Your Wishlist

ยอดนักแต่งหน้าทะลุมิติ (ตอนที่ 4 : คิดถึงอนาคต (edited))

Author: TealChair แปล

หลีโม่เมคอัพอาร์ติสสาวชั้นนำทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสาวใช้ที่ถูกพ่อค้าทาสนำตัวมาขาย ณ หมู่บ้านชนบทในยุคโบราณ บุรุษที่ซื้อตัวนางมายากจนทั้งยังขาพิการ ยังมีเจ้าก้อนแป้งน้อยพ่วงด้วยอีกหนึ่ง เมื่อสวรรค์ให้โอกาสนางได้มีชีวิตอีกครั้ง นางจะต้องใช้ฝีมือและความสามารถที่มีในชาติก่อนหาเงินเพื่อให้ครอบครัวในชาตินี้ของตนมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้!

จำนวนตอน : 92 ตอนจบ

ตอนที่ 4 : คิดถึงอนาคต (edited)

  • 11/09/2564

ตอนที่ 4 คิดถึงอนาคต

 

เมื่อหลีโม่อาบน้ำเสร็จ ซ่งต้าซานก็ต้มน้ำอีกครั้ง หลีโม่เทน้ำร้อนลงในอ่างแล้วเอาผ้าถูตัวผืนเล็กมาเช็ดหน้าให้เสี่ยวเป่า

 

อยู่กับเสี่ยวเป่าหนึ่งวัน ตอนนี้เขาไม่หลบเลี่ยงหลีโม่อีกแล้วและยังตามติดหลีโม่ไม่ห่าง ยามที่มองไปที่หลีโม่แววตาเขาจะเป็นประกายขึ้น

 

หลีโม่เดาว่าเสี่ยวเป่ามองว่านางเป็นตัวแทนมารดาของเขา ในใจลึก ๆ ของเขาอยากจะมีมารดามาก ฉะนั้นเมื่อนางดีต่อเขา เขาจึงลดเกราะในใจลงแล้วหันมาพึ่งพิงนางทันที

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้วหลีโม่ก็รู้สึกเศร้าใจ นางเข้าใจความรู้สึกของเสี่ยวเป่าดี เพราะตัวนางเองก็สูญเสียมารดาไปตั้งแต่ยังเล็ก ต่อมาเมื่อนางมีมารดาเลี้ยง นางก็ตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าอันใดคือเมื่อมีมารดาเลี้ยงก็เท่ากับมีบิดาเลี้ยง บาดแผลที่คนทั้งสองทำไว้กับนางในช่วงที่นางเติบใหญ่ไม่มีวันจะถูกลบเลือนไปได้เลย ดังนั้นนางจึงรู้ซึ้งดีว่าหากบิดามารดามีจิตใจไม่ดีแล้ว พวกเขาจะสามารถทำร้ายบุตรของตนเช่นไรได้บ้าง

 

นอกจากนี้นางก็รู้ดีถึงความปรารถนาของเด็กที่อยากจะได้รับความรักจากบิดาและมารดาในช่วงวัยเยาว์ ดังนั้นตราบเท่าที่นางอยู่ที่นี่ นางจะดีต่อเสี่ยวเป่าและปฏิบัติต่อเขาด้วยความรักอย่างจริงใจ

 

หลีโม่ล้างหน้าให้เสี่ยวเป่าแล้วก็จุมพิตที่แก้มน้อย ๆ ของเขา “ไอหยา เสี่ยวเป่าของเราสะอาดมาก น้าโม่อยากจูบเสี่ยวเป่า”

 

เสี่ยวเป่าส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ร่างเล็กของเขาบิดไปบิดมาด้วยความเขินอาย

 

หลีโม่อุ้มเขามาบนม้านั่งตัวเล็กแล้วจับเท้าของเขาวางไว้ในอ่างแช่เท้า นางจงใจแกล้งเกาที่ใต้ฝ่าเท้าของเขาจนทำให้เขาหัวเราะคิกคักออกมาไม่หยุด ร่างกายของเขาสั่นไปทั้งตัวพร้อมเสียงหัวเราะใสดังก้องไปทั่วทั้งห้อง

 

เสี่ยวเป่าทนไม่ไหวจึงกอดคอหลีโม่ไว้แล้วฝังใบหน้าของตนลงบนลำคอของนาง พลางเอ่ยปากว่า “ท่านน้าโม่ จักจี้ เสี่ยวเป่าจักจี้ อย่าเกาเสี่ยวเป่า”

 

หลีโม่หัวเราะออกมาไม่แกล้งเขาต่ออีก เมื่อเห็นว่าน้ำเริ่มเย็นแล้วนางจึงอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมา ถึงตอนนี้ซ่งต้าซานที่ไปอาบน้ำภายนอกก็เดินกลับเข้ามา

 

เสี่ยวเป่ามองไปที่ซ่งต้าซานด้วยแววตาที่สดใส “ท่านพ่อ”

 

ซ่งต้าซานส่งเสียงรับ“อืม” จากนั้นก็นำอ่างน้ำออกไปเท

 

ก่อนหน้านี้หลีโม่ไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้เมื่อเห็นซ่งต้าซาน นางก็นึกขึ้นมาได้ว่าคืนนี้พวกเขาทั้งคู่จะต้องนอนบนเตียงเดียวกัน ทันใดนั้นนางก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

 

พอวางเสี่ยวเป่าลงบนเตียงแล้ว เขารีบคลานเข้าไปในเตียงอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อซ่งต้าซานเดินกลับมาและปิดประตูห้องแล้ว จึงได้เห็นว่าทั้งคู่ล้มตัวนอนอยู่บนเตียงกันเรียบร้อยแล้ว เขาเม้มริมฝีปากไม่ได้กล่าวอะไรออกมา จากนั้นก็เดินไปที่ข้างเตียงและถอดเสื้อผ้าตัวนอกออก เขาขึ้นไปนอนทางฝั่งริมนอกของเตียง

 

ในเวลานี้หลีโม่นอนอยู่ด้านในสุดของเตียงและเสี่ยวเป่านอนอยู่ตรงกลาง แต่ทั้งสามคนไม่มีคนใดนอนหลับอยู่เลย

 

หลีโม่จงใจไม่สนใจซ่งต้าซาน นางกอดเสี่ยวเป่าไว้พร้อมกับลูบหลังเบา ๆ และเล่านิทานเรื่องเกี่ยวกับนางเงือกให้เขาฟัง

 

“ใต้ท้องทะเลลึกมีพระราชวังอันโอ่อ่าที่มีองค์หญิงเงือกทั้ง 6 คนอาศัยอยู่ พวกนางงดงามมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์หญิงคนสุดท้อง นางมีผมสีทองยาวสลวยซึ่งงดงามยิ่งกว่าพี่สาวของนาง นางชอบฟังเรื่องราวต่างๆ มากมายเกี่ยวกับท้องทะเลที่พี่สาวนางเล่าให้ฟัง ด้วยเหตุนี้องค์หญิงน้อยจึงคิดเอาไว้ว่าวันหนึ่งนางจะต้องออกไปเห็นทะเลด้วยตัวเองให้ได้ หลังจากที่รอแล้วรอเล่าจนถึงวันเกิดปีที่นางมีอายุครบ 15 นางก็แอบว่ายน้ำออกไปบนพื้นผิวทะเล ที่นั่นมีเรือลำใหญ่ลอยลำอยู่ ดูเหมือนว่าผู้คนมากมายบนเรือกำลังจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่ยิ่งใหญ่กันอยู่”

 

เสี่ยวเป่ายังไม่หลับ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนเลย เรื่องที่หลีโม่เล่าให้ฟังช่างน่าดึงดูดใจยิ่งนัก เขาฟังอย่างตั้งใจ ดวงตาของเขากะพริบปริบ ๆ

 

หลีโม่ใช้เวลาในการเล่าเรื่องอยู่นาน ก่อนที่นางจะเล่าจบ เสี่ยวเป่าก็หลับไปก่อนแล้ว ตอนหลับมุมปากของเขาโค้งขึ้นนิด ๆ มองแล้วน่ารักน่าเอ็นดูมาก

 

หลีโม่จุมพิตที่หน้าผากเล็ก ๆ ของเขาด้วยความรัก ทันทีที่นางยกศีรษะขึ้นมาก็เห็นซ่งต้าซานกำลังจ้องมองที่ตนด้วยแววตาลุ่มลึก

 

ใจหลีโม่เต้นแรงขึ้นจากสายตาของเขา “พี่ต้าซาน มีอะไรหรือเจ้าค่ะ?”

 

ซ่งต้าซานสั่นหน้า “ไม่มีอะไร นอนเถิด” หลังพูดจบเขาก็หันกลับไป

 

จากนั้นทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายเท่านั้น

 

หลีโม่หลับตาลงโดยพยายามไม่สนใจคนรอบข้าง นางปล่อยความคิดไปและเริ่มคิดถึงอนาคตของตนเอง

 

นางไม่มีฝีมือในการทำอาหารชั้นยอด ไม่มีสูตรอาหารให้ขายและนางก็ไม่รู้วิธีการทำสบู่ด้วย นางไม่รู้แม้กระทั่งวิธีการเลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ดและเลี้ยงหมูด้วยซ้ำ

 

หนทางที่จะสร้างความร่ำรวยได้อย่างในนิยายไม่สามารถนำมาใช้ที่นี่ได้เลย สิ่งเดียวที่นางรู้คือเรื่องการแต่งหน้าและความงาม ตอนนี้นางได้แต่ต้องพึ่งพาทักษะฝีมือด้านนี้ของตนเองเท่านั้น ทว่าที่นี่ไม่เหมือนสังคมยุคใหม่ที่มีคนดังมากมายมาจ้างให้นางเป็นช่างเสริมสวยและสไตลิสต์ส่วนตัวให้ ผู้คนที่นี่ยากจนมาก จะมีคนเต็มใจจ้างผู้อื่นให้แต่งหน้าให้หรือ?

 

นางไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถหาเงินด้วยการพึ่งพาทักษะฝีมือของตนได้หรือไม่ และจะสามารถเปลี่ยนสถานะความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้ได้หรือเปล่า

 

หลีโม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จนไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อใด

 

ตอนที่นางตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นท้องฟ้าภายนอกสว่างแล้ว เสี่ยวเป่ายังหลับฝันหวานอยู่ในอ้อมแขนของนาง ในขณะที่ซ่งต้าซานไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว

 

หลีโม่ค่อย ๆ ลุกขึ้นออกจากเตียงอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็เดินออกไปนอกห้อง

 

ซ่งต้าซานกำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัว

 

“พี่ต้าซาน อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ”

 

ซ่งต้าซานพยักหน้าให้ “มีน้ำร้อนอยู่ในหม้อใบเล็ก เจ้าเอาไปใช้ล้างหน้าได้”

 

หลีโม่ตักน้ำร้อนจากหม้อใบเล็กใส่ลงไปในอ่างน้ำแล้วยกออกไปล้างที่ลานบ้าน

 

ก่อนที่จะทันได้ล้างหน้าก็มีเสียงฝีเท้าดังอยู่ด้านหลัง ร่างเล็ก ๆ ทุ่มตัวใส่หลังของนางพร้อมกับมีเสียงเด็กน้อยดังขึ้นที่ข้างหู “ท่านน้าโม่~”

 

หลีโม่ยิ้มพลางหันไปอุ้มตัวเสี่ยวเป่าไว้ในอ้อมแขน “เสี่ยวเป่าตื่นแล้วหรือ?”

 

เสี่ยวเป่าที่ยังคงงัวเงียอยู่ขยี้ตาของตนพร้อมกับพูดพึมพำขึ้นว่า “เสี่ยวเป่าตื่นขึ้นมาแต่ไม่เห็นท่านน้าโม่กับท่านพ่อ”

 

หลีโม่ตบหลังปลอบเขาเบา ๆ “ไม่เป็นไร ท่านพ่ออยู่ในห้องครัว น้าโม่จะล้างหน้าให้เจ้า จากนั้นเราจะได้ไปกินข้าวกัน”

 

เสี่ยวเป่าพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง

 

อาหารเช้ายังคงเป็นโจ๊กธัญพืชหยาบเช่นเดิม หลีโม่เริ่มเคยชินกับมัน อีกทั้งที่บ้านก็มีเพียงธัญพืชแบบนี้เท่านั้น ไม่มีของอย่างอื่นอีก

 

หลังจากกินเสร็จ ซ่งต้าซานหยิบจอบขึ้นมาเตรียมตัวจะออกไปนอกบ้าน

 

หลีโม่รีบเรียกเขาไว้ “พี่ต้าซาน พี่จะไปไหนเจ้าคะ?”

 

ซ่งต้าซานตอบ “ข้าจะไปขุดพลิกหน้าดินให้เสร็จ จะได้ปลูกถั่วลิสงได้ในอีก 2-3 วันนี้”

 

หลีโม่รีบตามออกไป “พี่ต้าซาน พาข้าไปด้วย ข้าจะไปช่วยพี่”

 

ซ่งต้าซานเลิกคิ้วขึ้น “ไม่ต้องหรอก ที่ดินเลอะเทอะไปหมด เจ้าอยู่บ้านดูแลเสี่ยวเป่าเถิด”

 

หลีโม่จะสงบใจอยู่ที่บ้านโดยไม่ทำอะไรได้อย่างไร นางรู้สึกอึดอัดใจจึงตัดสินใจแน่วแน่ที่จะขอตามไปด้วย “พี่ต้าซานให้ข้าไปด้วยเถิด อยู่ที่บ้านไม่มีอะไรทำข้ารู้สึกเบื่อ”

 

เมื่อเห็นว่านางต้องการจะไปจริง ๆ ซ่งต้าซานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมตามใจ เขาไปหยิบหมวกฟางมาหนึ่งใบให้หลีโม่สวม

 

ถึงตอนนี้เสี่ยวเป่าก็วิ่งมาหาเขาเช่นกัน “ท่านพ่อ ข้าไปด้วย ข้าจะไปขุดดินด้วย”

 

ซ่งต้าซานยิ้มและพาทั้งคู่ไปด้วยกัน

 

ตอนที่พวกเขาออกจากบ้าน ซ่งต้าซานแบกจอบไปด้วย 2 ด้าม ในขณะที่หลีโม่อุ้มเสี่ยวเป่าเดินตามหลังไป

 

ระหว่างทางมีคนในหมู่บ้านอยู่ที่นั่นกันหลายคนแล้ว พวกเขาพยักหน้าทักทาย ทว่าสายตาของพวกเขามองมาที่หลีโม่อย่างมีความหมาย

 

หลีโม่อุ้มเสี่ยวเป่าทำหน้ายิ้มเดินตามหลังซ่งต้าซานโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

 

ซ่งต้าซานเห็นสายตาของคนเหล่านั้นเช่นนั้นจึงคิ้วขมวดเล็กน้อย

 

เขาก้าวเท้าเดินนำหลีโม่เร็วขึ้น

 

ซ่งต้าซานมีที่ดินที่แห้งกันดาร 1 หมู่*อยู่ทางทิศตะวันตกริมสุดของหมู่บ้าน ต้าซานมาขุดพลิกหน้าดินและต้องการจะปลูกถั่วลิสงที่นี่

*พื้นที่ 1 หมู่เทียบได้กับพื้นที่ประมาณ 666.67 ตารางเมตร

 

ซ่งต้าซานให้หลีโม่และเสี่ยงเป่านั่งเล่นตรงสันเขา ส่วนเขาถือจอบลงไปขุดพลิกหน้าดิน

 

หลีโม่ไม่ใช่เด็กแล้ว แน่นอนว่านางไม่สามารถจะนั่งเล่นมองดูซ่งต้าซานทำงานได้ นางจึงรีบบอกกับเสี่ยวเป่าว่าให้นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ให้วิ่งไปที่อื่น จากนั้นนางก็ถือจอบอีกอันตามซ่งต้าซานลงไปขุดดิน

 

นางไม่เคยขุดพลิกหน้าดินมาก่อน ดังนั้นนางจึงเฝ้าสังเกตว่าซ่งต้าซานพลิกหน้าดินอย่างไร ก่อนที่จะลงมือทำตาม หลังจากพยายามทำอยู่หลายครั้ง ในที่สุดนางก็พบวิธีพลิกหน้าดิน ไม่นานนางก็สามารถใช้จอบได้อย่างถูกวิธี ซ่งต้าซานก็พูดว่านางทำได้ถูกวิธีแล้ว หลีโม่รู้สึกดีใจ ทว่าสุขได้ไม่นาน นางก็รู้สึกแสบร้อนที่ฝ่ามือที่ถือจอบอยู่และทั้งมือนางก็แดงช้ำไปหมด

 

หลีโม่ฉีกยิ้มพลางคิดในใจว่าร่างนี้มีผิวที่บอบบางมากเช่นเดียวกับผิวของตนในชาติก่อน มันจะแดงช้ำไปอีกสักพักและอีกไม่นานผิวก็จะเกิดเป็นตุ่มพองขึ้น

 

หลีโม่สูดลมหายใจเข้าแล้วสะบัดมือของตน จากนั้นก็เริ่มขุดดินต่อไปอย่างใจเย็น ด้วยนางไม่ต้องการให้ซ่งต้าซานสังเกตเห็นความผิดปกติ แต่นางก็ทำได้ช้าลงไปมาก โชคดีที่ซ่งต้าซานไม่ได้คาดหวังให้นางขุดพลิกหน้าดินมากมายอยู่แล้ว เขาจึงไม่ได้กล่าวว่ากระไร

 

ซ่งต้าซานขุดดินอยู่เป็นเวลานาน เมื่อหันกลับมามองเขาก็เห็นหลีโม่อยู่ข้างหลังไกล ๆ หากแต่ว่านางก็ยังคงขุดดินอย่างช้า ๆ ดวงตาของเขา เกิดรอยยิ้มฉายแววขึ้นในดวงตาของเขา ทว่าทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งผิดแปลกไป ท่าทางของการขุดดินนั้นดูผิดปกติ

 

ซ่งต้าซานเดินไปดึงจอบออกจากมือหลีโม่ แล้วจับมือนางมาดูจึงเห็นว่าฝ่ามือของนางแดงและเห็นเป็นตุ่มพองได้จาง ๆ

 

หลีโม่รู้สึกอับอายเมื่อถูกจับได้

 

มือซ่งต้าซานถือจอบไว้ข้างหนึ่งและอีกข้างดึงตัวหลีโม่มาที่สันเขา “ไม่ต้องขุดดินแล้ว นั่งเฉย ๆ อยู่ที่นี่”

 

เสี่ยวเป่าที่กำลังเล่นต้นหญ้าหางสุนัขอยู่ก็มาดูมือหลีโม่ แล้วถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ท่านน้าโม่ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?”

 

หลีโม่ยิ้มให้เขา “น้าโม่ไม่เป็นไร เสี่ยวเป่าไม่ต้องเป็นห่วง”

 

ดวงตาของเสี่ยวเป่ามีน้ำตาเอ่ยขึ้นเมื่อจ้องมองไปที่หลีโม่

 

หลีโม่ใจอ่อนยวบอีกครั้ง นางยื่นมือออกไปตรงหน้าเสี่ยวเป่า “เช่นนั้นเสี่ยวเป่าช่วยเป่ามือให้น้าโม่หน่อย น้าโม่จะได้หายเจ็บเร็ว ๆ”

 

เสี่ยวเป่ารีบก้มศีรษะทำปากพองลม จากนั้นก็เป่าลมที่แก้มออกมา

 

ซ่งต้าซานเฝ้าดูจากด้านข้าง จากนั้นแววตาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อทั้ง 2 คนนั่งเล่นด้วยกันอยู่ที่นี่ ซ่งต้าซานจึงเดินโขยกขากลับไปขุดดินต่อ

 

เมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน ซ่งต้าซานก็ขุดดินจนเกือบจะเสร็จ เหลืองานอีกไม่มากนัก

 

เมื่อเห็นว่าได้เวลาที่จะต้องกลับไปทำอาหารแล้ว ซ่งต้าซานวางแผนไว้ว่าจะกลับมาเพื่อจะขุดดินที่เหลือให้เสร็จอีกทีในช่วงบ่าย

 

เขาแบกจอบขึ้นแล้วเรียกหลีโม่และเสี่ยวเป่าเพื่อกลับบ้านด้วยกัน

 

“พี่ต้าซาน พอพลิกหน้าดินเสร็จแล้วท่านจะปลูกถั่วลิสงเลยหรือไม่?” หลีโม่ถาม

 

“อือ วันนี้ข้าจะพลิกหน้าดินให้เสร็จ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปซื้อเมล็ดพันธุ์ถั่วในเมือง วันมะรืนก็สามารถปลูกได้แล้ว”

 

เข้าไปในเมืองเช่นนั้นหรือ? หลีโม่ใจเต้น นางไม่แน่ใจว่าตนเองจะสามารถไปด้วยได้หรือไม่ นางต้องการไปดูว่ามีเครื่องสำอางประเภทใดขายอยู่ในร้านแป้งที่ในเมืองบ้างและของเหล่านั้นมีคุณภาพดีเพียงใด ในชาติที่แล้วนางก็มีนิสัยเช่นนี้ นางเก็บสะสมเครื่องสำอางจากหลากหลายยี่ห้อ สิ่งแรกที่นางทำเมื่อออกไปข้างนอกคือการไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง

 

ตอนนี้ปัญหาจากนิสัยเดิมของนางเกิดขึ้นอีกครั้ง

 

หลีโม่รู้สึกกระดากอายที่จะเอ่ยปาก นางลังเลใจว่าควรจะขอตามไปด้วยดีหรือไม่ ทว่าใจของนางไม่สามารถเป็นสุขได้ สุดท้ายนิสัยเดิมก็เอาชนะความอับอายไปได้ นางจึงเอ่ยถามขึ้นเสียงเบา “พี่ต้าซาน ข้าขอเข้าไปในเมืองด้วยได้หรือไม่?”

 

ซ่งต้าซานชำเลืองมองไปที่หลีโม่แล้วพยักหน้ารับโดยไม่ได้ถามเหตุผล

 

หลีโม่ไม่คิดว่าซ่งต้าซานจะตกลงง่ายดายเช่นนี้ เขารับปากทันทีที่นางเอ่ยถาม เมื่อมาคิดดูแล้ว ดูเหมือนว่าไม่ว่านางจะเอ่ยปากขอเรื่องใด เขาก็ไม่เคยปฏิเสธเลย

 

ทันใดนั้นนางก็รู้สึกมีความสุขเล็ก ๆ

 

 

ทุกวัน
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป