“คุณคิดว่าจะหนีจากฉันไปง่ายๆอย่างนั้นเหรอ? ชิ ชิ คุณฮัน คุณประเมินฉันต่ำไปจริงๆ” “ฉันจะตามล่าคุณจนเจอ แม้ว่าคุณจะพยายามซ่อนตัวจากฉันสุดล่าฟ้าเขียวแค่ไหนก็ตาม” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะอย่างชั่วร้าย
“คุณคิดว่าจะหนีจากฉันไปง่ายๆอย่างนั้นเหรอ? ชิ ชิ คุณฮัน คุณประเมินฉันต่ำไปจริงๆ” “ฉันจะตามล่าคุณจนเจอ แม้ว่าคุณจะพยายามซ่อนตัวจากฉันสุดล่าฟ้าเขียวแค่ไหนก็ตาม” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะอย่างชั่วร้าย
ชวี่หน่วนขอบคุณฮันจื่อห่าวอย่างสุภาพและหยิบขวดน้ำจากเขา
หลังจากเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าแล้ว เธอก็จิบน้ำเล็กน้อย หลังจากนั้น เฟิงเถิงก็เปิดแอร์ เธอเอนศีรษะไปด้านหลังและหลับตาช้าๆ
ฮันจื่อห่าวเห็นการกระทำที่ช้าและไม่เร่งรีบของเธอ เธอดูมีจิตใจที่ทดท้อมากไม่เหมือนที่โรงพยาบาล
…
ชวี่หน่วนรู้สึกเหนื่อยและร่างกายของเธอก็รู้สึกอ่อนแออย่างมากแม้ในขณะนอนหลับ ความทรงจำทั้งหมดในอดีตหลั่งไหลเข้ามา เธอรู้สึกขมขื่นเมื่อเห็นความทรงจำที่มีความสุขเหล่านั้นหลังจากรู้ความจริงแล้ว
“ฮะ” ดวงตาเบิกกว้างขณะถอนหายใจเสียงดังเมื่อทนเห็นความทรงจำอันแสนสุขจอมปลอมเหล่านั้นไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัว เธออยู่ที่โรงพยาบาล? อีกครั้ง?
เธอพยายามจะลุกขึ้นนั่ง ทั้งหมดมันคือความฝันใช่ไหม? ความฝันแปลกประหลาด?
“ตื่นแล้วเหรอ?” เธอพยายามลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงผู้ชายเข้มลึก
เธอกระพริบตาสองครั้งและมองไปทางโซฟาเพื่อได้เห็นฮันจื่อห่าวที่กำลังมองเธออยู่ขณะถือแท็บเล็ตของเขา เธอเม้มปากและตระหนักว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เธอตายแล้วและมาอยู่ในร่างของคนอื่น นั่นเป็นเรื่องจริง
'เฮ้อ'
คนอะไรจะโชคร้ายได้ขนาดนี้ ไม่เพียงตายและเธอยังตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กสาวที่ชีวิตยุ่งเหยิง เธอยังพบว่าชีวิตของเธอไม่ดีเช่นกัน
"ฉันมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ยังไง? เมื่อกี้เราไม่ได้อยู่ในรถคุณเหรอ?" เธอถามในขณะที่พยายามลุกขึ้นนั่งบนเตียง
“อย่าขยับ”
เธอหยุดการกระทำเมื่อได้ยินคำพูดของเขาและจ้องมองเขาด้วยความงุนงง
เขาวางแท็บเล็ตไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นมายืนข้างเตียงเธออย่างก้าวกระโดด เขายืนอยู่ข้างเธอในพริบตา
เธอสะดุ้งด้วยความประหลาดใจเมื่อเขาวางมือข้างหนึ่งไว้บนหลังเธอ เขาเลิกคิ้วขึ้นและไม่พูดอะไรและใช้มือหนุนหลังเธอขณะยกเตียงขึ้น ทุกการกระทำเขาทำอย่างเป็นธรรมชาติ
หลังจากจัดเตียงของเธอแล้ว เขาก็วางหมอนไว้ข้างหลังเธอ เพื่อหนุนหลังให้เธอ
แก้มของชวี่หน่วนเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะเธอรู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาวางมือบนหลังเธอ ใบหน้าของเขาดูหล่อยิ่งขึ้นเมื่อมองใกล้ๆ
นอกจากนี้ กลิ่นโคโลญจ์ของเขายังดีมากอีกด้วย เธออดไม่ได้ที่จะมองดูเขาอีกครั้ง
'โอ เดี๋ยวก่อน! เจียงเยว่ เธอไม่ควรรู้สึกหดหู่ใจที่แฟนเธอนอกใจเธอและเพื่อนสนิททรยศต่อเธอเหรอ? ทำไมเธอถึงคิดถึงผู้ชายคนอื่นในเวลานี้?'
' แต่ทำไมฉันต้องเสียใจ? มันเป็นความผิดของพวกเขาที่สูญเสียเพื่อนและแฟนที่ดีอย่างฉัน'
ชวี่หน่วนพ่นลมขณะที่ความคิดเหล่านั้นกำลังวิ่งอยู่ในหัวของเธอ
ฮันจื่อห่าวที่ยืนอยู่ข้างเตียงจ้องมองเธอด้วยความสนใจและกำลังดูว่าเธอแสดงท่าทางอย่างไร
“เธอหมดสติในรถ แล้วก็ เธอมีไข้สูงด้วย ใครบอกให้เธอไปนั่งให้แดดมันเผาบนม้านั่งกลางแดดจ้าขนาดนั้น?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
เขาตกใจเมื่อจู่ๆ เธอก็เป็นลมและไม่ตื่นจากการหลับใหล เมื่อเขาเห็นใบหน้าของเธอที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนมะเขือเทศสุก เขาวางมือบนหน้าผากของเธอเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิซึ่งร้อนราวไฟไหม้
…
ชวี่หน่วนประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
" โอ้" เธอพูดด้วยเสียงต่ำและมองออกไปนอกหน้าต่าง มันมืดแล้ว
" ตอนนี้กี่โมงแล้วค่ะ?"
เขาเอามือล้วงกระเป๋าแล้วพูดอย่างเป็นกันเองว่า "ทุ่มหนึ่งแล้ว หิวไหม?"
ชวี่หน่วนเม้มริมฝีปากและสงสัยว่า มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ? เธอหลับไปห้าชั่วโมงแล้ว
ก่อนที่เธอจะตอบท้องของเธอก็เสียงดังประท้วงให้ได้ยิน
"-_-"
"-_-"
ริมฝีปากของฮันจื่อห่าวขดขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบจากท้องของเธอ
ชวี่หน่วนกัดริมฝีปากล่างของเธอขณะที่เธอรู้สึกเขินอายอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้าเขาในเวลาแบบนี้
ความเงียบที่น่าอึดอัดใจในห้องถูกทำลายเมื่อเฟิงเถิงเลื่อนประตูเปิดและเข้ามาในห้อง
“คุณกู้ ตื่นแล้วเหรอ? ผมเอาอาหารเย็นของคุณจากโรงแรมเกาะหยกมาให้ คุณคงหิวใช่ไหม?” เขาแปลกใจที่เห็นเธอตื่นแล้ว
ตาเป็นประกายเมื่อได้ยินว่าอาหารมาจากที่โปรดของเธอ เธอมองดูเขาขณะที่เขาจัดโต๊ะอาหารและวางอาหารเย็นที่เขานำมา
ฮันจื่อห่าวขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเถิง
เฟิงเถิงเงยหน้าขึ้นเมื่อเขารู้สึกว่ามีคนจ้องมองเขา
"-_-"
เขากระพริบตาเมื่อเห็นการจ้องมองที่มืดมิดของฮันจื่อห่าว
"อืม...คุณฮันสั่งให้ผมเอานี่มาให้ หวังว่าคุณจะชอบนะ" เขาพูดอย่างประหม่า
ในตอนนี้ เขาคิดได้เพียงคำตอบนี้เท่านั้น มันยากมากที่จะเข้าใจว่าฮันจื่อห่าวกำลังคิดอะไรอยู่ และนี่คือสิ่งเดียวที่เขาคิดได้ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม น่าแปลกที่การแสดงออกของฮันจื่อห่าวอ่อนลงเมื่อได้ยินคำพูดของเขา และความเฉยเมยตามปกติบนใบหน้าเขาก็กลับมา
' เมื่อกี้คืออะไร?'
ชวี่หน่วนขอบคุณฮันจื่อห่าวและเริ่มทานอาหารเย็นของเธอ อาหารเย็นไม่หนักและเบาๆตามสภาพของเธอ
อย่างไรก็ตามมันก็ยังอร่อย
“คุณฮัน คุณไม่กินข้าวเย็นเหรอค่ะ?” เธอหยุดกินในขณะที่สังเกตว่าฮันจื่อห่าวกำลังนั่งอยู่บนโซฟาและจ้องมองเธอนิ่งอยู่
“ฉันไม่กินอาหารคนป่วย”
"-_-*
' ฉันไม่น่าถามเขาเกี่ยวกับมันเลย'
….
หลังอาหารเย็น เธอถามเฟิงเถิง “คุณเลขาค่ะ ฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่? ฉันแน่ใจว่าอาการของฉันไม่รุนแรงขนาดนั้นจนฉันต้องพักที่นี่อีกคืน”
เฟิงเถิงเหลือบมองฮันจื่อห่าวอย่างลังเลก่อนจะพูดว่า "อืม...คุณกู้ อาการของคุณไม่รุนแรงขนาดนั้น แต่คุณต้องพักที่นี่อีกหนึ่งคืน หลังจากที่แพทย์ตรวจร่างกายคุณอย่างละเอียดแล้ว คุณค่อยออกจากโรงพยาบาลได้"
เขาไม่กล้าบอกความจริงกับเธอ แพทย์ได้ตรวจเธอแล้ว และเธอแค่มีไข้และอ่อนแรง แพทย์ฉีดยาให้เธอและบอกว่าเธอไม่ต้องพักค้างคืน อย่างไรก็ตาม ฮันจื่อห่าวยืนกรานที่จะให้เธอพักอยู่ที่โรงพยาบาลหนึ่งคืนและรับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด
ชวี่หน่วน สับสนเพราะเธอเพิ่งไปตรวจร่างกายมาไม่นานนี้ ตรวจสอบอีกครั้ง?
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยหาแล็ปท็อปให้ฉันหน่อยได้ไหมค่ะ? ฉันมีงานต้องทำ”
"แล็ปท็อป? อืม..ใช่ ผมมีแล็ปท็อปอยู่ในรถ เดี๋ยวผมไปเอามาให้คุณ" เขาคิดว่าเธออาจจะเบื่อและต้องการดูหนังบนแล็ปท็อปของเขา
แม้ว่าจะมีโทรทัศน์อยู่ในห้อง แต่ก็ดูได้ไม่กี่ช่องและทั้งหมดก็ไม่มีอะไรดีๆให้ดูเลย
เขาไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าเธอต้องการมันเพื่ออะไรและลงไปเอามันมาให้เธอ
ไม่กี่นาทีต่อมา เขากลับมาพร้อมกับแล็ปท็อปและยื่นให้เธอ "นี่ครับ"
"เอ่อ ขอบคุณค่ะ" เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
เธอเปิดแล็ปท็อปและรอยยิ้มของเธอขดตัวในรอยยิ้มเยาะ
'ฮะฮ่า ฉิ่นจู ห่าวเหม่ย แกสามารถหนีจากฉันได้ แต่แกจะหนีจากผีอย่างฉันได้ยังไง?'