Your Wishlist

Covid-19 มะรุมมะตุ้มรุมรัก (nc18+) (บทที่ 38 : เสือกสตอรี่)

Author: L.sunanta

ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน

จำนวนตอน :

บทที่ 38 : เสือกสตอรี่

  • 30/10/2564

“มึงมันเป็นพ่อที่ไม่เอาไหน… โทรศัพท์ขึ้น miss call 20 กว่าสายยังปาทิ้งได้ไม่ใยดี นั่นเมียมึงโทรมานะ ถ้ารู้ว่าพีน้อยอ๊วกเป็นเลือด กูจะไม่มีวันเลือกงานก่อนครอบครัวเลย… 22.00 น. หยุดการสังเกตผลแลป เก็บของทุกอย่างรีบไปโรงบาล และขอให้รถไม่ติดมาก แต่แม่งก็ติดชิบหายอยู่ดี กรุงเทพเป็นเหี้ยอะไรวะ ลูกกูจะตายอยู่แล้ว ชีวิตดีที่ลงตัวพ่องมึงสิ…ไอ้ส้นตีน! เบื่อว่ะ.. เซ็งโคตร! "

.

ช่างเป็นการเขียนไดอารี่ที่ฮาร์ดคอร์สะใจมาก ลายมือตวัดรุนแรงราวกับรีบร้อน แพรวผู้ถูกขังยังคงตั้งหน้าตั้งตาอ่าน แม้เธอจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าพีน้อยจะไม่เป็นอะไร และเติบโตขึ้นมาเป็นสาวประเภทสอง แต่ก็ยังอยากรู้เรื่องราวในตอนนั้นอยู่ดี

.

“ดึ๋งๆ , ดั๋งๆ , ดึ๋งๆ , ดั๋งๆ”

ขย่มเตียงดีดเด้ง ขยับก้นนั่งให้มันถนัดๆ พลันหลุบสายตาลงไปยังหน้ากระดาษต่อ

.

“พรึบ!”

.

“ตอนนั้นกูเครียดมากจริงๆ พยายามโทรหานุชแล้วแต่เธอคงไม่ว่างรับสาย ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง รถโรงบาลที่บอกว่าเรียกมา แม่งจะฝ่ารถติดหนักกับศุกร์คืนฝนพรำแบบนี้ได้เหรอ… ไม่มีทางหรอก! กลัวว่ะ! กลัวว่าลูกจะเป็นอะไรไปบนรถ! กังวลมากด้วย! เลยหักพวงมาลัยปาดคร่อมเลน แล้วเอารถกระบะบริษัทจอดยัดไว้ในจุดจอดแท็กซี่อัจฉริยะแม่ง”

“ตอนนั้นคือไม่แคร์ไรแล้ว รู้แค่ว่าวิ่งไปเร็วกว่า ยังไงก็ต้องไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด นัดนุชไว้แบบนั้นส่วนเธอกับพีน้อยจะมาถึงรึยังค่อยว่ากันหน้างานอีกที ไอ้สัด! งานอีกละ! กูเกลียดคำนี้จัง ถ้าลูกกูตายกูจะลาออกแม่ม บริษัทหัวควยใช้งานเยี่ยงทาส แล้วกูก็เสือกเต็มใจเป็นทาสให้มันด้วยนะ ไอ้เหี้ย AP สวัสดิการที่มึงให้หวังว่าจะใช้รักษาลูกกูได้นะ…”

“จบบันทึกประจำวัน… PS. โกรธเป็นฟืนไฟ! เขียนใหม่พรุ่งนี้ใจเย็นๆ”

.

“พรึบ!”

ประกบไดอารี่กลับคืนหน้าปก แพรวใช้สันนิ้วเรียวสวยขั้นหน้าเอาไว้ แล้วก็เริ่มครุ่นคิด..

.

“เอ…ถ้าเป็นเราจะทำแบบพ่อรึเปล่านะ? ต้องทำสิ! ก็ลูกป่วยหนักนี่นา เป็นใครก็ต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด สมัยนั้นการติดต่อสื่อสารก็ไม่ได้สะดวกแบบปัจจุบัน..”

“อืม…เป็นเราๆ ก็ทำ… อ่านต่อๆ”

.

“พรึบ!”

.

“วันที่ 14 ม.ค. 1999 / กลางคืน / เรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต!”

“ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ผิดคาดเล็กน้อยเพราะนุชกับพีน้อยยังมาไม่ถึง เช็คกับหน่วยเวรเตียงที่ห้องฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่บอกว่ามีบันทึกรายงานการออกปฏิบัติงานของรถฉุกเฉินชัดเจน แล้วที่ๆ รถวิ่งไปก็คือบ้านของฉันเอง ทุกอย่างมันควรจะออกมาดี แต่ก็ไม่! เพราะหลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่เจ้าหน้าที่คนเดิมก็รีบวิ่งปรี่เข้ามาหาฉัน ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก”

“เขาบอกให้ฉันตั้งสติ… ใจเย็นๆ … แล้วแจ้งกว่ารถพยาบาลคันดังกล่าว "ประสบอุบัติเหตุ!” มีผู้เสียชีวิตหลายรายและตอนนี้ทีมกู้ภัยกำลังกู้ซากอยู่ จำได้ว่า ณ โมเมนท์นั้นฉันถึงกับวูบไปเลย! หน้ามันมืดไปหมด! แล้วก็เวียนหัวจนล้มโครมลงไปทั้งยืน!!! เหมือนที่วีปลั๊กหลุดที่ภาพตัดไปเฉยๆ หน้าจอดับฟับ! พร้อมกับความเจ็บปวดที่ยังคงค้างคา”

.

“บะ..บ้าน่า!!!??”

“อะไรกันเนี่ยะ… เรื่องแบบนี้มัน? … ทำไมแกไม่เคยเล่าให้ฉันฟังเลยอีพี..?”

แพรวถึงกับอุทานเสียงหลง

.

และคราวนี้ไม่ได้พับหน้าสมุดกลับคืนแล้ว แต่อ่านต่อไปเลย

.

“วันที่ 14 ม.ค. 1999 / กลางดึก / เขียนจากบนเตียง”

“ฉันตื่นขึ้นมาในห้องรวมที่มีคนไข้รายอื่นเต็มไปหมด มันจะดีกว่านี้มากถ้าหนึ่งในนั้นเป็นเตียงของลูกแล้วก็เมีย แต่เสียดายที่ไม่แม้แต่จะใกล้เคียง ฉันรีบลุกจากเตียงวิ่งโทงๆ คาสายน้ำเกลือย้อนกลับไปยังแผนกฉุกเฉิน กวาดสายตามองหาเจ้าหน้าที่คนเก่า ตรงเข้าไปหาเขาและถามว่ารถพยาบาลคันที่เกิดอุบัติเหตุเป็นยังไงบ้าง? คนเจ็บอยู่ไหนกันหมด? และฉันคือญาติผู้ป่วย.."

ตาย 4 ผู้ใหญ่ 3 บุรุษพยาบาล 1 คือคำตอบที่ฉันได้รับกลับมา… น้ำตาไหลในบัดดล! โลกหมุนเคว้งจับต้นชนปลายไม่ถูก! เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก! ทั้งรถมีแค่พีน้อยที่รอดชีวิต เขาบาดเจ็บสาหัสแต่ที่รอดมาได้ก็เพราะถูกนุชโอบกอดเอาไว้ไม่ให้ได้รับการกระทบกระเทือน ในฐานะแม่เธอคือผู้หญิงที่ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ฉันจะมีชีวิตต่อไปยังไง? ทำไมคนที่ตายถึงไม่ใช่พ่อห่วยๆ ที่เอาแต่บ้างานอย่างฉัน ถ้าฉันอยู่บ้านแล้วเป็นคนขับรถมาเองล่ะก็…? ถ้าฉันอยู่บนรถร่วมกับเมียและลูกล่ะก็…? ควรจะเป็นฉันสิที่ตายแทนเธอ…นุช? โถ่เอ๊ย! นุช! ทำไมๆๆๆ!!!”

.

“แหมะ….แหมะ….แหมะ….”

หยดน้ำตาหยดร่วงลงใส่หน้ากระดาษ

.

เปล่าหรอก! มันไม่ใช่น้ำตาของแพรวเลย ถึงเธอจะรู้สึกเศร้ามาก แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับร่องรอยบนเนื้อกระดาษที่เปื่อยยุ่ยและเปื้อนเปรอะเป็นวงหมึกจากคนเป็นสามีอยู่ดี ระหว่างเขียนพ่อคงร้องออกมาเป็นล้านๆ รอบ มันถึงได้แห้งกรอบเกรอะกรังติดแน่นเป็นหลักฐานอยู่ตรงนั้น และแพรวเองก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่คุณพ่อแบกรับอยู่

.

น้ำในตาเจิ่งนองจักษุ ไร้ซึ่งคำพูดอื่นใด สาวเจ้าทำได้เพียงวางมือลงบนรอยเปื้อนดังกล่า่วแล้วลูบมันเบาๆ อย่างเข้าอกเข้าใจ ก่อนจะเริ่มอ่านสมุดบันทึกต่อ

.

“วันที่ 27 ม.ค. 1999 / กลางวัน / ที่สุสาน”

“ฉันอุ้มพีน้อยขึ้นจากรถเข็น เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผล ที่แขนซ้ายมีเฝือกอ่อนที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ โชคดีมากที่แขนขวาเขาไม่เป็นไร ฉันเลยอุ้มเขาเดินไปที่ปากหลุม มีหีบศพของนุชนอนอยู่ตรงก้น แขกผู้มีเกียรติทยอยโปรยดินลงบนหีบเพื่อเป็นการไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย บาทหลวงกล่าวคำสรรเสริญและบทสวดตามพระคัมภัร์ และแน่นอนว่าคนสุดท้ายที่โปรยดินลงไปก็คือพี มือฉันสั่นไปหมด… ฉันแทบจะหมดแรง… และพยายามฝืนสุดๆ ที่จะไม่ร้องไห้ให้ลูกเห็น…”

“ฉันไม่อาจโกหกได้ว่า ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในท่าทางที่นุชทำกับลูกก่อนที่เธอจะตาย! ไออุ่นแบบนี้ , น้ำหนักตัวแบบนี้ , อ้อมกอดแบบนี้ คือโล่กำบังที่เธอใช้ปกป้องลูกเอาไว้ในฐานะของคนเป็นแม่ที่ดีที่สุด ฉันจะทำได้ไหมนะ? ฉันจะทำได้ดีเท่าสักครึ่งหนึงของเธอรึเปล่าที่รัก? คิดถึงจัง… คิดถึงหมดหัวใจ… รักคุณมากนะภรรรยาสุดที่รักของฉัน… เราจะอยู่ด้วยกันพ่อแม่ลูกแบบนี้ตลอดไป และถ้าเป็นไปได้ฉันก็จะทำทุกวิถีทางให้เธอกลับมา”

.

“เฮ้อ….ถึงว่าล่ะ! ทำไมพ่อของพีถึงเห็นเราเป็นคุณนุช”

“เราเข้าใจทุกอย่างแล้ว… ไดอารี่เล่มนี้เหมือนกำลังเฉลยทุกสิ่งทุกอย่าง”

นิสิตสาวเริ่มขยับขยายเปลี่ยนอิริยาบถ ถึงตรงนี้เหมือนเธอจะปล่อยตัวปล่อยใจล่องลอยลงไปในโลกของครอบครัวพีแบบถอนตัวไม่ขึ้น

.

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ! ว่าเธอคงจะลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังถูกขัง! วงกบหน้าประตูยังส่องแสงวูบวาบ หน้าจอทัชกรีนก็ยังไม่มีรหัสไปใส่สักตัว เรียกได้ว่ายังไม่ใกล้เคียงความเป็นไปได้ในโลกแห่งความเป็นจริงเลยสักนิด มิหนำซ้ำแพรวยังเพลิดเพลินไปกับเสื้อผ้าและของใช้มากมายเกี่ยวกับคุณนุช ที่กระจายอยู่เต็มห้องแห่งนี้ราวกับศูนย์จัดแสดงสินค้าอีกต่างหาก

.

“เพราะความรักมากมายที่พ่อมีต่อภรรยาสินะคะ ถึงได้เก็บรักษาสิ่งของทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี”

“การกระทำเป็นเหตุเป็นผลกัน มีตรรกะที่ยอมรับได้ ติดแค่นิดเดียวตรงประโยคสุดท้ายที่บอกว่าจะเอาคุณนุชกลับมานี่แหละ ที่หนูยังไม่เข้าใจ?”

แพรวลุกขึ้นเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง ปาดมือรากับเสื้อผ้าที่แขวนไว้พยายามใช้ความคิด ทว่าก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดี!

.

“ช่างเถอะ! อ่านต่อดีกว่ายังมีอีกหลายหน้าให้ต่อมอยากรู้อยากเห็นของเราได้ออกกำลัง!”

.

“พรึบ!”

.

“วันที่ 13 มี.ค. 2000 / เวลา 02.32 น. / โปรเจคนงนุชมีการตอบสนอง”

“นี่ไม่ใช่ก้าวเล็กๆ ของเด็กเพียงคนเดียว แต่มันคือก้าวกระโดดของมวลมนุษยชาติ ฉันไม่เสียใจเลยที่จะต้องทำสิ่งนี้ ต่อให้เขาจะเป็นลูกแท้ๆ ของเราก็ตาม คนอย่างฉันลองปักใจคิดจะทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้ได้ ฉันเป็นคนรักษาสัญญาเสมอนุช เธอก็รู้ดีนี่… รอสักแป๊บนะ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เริ่มโผล่มาให้เห็นแล้วที่รัก…”

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป