“คุณคิดว่าจะหนีจากฉันไปง่ายๆอย่างนั้นเหรอ? ชิ ชิ คุณฮัน คุณประเมินฉันต่ำไปจริงๆ” “ฉันจะตามล่าคุณจนเจอ แม้ว่าคุณจะพยายามซ่อนตัวจากฉันสุดล่าฟ้าเขียวแค่ไหนก็ตาม” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะอย่างชั่วร้าย
“คุณคิดว่าจะหนีจากฉันไปง่ายๆอย่างนั้นเหรอ? ชิ ชิ คุณฮัน คุณประเมินฉันต่ำไปจริงๆ” “ฉันจะตามล่าคุณจนเจอ แม้ว่าคุณจะพยายามซ่อนตัวจากฉันสุดล่าฟ้าเขียวแค่ไหนก็ตาม” เธอพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะอย่างชั่วร้าย
หลังจากที่ชวี่หน่วนเอาแล็ปท็อปจากเฟิงเถิงแล้ว เธอขอให้เขาไปซื้อนมสตรอเบอร์รี่ให้เธอ เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอทำอะไรที่น่าตื่นเต้นแบบนี้ เธอมักจะอยากกินนมสตรอว์เบอร์รี่
มันแปลกแต่เธอสั่งสมนิสัยนี้มาตั้งแต่ยังเด็กและนิสัยเก่าก็แก้ยาก
หลังจากที่เฟิงเถิงออกจากห้องพยาบาล ชวี่หน่วนก็เริ่มเปิดแล็ปท็อปและกำลังพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปด้วยความเร็วที่เหนือจินตนาการของเธอ และคำแปลกๆ ก็เริ่มปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ริมฝีปากของเธอขดเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายและแววตาวาววับในดวงตาของเธอ
'ฉิ่นจู ห่าวเหม่ย พวกแกประเมินฉันต่ำไปจริงๆ'
นี่คือสิ่งที่แม้แต่สมาชิกของเธอก็ไม่รู้เกี่ยวกับเธอ ทุกคนคิดว่าเธอเป็นทายาทขี้อวดที่ทิ้งคฤหาสน์ของเธอมาเพื่อเติมเต็มความฝันของตัวเอง เหมือนทั่วๆไปทำเพื่อความสนุกสนานและมีชื่อเสียง
นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมหลายคนถึงคิดว่าเธอไร้การศึกษาหรือโง่กันแน่
ผู้ซึ่งไม่สามารถประกอบอาชีพด้านการศึกษาได้
อย่างไรก็ตาม พวกเขาคิดผิด
ดนตรีคือความหลงใหลของเธอ เป็นสิ่งที่เธอรักถึงแก่น อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้โง่หรือขาดการศึกษา อันที่จริง เธอมีความสามารถมากมายจนไม่สามารถตัดสินใจเลือกอาชีพใดอาชีพหนึ่งได้
เธอฉลาดและฉลาดมากเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก แม้แต่ครูของเธอก็แปลกใจที่เธอเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว
เมื่อเธอเพิ่งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เธอได้พบกับอาจารย์ของเธอ และเพราะเขา เธอจึงสนใจในด้านไอทีและคอมพิวเตอร์ เธอได้เรียนรู้สิ่งที่คนปกติทั่วไปไม่ทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยของเธอ
เมื่อพ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาเคยแยกตัวออกมาจากคุณปู่และไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์เจียง นั่นเป็นเหตุผลที่แม้แต่คุณปู่และลุงของเธอก็ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอมากนัก
เธอไปที่คฤหาสน์เจียงหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต เธอไม่ได้อยู่ที่นั่นนานและในไม่ช้าก็ออกจากบ้านมาเพื่อบรรลุความฝันของเธอ
สิ่งที่เธอเริ่มด้วยความสนใจ เธอก็เก่งเรื่องนั้นมาก จนถ้าเธอต้องการ เธอก็สามารถทำอาชีพด้านคอมพิวเตอร์ได้เช่นกัน ไม่เพียงแต่ประกอบอาชีพเท่านั้น แต่ยังเป็นเจ้าของอุตสาหกรรมไอทีอีกด้วย
เธอไม่ได้ใช้ทักษะการแฮ็กของเธอมาสองสามปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะขึ้นสนิม เธอแค่ต้องการเวลาในการทำความคุ้นเคยกับมัน
หลังจากออกจากครอบครัวเจียง เธอใช้ชีวิตรอดได้ไม่กี่เดือนจนกระทั่งเธอเข้าสู่ QYเอ็นเตอร์เทรนเม้นต์โดยการเข้าร่วมการต่อสู้ในเกมออนไลน์ที่เธอมีรายได้ดีกว่างานพาร์ทไทม์ใดๆ มูลค่าที่ชนะก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอที่จะผ่านไปซักพัก
สีหน้าของเธอจดจ่อและรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากกว่าที่เคย
ฮันจื่อห่าวซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับแท็บเล็ตในมือขณะอ่านเอกสารบางอย่างขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงกดปุ่มของแป้นพิมพ์
เขาเงยหน้าขึ้นและประหลาดใจเมื่อเห็นว่ามือของเธอวิ่งบนแล็ปท็อปเร็วแค่ไหน
เขายังไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอเคยเป็นคนที่ขี้อายหรือเก็บตัว มุมไหนที่เธอดูขี้อาย? อันที่จริง รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอทำให้คนอื่นหวาดกลัวได้
" เสร็จแล้ว" ผ่านไปสองชั่วโมง เธออุทานด้วยความดีใจและเหยียดมือออกอย่างเหนื่อยอ่อน
เธอดีใจที่พยาบาลได้ถอดสายน้ำเหลือแล้วและด้วยเหตุนี้การเคลื่อนไหวของเธอจึงไม่ถูกจำกัด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเธอยังรู้สึกอ่อนแอและไม่ได้ทำอะไรที่น่าตื่นเต้นมาระยะหนึ่ง ความเร็วของเธอจึงช้ากว่าเมื่อก่อน
' ไม่เป็นไร เจียงเยว่ นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น'
"เธอกำลังทำอะไร?"
“เอ่อ คุณทำให้ฉันกลัว” เธอกรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงที่ลึกต่ำใกล้หูของเธอ
เธอหมกมุ่นอยู่กับงานของเธอมากจนไม่ได้สังเกตว่าฮันจื่อห่าวยืนอยู่ข้างเธอและจ้องมองที่หน้าจอของเธอด้วยความสนใจ
ชวี่หน่วนกระพริบตาและจ้องที่เขาด้วยความงุนงง เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบปิดแล็ปท็อป
เขาเลิกคิ้วเมื่อเห็นการกระทำที่น่าสงสัยของเธอ
เธอเม้มริมฝีปากเมื่อเห็นท่าทางของเขาและพูดว่า "อ่า ฉันแค่เล่นเกม" เธอหัวเราะอย่างเก้ๆกังๆทั้งลูบผมของเธอไปทั่ว
เขามองดูเธออย่างสงสัยและพูดว่า "แต่มันดูไม่เหมือนเกม เธอกำลังทำอะไร?"
เธอเม้มริมฝีปากและกัดริมฝีปากล่างของเธอ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ? ฉันบอกว่าฉันกำลังเล่นเกมส์อยู่ ฉันไม่คิดว่าจะต้องบอกว่าฉันกำลังเล่นเกมแบบไหน”
ฮันจื่อห่าวไม่ได้โกรธเธอแต่รู้สึกประหลาดใจที่เห็นเธอโกรธ
เขาพึมพำและเดินไปที่โซฟา
"-_-"
เธอเม้มปากและเธอไม่เข้าใจนิสัยของเขาเลย ชั่วขณะหนึ่ง เขาทำทุกอย่างอย่างห่วงใย แล้วจู่ๆ ก็กลายเป็นซีอีโอเย็นชาเฉยเมย เขามาในหมวดไหนกันแน่?
….
บ้านพักของฉิ่นจู
ในขณะที่ชวี่หน่วนพยายามเข้าใจบุคลิกของฮันจื่อห่าว ฉิ่นจู ซึ่งนอนกอดกับห่าวเหม่ยอยู่บนเตียงในห้องนอนใหญ่ของเขา ทั้งคู่เปลือยกายและเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมอันหนักหน่วงที่พวกเขาเพิ่งทำ
ห่าวเหม่ยกอดเขาและวางหัวของเธอไว้บนหน้าอกของเขาในขณะที่ใช้นิ้วของเธอวนเป็นวงกลม ฉิ่นจูกำลังลูบไล้หลังของเธอด้วยความรัก
"ที่รักค่ะ หนูตื่นเต้นมาก ในที่สุดเราก็ได้อยู่ด้วยกัน คุณจะไม่เพียงแต่ได้เงินของเจียงเยว่ แต่เรายังสามารถอยู่ด้วยกันอย่างเป็นทางการได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
[ฉิ่นจู ไอ้สารเลว แกคิดว่าฉันตายแล้วเหรอ? ฉันขอบอกแก แม้ว่าฉันจะตกนรก ฉันจะพาแกไปด้วย]
[ฉิ่นจู ฉันขอสาปแช่งแกและภาวนาให้แกได้พบแต่ความโชคร้าย]
[ฉิ่นจู ไอ้ขี้โกง ไอ้สารเลว]
[ไอ้จู๋ของแกจะเน่าเหมือนหัวหอมเน่า แล้วแกจะพบกับความหายนะในไม่ช้า]
" มันเป็นคำสาปของคนตาย แก ไอ้สารเลว"
"-_-"
"-_-"
"อ้าาาา" ห่าวเหม่ยตะโกนด้วยความกลัวเมื่อคำสาปของหุ่นยนต์เริ่มมาจากโทรศัพท์ของฉิ่นจู
ความเงียบในห้องพังลงเมื่อโทรศัพท์ของเขาสว่างขึ้น และเสียงหุ่นยนต์ที่น่าขนลุกเริ่มดังออกมาจากโทรศัพท์
ฉิ่นจูก็งงงันเช่นกัน เสียงของหุ่นยนต์นั้นน่าขนลุกและคำสาปที่ข่มขู่สติปัญญาของพวกเขาให้กลัว
พวกเขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันทีด้วยความตกใจและหวาดกลัว
ห่าวเหม่ยเริ่มสะอื้นและตบหน้าอกของเขาเพื่อขอให้เขาทำอะไรบางอย่าง
เมื่อเสียงหยุดลงจากโทรศัพท์ ฉิ่นจูก็ลุกขึ้นจากเตียงขณะปิดตัวเองด้วยหมอนเพราะห่าวเหม่ยไม่ยอมให้เขาใช้ผ้าห่ม
เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของเขาดับแล้ว ก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่าปิดโทรศัพท์แล้วเพื่อไม่ให้ใครโทรมารบกวน
เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ แต่มีบางอย่างปรากฏขึ้นบนหน้าจออีกครั้ง เขาตกใจมากจนทำโทรศัพท์ตกด้วยความกลัว
มือของเขาเริ่มสั่นด้วยความกลัว และเขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งเห็น
“ฉิ่นจู เกิดอะไรขึ้น?” ห่าวเหม่ยก็กลัวเช่นกัน แต่ก็กังวลมากขึ้นเมื่อเห็นหน้าซีดของเขา
ฉิ่นจูไม่ตอบและจ้องไปที่โทรศัพท์ของเขาด้วยความกลัว เขาเพิ่งเห็นอะไร?