Your Wishlist

มือปราบผี (Chapter 2: จิตแพทย์)

Author: Liu An Hua Ming (ฺBuaElla แปล)

ความตายเป็นเพียงการเริ่มต้น..... เขาเป็นเจ้าของบาร์เล็กๆแห่งหนึ่ง แม้ว่าเขาจะดูอ่อนโยนและเป็นมิตร แต่จริงๆ แล้วเขาเย็นชาและโดดเดี่ยว เขาเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการสื่อสารกับวิญญาณแต่ปิดผนึกไว้ เขาไม่เต็มใจที่จะเข้าไปพัวพันกับสิ่งเหนือธรรมชาติ เธอเป็นทนายความที่ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นทนายความ ขี้ขลาดเหมือนหนูแต่เกลียดความเลวทรามทั้งหลาย วันเกิดของเธอไม่เป็นมงคลแต่เธอกลับได้รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองจะช่วยกันไขคดีได้อย่างไร เชิญติดตามอ่านกันได้....

จำนวนตอน : 332 Chapters (Completed)

Chapter 2: จิตแพทย์

  • 05/09/2564

เสี่ยวเซี่ยควรจะยกคดีนี้ให้คนอื่นทันทีที่เธอกลับมาที่บริษัทเมื่อวานนี้ แต่เธอไม่ได้ทำเช่นนั้น เช้านี้เธอพบว่าผู้อำนวยการเดินทางไปทำงานที่อื่นเนื่องจากมีเรื่องเร่งด่วน เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทนกับมัน ในที่นี้ไม่มีใครกล้าทำอะไรโดยพละการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการ และไม่มีใครกล้าที่จะรบกวนเขาด้วยการโทรศัพท์หาตอนที่เขาเดินทางไปทำงาน

 

เว้นแต่เธอจะลาออก! แต่ว่าเธอไม่สามารถหางานที่ดีกว่านี้ได้ และเธอก็ไม่สามารถตอบแทนความใจดีของผู้อำนวยการพานด้วยการกระทำเช่นนี้ได้

 

จิตใจของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ที่บิดเบี้ยวและเธอก็ฝันร้ายอีกครั้งเมื่อคืนนี้ เธอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เมื่อก่อนเวลาเกิดเรื่องเช่นนี้เธอมักจะไปรับการบำบัดกับจิตแพทย์ที่ให้คำปรึกษาฟรีของเธอเสมอ ดังนั้นเธอจึงใช้เวลาช่วงพักกลางวันบุกเข้าไปในห้องทำงานของเขาโดยตรง

 

ว่านหลี่เป็นชายอายุ 31 ปีและเป็นแพทย์ในคลินิกจิตเวชชั้นที่สี่สิบ เขามีรูปร่างสูงและเฉลียวฉลาดและยังมีดวงตาเหมือนกวางตัวเมียที่ทำให้คนอื่นเชื่อใจเขาโดยไม่รู้ตัว เพราะเธอช่วยให้เขาชนะคดีหย่าร้างและเพราะพวกเขาอยู่ในอาคารสำนักงานเดียวกัน และเพราะออร่าที่อ่อนโยนและปลอดภัยของเขา พวกเขาจึงกลายเป็นเพื่อนกัน

 

“ผีอำอีกแล้ว?” เขาถามทันทีที่เห็นเธอ

 

“บางครั้งพวกจิตแพทย์ก็น่ารำคาญจริงๆ ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรบอกอะไรคุณในตอนนั้น อย่าแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลยได้ไหม?”

 

“ดูเหมือนว่าผมจะพูดถูก อาการผีอำ” ว่านหลี่จงใจแกล้งเธอ “แต่ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงพักกลางวัน และผมก็ไม่ใช่จิตแพทย์ของคุณด้วยเผื่อคุณลืม”

 

“คุณคือเพื่อนของผม นี่เขียนอยู่บนหน้าคุณแล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นจิตแพทย์ที่รักษาฟรีให้ด้วย”

 

“อ้อ? มีอย่างอื่นเขียนอยู่อีกไหม?”

 

“มันยังเขียนไว้ว่าเยว่เสี่ยวเซี่ยสามารถทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ”

 

"นั่นถูกต้องใช่ไหม!? ฉันจะเลี้ยงอาหารกลางวันคุณเอง ร้านราเม็งเปิดตรงหัวมุมชั้นล่าง ราคาถูก รสชาติต้นตำรับ ไปกันเถอะ!"

 

เขาเข้าใจเธอ เพื่อให้ชัดเจนขึ้นงานของเขาคือการเข้าใจความคิดของผู้อื่น ในกรณีของเสี่ยวเซี่ย ความเข้าใจของเขารวมกับความรักที่เขามีต่อเธอในฐานะเพื่อน เขารู้ว่าเธอรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นในสถานที่ที่คนพลุกพล่านและความเป็นธรรมชาติที่มีชีวิตชีวาของเธอก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้จะช่วยปรับสภาพจิตใจของเธอ เมื่อเร็ว ๆ นี้เธอตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรับคดีนองเลือดที่สั่นสะเทือนไปทั้งเมือง เขาต้องการช่วยเธอจริงๆ

 

"คุณคิดว่าฉันควรทำไงดี? ช่วงนี้ฉันนอนไม่ค่อยหลับเลย ดูสิ! ริ้วรอยก็เริ่มขึ้น” พวกเขาพบที่นั่งตรงมุมในร้านราเม็งที่มีเสียงดังและเสียงพูดคุยกันขณะทานอาหาร

 

“ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป ตามสถิติประมาณสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของผู้คนมีปัญหาในการนอนหลับเกิดจากอัมพาตจากการนอนหลับหรือที่เรียกว่าผีอำ” ว่านหลี่ปลอบโยนเสี่ยวเซี่ย อันที่จริงเขามีข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับสภาพของเธอ แต่ไม่มีหลักฐาน เขาไม่อยากทำให้เธอกลัว

 

“ถ้างั้นฉันควรไปตรวจหัวใจดูดีไหม?” เสี่ยวเซี่ยฉีกตะเกียบให้ออกจากกัน

 

“ตามหลักวิทยาศาสตร์ อัมพาตจากการนอนหลับเกิดจากระบบไหลเวียนโลหิตไม่ดีเนื่องจากท่าทางการนอนที่ไม่เหมาะสม การตรวจสุขภาพเป็นประจำเป็นนิสัยที่ดี ว่าแต่คุณไม่ได้รบกวนผู้อาวุโสคนนั้นอีกเหรอ?”

 

"อืม" เสี่ยวเซี่ยพยักหน้า “ก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ แต่ทุกครั้งที่มีภัย ฉันจะเรียกชื่อองค์พระพุทธเจ้า”

 

“ผมถึงพูดไงล่ะ แม้คุณจะขี้ขลาดและมักพบกับความโชคร้ายอันเนื่องมาจากวันเกิดของคุณ แต่คุณก็ยังมีความกล้าอยู่บ้างเมื่อถูกต้อนจนมุม คุณยังมีชะตากรรมบางอย่างกับพระกษิติครรภโพธิสัตว์และจะเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีอยู่เสมอๆ” ว่านหลี่หัวเราะเบา ๆ เขาไม่ต้องการถ่ายทอดอารมณ์เชิงลบใด ๆ ให้กับเสี่ยวเซี่ย อันที่จริงเขากังวลมาก จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เสี่ยวเซี่ยเริ่มถูกผีอำและฝันร้ายอยู่บ่อยครั้งและมีอันตรายตามมาหลังจากนั้นไม่นานแม้ว่าตัวเธอเองจะไม่รู้ตัวเลยก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้วบางสิ่งบางอย่างก็ดูเหมือนจะแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้เธอได้ทุกครั้ง คราวนี้จะคลี่คลายอย่างสงบด้วยไหม? มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่?

 

“ดูที่คุณพูดสิ คุณควรจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่นักทำนายดวงชะตาลึกลับซะหน่อย คุณควรใส่ใจตำแหน่งคุณนะสหาย!”

 

“นักวิทยาศาสตร์ 100 อันดับแรกของโลก แปดสิบคนเชื่อในการดำรงอยู่ของพระเจ้า เป็นที่ชัดเจนว่าวิทยาศาสตร์ไม่ยุ่งกับความเชื่อทางจิตวิญญาณ แม้ว่าผมจะชอบสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลแต่ก็ไม่ลบหลู่เรื่องเหนือธรรมชาติ

 

“พูดได้ดี แต่คุณเชื่อเรื่องผีจริงๆเหรอ?” เสี่ยวเซี่ยถามอย่างใจเย็น เธอไม่กังวลว่าจะมีคนได้ยินในที่ที่ส่งเสียงอึกทึกเช่นนี้

 

“ผี? เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคดีของคุณหรือเปล่า?” ว่านหลี่ขมวดคิ้ว “หรือคุณแค่เดาสุ่มๆ?”

 

เสี่ยวเซี่ยลังเล

 

“ฉันไม่ควรเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับคดีให้กับบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่คุณเป็นจิตแพทย์ของฉัน ดังนั้นน่าจะไม่เป็นไรมั้ง” เธอกำลังหาข้ออ้างให้ตัวเอง เธอบอกเขาทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้และสิ่งที่เธอรู้สึก

 

“ในเมื่อคุณจัดการคดีนี้ด้วยตัวเองไม่ได้ ทำไมต้องฝืนตัวเองด้วย? นี่มันไม่ยุติธรรมต่อตัวคุณและลูกความของคุณ ทำไมไม่หาคนอื่นทำแทนล่ะ?” ว่านหลี่แนะนำ เขาเชื่อคำพูดของเสี่ยวเซี่ย แต่เขาก็รู้ว่าเธอค่อนข้างอ่อนไหว และการตัดสินของเธออาจมีข้อบกพร่อง ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือการหาใครสักคนที่มีจิตใจแน่วแน่ที่จะจัดการกับคดีนองเลือดนี้ ว่ากันตามจริงเขาบังเอิญได้ยินคนของสำนักงานกฎหมาย Vast Sky พูดถึงคดีนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ คนพวกนั้นคิดว่าการจัดการคดีนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร ผู้อำนวยการที่มอบหมายให้เสี่ยวเซี่ยทำนั้นลำเอียงเกินไปจริงๆ

 

“เช้านี้ฉันก็กะจะบอกเรื่องนี้กับผู้อำนวยการ แต่เขาเดินทางไปทำงานข้างนอกแล้ว ซวยจริงๆ! อีกอย่างหนึ่ง ถ้าฉันพูดเรื่องนี้ อาจารย์พานจะต้องผิดหวังในตัวฉันแน่ๆ เขาเฝ้าสอนปากเปียกปากแฉะ แต่ฉันก็ยังเนรคุณทำให้เขาผิดหวัง!” เซียวเซี่ยดื่มซุปของเธอจากถ้วยอย่างเลอะเทอะ “ฉันคุยกับคุยเพราะฉันรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง  ต่อให้ฉันพูดเรื่องนี้กับผู้อำนวยการ ฉันก็ยังรู้สึกผิด”

 

“เป็นเรื่องปกติที่มนุษย์จะขัดแย้งในตัวเอง คุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”

 

“แล้วฉันควรทำยังไง? อดทนหรือยอมแพ้ตั้งแต่เนิ่นๆ?

 

“นี่ไม่เกี่ยวกับการยอมแพ้หรือความอดทน อยู่ที่ว่าคุณต้องการทำต่อหรือเปล่า ยิ่งคุณฝืนตัวเอง คุณจะยิ่งแย่ลงไปอีก ไม่ใช่ว่าผู้อำนวยการของคุณจะไม่กลับมาอีกแล้วซะหน่อย” ว่านหลี่พูดในฐานะเพื่อน

 

“แต่การพิจารณาคดีกำลังจะเริ่ม!” เสี่ยวเซี่ยโอดครวญ "อันที่จริงฉันคุ้นชินกับการยอมแพ้ ฉันนี่ไร้ประโยชน์มากเลยใช่ไหม? ฉันกลัวการไปเจอครั้งต่อไปมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะทำอะไรไม่ได้ซะหน่อย นั่นเท่ากับว่าเป็นการไม่รับผิดชอบต่อหลี่จิงหมิงและจะเป็นการเนรคุณต่อผู้อำนวการด้วย”

 

ว่านหลี่ตบมือของเธออย่างให้กำลังใจ “ทำไมต้องไปเจออีกล่ะ?”

 

“เพราะวันนั้นเขาไม่พูดอะไรเลยน่ะสิ  แบบนี้ฉันจะว่าความให้เขาได้ยังไง? ฉันต้องฟังคำอธิบายของเขาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและฉันก็จำเป็นต้องรู้ด้วยว่าเขาคาดหวังให้แถลงว่ายังไง! อันที่จริงฉันคิดว่าเมื่อเริ่มพิจารณาคดี ควรมีการอุทธรณ์เพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจของเขาอีกครั้ง”

 

“ผมเห็นในข่าวว่าเขาถูกสงสัยว่ามีปัญหาทางจิตแต่ก็ไม่มากจนวิกลจริต บางทีเมื่อวานอาจเป็นแค่การกระทำที่พยายามให้คุณช่วยเขา เพื่อที่เขาจะได้รอดพ้นจากการลงโทษ”

 

เสี่ยวเซี่ยส่ายหน้าโดยไม่ลังเล

 

เหตุการณ์เมื่อวานนี้ทิ้งความประทับใจให้เธออย่างลึกซึ้งเกินไป และเป็นไปไม่ได้ที่เป็นการเสแสร้งแล้งทำ เธอดึงแขนเสื้อขึ้นและเผยให้เห็นรอยฟกช้ำที่เห็นได้ชัดเจนบนข้อมือสีขาวนวลของเธอ “ดูรอยมือนี้สิ จากสภาพของเขาแล้วฉันจะได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ได้ไงถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ? ยิ่งกว่านั้น ตราบใดที่เขาเป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์ธรรมดา เขาจะโหดร้ายได้ขนาดนี้ได้ยังไง? โดยเฉพาะกับครอบครัวของเขาเอง”

 

“จิตใจเป็นสิ่งที่เข้าใจยากที่สุดในโลก” ว่านหลี่ลูบข้อมือที่เขียวช้ำของเสี่ยวเซี่ยและกำลังคิดว่าวิธีการฝึกอบรมของผู้อำนวยการของเธอเหมือนกับการฆ่าห่านทองคำ "จิตใจที่ป่วยเป็นสิ่งที่แย่ที่สุด"

 

“ถ้าอย่างนั้นในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เขาแกล้งทำหรือเขาเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ?”

 

“ผมเป็นแค่จิตแพทย์! ผมสามารถจัดการกับความเจ็บป่วยทางจิตธรรมดาเท่านั้น อย่างไรก็ตามจากมุมมองทางการแพทย์ ความเจ็บป่วยทางจิตไม่เหมือนกับความวิกลจริต ที่คนเรียกว่า "คนบ้า" คือคนที่ "ป่วยทางจิตขั้นรุนแรง" ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีหลายบุคลิก โรคจิตเภท และโรคทางจิต "ร้ายแรง" อื่นๆ คำจำกัดความทางกฎหมายของความวิกลจริตเป็นสาขาเฉพาะในตัวเอง เป็นการยากที่จะพิสูจน์ทางคลินิก คุณคิดว่ามันเป็นสิ่งที่คนคนหนึ่งสามารถทำได้หรือเปล่าล่ะ?”

 

“แน่นอน ฉันไม่คิดว่ามันสามารถทำได้โดยใครก็ตาม ฉันแค่อยากรู้วิธีพิสูจน์ว่าเขาป่วยหรือไม่ป่วยกันแน่!”

 

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและค่อนข้างยากมากทีเดียว ตัวอย่างเช่น ทุกอย่างจะถูกตัดสินโดยการปฏิสัมพันธ์มากมาย การสังเกตสถานะทางสติปัญญา สถานะทางอารมณ์ และแม้กระทั่งการทำงานพื้นฐาน ประวัติทางการแพทย์ของครอบครัวเขาจะถูกตรวจสอบ ลายมือของเขา และพฤติกรรมของเขาในช่วงเวลานี้จะรวมอยู่ในคำพิพากษาจึงจะสามารถบรรลุข้อสรุปที่ถูกต้องได้ ในด้านการแพทย์ มีอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า "การสูญเสียการควบคุมโดยสมัครใจ" ซึ่งหมายความว่าเขามีความสามารถในการแยกแยะถูกผิด แต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ “การกระทำที่หุนหันพลันแล่น” เหล่านี้เป็นผลมาจากโรคจิตเภทที่รุนแรงหรือความผิดปกติทางบุคลิกภาพหลายอย่าง ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นและต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง”

 

"จริงหรือ? งั้นฉันคงต้องดูให้ดีๆ”

 

“เฮ้ คุณจะไม่ถอนตัวเหรอ?” เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเตือนคนขี้ลืมคนนี้

 

“ฉันจะถอนตัวแต่ฉันไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรจนกระทั่งผู้อำนวยการกลับมา อย่างน้อยฉันก็ต้องหาข้อมูลให้กับผู้ที่รับมาช่วงต่อ”

 

“ใครจะคิดว่าคุณเป็นคนมีน้ำใจ”

 

“นี่ไม่เกี่ยวว่ามีน้ำใจหรือไม่มี ฉันยังต้องวุ่นวายใน Vast Sky ฉันจะทำตามที่ฉันพอใจได้ยังไง?” เสี่ยวเซี่ยโต้กลับ แต่เริ่มไตร่ตรองเรื่องนี้ทันที “นอกเหนือจากท่าทางตอนที่เขาถูกคุมขังครั้งแรก ดูเหมือนว่าเขาจะยอมรับความผิดของเขาอย่างเงียบๆ เขาเป็นคนมีการศึกษาและตระหนักถึงผลที่ตามมาอย่างแน่นอน แต่เขาไม่พยายามปกป้องตัวเองเลย แต่ว่า...ทำไมเมื่อวานเขาถึงได้โกรธเคืองขนาดนั้น? ยังตะโกนใส่ฉันให้ช่วยเขา? เรื่องนี้อธิบายไม่ได้! เว้นแต่จะมีอะไรผิดปกติกับเขาจริงๆ หรือเว้นแต่จะมีผีจริงๆ”

 

ตอนที่เสี่ยวเซี่ยพูดประโยคสุดท้าย เธออดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ว่านหลี่สังเกตเห็นท่าท่าที่ผิดปกติของเธอและยื่นมือออกไปตบหน้าผากของเธอ นำเธอกลับมาสู่ปัจจุบัน

 

เธออ่อนไหวทางจิตใจมากเกินไป นี่เป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ

 

เธอยังคงสงสัยเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ แต่ประสบการณ์ที่เขามีทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่นๆ เขารู้ว่าไม่มีสิ่งใดที่แปลกประหลาดเกินไปในโลกนี้ และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ ดังนั้นเพื่อปกป้องเธอ เขาจึงต้องคิดหาทางแก้ไข เขารู้ว่าเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ แต่เขาสามารถหาคนมาช่วยได้ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้

 

มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยเสี่ยวเซี่ยได้!

 

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกแย่เล็กน้อยที่ได้แกล้งเพื่อนเก่าของเขา แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้เสี่ยวเซี่ยจมลึกลงไปในวังวนนี้ได้ เขาก้มศีรษะลงและเขียนชื่อของบุคคลนั้นลงบนแผ่นกระดาษก่อนที่จะส่งให้เสี่ยวเซี่ย

 

“นี่อะไร? ‘หรวนจ้าน ที่อยู่ของบาร์ผู้คืนถิ่นยามค่ำคืน'” เสี่ยวเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย “ว่านหลี่ สิ่งนี้หมายความว่ายังไง? เวลาหาแฟนของฉันก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว แล้วคนนี้จะเปรียบเทียบกับคุณได้ไง? ฉันไม่ต้องการเขาถ้าหากว่าเขาแย่กว่า”

 

“ในเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน ทำไมผมถึงทำร้ายคุณด้วยการจับคู่คุณกับคนที่รับมือยากด้วย? คุณแค่ต้องระวังไม่ให้ตกหลุมรักเขา”

 

“ชิ!”

 

“อย่าสบถ!”

 

“แล้วคุณแนะนำเขาให้ฉันรู้จักทำไม? เขาหาทนายความเพื่อช่วยในคดีความไม่ได้รึไง? บอกก่อนว่าช่วยปรึกษาได้ แต่ถ้าเขาจะฟ้องก็ควรไปติดต่อบริษัท คุณก็รู้ว่าทนายความของเราไม่ได้รับอนุญาตให้ทำคดีเป็นการส่วนตัว”

 

“ให้ผมพูดจบก่อนได้ไหม?” ว่านหลี่รู้สึกขบขันกับความหุนหันพลันแล่นของเสี่ยวเซี่ย แต่นี่ก็เป็นหนึ่งในนิสัยที่เขาชอบเกี่ยวกับเธอ เธอค่อนข้างแตกต่างจากพนักงานใส่สูทคนอื่น ๆ ในตึกสูง เธอมีรสชาติที่เข้มข้นของ "ความเป็นมนุษย์"

 

“เขาไม่ได้มีปัญหา เขาเป็นเจ้าของบาร์แห่งนี้ ผมแนะนำให้คุณรู้จักเขาเพื่อให้คุณไปหาเขา”

 

“จะบอกว่าหล่อมากเหรอ?”

 

“ที่จะบอกก็คือเขาสามารถตติดต่อกับวิญญาณได้”

 

“สื่อสารกับวิญญาณ?” เสี่ยวเซี่ยไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะพูดอย่างนั้น "จริงหรือ? ฉันฟังผิดหรือเปล่า? ไม่ได้พูดเล่นนะ?”

 

“คุณไม่ได้ฟังผิดและผมไม่ได้พูดเล่น” ว่านหลี่หยุดเธอจากการพยายามสัมผัสหน้าผากของเขา “ผมไม่มีไข้ ระวังหน่อย! ผ้าเช็ดปากของคุณตกลงไปในถ้วยแล้ว”

 

“แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงพูดแบบนั้นล่ะ? คุณไม่เกลียดคนประเภทนี้มากที่สุดเหรอ? เมื่อก่อนเราดูหนังแบบนั้นหรือตอนที่เราเห็นหมอดูอยู่นอกวัด เป็นคุณไม่ใช่เหรอที่ล้อเลียนพวกเขา?”

 

“ผมล้อเลียนพวกเขาเพราะผมรู้ว่าหมอผีตัวจริงเป็นอย่างไรยังไงล่ะ”

 

“พูดจริง?”

 

“จริงๆ!”

 

“ไม่โกหก?”

 

“สาบานด้วยชื่อภรรยาเก่าของผม ได้ ได้ ด้วยชื่อเสียงผู้เชี่ยวชาญของผม”

 

“ถ้างั้นทำไมคุณไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้?”

 

“คนผู้นั้นกลัวการมีปัญหาเป็นพิเศษ ผมกลัวว่าคุณจะหลอกให้เขาอ่านลายมือหรือบังคับให้เขาบอกดวงชะตาของคุณ อีกอย่าง…” สายตาของว่านหลี่เริ่มจริงจัง “ความสามารถของเขาเป็นความลับ ถ้าไม่ใช่เพราะคดีนี้แปลกประหลาดมากจริงๆ และถ้าคุณไม่ใช่เพื่อนของผม ผมจะไม่เปิดเผยการมีอยู่ของเขา ถ้ามีผีจริง ๆ ให้ขอความช่วยเหลือจากเขา อย่างไรก็ตาม เขาอาจจะไม่เต็มใจที่จะช่วย ผมเชื่อใจคุณได้ไหม?”

 

“ได้แน่นอน” เสี่ยวเซี่ยสัญญา

 

หรวนจ้าน? ช่างเป็นชื่อที่แปลกมาก! สื่อสารกับวิญญาณได้? เป็นคนแปลกอะไรอย่างนี้!

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป