Your Wishlist

มือปราบผี (Chapter 3: บอสหนุ่มสุดหล่อที่สื่อสารกับวิญญาณได้)

Author: Liu An Hua Ming (ฺBuaElla แปล)

ความตายเป็นเพียงการเริ่มต้น..... เขาเป็นเจ้าของบาร์เล็กๆแห่งหนึ่ง แม้ว่าเขาจะดูอ่อนโยนและเป็นมิตร แต่จริงๆ แล้วเขาเย็นชาและโดดเดี่ยว เขาเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการสื่อสารกับวิญญาณแต่ปิดผนึกไว้ เขาไม่เต็มใจที่จะเข้าไปพัวพันกับสิ่งเหนือธรรมชาติ เธอเป็นทนายความที่ไม่มีคุณสมบัติของการเป็นทนายความ ขี้ขลาดเหมือนหนูแต่เกลียดความเลวทรามทั้งหลาย วันเกิดของเธอไม่เป็นมงคลแต่เธอกลับได้รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองจะช่วยกันไขคดีได้อย่างไร เชิญติดตามอ่านกันได้....

จำนวนตอน : 332 Chapters (Completed)

Chapter 3: บอสหนุ่มสุดหล่อที่สื่อสารกับวิญญาณได้

  • 16/09/2564

 

คืนเดียวกันนั้นเสี่ยวเซี่ยก็หาบาร์ผู้คืนถิ่นยามค่ำคืนพบ

 

อันที่จริงเธอยังสงสัยในคำพูดของว่านหลี่ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เชื่อเขา เพียงแต่เธอไม่เคยเห็นมันด้วยตาของเธอเองก็เท่านั้น

 

ช่างเถอะ สงสัยไปก็เท่านั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่คดีของหลี่จิงหมิงแวบเข้ามาในหัว เธอไม่สามารถปัดเป่ามันออกไปได้ ราวกับว่ามันเป็นปีศาจที่เกาะกุมจิตใจของเธอ ถ้าว่านหลี่พูดความจริง เธอก็หวังว่าจะมีใครสักคนสามารถปลดปล่อยเธอจากโซ่ตรวนนี้ได้

 

ระหว่างทาง เธอสงสัยว่าชายที่ชื่อหรวนจ้านเป็นคนแบบไหน ว่านหลี่ไม่ได้บอกอะไรกับเธอเลย ดังนั้นเธอจึงยังไม่เข้าไปในบาร์โดยตรงแต่แอบมองจากประตูเหมือนหัวขโมย

 

บาร์ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของอาคารขนาดใหญ่ซึ่งมีสองชั้น คาดว่าจะใช้เฉพาะชั้นแรกสำหรับทำธุรกิจเท่านั้น ภายในบาร์ไม่ใหญ่เกินไปแต่ดูดีมีสไตล์ การตกแต่งและการจัดวางให้บรรยากาศแปลก ๆ ในช่วงชั่วโมงพีคๆอย่างนี้ เรียกได้ว่ามีคนอยู่แน่นขนัด นอกจากนี้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงแทบจะทุกวัย ที่นั่งตรงบาร์ค่อนข้างเต็ม มีผู้ชายร่างผอมสูงอยู่หลังเคาน์เตอร์โดยหันหลังให้ประตูขณะที่เขายุ่งอยู่กับงานของเขา

 

เสี่ยวเซี่ยมองไม่เห็นใบหน้าของเขาแต่เธอรู้สึกว่าเขาเป็นจุดสนใจหลักของบาร์นี้ ผู้หญิงที่มาที่นี่ไม่มีผู้ชายมาด้วย นอกจากนี้ยังมีพนักงานเสิร์ฟที่เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีอีกสองคนที่กำลังเอนเตอร์เทนลูกค้า

 

นี่คงไม่ใช่บาร์โฮสสำหรับผู้หญิงหรอกใช่ไหม!? ความคิดสกปรกของเสี่ยวเซี่ยแวบเข้ามา เธอลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่

 

“จะเข้าไปไหม?” เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากด้านหลัง เสี่ยวเซี่ยที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเองถึงกับสะดุ้งโหยง

 

ผู้หญิงอายุประมาณสามสิบยืนอยู่ด้านหลังเสี่ยวเซี่ย เธอดูบอบบางและสง่างาม ดูเป็นผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถ

 

“ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เธอตกใจ น้องสาว แต่เธอกำลังขวางประตูอยู่”

 

“ขอโทษค่ะ” เสี่ยวเซี่ยเอ่ยขอโทษ เธอรู้ว่าหน้าเด็กของเธอมักทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าเธอยังเด็ก ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคงคิดว่าเธอเป็นนักศึกษาวิทยาลัยที่เต็มไปด้วยจินตนาการแห่งความรักขณะแอบมองผู้ชายหล่อๆ

 

“เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกเหรอ? ในเมื่อมาแล้วก็เข้าไปข้างในด้วยกันเถอะ” เธอชวนเสี่ยวเซี่ยให้เข้าไปด้วยกัน “มีเพื่อนแนะนำเธอมาที่นี่เหรอ?”

 

“ประมาณนั้นค่ะ” เสี่ยวเซี่ยตอบกำกวมและเดินตามเธอเข้าไปข้างใน

 

ตอนนี้เองเจ้าของบาร์ก็หันหน้ากลับมา เมื่อเห็นลูกค้าเข้ามาในร้านเขาก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย จากนั้นเขาก็ยิ้มเบาๆและพยักหน้าเป็นการทักทาย

 

“สวัสดี อาจ้าน” ผู้หญิงคนนั้นทักทายเขาอย่างสนิทสนม เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นลูกค้าขาประจำ เธอเห็นว่าตรงบาร์ไม่มีที่นั่งจึงเลือกนั่งตรงอื่น เสี่ยวเซี่ยนั่งลงกับเธออย่างอัตโนมัติ แต่ความสนใจของเธอพุ่งไปที่การสังเกตชายที่ชื่อหรวนจ้าน

 

หรวนจ้านรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องมาที่เขา

 

เขาชินกับการจ้องมองของผู้หญิงแล้ว อย่างไรก็ตาม สายตาของลูกค้าใหม่รายนี้เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความไม่ไว้วางใจ นี่เป็นเรื่องผิดปกติมาก สภาพของเธอเมื่อเธอเดินเข้ามายังทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อยแม้ว่าเขาหวังว่าเขาจะเข้าใจผิด แต่ทว่าหลักการที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือการคำนึงถึงธุรกิจ ดังนั้นเขาจึงทำจิตใจให้ปลอดโปร่งและทำค็อกเทลต่อไป

 

“เจ้าของบาร์ที่นี่หล่อมากเลยใช่ไหมล่ะแต่ไม่จำเป็นต้องจ้องจนลูกตาแทบจะหลุดออกมาก็ได้นะ ว่าไหม?”

 

 “อ๊ะ? ฉันแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”

 

“สุดๆ”

 

“งั้นฉันต้องแสดงออกให้น้อยลงแล้ว”

 

หรวนจ้านคนนี้ต่างจากภาพที่เธอคิดแฮะ

 

ในความคิดของเธอ บรรดาผู้ที่สามารถสื่อสารกับวิญญาณได้ล้วนแต่มีผิวที่ซีดเซียว ดูเฉลียวฉลาดและมีปรัชญาที่แฝงไว้ด้วยความเฉียบขาด ดูน่าเคารพนับถือ แม้ว่าจะเกินจริงไปหน่อยแต่เธอก็เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นลักษณะพิเศษของคนพวกนี้ ถ้าพวกเขาไม่ได้ผิดปกติไปจากคนธรรมดา พวกเขาจะโต้ตอบกับสิ่งเหนือธรรมชาติได้อย่างไร!

 

 

แต่ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเธอกลับให้บรรยากาศที่สงบและมั่นคง ดูมีวัฒนธรรมและสุภาพเรียบร้อย แว่นตาไร้กรอบวางบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา บดบังลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเขา ผมยาวปานกลางของเขาเป็นทรงแบบสบายๆ เขาไม่ได้สวมเนคไทกับเสื้อเชิ้ตสีขาว ทำให้เขาดูสะอาดและผ่อนคลาย เขามั่นคงแต่ไม่อ่อนน้อมถ่อมตน และด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนๆ ของเขาก็สามารถสยบสาวๆได้เป็นแถบ

 

 

ผู้หญิงทั้งห้องอาจจะสนใจเขา แต่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวัง ดูเหมือนว่าว่านหลี่ที่ชาญฉลาดก็คงถูกหลอกเช่นกัน คำพูดที่เกินจริงของเขาทำให้เธอต้องเสียเวลามาที่นี่โดยเปล่าประโยชน์

 

เธอลุกขึ้นยืนและต้องการจะกลับแต่ผู้หญิงคนนั้นหยุดเธอไว้ “เพิ่งมาก็จะกลับแล้วเหรอ? พวกเราอุตส่าห์บังเอิญเจอกัน นั่งอยู่ต่ออีกหน่อยเถอะ ไม่ใช่ว่าเธอชอบเจ้าของบาร์เหรอ?”

 

“ฉันชอบเจ้าของบาร์?”

 

 “ไม่ใช่เหรอ? ไม่งั้นเธอจะจ้องเขาตั้งแต่ตอนเข้ามาทำไม? ไม่ต้องอายน่า คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ก็มาจากตึกออฟฟิศแถวๆนี้ พวกหล่อนมาก็เพราะว่าชอบเจ้าของบาร์กันทั้งนั้น”

 

“เขาทำธุรกิจเก่งจังเลยนะคะ” เสี่ยวเซี่ยมองไปที่หรวนจ้านที่กำลังพูดคุยกับลูกค้าขณะที่เธอกล่าวอย่างฉุนเฉียว

 

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่แฝงความหมายดูถูก ผู้หญิงคนนั้นก็รีบพูดว่า “นี่เธอกำลังเข้าใจผิดหรือว่าหึง? เพื่อนของเธอพูดถึงบาร์นี้ว่ายังไง? บาร์นี้ไม่ใช่สถานที่แบบที่เธอคิดนะ และพวกเราที่มาที่นี่ก็ไม่ใช่คนประเภทนั้น แม้ว่าเจ้าของบาร์กับพนักงานจะหน้าตาดีก็เถอะ”

 

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”

 

“ไม่เป็นไร พูดตามตรง ก็มีบ้างบางคนที่มาที่นี่เพื่อมองหาผู้ชาย แต่ฉันคิดว่าคนส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อดื่ม พูดคุยสนุกสนาน เพื่อผ่อนคลายจากวันที่แสนยาวนานข้างนอก”

 

“และบาร์แห่งนี้เหมาะสมอย่างยิ่ง เพลงก็เพราะด้วย”

 

“ที่สำคัญคือพวกเขาเป็นคนดี” ผู้หญิงคนนั้นโบกมือและยิ้มให้เจ้าของบาร์ที่มองมายังพวกเธอ “แต่ถ้าเธอต้องการจีบเขา สาวๆที่อยู่ที่นี่ต้องไม่พอใจมากแน่ เขาเป็นคู่รักในอุดมคติของพวกหล่อนเชียวล่ะ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกนะ ก็เขาเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่น เป็นสุภาพบุรุษ ทั้งอ่อนโยนและใจดีกับทุกคน”

 

เขาดีขนาดนั้นเลยเหรอ? เสี่ยวเซี่ยสงสัย แม้ว่าเธอจะเป็นคนเซ่อซ่าแต่ก็มองคนออกในระดับหนึ่ง เธอรู้สึกว่าตัวตนของหรวนจ้านคนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขากำลังแสดงออกอยู่ในขณะนี้อย่างแน่นอน ทำไมผู้หญิงพวกนั้นถึงมองไม่เห็นกันนะ! และก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ที่ดูฉลาดแต่ก็พูดมากเหลือเกิน บางทีเธออาจจะผ่อนคลายหลังจากทำงานมาทั้งวันหรือบางทีนี่อาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริงเธอก็ได้ยามที่อยู่ต่อหน้าคนแปลกหน้า

 

เสี่ยวเซี่ยเริ่มสังเกตผู้ชายที่อยู่หลังบาร์อย่างไม่วางตาอีกครั้ง

 

เข้าอกเข้าใจผู้อื่น? ก็อาจจะ แต่สายตาของเขาที่มองทะลุถึงจิตใจผู้อื่น มันน่าอึดอัดใจมากกว่าน่ะสิ สุภาพอ่อนโยน? ก็แหงล่ะ ความจริงก็คือเขาปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความเย็นชาเพื่อกันคนอื่นไม่ให้เข้าใกล้เขาต่างหากล่ะ สุภาพบุรุษ? ถูกต้อง! ไม่ว่าใครจะมองเขายังไง ดูเหมือนว่าเขากำลังทำให้ทุกคนอยู่ให้ห่างจากเขา ใจดีกับทุกคน? เป็นไปได้ เพราะเขาปฏิบัติต่อทุกคนในลักษณะเดียวกันหมดและไม่เคยปฏิบัติต่อใครเป็นพิเศษจนเกินไป ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะไม่มีใครสำคัญสำหรับเขายังไงล่ะ ยังมีอะไรอีกล่ะ?

 

อ้อ ผู้ชายคนนี้ดูอ่อนโยนและใบหน้ามักแสดงออกถึงความมีน้ำใจ แต่จริงๆ แล้วทั้งเย็นชาและโดดเดี่ยว เขาถือตัวและทำตัวห่างเหินมาก แม้ว่าเขาจะสามารถสื่อสารกับวิญญาณได้ ก็ใช่ว่าเขาจะยอมช่วยเหลือคนอื่นง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ เธออยากกลับบ้านเร็วๆและไปอาบน้ำอุ่น บางทีคืนนี้เธออาจจะนอนหลับได้ดีขึ้น

 

โชคดีที่เพื่อนร่วมงาน เสี่ยวหวัง โทรมาถามเธอถึงคดี เธอจึงได้โอกาสขอตัวกลับ

 

ส่วนหรวนจ้าน เขาสังเกตเห็นว่าเธอกลับไปแล้ว เขารู้สึกว่าการจ้องมองที่ตรงไปตรงมาของเธอนั้นแปลกมากและรู้สึกประหลาดใจที่เธอไม่เดินเข้ามาหาเขาตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในบาร์ เขาคิดว่าเธอมาหาเขาเสียอีก จากสภาพของเธอ เขาไม่ได้เข้าใจผิดไปเองเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเปลวไฟหยางที่อยู่เหนือศีรษะของเธอนั้นอ่อนแอมาก สิ่งที่อันตรายคือมันถูกล้อมรอบด้วยวงแหวนแห่งความมืด อย่างไรก็ตามเธอมีกรรมดีบางอย่างที่ปกป้องเธอจากอันตรายและป้องกันเปลวไฟที่อ่อนแอของเธอไม่ให้ดับ ตราบใดที่เธอไม่เข้าใกล้สิ่งที่ต้องการทำร้ายเธอ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ

 

สำนักงานกฎหมายได้ย้ายไปยังที่ตั้งใหม่

 

มันอยู่ในพื้นที่ที่สร้างขึ้นใหม่ของวิลล่า วิวสวยและสภาพแวดล้อมก็เขียวขจี อย่างไรก็ตามมีผู้คนไม่มากนักในพื้นที่นี้และบริเวณนี้ก็ร้างผู้คน สำนักงานกฎหมายของเธอเป็นผู้บุกเบิกกลุ่มแรก

 

เสี่ยวเซี่ยมาสายเพราะเธอหลับลึก ดังนั้นเมื่อเธอมาถึง เพื่อนร่วมงานก็เก็บข้าวของออกไปทานอาหารกลางวันกันแล้ว ผู้อำนวยการบอกกับเธอว่าวิลล่านั้นใหญ่พอ เธอจึงไม่ต้องใช้ห้องทำงานร่วมกับเด็กฝึกงานอีกสามคนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ห้องที่จัดสรรให้กับเธอนั้นค่อนข้างเล็กและทำเลที่ตั้งก็ไม่ค่อยดีนัก มันอยู่ในห้องใต้หลังคาและอยู่ในทิศที่ไม่เป็นมงคล

 

เสี่ยวเซี่ยไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นักแต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นเนื่องจากสถานะของเธอ เธอทำได้แค่ขนของขึ้นชั้นบนเท่านั้น สิ่งที่แปลกคือวิลล่านี้แตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอก เธอคิดว่าข้างในคงไม่กว้างมาก แต่เธอเดินมาซักพักแล้ว เลี้ยวหลายรอบก็แล้ว เดินขึ้นบันไดมาเป็นเวลานานก็แล้วกว่าจะพบห้องทำงานขนาดเล็กและมืดนั้นในที่สุด

 

ในเวลานี้ เสี่ยวเซี่ยเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในอาคาร มันเงียบจนได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอแม้เดินบนพรมหนา

 

ช่า ช่า ช่า…ช่า ช่า ช่า…

 

อยู่ ๆ เสี่ยวเซี่ยก็รู้สึกหวาดกลัว เธออยากจะออกไปทันที แต่เธอต้องเอาของไปวางไว้ในห้องทำงานใหม่ของเธอ เธอเปิดประตูอย่างประหม่า ห้องนี้เล็กเกินไปจริงๆ มีเพียงกำแพง ไม่มีแม้แต่หน้าต่าง ห้องเต็มไปด้วยตู้เก็บเอกสาร มีโต๊ะขนาดเล็กและเก้าอี้ไม้ บนเก้าอี้มีกล่องสี่เหลี่ยม ดูเหมือนเป็นของขวัญ

 

เธอวางของของเธอเข้าที่และอดไม่ได้ที่จะดูของขวัญ เธอเปิดกล่องออกดู

 

มีหัวคนอยู่ข้างใน!

 

มันคือหัวของหลี่จิงหมิง ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดขณะที่จ้องมองมาที่เธอ ดวงตาของเขากลอกไปมาอย่างต่อเนื่อง แล้วจู่ ๆ มันก็เริ่มหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่ชั่วร้ายและน่าขนลุกขนพอง!

 

เสี่ยวเซี่ยโยนกล่องออกไปด้วยความกลัวและกระโดดไปที่ประตู ทว่าประตูหายไป! เธอทำได้เพียงเอาหลังชิดติดกับผนังเท่านั้น

 

หัวของหลี่จิงหมิงกลิ้งไปบนพื้นและในที่สุดก็มาหยุดอยู่ใกล้เท้าของเธอ หัวที่ถูกตัดขาดมองมาที่เธออย่างสิ้นหวัง ดวงตาของเขากลอกไปกลอกมาและปากที่เปื้อนเลือดดูเหมือนรูที่ไร้ก้นหลุม ในขณะที่มันยังคงหัวเราะต่อไป มันค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าหาเธออย่างช้าๆ!

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า