เจียนหยูหน้าแดงและพูดตะกุกตะกัก เขาไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ
เจียนอ้ายมั่นใจมากขึ้น เธออยากรู้ว่าพี่ชายชอบผู้หญิงแบบไหน
“เสี่ยวอ้าย มาเอาถ้วยกับตะเกียบ”
หวางหยุนเหม่ยส่งเสียงเรียกมาจากในครัว เจียนหยูคว้าโอกาสนี้หมุนตัวจะเดินไปที่ครัว แต่เจียนอ้ายดึงเขากลับมา เจียนอ้ายยัดเงินห้าร้อยหยวนใส่กระเป๋าของเจียนหยูและพูดว่า “ตอนนี้พี่มีแฟนแล้ว พี่ต้องมีเงินใช้เพิ่ม ฉันไม่ยอมให้พี่ชายของฉันใช้เงินผู้หญิง!”
เจียนหยูไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร นี่เป็นเดทแรก เขาไม่ได้คิดว่าน้องสาวจะเปิดโปงเขาทันทีเมื่อถึงบ้าน เขาไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดีในขณะที่เขาถือเงินห้าร้อยหยวนไว้ในมือ เมื่อรู้สึกตัว เจียนอ้ายก็เดินเข้าครัวไปแล้ว
ระหว่างทานข้าวเย็น สามคนในครอบครังนั่งทานไปคุยกันไป
หวางหยุนเหม่ยวางซี่โครงหมูชิ้นหนึ่งลงในชามของเจียนอ้ายแล้วถามว่า “เสี่ยวอ้าว ใกล้จะสอบประจำเดือนแล้วใช่ไหมลูก?”
เจียนอ้ายพยักหน้า ครูประจำชั้นได้เตือนนักเรียนว่าการสอบรายเดือนจะจัดขึ้นในวันจันทร์หน้าเพื่อนักเรียนจะได้มีเวลาเตรียมตัวในสัปดาห์นี้
“แม่ อย่าห่วงเลยค่ะ คะแนนหนูต้องออกมาดีแน่” เจียนอ้ายพูดอย่างใจเย็น
เห็นลูกสาวมั่นใจ หวางหยุนเหม่ยอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “ดีแล้วล่ะที่ลูกมั่นใจ”
อาจพูดได้ว่าหวางหยุนเหม่ยฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เจียนอ้ายและลูกสาวของเธอไม่เคยทำให้ผิดหวัง ตั้งแต่เด็กเกรดเธอดีมาตลอด
เจียนอ้ายรู้ว่าแม่ไม่ได้คาดหวังกับเธอมากเกินไป แม่หวังแค่ว่าเธอจะสามารถเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีได้และมีอนาคตสดใส ในชีวิตก่อนหน้าเธอทำตามความคาดหวังของแม่แต่ทิ้งความเสียใจไว้มากมาย
หลังอาหารเย็น หวางหยุนเหม่ยแต่งหน้าและเปลี่ยนชุดใหม่ ผู้หญิงอายุสามสิบห้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปทันที ในสายตาของเจียนอ้ายสิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกแย่ลง
แม่ของเธอเสียสละมากเพื่อเธอและพี่ชาย แอลกอฮอล์ได้กลืนกินวัยเยาว์ของแม่ไปหมด ด้วยเหตุนี้เธอจึงรอไม่ได้อีกต่อไป เธอต้องคิดหาวิธีหาเงินให้ได้เร็วที่สุด
วันรุ่งขึ้นเจียนอ้ายและกวนเตารู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ ทันทีที่พวกเธอเหยียบเข้าไปในเขตโรงเรียน
ทุกคนต่างมองมาที่พวกเธอสองคน เกิดเสียงซุบซิบในหมู่นักเรียนด้วยกันไม่ขาดสาย หัวข้อไม่ใช่เรื่องอื่นนอกจากการตบตีเมื่อเย็นวาน
เจียนอ้ายได้เตรียมใจไว้แล้วเพราะเหตุเกิดที่หน้าประตูโรงเรียน เธอไม่สามารถห้ามไม่ให้ใครนินทาได้จริงๆ
เมื่อพวกเธอมาถึงห้องเรียน เพื่อนร่วมชั้นมองพวกเธอราวกับกำลังเห็นสัตว์ประหลาด เจียนอ้ายแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นและเดินตรงไปที่โต๊ะนั่งของเธอ
ตอนนั้นเองซูเจียเจียที่นั่งข้างหน้าเธอหันมาพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เจียนอ้าย ฉันได้ยินมาว่าหลังเลิกเรียนเมื่อวานเธอตีหลี่หยุนเหม่ยเหรอ?”
เจียนอ้ายเงยหน้าขึ้นมองซูเจียเจียที่กำลังเฝ้ารอให้เธอพยักหน้าและยอมรับมัน
เจียนอ้ายยิ้มเยาะในใจ แล้วพูดอย่างไร้ความรู้สึกว่า “มันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยล่ะ?”
ซูเจียเจียตัวแข็งทื่อ ไม่คิดว่าเจียนอ้ายจะตอบแบบนี้ ทว่าเมื่อเห็นการจ้องมองที่เย็นชาของอีกฝ่าย ซูเจียเจียกลืนคำพูดของตัวเองลงไปและหันหน้ากลับอย่างโกรธเคือง
เจียนอ้ายกลอกตามองบน เธอถอนหายใจในใจอย่างช่วยไม่ได้
แม้ว่าเธอไม่ต้องการอยู่อย่างโดดเดี่ยวเหมือนชาติก่อน เธอก็ไม่อยากถูกคนอื่นมองเหมือนลิงทุกวันอย่างตอนนี้ พูดได้เลยว่าเธอขึ้นเวทีแสดงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทุกวัน