“เสี่ยวอ้าย…”
หวางหยุนเหม่ยยังคงกังวลกับลูกสาว แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เจียนอ้ายก็ขัดขึ้นว่า “แม่รอหนูอยู่ข้างนอกนะคะ”
หวางหยุนเหม่ยอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่จำได้ว่าลูกสาวบอกว่าปล่อยให้เธอเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง ลังเลอยู่ครู่หนึ่งเธอจึงเดินตามเจียนหยูออกไปจากห้องสอบสวน
หลังจากประตูปิดลง มีเพียงเจียนอ้ายและหลี่เฉียงเท่านั้นที่อยู่ในห้อง
“หนูชื่อเจียนอ้าย ถูกไหม....”
ในฐานะผู้ใหญ่ หลี่เฉียงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน หากว่ากันตามในเชิงธุรกิจ สิ่งนี้เรียกว่ามาตรการชิงโจมตีก่อน เพราะการเจรจาส่วนตัว สิ่งเดียวที่เกี่ยวข้องคือเงิน เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับเงิน หลี่เฉียงในฐานะนักธุรกิจเลือกที่จะพูดก่อน “ไม่ว่ายังไงก็ตาม ลุงต้องขอบคุณหนูมาก เมื่อสักครู่ลุงได้รู้จากครูหลี่ว่าสถานการณ์ครอบครัวหนูไม่ค่อยดีนัก เอาอย่างนี้แล้วกัน ลุงจะจ่ายค่าชดเชยให้หนูหนึ่งแสนหยวน หนูคิดว่าไง? เงินจำนวนนี้เพียงพอสำหรับหนูที่จะเรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้เลยนะ”
น้ำเสียงของหลี่เฉียงค่อนข้างราบเรียบ หนึ่งแสนหยวนเป็นตัวเลขมหาศาลที่สมเหตุสมผลสำหรับครอบครัวเช่นเจียนอ้าย
แต่เจียนอ้ายแตกต่างออกไป ในชีวิตก่อนของเธอ เธอเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสุทธิหลายสิบล้านหยวน แค่แสนหยวนไม่อยู่ในสายตาเธอหรอก
“ลุงหลี่ อย่าพยายามทำให้หนูกลัวด้วยชั้นเชิงทางธุรกิจของลุงเลยค่ะ” เจียนอ้ายพูด
ได้ยินอย่างนี้ หลี่เฉียงขมวดคิ้วราวกับว่าเขาไม่เข้าใจว่าเจียนอ้ายหมายถึงอะไร เธอไม่ได้ยินชัดเจนในสิ่งที่เขาพูดเหรอ?
หนึ่งแสนหยวนเทียบเท่ากับรายได้สองถึงสามปีสำหรับครอบครัวอย่างเธอ มันไม่ใช่เงินน้อยๆ
ภายใต้สายตางุนงงของหลี่เฉียง เจียนอ้ายเดินไปที่เก้าอี้แล้วนั่งลง เธอพูดขึ้นว่า “เป้าหมายของลุงคือการจ่ายเงินชดเชยเพื่อไม่ให้ลูกสาวของลุงต้องเข้าสถานกักกันไม่ใช่เหรอคะ? หนึ่งปีในสถานกักกันเด็กและเยาวชนมีมูลค่าหนึ่งแสนหยวนในสายตาของลุงเหรอคะ?”
“นักเรียนเจียน หนึ่งแสนหยวนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ สำหรับเธอ.....”
หลี่เฉียงพูดเพื่อแก้ตัวให้ตัวเอง แต่ถูกเจียนอ้ายขัดจังหวะ เจียนอ้ายเผยรอยยิ้มที่เย็นชาและส่ายศีรษะเบาๆ “ลุงหลี่ ลุงต้องเข้าใจก่อนว่าหลี่หยุนเหม่ยเป็นลูกสาวของลุงไม่ใช่หนู ดังนั้น ลุงไม่ควรพูดว่าเงินเท่านี้เหมาะกับคนอย่างหนู ลุงต้องถามตัวเองว่าเงินจำนวนนี้สามารถทำให้ลูกสาวของลุงหลุดพ้นจากปัญหาหรือเปล่าต่างหากล่ะคะ”
คำพูดของหลี่เฉียงติดอยู่ในลำคอราวกับก้างปลาติดคอ เขาเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของเจียนอ้าย เขาตกใจมากกว่าเดิม เขาแปลกใจมากที่เด็กสาวอายุสิบสี่ปีมีความคิดที่เฉลียวฉลาดและมองการณ์ไกลเช่นนี้ วิธีที่เธอพูดเหมือนผู้คร่ำหวอดในโลกธุรกิจ เพียงประโยคเดียว เธอเปลี่ยนสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
เพื่อลูกสาวของเขา การชดเชยนี้จะอย่างไรก็ต้องทำให้สำเร็จ
แม้ว่าหนึ่งแสนหยวนไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ แต่สำหรับหลี่เฉียงผู้เป็นเจ้าของบริษัท มันก็แค่หยดน้ำเพียงหยดเดียวในมหาสมุทร
หลี่เฉียงไม่มีทางเลือก เขาต้องประเมินและเจรจากับเด็กอายุสิบสี่ปีตรงหน้าเขาอีกครั้ง
หลี่เฉียงยืดตัวหลังตรง และพูดเข้าประเด็น “ในเมื่อหนูไม่พอใจ ทำไมไม่บอกราคามาล่ะ?”
เจียนอ้ายยิ้มจางๆ เมื่อได้ยินอย่างนั้น “ในเมื่อลุงหลี่ถาม หนูจะช่วยวิเคราะห์ให้ ลองเปรียบเทียบกันดูนะคะ ตัวอย่างเช่น ถ้าหลี่หยุนเหม่ยอยู่ในสถานกักกันเด็กและเยาวชนเป็นเวลาหนึ่งวัน ลุงหลี่สามารถใช้เงินหนึ่งหมื่นหยวนเพื่อช่วยเธอได้ ลุงหลี่เต็มใจที่จะจ่ายด้วย ถูกไหมคะ? และเธอต้องอยู่ที่นั่นหนึ่งปีซึ่งก็คือสามร้อยหกสิบห้าวัน!”
เจียนอ้ายเลิกคิ้วและพูดต่อว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน หนูจะลดให้ หนูจะเรียกค่าชดเชยแค่สามล้านก็พอค่ะ”
ทุกวัน