่งเมื่อกินแกงส้มเข้าไปแล้วก็เกิดอาการลังเลในฝีมือทำอาหารของตัวเองทันที

 

“ เปล่าค่ะเปล่า พี่กับไอธีร์แค่ตกใจในรสชาติเฉยๆค่ะ “ ธารรีบปฎิเสธเมื่อเห็นใบหน้าของคนจิ้มลิ้มตรงหน้าที่เริ่มหงอย

 

“ แล้ว..มันเป็นไงอะ อร่อยปะ “ กายถามอย่างลุ้นๆพร้อมกับจ้องหน้าคนทั้งคู่ตาแป๋ว ซึ่งมันทำให้ทั้งธีร์และธารเสียการควบคุมไปชั่วขณะ เพราะขนาดธีร์ที่ดูภายนอกเป็นคนแข็งๆยังเกือบเสียหลักให้กับสายตาคู่หวานคู่นี้ เพราะฉะนั้นก็คงไม่ต้องถามหรอกนะว่าพี่ชายของเขาอย่างธารจะมีสภาพยังไง

 

“ คะ..คนตัวเล็ก ยะ..อย่าจ้องหน้ากันแบบนี้สิคะ พะ..พี่เขินนะ “ ธารพูดพร้อมกับหลบสายตาของร่างเล็กที่มองมาพร้อมกับใบหูที่แดงก่ำ

 

“ ..... “ กายกระพริบตาปริบๆมองหน้าธารอย่างงงๆเพราะเขาเพียงแค่อยากรู้เฉยๆว่าอาหารที่เขาทำนั้นมันรสชาติยังไงแต่จู่ๆอีกคนก็มาบอกให้เขาออกห่าง ไหนจะมาเขินเขาอีก

 

“ อร่อยไม่อร่อยจะอยากรู้ไปทำไม แค่มันกินได้ก็พอแล้วมั้ย “ คนปากแข็งอย่างธีร์พูดแทรกขึ้น ทำให้กายตวัดหางตาหันไปหาธีร์ด้วยความขุ่นเคืองไม่น้อย

 

“ เถียงกันอีกแล้วนะ “ ธารพูดขึ้นอย่างดุดุพร้อมกับมองทั้งสองสลับกันไปมา

 

“ ...... “

 

“ ...... “

 

กายและธีร์ต่างก็นิ่งเงียบกันอัตโนมัติเมื่อเจอเสียงของธารพูดปรามขึ้นมา

 

 

 

เมื่อทั้งหมดได้กินข้าวจนเสร็จหมดแล้ว ธารก็เป็นคนอาสาที่จะเป็นล้างให้เองโดยเขาก็ชวนน้องชายให้มาช่วยกันแต่น้องชายให้เหตุผลกับเขาว่า..ขี้เกียจ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาต้องมายืนล้างจานอยู่คนเดียว โดยปล่อยให้ทั้งสองคนไปนั่งจ้องหน้ากันอยู่ที่โซฟาอย่างไม่มีใครยอมใคร

 

“ พี่ล้างจานเสร็จแล้วค่ะ “ ธารพูดพร้อมกับเดินไปเช็ดมือเพื่อให้มือที่เปียกอยู่นั้นแห้งสนิท

 

“ ..... “ กายไม่ได้พูดอะไรแต่พยักหน้ารับรู้กับสิ่งที่ธารบอก ธารเดินมาหาทั้งคู่โดยที่ธารเลือกที่จะนั่งอยู่ข้างๆกับธีร์แทนจะนั่งข้างๆคนตัวเล็กเหตุผลก็เพราะว่าเขาจะได้มองหน้าคนตัวเล็กได้ง่ายขึ้น

 

“ พี่ว่าเรามาคุยเรื่องเมื่อวานอย่างจริงจังอีกทีดีมั้ยคะ อย่างน้อยก็คุยกันต่อหน้าไอธีร์มันด้วย “ ธารพูดขึ้นทำให้กายชะงักไปนิด

 

“ แล้วแต่สิ “ กายพูดพึมพำไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก

 

“ งั้น..พี่ขอทวงคำถามที่พี่เคยถามหนูนะ ว่ายังไงครับ หนูจะตอบตกลงมั้ย “ ธารถามพร้อมกับมองหน้าอีกคนอย่างขอคำตอบ

 

“ กู...กูไม่เข้าใจ ทำไมต้องเป็นกูด้วย “ กายขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย

 

“ เพราะพวกพี่ชอบหนูไงคะ “ ธารพูดยิ้มๆ กายก็ยังคงขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจอยู่ดี

 

“ คนอื่นก็มีนี่ “ กายบ่นอุบ

 

“ แต่พวกพี่ก็เลือกหนูไงคะ “ ธารพูดสวนออกมาด้วยท่าทีจริงจังเช่นกัน

 

“ แต่... “ กายอึกอักพลางทำท่านึกคำพูดที่จะตอบกลับไปแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีเหมือนกัน

 

“ พรุ่งนี้จะพาไปเก็บของที่คอนโดสิบโมง อย่าช้าละ “ ธีร์พูดขัดขึ้นแล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป ทิ้งไว้ให้ธารและกายได้แต่มองตามไปด้วยความงง

 

“ พี่ว่า...หนูคงปฎิเสธยากแล้วแหละ หึหึ “ ธารพูดยิ้มๆแล้วยืนขึ้นพลางจ้องมองไปที่คนตัวเล็กที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่

 

“ เฮ้อ จะทำอะไรก็ทำกันแล้วกัน “ กายพูดพลางถอนหายใจเพื่อปลงกับสถานการณ์ตรงหน้า

 

“ หนูพูดเองน้าาาา “ ธารพูดยิ้มๆอย่างขี้เล่น กายกรอกตามองบนนิดๆแต่ก็ไมได้พูดว่าอะไรออกมา

 

เขาไม่ได้เต็มใจที่จะมาอยู่ที่นี่นัก แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไรกันแน่มันถึงทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่านี่จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดในชีวิตหรือไม่แต่สำหรับเขาถ้าเราไม่ลองเราก็คงไม่รู้ว่าผลรับที่ตามมามันจะเป็นยังไง แต่ส่วนลึกๆที่อยู่ในใจของกายอีกเหตุผลนึงมันก็คงจะเป็นดวงตาที่หนักแน่นของทั้งสองคนที่มองมาที่เขา มันจึงทำให้เขาตัดสินใจออกมาง่ายๆว่าเลือกที่จะอยู่ที่นี่ถึงเขาจะไม่ได้บอกกับทั้งสองคนไปก็ตามว่าเขาเลือกแบบไหนแต่การที่เขาไม่ได้ปฎิเสธมันก็คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้วว่าเขาเลือกยังไง

 

 

 

+++++++++

#เรื่องราวของทั้งสามคนนั้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วนะคะ

ขออกระซิบว่าอาจจะมีดราม่านิสสนุงง แต่ไม่เยอะแน่นอนคร้าาา

 

 

 

25/12/2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป