ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
"มันใช่ฮอนด้าซะที่ไหน โลโก้มันอาจจะคล้ายกัน แต่นั่นมันรถฮุนไดสัญชาติเกาหลีต่างหากแกอ่ะมั่วอีพี!"
แพรวโต้เถียง เธอดึงตัวเองกลับมานั่งพิงพนักตามเดิม
.
แล้วทั้งสองคนตรงเบาะหน้าก็สาดน้ำลายใส่กันอีกยก ต่างคนต่างอ้างเหตุผลของกันและกัน แพรวบอกว่าเธอนั่งรถเปรมมาหลายครั้ง ในขณะที่พีก็บอกว่าเขาเคยนอนกอดผู้ชายในรถคันนี้มาหลายหน ซึ่งเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าของแพรวมาก จนกระทั่งเวลาผ่านไปครูใหญ่ สัญญาณไฟเขียวก็สว่าง!ล้อรถเริ่มเคลื่อนที่ออกไปข้างหน้าอีกครั้ง โดยที่สมาธิของคนขับนั้นกระเจิดกระเจิงไปพร้อมกับบทสนทนาแล้ว
.
ความรีบหายไปจนเกลี้ยง!ฝอยน้ำลายพ่นใส่กันนับสิบหยด จึงไม่แปลกที่ทิวทัศน์ด้านข้างจะไม่ถูกสนใจเลย ลำพังขับไปข้างหน้าให้ได้โดยไม่ชนใครก็ถือว่าเก่งแล้ว
.
"พี่เปรมเขาก็ต้องอยู่หอสิ!...เขาเป็นประธานหอนะ... เขาจะมาทำอะไรตรงนี้อีบ้า!!"
แพรวพยายามย้ำ หล่อนปล่อยมือออกจากเข็มขัดนิรภัยเพราะรถมันแล่นช้ามากๆ
.
"เหอะ!หอที่ไม่มีคนอยู่สักคนสิไม่ว่า!ยังไงซะนั่นก็คือรถของพี่เปรมแน่นอน มึงอย่ามาเถียงกูเลยอีแพรว!"
.
พีให้เหตุผลโต้กลับ โดยหารู้ไม่ว่าพ้นจากทางโค้งข้างหน้านี้ไป จะมีด่านตรวจเคอร์ฟิวตั้งอยู่หนึ่งจุด!เวลา 22 .03 น. ถึงจะเป็นเส้นทางในมหาลัยก็จริง แต่ความผิดฐานฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉินและละเมิดมาตราการเคอร์ฟิวก็ถือว่าเกิดขึ้นซึ่งหน้าไปแล้ว พวกเขาไม่รอดแน่ถ้าโดนจับ!แล้วก็คงไม่แคล้วโดนบันทึกประวัติขึ้นโรงขึ้นศาลกันอีกหลายรอบ
.
เพราะการทะเลาะกันเป็นเหตุแท้ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเปรมป่านนี้ทุกคนก็คงจะไปถึงหอพัก นอนหลับพักผ่อนกันแล้ว
.
"ปี๊ดดดดดดดดด!!!"
เสียงดกหวีดดังลากยาวจากเจ้าหน้าที่ พร้อมกับการยกมือขึ้นห้าม!
.
"หยุดตรวจ!ลดกระจกลงด้วยครับ!"
เขาตะโกนพลันเดินมาเคาะกระจกป๊อกๆๆ!เป็นสัญญาณให้คนข้างในรู้
.
แสงไฟสีแดงสลับน้ำเงินในด่านหมุนติ้วๆ ป้ายไฟคำว่า "หยุดตรวจ" พื้นสีขาวสว่างไสว ที่ด้านหลังมีเต็นท์ผ้าใบหลังใหญ่แบบที่พวกชาวบ้านชอบกางกันเวลามีงานประเพณี มีป้ายผ้าไวนิลที่มีอักษรเขียนว่า "ด่านตรวจคัดกรอง covid-19" แขวนห้อยไว้ตรงกลางอย่างชัดเจน
.
ทำเอาทั้งสามคนถึงกับหน้าชา อยากทะเลาะกันต่อนะ แต่มันก็ไม่ใช่เวลาอีกต่อไปแล้ว!ทุกคนมองหน้ากันเหรอหราคล้ายจะทำอะไรไม่ถูก แพรวกลับมากำเข็มขัดนิรภัยเอาไว้แน่น กลัวตายจากการขับของพีก็ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าลูกสาวโดนจับที่ด่านcovid พร้อมกับปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดที่มากกว่า 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ล่ะก็ มีหวังงานนี้ได้ตายกันจริงๆแน่
.
เสียงเคาะกระจกถี่รัวและดังขึ้น!พีเองก็นิ่งเช่นกันเขาเหงื่อแตกซิกเป่าปากพรู สายตากลับมามองตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง แล้วก็ได้แต่หวังว่าตัวเองจะไม่คิดทำอะไรโง่ๆอย่างการขับแหกด่าน!ดีหรือชั่ว! , ขาวหรือดำ!กำลังตีกันนัวอยู่ในภวังค์ความคิด ฝ่าเท้านาบกับแป้นคันเร่งแตะเอาไว้ ก่อนจะอ่าวโอ้ถึงเปรมผู้จุดประเด็น เพราะถ้าไม่ใช่การเถียงกันในเรื่องของเขาเคสนี้ก็คงไม่เกิด
.
"ก๊อกๆ, ก๊อกๆ, ก๊อกๆ"
"ดับเครื่องแล้วลงมาด้วยครับ!"
คราวนี้เปลี่ยนเป็นตะคอก หน้ากากอนามัยกับเฟสชิวที่ยื่นจ่อเข้ามาบ่งบอกว่าด่านตรงนี้รัดกุมขนาดไหน และพอเห็นว่าจวนตัวแล้วมิวท์ก็เลยออกโรง!
.
เธอที่เงียบมานานตัดสินใจล้วงมือลงไปในกระเป๋าถืออีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะควานข้ามสมาร์ทโฟนตัวเองที่เพิ่งหาเจอไป แล้วก็หยิบหน้ากากอนามัยอันใหม่ออกมา 3 อันรวด!
.
"ใส่ซะ!...แล้วตั้งสติ!... นิ่งๆเข้าไว้นะทุกคน... ถ้าเจรจาดีๆ เราอาจจะรอด!อย่างน้อยเจ้าหน้าที่เขาก็น่าจะเห็นในความเป็นนิสิตของเราบ้าง"
มิวท์ออกความคิด พลางยื่นหน้ากากให้
.
"ขอบใจนะมิวท์..."
แพรวหันมายิ้ม แต่ตาเธอโคตรแดง ทั้งกึ่มทั้งเมา
.
"โดยเฉพาะเธอแพรว!ใส่แมสแล้วปรับลวดตรงสันจมูกให้แน่น!ลงรถไปพยายามอย่าพูดอะไร อย่าให้กลิ่นแอลกอฮอล์พ่นออกไปจากลมหายใจเธอได้เด็ดขาด แล้วก็ใส่แว่นนี้ไว้ด้วยจะได้ปิดบังสายตา "
.
มือเรียวยังคงควานหาของในกระเป๋า แล้วก็ได้ออกมาเป็นแว่นสายตาอันหนึ่งที่มีกรอบง่อยๆเป็นสีส้มสะท้อนแสง มิวท์คิดว่ามันน่าจะดีกว่าแว่นกันแดดสีดำ ในสถานการณ์และเวลาแบบนี้การใส่แว่นดำจะทำให้ผิดสังเกตได้ง่าย ประกอบกับขอบแว่นสีส้มก็น่าจะพอกลบความฉ่ำของตาแพรวได้
.
"อะ...อืม... ฉันจะทำตามที่เธอบอกนะ"
เพื่อนสาวรับปาก
.
ระหว่างนั้นพีก็สังเกตอยู่ตลอด สิ่งที่มิวท์ทำช่างเป็นอะไรที่มากกว่าความเป็นเพื่อน เหมือนเธอจะมีจิตใจโอบอ้อมเมตตาอยู่ตลอดเวลา และถึงเขาจะเป็นกระเทยแต่ลึกๆแล้วพีก็ยังมีฮอโมนเพศชายผลิตออกมาจากอัณฑะอยู่ เขารู้สึกละอายใจเหลือเกินที่ต้องมาเป็นคนที่ถูกปกป้อง แทนที่จะเป็นตัวเองที่คอยปกป้องผู้อื่น
.
สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด ตบหน้าตัวเองพั๊วอยู่สองสามทีพลันมองกระจก ก่อนจะสวมแมสที่มิวท์ให้มา
.
"มา!... เป็นไงเป็นกันสิวะ!... กูพร้อมแล้ว!"
กระเทยควายคิดในใจ
.
"ทุกคนไม่ต้องกลัว!เดี๋ยวพอเปิดประตูลงไปที่เหลือฉันจะเป็นคนคุยเอง พวกเราต้องรอดศึกครั้งนี้เราต้องชนะ!"
.
ปลุกใจเพื่อนราวกับพระอาจารย์ธรรมโชติแห่งหมู่บ้านบางระจัน ผนวกรวมเข้ากับวรรคทองของท่านายกรัฐมนตรี ผู้พูดหน้าทีวียาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่นั่นก็นับว่าช่วยเพื่อนๆได้มากโข ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแล้วปล่อยให้เหตุการณ์ยาวนานต่อไป
.
.
"กลั๊กกกก!!!!"
เสียงประตูด้านข้างคนขับคลายล็อคออก ตามติดมาด้วยบานอื่นๆที่ดัง "กลั๊กกก" ไล่หลังมาติดๆ ทุกคนลงจากรถโดยมีพียืนอยู่หน้าสุดตามแผน
.
ก่อนที่ต่อมาทั้ง 3 จะถูกนำตัวไปที่เต็นท์ ระหว่างเดินเจ้าหน้าที่ใต้หน้ากากเฟสชิวก็ได้แจ้งข้อหาให้พวกเขาฟังไปด้วย ว่ามีความผิดมาตราไหนบ้าง ซึ่งพอลองมองย้อนกลับไปที่รถอีกครั้ง ก็พบว่าตอนนี้มีเจ้าหน้าที่มากกว่า 3 นาย กำลังส่องไฟฉายค้นรถของพวกเขาอยู่!
.
"เย็นไว้.....ใจเย็นไว้....เราต้องรอด"
พีคิด
.
แพรวเองก็ก้มหน้าก้มตาเดินตามต้อยๆ ปกปิดสถานะตามที่มิวท์บอก ส่วนตัวมิวท์นั้น!ค่อนข้างผิดคาดเพราะดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่เลย ยังคงเดินไปพลางกดโทรศัพท์คุยแชทไปด้วยไม่เดือนไม่ร้อน
.
แต่ทว่า!ทันทีที่มาถึงและนั่งลงที่โต๊ะปุ๊บ!จุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องก็มาถึงเมื่อจู่ๆพีก็ทุบกำปั้นลงที่โต๊ะเสียงดัง!
.
"โครมมมมม!!!!"
.
เขาหันมาพูดกับแพรวว่าไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้จะจบในเวลาอันสั้นเพราะเขามีพ่อ...
.
"ชุ่วววว... หมายความว่าไง?... พ่อแกเป็นนักการเมืองหรอ?หรือเป็นคนใหญ่คนโต?"
แพรวกระซิบถาม
.
"เปล่าหรอก!พ่อฉันแค่โดนจับเมาแล้วขับบ่อยน่ะ! แกก็เลยรู้จักตำรวจ สน.นี้ทั้งโรงพัก!โทรเรียกไปแล้วอีกประเดี๋ยวก็คงมา"
.
กระซิบกันเสร็จพีก็ได้ส่งสมาร์ทโฟนที่มีสายของพ่อค้างอยู่ให้นายตำรวจในเต็นท์คุย
.
"อีพี!อีเวร!แล้วมันจะได้เรื่องไหมเนี่ยะ!?"
ศอกแหลมๆ กระทุ้งเข้าสีข้าง แพรวป้องปากถามน้ำเสียงดูเป็นกังวล
.
"เอาน่าาาาามึง...... อย่างมากก็แค่รอลงอาญา ไม่ถึงกับติดคุกหรอก..."
.
สถานการณ์ยังคงเต็มไปด้วยความสับสน ความมืดดำแห่งราตรีกาลยังไม่อับแสงเท่าคนสามคนในเต็นท์แห่งนี้ แพรวรู้สึกแย่มากจริงๆเนื่องจากสิ่งที่พีทำมันไม่ถูกต้อง!แพรวไม่ชอบเอาเปรียบสังคมด้วยการโกงแบบนี้เลย แล้วบางทีมิวท์เองก็น่าจะคิดเช่นนั้น เธอถึงได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่ออกไปรับโทรศัพท์ อาจจะเป็นสายสำคัญเพราะเห็นหายไปนานมากแล้ว
.
.
ตัดภาพมาที่มิวท์สาวตัวเล็กลุคคุณหนูคาวาอี้ เป็นไปได้สูงที่ปลายสายของเธอจะเป็นทีมทนายจากบริษัท AP ของพ่อแม่ แต่ไม่ใช่เลย!เพราะคนที่เธอคุยอยู่ก็คือ "เปรม" ใช่!เปรมรุ่นพี่เภสัช!ที่สองเพื่อนรักพยายามจะเคลมเอาเป็นผัวกันให้ได้นั่นแหละ
.
"ไม่ได้ค่ะพี่!มิวท์อยู่กับแพรวเราจะมาแอบคุยกันแบบนี้ไม่ได้นะคะ!มิวท์ไม่อยากหักหลังเพื่อน"
.
/ได้ไงล่ะ!ก็ตอนนี้พี่ยืนอยู่หน้าห้องมิวท์แล้วเนี่ยะ /
.
"ห๊ะ!!! , งั้นก็หมายความว่ารถคันที่ฝ่าไฟแดง....เมื่อกี้!"
.
/พูดเรื่องอะไร?... แต่ช่างเหอะ!เอาเป็นว่าพี่จะรอแล้วกันไปไหนไม่ได้ด้วยสิ... ข้างนอกเขาเคอร์ฟิวกันหมดเลย รับผิดชอบพี่ยังไงดีน๊าาาา... เห็นทีต้องนอนห้องมิวท์แล้วล่ะถ้างั้น^^ /
.
"บ้า!... พี่เปรมบ้า!"
.
.
หัวใจเต้นโคตรแรงหว่างขาร้อนวูบวาบหวั่นไหว มิวท์กดตัดสายโทรศัพท์ทิ้งไป พลางยืนคิดนิ่งๆ ว่าจะตัดอะไรทิ้งได้อีกบ้างระหว่างเพื่อนรัก กับ คนรัก (ของเพื่อน)